Jun Jiu Ling หวนชะตารัก – ภาค 3 บทที่ 148 มองไม่ออกจริงๆ
นางพูดได้ คนเหล่านี้ไม่ได้อุดปากนาง
เห็นชัดยิ่งพวกเขาไม่สนใจว่านางจะกล้าร้องขอความช่วยเหลือ และแน่นอนว่าคุณหนูจวินก็ไม่มีทางทำเรื่องเขลาเช่นนี้
แม้ถูกลักพาตัวมาคืนหนึ่งแล้ว สีหน้าของคุณหนูจวินไม่ได้โกรธแค้นสักนิด เสียงที่พูดจาก็อ่อนหวาน เหมือนกับพบแขกที่มาเยี่ยมเยือน
ใบหน้าสามดวงตรงหน้าเผยรอยยิ้ม
“คุณหนูจวินอย่ากลัว พวกเราไม่ใช่คนร้าย” พวกเขาเอ่ยพร้อมเพรียง
“เรื่องนี้ อภัยด้วยที่ข้าตาไม่มีแวว” คุณหนูจวินเอ่ยเสียงอ่อนโยน
ทั้งสามคนอึ้งไปนิดหนึ่งเหมือนตามความหมายของนางไม่ทันชั่วครู่ จากนั้นเด็กหนุ่มคนนั้นก็ตามทันหัวเราะฮ่าฮ่าขึ้นมา
“นางพูดจาตลกจริง” เขาว่า
บุรุษสองคนถลึงตามองเขาทีหนึ่ง
“เจ้าลูกวัว ไสหัวไปข้างๆ” พวกเขาเอ่ยด่า
เด็กหนุ่มหดหัวถอยออกไป บุรุษสองคนเผยรอยยิ้มให้คุณหนูจวินอีกครั้ง
“คุณหนูจวิน พวกเรามาเชิญท่าน” พวกเขาเอ่ย
คุณหนูจวินร้องอ้อ
“เรื่องนี้ ก็มองไม่ออกเหมือนกัน” นางเอ่ย
บนหน้าดำแดงของบุรุษทั้งสองก็มองไม่ออกว่ามีหรือไม่มีความรู้สึกผิด
“คุณหนูจวิน พวกเราไม่ใช่โจรภูเขากองโจรอาชานะ” พวกเขาทำหน้าจริงจังเอ่ย “พวกเราเป็นทหาร”
ทหาร?
สายตาคุณหนูจวินมองพวกเขา
“เรื่องนี้…” นางเอ่ย
ไม่รอนางพูดออกมา บุรุษสองคนสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย ฟึบคลุมหญ้าเขียวไว้ สายตาของคุณหนูจวินเปลี่ยนกลายมาเป็นแสงเงาพาดตัดกันอีกครั้ง พร้อมกันนั้นก็มีเสียงฝีเท้าม้าดังขึ้น
“ทหารมาแล้ว!”
เสียงตะโกนดังขึ้น พร้อมกันนั้นเสียงกีบเท้าม้าวุ่นวายสะเทือนแผ่นดินสั่น
คุณหนูจวินก็สั่นไปด้วย นี่ย่อมไม่ใช่เพราะฝีเท้าม้าหรือนางหวาดกลัว แต่เพราะรถถูกคนผลัก โคลงไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว
ทหาร นี่ดูไม่ออกจริงๆ
มีทหารที่เห็นทหารก็วิ่งหนีด้วยหรือ?
คุณหนูจวินเอ่ยขึ้นในใจ ในเวลาเดียวกันสีหน้ายิ่งหนักใจขึ้น
มีเพียงสามคน? ยังมีเด็กวัยรุ่นคนหนึ่งด้วย ก็ลักพาตัวนางอย่างเงียบเชียบเช่นนี้ได้แล้ว
นางรู้ว่าบนโลกนี้มีคนร้ายกาจมากมาย แต่นอกจากอาจารย์ นางไม่เคยพบผู้อื่น ต่อให้เป็นอาจารย์ ก็เพิ่งตอนนี้ถึงรู้ว่าเขาร้ายกาจยิ่ง
แต่วันนี้นางถูกทำให้หวั่นไหวอย่างรุนแรง
พวกเขาเป็นใคร?
