ตอนที่ 513 โอ้! บังเอิญเหลือเกิน
ผ่านไปไม่นาน ที่หน้าประตูร้านขายเสื้อผ้าฝูอี๋ก็มีป้ายแดงเขียนคำว่า ‘ผ้าขนสัตว์เนื้อหนา ขายหมดแล้ว’ แขวนไว้ หลินเว่ยเว่ยเดินออกมาจากร้านด้วยความโมโหทันที เสื้อผ้าถูกกำจนยับไปหมด แม้แต่เส้นผมน้อย ๆ ที่ฟูขึ้นมาบนศีรษะก็ยังโค้งงอด้วยความอ่อนแรง
“หืม ? เป็น…หลินกู่เหนียงใช่หรือไม่ ? ” ทันใดนั้นน้ำเสียงแห่งความสงสัยก็ดังเข้าหูของนาง…น้ำเสียงช่างคุ้นหูเหลือเกิน
หลินจื่อเหยียนหันไปมอง ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงประหลาดใจ “ชิงเฟิง ? เหตุใดเจ้ามาอยู่ที่นี่ ? ”
คำพูดนี้เป็นชิงเฟิงต่างหากที่ควรจะถาม ? ทันใดนั้นใบหน้าของชิงเฟิงก็เปื้อนไปด้วยรอยยิ้มแสนอบอุ่น “ร้านขายเสื้อผ้าฝูอี๋แห่งนี้เป็นกิจการของตระกูลลู่ ข้าน้อยมาส่งสินค้าขอรับ…”
“นี่เป็นร้านขายเสื้อผ้าสกุลลู่ของพวกเจ้า ? บังเอิญจริง ๆ เลย ! ” หลินจื่อเหยียนพูด
ชิงเฟิงหัวเราะฮ่าฮ่า “ใช่ขอรับ บังเอิญมาก ! ตอนข้าน้อยและคุณชายกลับจากทุ่งหญ้าแล้วก็ไปหาพวกท่านที่หมู่บ้านฉือหลี่โกวด้วยนะขอรับ แต่ฮูหยินหลินบอกว่าพวกหลินกู่เหนียงพาเจียงเจี้ยหยวนมาสอบที่เมืองหลวง คุณชายของพวกเรายังบอกว่าไม่รู้จะมีโชคได้เจอกับพวกท่านที่เมืองหลวงหรือเปล่า คาดไม่ถึงว่าจะได้มาเจอกันที่นี่…หลินกู่เหนียง ท่านเห็นแล้วชอบอันไหนก็บอกมาได้เลยขอรับ คิดเสียว่าเป็นของขวัญที่คุณชายรองของพวกเรามอบให้ท่าน ! ”
เจ้าช่างใจกว้างกับคนอื่นจริง ๆ ! ทันใดนั้นผมเส้นน้อยบนศีรษะของหลินเว่ยเว่ยก็กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง “ชิงเฟิง ในบรรดาสินค้าที่เจ้านำมาส่ง มีขนสัตว์เนื้อหนาอยู่บ้างหรือเปล่า ? ”
“มีขอรับ ! ไปทุ่งหญ้าคราวนี้ นอกจากขนสัตว์ที่ค่อนข้างล้ำค่าแล้ว คุณชายรองยังเหมาซื้อพวกขนสัตว์เนื้อหนามาด้วย เมื่อครู่หลงจู๊บอกว่าช่วงเดือนนี้มีแต่ลูกค้ามาถามหาขนสัตว์เนื้อหนา จนจะเหยียบธรณีประตูร้านเราพังอยู่แล้วขอรับ ! การตัดสินใจของคุณชายรองช่างหลักแหลมยิ่งนัก ! ”
ในแววตาของชิงเฟิงเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ…ใครบอกว่าคุณชายรองค้าขายไม่เป็น ? ดูเถิด แค่กำไรของขนสัตว์เนื้อหนาก็เท่ากับกำไรหนึ่งปีของร้านเสื้อผ้านี้แล้ว !
