ตอนที่ 483 ใช้ให้เป็นประโยชน์

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

ตอนที่ 483 ใช้ให้เป็นประโยชน์

ถึงแม้พวกเขาจะพยายามแต่งกายให้เหมือนชาวบ้านธรรมดามากที่สุด หน้าตาไม่ได้โดดเด่นสะดุดตา ทว่า กิริยาท่าทางของพวกเขาถูกปลูกฝังลึกไปถึงกระดูกจนแสดงออกมาโดยสัญชาตญาณราวกับท่าเดินหรือท่าวิ่ง แสดงให้เห็นว่าพวกเขาไม่ใช่ชาวบ้านธรรมดาทั่วไป

“ลุงผิง ข้าอยากลองสู้กับพวกเขา” ไป๋จิ่นจื้อเอ่ยออกมาอย่างบริสุทธิ์ใสซื่อ

“พวกข้าเป็นคนหยาบ จะกล้าประลองฝีมือกับเกาอี้จวิ้นจู่ได้เช่นไรขอรับ” หนึ่งในนั้นเอ่ยขึ้น “หากพลาดทำร้ายร่างกายอันแสนมีค่าของจวิ้นจู่จนบาดเจ็บขึ้นมา พวกข้าชดใช้ไม่ไหวขอรับ!”

ใบหน้าของไป๋จิ่นจื้อมีแต่รอยยิ้ม “ไม่เลวเลยนะเสิ่นเยี่ยนฉง เจ้ารับคนที่รู้สำบัดสำนวนเช่นนี้เข้ามาได้ด้วย ชาวบ้านทั่วไปแทบไม่มีโอกาสได้ร่ำเรียนหนังสือ ในเมื่อพวกเจ้ารู้หนังสือ เหตุใดจึงไม่ไปสอบคัดเลือกขุนนางกัน”

เมื่อเห็นไป๋จิ่นจื้อจงใจซักถามคนเหล่านั้นไปเรื่อยๆ เสิ่นเยี่ยนฉงหันไปมองหลูผิง เมื่อเห็นว่าหลูผิงไม่ได้กล่าวสิ่งใด เขาจึงยืนนิ่งอยู่ด้านข้างพลางเอ่ยตอบยิ้มๆ “เรื่องบังเอิญขอรับ”

“เคยร่ำเรียนอยู่พักหนึ่ง ทว่า สมองรับไม่ไหวจึงไม่ได้เรียนต่อขอรับ!” คนผู้นั้นกล่าวต่อ

ไป๋จิ่นจื้อหันไปมองหลูผิงแวบหนึ่ง หลูผิงรับรู้แล้วพุ่งเข้าใส่ชายผู้นั้นทันที

คนที่เหลือต่างกำหมัดแน่นอย่างตึงเครียด ไม่รู้ว่าพวกเขาถูกจับได้แล้วหรือไม่

“นี่ๆ ลุงผิง ไหนบอกว่าวันนี้ข้าจะเป็นคนทดสอบฝีมือเองอย่างไรเล่า เหตุใดท่านจึงชิงลงมือก่อนเช่นนี้กัน” ไป๋จิ่นจื้อบ่นหลูผิง จากนั้นหันไปทางคนที่เหลือ “พวกเจ้าที่เหลือ ผู้ใดอยากประลองฝีมือกับข้าบ้าง หากเอาชนะข้าได้ ข้าจะให้เจ้าไปคุ้มครองพี่หญิงใหญ่วันที่ไปปราบโจรป่า!”