“คุณหนูจวิน พวกเราไม่ใช่คนร้ายจริงๆ”
หลังเดินทางไปช่วงหนึ่ง หญ้าเขียวที่คลุมบนร่างคุณหนูจวินไว้ก็ถูกเลิกเปิดอีกครั้ง หน้ายิ้มของบุรุษสองคนปรากฏตรงหน้าอีกหน
ตอนนี้ถกเถียงเรื่องนี้เป็นเรื่องไร้ความหมาย
“แม้พวกเจ้าจับตัวข้ามาได้ง่ายดายยิ่ง แต่นี่ไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีปัญหา” คุณหนูจวินเอ่ย “ไม่เช่นนั้นพวกเจ้าคงไม่เห็นทหารปุบก็วิ่งหนี ข้าเป็นใครพวกเจ้าย่อมรู้ และตอนนี้คิดว่าทหารก็คงเริ่มตามหาข้าแล้ว”
บุรุษสองคนได้ยินวาจายิ้มพยักหน้า
“ใช่แล้วใช่แล้ว ต้องเริ่มหาแล้วแน่ พวกเราส่งจดหมายเรียกค่าไถ่ไปให้พวกเขาแล้ว” พวกเขาเอ่ย
โจรเรียกให้จับโจร?
คุณหนูจวินเงียบไปครู่หนึ่ง นี่นับว่าเป็นวิธีที่เสี่ยงแต่ใช้ได้ผลวิธีหนึ่ง
“แต่ของปลอมก็คือของปลอม” นางว่า “คงถูกเปิดเผยอย่างรวดเร็วยิ่ง”
บุรุษสองคนยิ้มซื่อๆ
“ไม่เร็วนักหรอก” บุรุษคนที่อายุมากเอ่ยขึ้น “คุณหนูจวิน ม้าตัวเดียวลากรถวิ่งไปข้างหน้าย่อมวิ่งเร็วยิ่งนัก ม้าสองตัวก็ไม่แน่แล้ว ม้าสามตัวยิ่งวุ่นวายง่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อสองตัวในนั้นยังทะเลาะกันอยู่”
ในใจคุณหนูจวินยิ่งหนักใจขึ้นหลายส่วน
คำพูดซื่อๆ จริงใจปานนี้พูดได้มีเหตุผลยิ่ง เพียงแต่เหตุผลนี่ทำให้คนใจหวาดหวั่น
“คุณหนูจวิน ท่านกำลังหลบใครอยู่กระมัง พวกเราเห็นแล้ว มีคนสะกดรอยพวกท่านอยู่ นอกจากนี้พวกท่านยังจงใจใช้ทหารอารักขาแต่กลับจะจากไปเอง ก็เพื่อทำให้คนที่ติดตามสับสน” บุรุษคนนั้นเอ่ยขึ้นซื่อๆ “ดังนั้น ตอนนี้คนที่ตามหาท่านมีม้าสามตัว แต่ความคิดของพวกเขาน่าจะไม่เหมือนกัน”
นางหายตัวไปอย่างประหลาดเช่นนี้ ทั้งเหลยจงเหลียนก็รู้ว่าคนขององครักษ์เสื้อแพรต้องการจับนาง ดังนั้นผู้ต้องสงสัยอับดับหนึ่งย่อมเป็นองครักษ์เสื้อแพร