หลินเว่ยเว่ยหัวเราะคิกคักขึ้นมาทันที “ถ้าเช่นนั้นก็เยี่ยมไปเลย ถือว่าไม่ได้มาเสียเที่ยว ! ”
ไฉนเลยชิงเฟิงจะไม่เข้าใจว่าเหตุใดหลินกู่เหนียงจึงมาร้านขายเสื้อผ้าแล้วเจาะจงจะดูขนสัตว์เนื้อหนา เขาหันไปมองคุณชายท่าทางสง่างามและเปี่ยมไปด้วยประกายอำนาจด้านข้างของนาง…เจียงโม่หาน ต้นฤดูใบไม้ผลินี้คุณชายเจียงต้องเข้าร่วมการสอบฮุ่ยซื่อ ไม่ต้องพูดเลยว่าขนสัตว์เนื้อหนาจะต้องเตรียมไว้เพื่อคนผู้นี้อย่างแน่นอน
“เจียงเจี้ยหยวน หลินกู่เหนียง คุณชายหลิน เชิญด้านในขอรับ ! ” ชิงเฟิงเชิญคนเข้ามาในห้องรับรองของร้านขายเสื้อผ้าฝูอี๋…ห้องนี้ถูกเตรียมไว้เพื่อรับรองแขกสูงศักดิ์ที่จะมาเลือกเสื้อผ้าโดยเฉพาะ ต่อจากนั้นเขาก็ลากพนักงานคนหนึ่งออกไปคุย หลังสั่งงานเสร็จแล้วก็กลับเข้ามาในห้องรับรองอีกครั้ง
หลงจู๊ร้านเสื้อผ้าและพนักงานในร้านทำตัวสุภาพกับชิงเฟิงมาก ใครใช้ให้ชิงเฟิงเป็นบ่าวรับใช้คนสนิทของคุณชายรองกันเล่า ? เมื่อก่อนไม่ว่าจะเป็นคนรับใช้ในสกุลลู่หรือพนักงานในร้านเสื้อผ้าก็มักดูแคลนบ่าวรับใช้ของคุณชายรองอย่างพวกชิงเฟิงและหลางเยว่ทั้งนั้น เพราะแม้ว่าคุณชายรองจะเป็นคนจิตใจดี แต่ไม่มีพรสวรรค์ด้านการค้า ! ทุกครั้งที่ออกไปทำงานก็จะประสบความสำเร็จน้อยมาก และก็เป็นเพราะความมั่งคั่งของตระกูลลู่ วงศ์ตระกูลจึงไม่ต้องล้มละลายเพราะเขา ดังนั้นการติดตามเจ้านายแบบนี้จะไปมีอนาคตอะไร ?
คาดไม่ถึงว่าหลังจากคุณชายรองเดินทางไปตะวันตกเฉียงเหนือเพื่อส่งเครื่องลายครามแล้ว ตอนกลับมาก็เหมือนคนที่ได้รู้แจ้งอย่างไรอย่างนั้น เมล็ดสนปากอ้าที่เขาขนกลับมาก็โด่งดังในเมืองหลวงมาก ขณะใกล้ถึงช่วงที่เมล็ดสนจะเก็บเกี่ยวได้ของปีนี้ก็มีคนสกุลใหญ่มาถามไถ่และจับจองกันไว้เรียบร้อย
เมล็ดสนปากอ้า 10,000 ชั่ง นี่เพิ่งผ่านไปแค่หนึ่งเดือนกว่า ๆ ก็ขายได้กว่าครึ่งแล้ว ยึดตามความรวดเร็วนี้แล้วมันต้องเหลือไม่ถึงช่วงสิ้นปีแน่นอน ! โชคดีที่คุณชายรองบอกว่ายังมีของชุดที่สองอีก…
ปีก่อน ภาคเหนือประสบภัยแล้งอย่างหนัก มีพ่อค้าไม่น้อยที่ต้องทำตามคำสั่งของทางการคือขนข้าวสารจากทางใต้ขึ้นเหนือ คุณชายรองแย่งไปเปิดร้านขายข้าวสารราคาถูกที่เมืองจงโจว
เดิมทีก็เป็นการค้าที่ไม่ได้หวังผลกำไรอยู่แล้ว แต่ใครจะไปรู้ว่าคนไม่เอาไหนอย่างคุณชายรองจะกล้าเสี่ยงเข้าทุ่งหญ้าและนำสินค้าอันเป็นที่ต้องการกลับมาจำนวนมาก โดยเฉพาะขนสัตว์เนื้อหนาก็แทบจะเป็นสินค้าแย่งชิงกันของบัณฑิตที่เข้าร่วมการสอบฮุ่ยซื่อด้วยซ้ำไป ! แค่สินค้าชนิดนี้ก็สร้างกำไรให้ตระกูลลู่ถึง 20 เท่าแล้ว!