กล่าวจบไป๋จิ่นจื้อก็ลงมือทันที

คนเหล่านั้นได้ยินว่าจะได้ไปคุ้มครองไป๋ชิงเหยียน…นี่ถือเป็นการยื่นอ้อยเข้าปากช้างเลยนะ! เช่นนี้พวกเขาจะมีโอกาสลงมือสังหารไป๋ชิงเหยียนได้ง่ายขึ้น ดังนั้นคนที่ต่อสู้อยู่กับหลูผิงและคนที่กำลังสู้อยู่กับไป๋จิ่นจื้อรวบรวมสติต่อสู้อย่างเต็มที่ แต่ละกระบวนท่าเต็มไปด้วยไอสังหารเต็มร้อย

ฝ่ายของหลูผิงกำลังสู้กันอย่างดุเดือด ทว่า ไป๋จิ่นจื้อต่อสู้ได้สองสามกระบวนท่าก็เสียท่าให้ฝ่ายตรงข้าม สาวน้อยถูกดาบจี้ที่คออย่างไม่ทันระวังตัว ร่างของไป๋จิ่นจื้อแข็งทื่อ คนผู้นั้นรีบลดมือลง คุกเข่าลงบนพื้นอย่างขอขมา “ข้าพลั้งมือไป จวิ้นจู่ได้โปรดลงโทษด้วยขอรับ!”

ลำคอของไป๋จิ่นจื้อมีเลือดซึมออกมาเล็กน้อย หญิงสาวลอบชมอยู่ในใจอย่างอดไม่ได้…ฝีมือร้ายกาจยิ่งนัก!

หญิงสาวมองไปทางหลูผิงอีกครั้ง ผู้ที่สู้รบอยู่กับหลูผิงฝีมือดีมาก ท่วงท่าปราดเปรียว ทุกกระบวนท่าล้วนโจมตีไปยังจุดสำคัญของร่างกาย ไม่มีออมมือสักนิด กระบวนท่าเหล่านี้เหมือนกระบวนท่าที่ใช้ฝึกฝนทหารหน่วยกล้าตายของตระกูลสูงศักดิ์ต่างๆ ไม่มีผิดเพี้ยน ทุกกระบวนท่าโจมตีเพื่อให้ภารกิจสำเร็จ ไม่ปล่อยให้ฝ่ายตรงข้ามมีโอกาสมีชีวิตรอดสักนิด

ไป๋จิ่นจื้อลูบลำคอของตัวเองอย่างแผ่วเบา สายตาเหลือบมองไปทางอีกสิบคนที่เหลือซึ่งมีท่าทีกังวลอย่างเห็นได้ชัด จากนั้นกล่าวกับหลูผิง “ลุงผิง พอเถิด คนเหล่านี้ฝีมือไม่เลวทีเดียว!”

หลูผิงยุติการต่อสู้ทันทีที่ได้ยินคำสั่ง คนผู้นั้นจึงหยุดด้วยเช่นเดียวกัน

“ดูไม่ออกเลยว่าคนที่มาจากหนานเจียงจะมีฝีมือดีถึงเพียงนี้!” เสิ่นเยี่ยนฉงกล่าวยิ้มๆ “แถมยังซ่อนไว้อย่างมิดชิดอีกด้วย กระบวนท่าที่ดีเช่นนี้ หากสอนให้ทุกคนเรียนตาม ภายภาคหน้าอาจเอาไว้ใช้ป้องกันตัวได้ด้วย”

ผู้ที่ต่อสู้กับหลูผิงเมื่อครู่น่าจะเป็นหัวหน้าของคนเหล่านี้ เขากำหมัดคารวะเสิ่นเยี่ยนฉงพลางกล่าวขึ้น “ใช้ชีวิตอยู่แถบชายแดนหนานเจียงมานาน ย่อมต้องเรียนศิลปะป้องกันตัวเอาไว้จึงจะต่อต้านข้าศึกซีเหลียงที่ชอบบุกมารุกรานต้าจิ้นได้ขอรับ!”