แต่องครักษ์เสื้อแพรก็รู้ว่านางคิดหาวิธีสลัดพวกเขาทิ้งอยู่ตลอดทาง อยู่ดีๆ หายไปเช่นนี้ คงได้แต่คิดว่านี่เป็นแผนการของนาง
ทหารได้รับจดหมายลักพาตัวเรียกค่าไถ่แล้ว ย่อมต้องไปสืบสวน แต่เหลยจงเหลียนกับองครักษ์เสื้อแพร่ล้วนคิดว่านี่เป็นเรื่องแหกตาแล้ว ย่อมไม่มีทางทำอย่างตั้งใจ
ม้าสามตัวสามเป้าหมาย วิ่งได้เร็วสิถึงแปลก
“พวกเราไม่จำเป็นต้องปิดบังไปตลอดกาล ความจริงก็ไม่มีทางปิดบังไปตลอดกาลได้” บุรุษอีกคนหนึ่งลูบศีรษะยิ้มซื่อๆ “พวกเราขอแค่ได้เวลาพาท่านกลับไปก็เพียงพอแล้ว”
คุณหนูจวินมองพวกเขา
“พวกเจ้าที่แท้จะทำอะไรกันแน่?” นางเอ่ยถาม
บุรุษสองคนสบตากันทีหนึ่ง
ทหารที่เห็นทหารปุบก็หนีน่าขายหน้าอยู่บ้าง
แววตาของพวกเขาแสดงความหมายหนึ่งพร้อมกัน แล้วพยักหน้ามองไปทางคุณหนูจวินอีกครั้ง
“พวกเราเป็นชาวนา” พวกเราเอ่ยเสียงพร้อมเพรียง
คุณหนูจวินมองพวกเขา
“เรื่องนี้ มองไม่ออกจริงๆ” นางเอ่ย
บุรุษสองคนหัวเราะหึหึ ถูฝ่ามือ
“ไม่เป็นไร รอถึงแล้วท่านก็มองออกแล้ว” พวกเขาเอ่ย
“อารอง” เด็กวัยรุ่นคนนั้นยื่นศีรษะมาจากหน้ารถสอดปาก “พวกเรารีบเดินทางเถอะ ที่บ้านล้วนรอยอยู่นะ”
บุรุษสองคนร้องเอ้อเอ้อตอบสองที
“คุณหนูจวินท่านเหนื่อยต่ออีกหน่อย” พวกเขาเอ่ย เริ่มคลุมหญ้าเขียว
สายตาของคุณหนูจวินมองลอดผ่านกิ่งไม้หญ้าเขียวไปด้านข้าง เด็กวัยรุ่นคนนั้นเหมือนสบายๆ ไม่มีธุระ เดินเตร่รอบด้านรถ พลันหัวเราะหึหึ ใช้เท้าสะกิดทีหนึ่งก็ดีดกิ่งไม้เรียวเล็กซึ่งถูกหักกิ่งหนึ่งขึ้นมา
บนกิ่งไม้นั่นมีรอยเลือด ถูกนางใช้เล็บขูดรอยสามเส้นไว้
นี่เป็นร่องรอยที่นางลำบากลำบนทิ้งไว้ตลอดทาง
เด็กคนหนึ่ง
คุณหนูจวินมองเด็กวัยรุ่นคนนั้นเหวี่ยงกิ้งไม้เรียวเบาๆ เข้ามาปะปนในกองกิ่งไม้บนรถ หญ้าเขียวกองสุมแน่นบดบังสายตาของนาง
……………………………………….
