ตอนที่ 485 ขอพบ

พี่ชายของฟางซื่อเห็นน้องสาวร้องไห้อย่างหนักจึงได้แต่เกลี้ยกล่อม “เอาเถิด หากเจ้าไม่อยากเสียหน้า เราไปหาชิงผิงที่สนามฝึกดีหรือไม่ เจ้าเป็นมารดาแท้ๆ ของเขา เขาต้องเข้าข้างเจ้าอยู่แล้ว ให้ชิงผิงช่วยกล่าวกับไป๋ฉีเหอแทนเจ้าแล้วกัน!”

กล่าวจบ พี่ชายของฟางซื่อสั่งให้คนบังคับรถม้าเปลี่ยนทิศทางไปยังสนามฝึกซ้อมแทน

ไป๋จิ่นจื้อซึ่งเดินเข้าไปในจวนไป๋รู้สึกโมโหมาก “คิดว่าตัวเองเป็นผู้ใดกัน! แค่ไว้หน้านิดหน่อยก็คิดว่าตัวเองสำคัญมากนักหรืออย่างไร! ไม่รู้วิธีขอร้องให้คนช่วยเสียด้วยซ้ำ เอาแต่นั่งอยู่บนรถม้า รอให้เราเดินเข้าไปคารวะนางหรืออย่างไร!”

“หลายปีมานี้ท่านปู่ยกย่องตระกูลประมุขไป๋มากเกินพอดี ฟางซื่อเห็นมาหลายปีจึงคิดว่าประมุขไป๋อยู่ในระดับเดียวกับพวกเรา นางมองสถานการณ์ไม่ออก เป็นเพียงคนโง่คนหนึ่งเท่านั้น เจ้าอย่าโมโหให้เสียเวลาเลย”

สิ้นเสียงของไป๋ชิงเหยียน บ่าวซึ่งเฝ้าหน้าประตูรีบวิ่งตามไป๋ชิงเหยียนเข้ามา ทำความเคารพ “คุณหนูใหญ่ ด้านนอกมีบุรุษนามว่าเซียวเซียนเซิงขอเข้าพบเจ้าค่ะ นี่คือป้ายชื่อเจ้าค่ะ…”

บ่าวรับใช้ยื่นป้ายชื่อให้ ไป๋จิ่นจื้อรีบรับมาก่อนโดยไม่รอให้หลูผิงยื่นมือไปรับ จากนั้นมองไปทางไป๋ชิงเหยียนยิ้มๆ ความรู้สึกหงุดหงิดเรื่องของฟางซื่อเมื่อครู่หายเป็นปลิดทิ้ง “แหม เซียวเซียนเซิงเองหรือนี่ เซียวเซียนเซิงมารอพบเช่นนี้แสดงว่ามีเรื่องสำคัญแน่ๆ เชิญเข้ามาได้!”

ไป๋จิ่นจื้อหันไปมองพี่หญิงใหญ่ของตนซึ่งใบหูแดงก่ำ นางเม้มปากแน่นไม่ให้เสียงหัวเราะเล็ดลอดออกมา

“พี่หญิงใหญ่ เมื่อครู่ข้าเดินสำรวจรอบสนามฝึก เสื้อผ้ามีแต่ฝุ่น ข้าขอตัวไปเปลี่ยนก่อนนะเจ้าคะ พี่หญิงใหญ่และเซียวเซียนเซิงค่อยๆ สนทนากันไปนะเจ้าคะ” ไป๋จิ่นจื้อกล่าวจบก็วิ่งหนีไปทันที

สาวน้อยไม่อยากอยู่เป็นก้างขวางคอพี่หญิงใหญ่กับเซียวหรงเหยี่ยน

ไป๋ชิงเหยียนยืนอยู่หน้าประตูโถงรับรอง เซียวหรงเหยี่ยนอยู่ในชุดคลุมตัวยาวคาดเข็มขัดหยกไว้ที่เอวเดินเข้ามาในจวนไป๋ เยว่สือและหวังจิ่วโจวเดินตามมาด้านหลัง