หลูผิงแสร้งพยักหน้าด้วยสีหน้าจริงจัง “ก็จริง ทว่า ฝีมือของพวกเจ้าเป็นแค่ทหารธรรมดาน่าเสียดายเกินไป เอาอย่างนี้ดีกว่า คุณชายเสิ่นให้พวกเขาแบ่งกลุ่มฝึกฝนคนอื่นๆ ดีหรือไม่ขอรับ ข้างกายขององค์หญิงเจิ้นกั๋วไม่จำเป็นต้องมีคนคุ้มกันถึงสิบกว่าคนเช่นนี้ ก่อนไปปราบปรามโจร ให้พวกเขาแข่งขันต่อสู้กันเอง กลุ่มใดชนะ ผู้ที่ฝึกฝนกลุ่มนั้นจะได้รับหน้าที่คุ้มครององค์หญิงเจิ้นกั๋ว แน่นอนว่าหากคุ้มครององค์หญิงกลับมาอย่างปลอดภัยก็จะได้เงินสิบตำลึงทองเช่นเดียวกัน”

เสิ่นเยี่ยนฉงเข้าใจความหมายของหลูผิงทันทีว่าเขาต้องการให้คนเหล่านี้แบ่งกันถ่ายทอดวิชาให้คนอื่นๆ เสิ่นเยี่ยนฉงจึงพยักหน้ารัว “วิธีนี้ไม่เลวขอรับ พวกเขาคงอยากคุ้มครององค์หญิงเจิ้นกั๋วกันทุกคน เพราะติดตามอยู่ข้างกายองค์หญิงปลอดภัยกว่า ที่สำคัญยังได้เงินรางวัลอีกด้วย พวกเจ้าทำให้เต็มที่ที่สุดนะ!”

กล่าวจบ เสิ่นเยี่ยนฉงจึงเดินไปสำรวจกลุ่มอื่นพร้อมกับหลูผิงและไป๋จิ่นจื้อ

คนกลุ่มนั้นเดินเข้ามารวมกลุ่มกัน มองไปทางแผ่นหลังของไป๋จิ่นจื้อและหลูผิงซึ่งเดินจากไปไกล คนหนึ่งเอ่ยขึ้น “หัวหน้า พวกเราลงมือสังหารตอนนี้เลยดีหรือไม่ หากสังหารองค์หญิงเจิ้นกั๋วสำเร็จพวกเราจะได้กลับกันเสียที พวกเราเสียเวลาอยู่ที่นี่นานเกินไปแล้ว หากยังไม่รีบกลับไป เกรงว่า…”

“นั่นสิ! ยาพิษออกฤทธิ์ทุกเดือน ทรมานราวกับตายทั้งเป็น ครึ่งปีหลังจะออกฤทธิ์จนพวกเราตาย หากพวกเรากลับไปไม่ทัน พวกเราได้ตายอยู่ที่ต้าจิ้นแน่นอน” อีกคนหนึ่งกล่าวสำทับเสียงเบาหวิว

“ลงมือสังหารตอนนี้ จะมีสักกี่คนที่รอดกลับไปได้ ไม่แน่พวกเราอาจตายอยู่ที่นี่กันหมด แม้พวกเราจะเป็นทหารหน่วยกล้าตาย ทว่า ผู้ใดไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อบ้าง ความเจ็บปวดจากยาพิษกับความตาย มันเทียบกันได้ที่ใด!” ผู้ที่เป็นหัวหน้าใช้มือเช็ดเหงื่อบนหน้าของตัวเอง สายตาเยือกเย็นมองไปทางไป๋ชิงเหยียนอย่างสงบนิ่ง พันผ้ารอบมืออีกครั้ง ปาดเหงื่อตรงจมูกออก “ในเมื่อข้าพาพวกเจ้ามา ข้าก็อยากพาพวกเจ้ากลับไปทั้งหมด! รออีกสองสามวัน เมื่อพวกเราสังหารองค์หญิงเจิ้นกั๋วบนภูเขาได้สำเร็จ พวกเราจะกลับซีเหลียงทันที หากตอนนั้นสังหารองค์หญิงเจิ้นกั๋วไม่สำเร็จ ค่อยคิดหาวิธีอื่นก็ยังไม่สาย!”