“นั่นก็คือจั้นหวงซาน”
แม่ทัพชี้ด้านหน้า สีหน้าโกรธแค้นตะโกน
“ตัวอักษรนี่ข้าจำได้ เป็นเจ้าฟันจอบบนเขาจั้นหวงซานทำ”
เหลยจงเหลียนกับจินสือปาล้วนมองไปตามที่เขาชี้ แต่สีหน้าไม่ได้ตื่นเต้นปานนั้นอย่างเขา
“โจรภูเขารู้หนังสือด้วยรึ” เหลยจงเหลียนเอ่ยนิ่งๆ
“ยังจงใจเขียนแบบตัวอักษรที่เจ้าจำได้ด้วยนะ” จินสือปาเอ่ยนิ่งๆ
ทหารที่กำลังเตรียมตัวโถมตรงไปยังรังของโจรภูเขาตามคำสั่งของสองคนนี้งุนงงไปวูบหนึ่ง
คำพูดนี้ฟังแล้วประหลาดอยู่บ้างนะ เขาซ้ายขวามองสองคนนี้
ใยแค่คำพูดนี้ประหลาด สองคนนี้ประหลาดยิ่งมาตลอด
คุณหนูจวินถูกลักพาตัวไปเรื่องใหญ่ปานนี้ ทำไมพวกเขาไม่ร้อนรนสักนิด? ตรงกันข้ามท่าทางไม่ใส่ใจ?
หรือว่า…ข้ารับใช้ชั่วรังแกนาย?
คิ้วแม่ทัพขมวดขึ้นมา ความคิดหนึ่งผุดขึ้นมาในใจ
ไม่แน่ว่าทุกอย่างนี้ล้วนเป็นเหล่าผู้คุ้มกันพวกนี้ของคุณหนูจวินสมรู้ร่วมคิดทำกับโจรภูเขา
ไม่เช่นนั้นทำไมบังเอิญปานนี้ได้? เป็นคนแซ่เหลยคนนี้ไล่พวกเขาไป บอกว่ามีธุระกะทันหัน ไม่ไปเมืองเจินติ้งแล้ว แล้วก็ไม่ต้องให้พวกเขาอารักขา แต่เพื่อไม่ให้ชาวบ้านผิดหวัง ยังให้พวกเขาสร้างภาพลวงว่าคุณหนูจวินยังไปเมืองเจินติ้ง บอกว่าตอนไปถึงเต๋อเซิ่งชางจะจัดการอธิบาย
ผลปรากฏว่าเท้าแรกแยกจากพวกเขา เท้าหลังคุณหนูจวินคนนี้ก็ถูกลักพาตัวไปแล้ว
คุณหนูจวินรวยยิ่งนัก โรงหมอจิ่วหลิงก็รวย เต๋อเซิ่งชางก็รวย คุณหนูจวินเองก็มีชื่อเสียงยิ่ง ตระกูลฟางยอมจ่ายเงินได้ เมืองชิ่งหยวนก็ยอมจ่ายเงินได้เช่นกัน ถึงขั้นมณฑลเหอเป่ยซีทั้งหมดล้วนยอมออกเงินได้
เงินทุกคนไม่กลัว ที่กลัวก็คือคุณหนูจวินจะได้รับบาดเจ็บ
เงินให้ไปไม่ลังเลเลย พวกเขาคงแบ่งกันได้ไม่น้อยกระมัง?
พวกเจ้าฝันหวาน! คุณหนูจวินคนผู้ประหนึ่งพระโพธิสัตว์ ข้าจะต้องให้นางปลอดภัย!
สีหน้าแม่ทัพเปลี่ยนเป็นจริงจังขึ้นมา สายตายิ่งโกรธแค้น เสียงชิ้งทีหนึ่ง ชักดาบออกมายกขึ้น
“ลูกน้องทั้งหลาย! ถล่มราบเขาจั้นหวงซาน โจรภูเขาสักคนก็ไม่อนุญาตให้ปล่อยไว้! ข้าอยากดูสิว่าเจ้าฟันจอบบ้าไปแล้วจริงหรือไม่” เขาตะโกน
พร้อมกับคำสั่งของเขา ทหารทั้งหลายหลังร่างก็โห่ร้องขึ้นมาพร้อมเพรียง ดาบทวนกระบี่หอกธนูหน้าไม้พากันยกขึ้นไปทางเขาจั้นหวงซาน
แสดงได้ทุ่มเทเอาการ
จินสือปากับเหลยจงเหลียนสบตากัน ต่างคนยิ้มบางๆ