หลูผิงซึ่งยืนอยู่ด้านหลังของไป๋ชิงเหยียนยิ้มออกมาน้อยๆ หันไปสั่งให้คนไปเรียนให้ต่งซื่อทราบ

ไม่ว่าอย่างไรเซียวหรงเหยี่ยนก็เคยยื่นมือช่วยเหลือตระกูลไป๋ตอนอยู่ที่เมืองหลวง อีกทั้งช่วยชีวิตฮูหยินสี่ไว้ได้อย่างหวุดหวิด ทุกคนในตระกูลไป๋เห็นเซียวหรงเหยี่ยนเป็นผู้มีพระคุณ ไม่มีผู้ใดดูถูกฐานะพ่อค้าของชายหนุ่มแม้แต่น้อย

ร่างผอมเพรียวของไป๋ชิงเหยียนยืนเอามือไขว้หลังอยู่บนบันไดสูงหน้าโถงรับรองด้วยท่าทีองอาจ รัศมีน่าเกรงขาม มีเพียงใบหูคู่นั้นที่แดงระเรื่ออย่างเห็นได้ชัดเมื่ออยู่ท่ามกลางแสงของดวงอาทิตย์

ใบหน้าของเซียวหรงเหยี่ยนเต็มไปด้วยรอยยิ้มอบอุ่นอ่อนโยนราวกับบัณฑิตผู้หนึ่ง กิริยาท่าทางของเขาสุขุมเยือกเย็นมาก

“คุณหนูใหญ่…” เซียวหรงเหยี่ยนโค้งกายคำนับไป๋ชิงเหยียนอยู่ด้านล่างบันได

หวังจิ่วโจวและเยว่สือซึ่งยืนอยู่ด้านหลังเซียวหรงเหยี่ยนจึงรีบโค้งคำนับตาม ทั้งสองสบตากันเล็กน้อย คำทักทายจุกอยู่ที่ลำคอ เจ้านายของพวกเขาเรียกองค์หญิงเจิ้นกั๋วว่าคุณหนูใหญ่ พวกเขาควรเรียกตามเจ้านายหรือไม่

ไม่รอให้หวังจิ่วโจวและเยว่สือส่งสายตากันจนเข้าใจ ไป๋ชิงเหยียนทำความเคารพกลับเสียก่อน “เชิญเซียวเซียนเซิงด้านในเจ้าค่ะ…”

หลูผิงหลีกทางให้พลางโค้งกายทำความเคารพเซียวหรงเหยี่ยน “เซียวเซียนเซิง!”

เซียวหรงเหยี่ยนพยักหน้าให้หลูผิงเล็กน้อยแล้วก้าวเข้าไปในโถงรับรอง

เมื่อนั่งลงบนเก้าอี้ บ่าวรับใช้รินน้ำชาให้เซียวหรงเหยี่ยน จากนั้นเดินออกจากโถงรับรองไปอย่างมีระเบียบ

“เซียวเซียนเซิงมาหาข้าที่นี่มีเรื่องอันใดหรือไม่เจ้าคะ” ไป๋ชิงเหยียนละสายตาจากหน้าประตูหันไปมองเซียวหรงเหยี่ยนด้วยท่าทีจริงจัง หากใบหูของนางไม่ได้แดงก่ำ การวางมาดสุขุมของนางคงดูน่ายำเกรงกว่านี้

ภายในโถงรับรองมีเพียงไป๋ชิงเหยียนและเซียวหรงเหยี่ยน หลูผิง เยว่สือและหวังจิ่วโจวยืนรออยู่นอกฉากกั้นซึ่งสลักเป็นลวดลายดอกไม้

เซียวหรงเหยี่ยนวางข้อศอกลงบนโต๊ะเล็ก เอ่ยเสียงทุ้มต่ำ “ข้ามาที่นี่เพราะมีเรื่องมาบอกคุณหนูใหญ่ล่วงหน้าขอรับ”

ไป๋ชิงเหยียนมองไปทางเซียวหรงเหยี่ยน “เซียวเซียนเซิงว่ามาได้เลยเจ้าค่ะ”