สิ้นเสียงคำสั่งของหัวหน้า คนเหล่านั้นกลับไปรวมตัวกันในแถวและเริ่มฝึกซ้อมตามเดิม

เสิ่นเยี่ยนฉงจัดการเรื่องทุกอย่างอย่างรวดเร็ว เมื่อกลุ่มของไป๋ชิงเหยียนจากไป เขาแบ่งกลุ่มทหารที่จะออกไปปราบปรามโจรป่าออกเป็นสิบสองกลุ่ม ให้มือสังหารเหล่านั้นกระจายกันออกฝึกซ้อมตามกลุ่ม รอผลตัดสินว่าผู้ใดจะได้หน้าที่คุ้มครองไป๋ชิงเหยียนตอนออกไปปราบโจรป่า

ไป๋จิ่นจื้อขี่ม้าตามหลังไป๋ชิงเหยียนไปอย่างช้าๆ พลางรายงานเรื่องที่เกิดขึ้นในสนามฝึกให้ไป๋ชิงเหยียนฟัง “ข้าทดสอบฝีมือของกลุ่มคนเหล่านั้นแล้วเจ้าค่ะ ทุกกระบวนท่าล้วนมุ่งหมายเอาชีวิตเป็นวิธีการของทหารหน่วยกล้าตายชัดๆ เจ้าค่ะ ที่สำคัญแม้คนเหล่านั้นจะปิดบังตัวตนอย่างดี ทว่า ตอนที่พวกเขาทำความเคารพ กิริยาของพวกเขาพร้อมเพรียงกันราวกับได้รับการฝึกฝนมาเป็นอย่างดี ไม่ใช่ชาวบ้านธรรมดาแน่นอนเจ้าค่ะ!”

บัดนี้ไป๋จิ่นจื้อสุขุมกว่าเมื่อก่อนมาก เมื่อพบปัญหามักใช้เวลาไตร่ตรองมากกว่าเดิม ไม่ใช่คนที่เอาแต่ใจ ทำสิ่งใดไม่คิดเหมือนเดิมอีกแล้ว ไป๋ชิงเหยียนรู้สึกภูมิใจมาก

หญิงสาวเอื้อมมือไปลูบศีรษะของน้องสาวอย่างแผ่วเบา “ดีมาก คนเหล่านั้นคือมือสังหารของซีเหลียง พวกเขาพุ่งเป้ามาที่พี่ ทว่า ไม่ต้องกังวล บัดนี้พี่ให้พวกเขาอยู่ที่ค่ายทหารเพื่อให้พวกเขาช่วยสอนการต่อสู้ให้ชาวบ้าน หวังใช้ประโยชน์จากพวกเขาให้ได้มากที่สุด!”

“ทว่า มันอันตรายเกินไปนะเจ้าคะพี่หญิงใหญ่!” ไป๋จิ่นจื้อเคยสู้รบกับคนเหล่านั้น รู้ดีว่าพวกเขาฝีมือไม่ธรรมดา

มีฝีมือร้ายกาจเช่นนี้อีกทั้งประสงค์ร้ายต่อไป๋ชิงเหยียน ไป๋จิ่นจื้อจะไม่เป็นห่วงความปลอดภัยของไป๋ชิงเหยียนได้อย่างไรกัน

“หากพวกเขาพร้อมตายไปพร้อมกับพี่ก็คงไม่เข้ามาในค่ายทหารตั้งแต่แรก คงบุกไปที่จวนไป๋ตั้งนานแล้ว! ไม่ต้องห่วง พี่ยังควบคุมเรื่องนี้ได้ ไม่มีอันตรายหรอก!” ไป๋ชิงเหยียนเห็นไป๋จิ่นจื้อขมวดคิ้วแน่นจึงใจอ่อนยวบ เอ่ยปลอบน้องสาว “เสิ่นเยี่ยนฉงควบคุมค่ายทหารไว้อย่างแน่นหนา ต่อให้พวกเขาอยากออกมาสังหารพี่ที่จวนไป๋ก็ไม่มีทางออกมาได้หรอก”

สองพี่น้องสนทนากันจนถึงหน้าจวนไป๋