‘การรู้แจ้ง’ ของคุณชายรองทำให้ตำแหน่งบ่าวรับใช้อย่างชิงเฟิงและหลางเยว่ก็สูงตามไปด้วย ไม่ว่าจะเดินไปที่ใดก็มีแต่คนนับถือและอิจฉา…
“ไปเอาขนสัตว์ที่คุณชายรองนำกลับมา หยิบออกมาอย่างละม้วนแล้วให้คุณชายเจียงและพวกหลินกู่เหนียงได้เลือก ! ” ชิงเฟิงออกคำสั่งกับพนักงานในร้าน แล้วตัวเองก็ไปชงชาชั้นดีมาให้ทั้งสามคน
หลงจู๊คว้าตัวชิงเฟิงไว้แล้วถามเบา ๆ ว่า “น้องชิงเฟิง ทั้งสามคนในห้องรับรองมีฐานะอะไรกัน ? เจ้าถึงกับต้องดูแลด้วยตัวเองเช่นนี้ ? ”
ชิงเฟิงตบบ่าหลงจู๊ “ด้านในเป็นผู้มีพระคุณของคุณชายรอง ! พูดแบบนี้ก็แล้วกัน ถ้าไม่มีพวกเขาก็ไม่มีคุณชายรองในวันนี้ ท่านทำตาให้สว่างหน่อย ต่อไปเวลาเจอก็ต้อนรับให้ดี คุณชายรองย่อมไม่ลืมให้รางวัลตอบแทนท่านแน่นอน ! ”
หลงจู๊ก็เป็นคนเฉลียวฉลาดเหมือนกัน เขาซื้อขนมสองสามอย่างจากร้านขนมข้างทางแล้วยกขึ้นไปที่ห้องรับรอง
หลินเว่ยเว่ยมองขนสัตว์หลากสีที่มีความเป็นเอกลักษณ์ของพวกชนเผ่าแล้วจินตนาการถึงเวลาที่มันอยู่บนตัวบัณฑิตน้อย ทันใดนั้นนางก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา “บัณฑิตน้อย เจ้าคิดว่าลายนี้เป็นอย่างไร ? แดง ๆ เขียว ๆ เป็นสิริมงคลจะตายไป ! เอาไปทำชุดให้เจ้าสักชุด เวลาใส่ออกมาแล้วจะได้ไม่เหมือนเจ้าคนเดิม ! ”
“ถ้าเจ้าคิดว่าดีก็ซื้อไปตัดชุดให้ตัวเองก่อนเถิด ผ้านี้ยังช่วยรักษาความอบอุ่นได้ไม่เลว ! ” ไฉนเลยเจียงโม่หานจะมองไม่เห็นความขี้เล่นในแววตาเด็กน้อย เขาจึงยื่นนิ้วไปจิ้มหน้าผากนาง…ซนจริง ๆ !