“เหยี่ยนได้รับข่าวว่าจักรพรรดินีของซีเหลียงตกลงนำทัพไปประชิดชายแดนต้าเยี่ยนร่วมกับแคว้นต้าเว่ยแล้ว นางหวังจะได้ส่วนแบ่งดินแดนทางใต้ของต้าเยี่ยน เพื่อความไม่ประมาท ขณะที่เหยี่ยนส่งทูตไปยังแคว้นเว่ยและซีเหลียง ต้าเยี่ยนจึงส่งทูตนำของมีค่าไปมอบให้จักรพรรดิต้าจิ้นเช่นเดียวกัน บัดนี้เกลี้ยกล่อมให้จักรพรรดิต้าจิ้นยอมส่งทหารไปประชิดเขตชายแดนซีเหลียงเพื่อข่มขวัญพวกเขาได้แล้ว ดูเหมือนว่าจักรพรรดิต้าจิ้นจะส่งแม่ทัพหลิวหงซึ่งเพิ่งรบชนะในสงครามเป่ยเจียงเดินทางไปยังหนานเจียงขอรับ”

ที่เซียวหรงเหยี่ยนบอกเรื่องนี้กับไป๋ชิงเหยียนเพราะชายหนุ่มรู้ว่าไป๋ชิงเหยียนกำลังกระทำการสิ่งใดบางอย่างอยู่ที่หนานเจียง เขาจึงมาเตือนให้ไป๋ชิงเหยียนรู้ล่วงหน้า หญิงสาวจะได้มีเวลาเตรียมตัวรับมือแต่เนิ่นๆ

หากจะมีแคว้นใดที่ไม่อยากให้ซีเหลียงกลับมาแข็งแกร่งอีกครั้ง นอกจากต้าเยี่ยนแล้วก็คงจะเป็นแคว้นต้าจิ้น…

ไป๋ชิงเหยียนสังหารทหารยอดฝีมือของซีเหลียงเกือบหมดในสงครามที่หนานเจียง ต่อมาซีเหลียงเกิดความไม่สงบภายในแคว้น ซีเหลียงเสียหายหนักมาก หากครั้งนี้ซีเหลียงร่วมมือกับต้าเว่ยจนยึดดินแดนทางใต้ของต้าเยี่ยนไปครอบครองได้ ซีเหลียงคงฟื้นตัวกลับมาแข็งแกร่งอีกครั้งในเร็ววัน

ต้าจิ้นลงทุนลงแรงไปมากจึงทำให้แคว้นเพื่อนบ้านอย่างซีเหลียงไม่กล้าเข้ามารุกรานต้าจิ้นอีก เขาย่อมต้องกดซีเหลียงไว้ มิเช่นนั้นหากมีศัตรูที่แข็งแกร่งอยู่ใกล้แคว้น…ต่อให้ฮ่องเต้ไม่ได้มีใจอยากรวบรวมใต้หล้าให้เป็นหนึ่ง เขาย่อมต้องหวาดระแวงตลอดเวลาราวกับมีหอกข้างแคร่อยู่ดี

ต้าเยี่ยนรู้ใจของจักรพรรดิและองค์รัชทายาทแห่งต้าจิ้น ดังนั้นจึงส่งทูตเข้าไปเจรจา มอบสมบัติล้ำค่าให้เพื่อขอให้ต้าจิ้นเคลื่อนทัพไปข่มขวัญที่ชายแดนซีเหลียง แคว้นซีเหลียงจะได้ไม่กล้าทำสิ่งใดบุ่มบ่าม

ความจริงเซียวหรงเหยี่ยนไม่จำเป็นต้องมาบอกไป๋ชิงเหยียนก็ได้ ทว่า ชายหนุ่มมาบอก ไป๋ชิงเหยียนจะจดจำน้ำใจครั้งนี้เอาไว้ “ขอบพระคุณเซียวเซียนเซิงมากเจ้าค่ะที่มาบอก”

เซียวหรงเหยี่ยนมองไปทางไป๋ชิงเหยียนยิ้มๆ “คุณหนูใหญ่เตรียมพร้อมไว้แต่เนิ่นๆ เถิดขอรับ!”

สิ้นเสียงของเซียวหรงเหยี่ยน ถงหมัวมัวประคองต่งซื่อเข้ามาด้านใน เซียวหรงเหยี่ยนรีบลุกขึ้นยืนทำความเคารพ

ชุนเถาที่ทราบข่าวว่าไป๋ชิงเหยียนกลับมาจากสนามฝึกซ้อมแล้วก็รีบออกมาจากเรือนปัวอวิ๋นเช่นกัน เมื่อเห็นถงหมัวมัวและต่งซื่อเดินเข้าไปด้านใน ชุนเถาจึงเดินตามเข้าไปเช่นกัน นางเดินอ้อมฉากกั้นไปยืนอยู่ด้านหลังไป๋ชิงเหยียนอย่างสงบเสงี่ยม

“เซียวเซียนเซิงคือผู้มีพระคุณของตระกูลไป๋ ไม่ต้องมากพิธีเจ้าค่ะ” ต่งซื่อมองเซียวหรงเหยี่ยนอย่างชื่นชมโดยไม่คิดปิดบัง เมื่อนั่งลงแล้วยังเห็นเซียวหรงเหยี่ยนยืนอยู่จึงกล่าวขึ้น “เซียวเซียนเซิงนั่งลงเถิด ไม่ทราบว่าเซียวเซียนเซิงมาที่จวนมีเรื่องอันใดอย่างนั้นหรือเจ้าคะ”

เซียวหรงเหยี่ยนมองไปทางไป๋ชิงเหยียนแวบหนึ่ง จากนั้นเอ่ยตอบต่งซื่อ “ช่วงนี้โจรป่าอาละวาดหนัก เหยี่ยนต้องการขนใบชาขาวออกไปจากซั่วหยาง จึงมาถามคุณหนูใหญ่ว่าออกเดินทางตอนนี้เหมาะสมหรือไม่ขอรับ”

ไป๋ชิงเหยียนเป็นคนดูแลเรื่องการปราบปรามโจรป่า องค์รัชทายาทมีคำสั่งให้ทางการของซั่วหยางให้ความร่วมมือกับไป๋ชิงเหยียนอย่างเต็มที่ เซียวหรงเหยี่ยนมาถามไป๋ชิงเหยียนเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องแปลกอันใด

ต่งซื่อพยักหน้า หันไปถามไป๋ชิงเหยียนยิ้มๆ “คุยกันเสร็จแล้วหรือไม่”

“เสร็จแล้วเจ้าค่ะ!” ไป๋ชิงเหยียนพยักหน้า

ต่งซื่อพยักหน้าแล้วหันไปถามสารทุกข์สุขดิบกับเซียวหรงเหยี่ยน สนทนาถึงเรื่องการค้าในซั่วหยางของชายหนุ่ม ได้ยินว่าเซียวหรงเหยี่ยนซื้อภูเขาสำหรับปลูกชาไว้หลายที่หวังจะส่งออกใบชาขาวของซั่วหยางไปทั่วทุกแคว้น

ที่สำคัญตอนนี้ใบชาขาวของซั่วหยางเริ่มเป็นที่นิยมในหมู่คนสูงศักดิ์มากขึ้นเรื่อยๆ ได้ยินว่าเซียวหรงเหยี่ยนตั้งชื่อใบชาขาวชนิดนี้อย่างใส่ใจว่า ชาอู้อวิ๋น

เซียวหรงเหยี่ยนสนทนากับต่งซื่ออย่างไม่คิดปิดบัง กล่าวว่าตนจะส่งออกใบชาอู้อวิ๋นไปยังแคว้นเว่ยและซีเหลียง ผูกขาดการค้าชนิดนี้คนเดียว

สำหรับแคว้นเว่ยไม่เป็นปัญหาใดๆ ทั้งสิ้น เซียวหรงเหยี่ยนสนิทสนมกับบรรดาองค์ชายของแคว้นเว่ยมาก เมื่อเซียวหรงเหยี่ยนทำการค้าใดก็มักจะแบ่งผลกำไรให้คนสูงศักดิ์เหล่านั้นเสมอ เขาย่อมผูกขาดการค้าได้อยู่แล้ว