ชิงเฟิงก็มองออกว่าลวดลายแบบนี้ไม่เหมาะกับเจียงโม่หาน จึงพูดพร้อมรอยยิ้ม “ด้านหลังยังมีแบบสีเดียวอยู่ เป็นของที่คุณชายรองสั่งจองมาจากชนเผ่าเมื่อปีที่แล้วขอรับ”
เป็นอย่างที่คิดว่าผ่านไปไม่นานนัก พนักงานก็ขนผ้าสีเดียวหลายม้วนออกมาจากด้านใน มีสีดำ สีน้ำเงิน สีฟ้าและสีขาวน้ำนม หลังลองเทียบดูแล้วหลินเว่ยเว่ยก็เลือกสีฟ้าและสีขาวน้ำนมมาสองสี จากนั้นนางก็หันไปมองผ้าขนสัตว์ที่มีสีสันสดใสแวบหนึ่ง ก่อนจะหันมาถามเจียงโม่หานว่า “เจ้าแน่ใจว่าจะไม่ลองเปลี่ยนรูปแบบการแต่งตัวดูใหม่ ? ”
“ขอบคุณในความหวังดี แต่ไม่ดีกว่า ! ทว่าสีสันพวกนี้ดูเหมาะกับเจ้าดี ! ” เจียงโม่หานเลือกผ้าขาวลายดอกสีแดงให้นาง หากนำไปทำเป็นเสื้อครึ่งตัว พร้อมกับเย็บขนสัตว์สีขาวลงไปและสวมเสื้อคลุมทับ ก็จะช่วยรักษาความอบอุ่นและดูขี้เล่นด้วย
ขณะมองบัณฑิตน้อย ในสมองของหลินเว่ยเว่ยก็มีเสื้อคลุมแบบใหม่ปรากฎขึ้น โดยปกเสื้อเอียงและตัวเสื้อยาวเข้ารูป นางจึงให้ชิงเฟิงไปหยิบกระดาษกับพู่กันมา เพราะอยากจะวาดเสื้อผ้าที่อยู่ในใจออกมา แต่พู่กันไม่เคลื่อนไหวตามใจคิด ภาพวาดของนางจึงออกมาดูน่ากลัวมาก ท้ายที่สุดนางก็ให้เจียงโม่หานเป็นคนวาด ต้องปรับแก้กันหลายต่อหลายครั้งจนในที่สุดก็ได้ภาพวาดอย่างที่นางต้องการ
เจียงโม่หานอดไม่ได้ที่จะใช้ด้ามพู่กันตีหน้าผากนาง “ปกติบอกให้เจ้าฝึกเขียนอักษรมาก ๆ หน่อย เจ้าก็มักหาข้ออ้างตลอด ดูเถิด แม้แต่พู่กันก็ใช้ไม่เป็นแล้ว ! ”
“ตอนนี้อักษรจากพู่กันขนห่านของข้าพัฒนาขึ้นแล้วไม่ใช่หรือ ? ข้าก็แค่ใช้พู่กันแบบดั้งเดิมวาดภาพไม่เป็น ! ” หลินเว่ยเว่ยเถียงกลับ
“เป็นหลินกู่เหนียงจริง ๆ ด้วย ! ” ลู่เหวินจวินผลักประตูเข้ามา ขณะมองทั้งสามคนในห้อง เขาก็พูดด้วยรอยยิ้มสดใส “ข้าได้ยินเสียงอันทรงพลังของหลินกู่เหนียงมาแต่ไกลเลยล่ะ ! ”
“คุณชายลู่ เหตุใดท่านจึงทั้งดำและผอมขนาดนี้ ? เหมือนผู้ลี้ภัยชาวแอฟริกา…นี่ถ้าเจอกันบนถนน ข้าจำท่านไม่ได้แน่นอน ! ” หลินเว่ยเว่ยมองเขาด้วยความห่วงใย…ไม่ได้ป่วยใช่ไหม ? ต้องทราบก่อนว่าในยุคสมัยนี้แค่เป็นไข้หวัดก็อันตรายถึงชีวิตแล้ว