ตอนที่ 1,873 : หลายปีพ้นผ่าน พบพานอีกครั้ง

ลูกน้อยในอ้อมแขนข้างหนึ่ง ส่วนอ้อมแขนอีกข้างก็มีลี่เฟย

จังหวะนี้ต้วนหลิงเทียนรู้สึกเสมือนเขาเป็นคนที่มีความสุขที่สุดในโลก

“เสี่ยวเฟยเอ๋อ…เนี่ยนเอ๋อเองก็โตแล้ว พวกเราเข้าพิธีวิวาห์กันเถอะ”

ต้วนหลิงเทียนกล่าวบอกลี่เฟยเสียงอ่อน

ตอนนี้ลี่เฟยยังไม่ได้แต่งงานกับเขาแต่อย่างไร จึงถือว่ายังเป็นเพียง คู่หมั้นของเขาเท่านั้น

ลี่เฟยจะถือเป็นภรรยาเขาได้ ก็ต่อเมื่อแต่งงานแล้วเท่านั้น

“ข้าอยากรอน้องหญิงเค่อเอ๋อ…”

อย่างไรก็ตามได้ยินคำถามนี้ ลี่เฟยกลับตอบต้วนหลิงเทียนออกมาด้วยน้ำเสียงเด็ดขาด “ข้ากับน้องหญิงเค่อเอ๋อตกลงกันแล้วว่าพวกเราจะเข้าพิธีวิวาห์เป็นเจ้าสาวของเจ้าพร้อมกัน…แล้วข้าจะมีหน้ามาแต่งกับเจ้าอย่างสบายใจตอนนี้ได้อย่างไร ในเมื่อนางกับลูกถูกลัทธิบูชาไฟจับไปไว้ในภูมิภาคเบื้องบนแบบนี้? ตัวเลวร้ายเจ้าสัญญากับข้าได้หรือไม่…ว่าเจ้าจะไม่โกรธข้าเรื่องนี้?”

“ทำไมเจ้าเจ้าต้องรอให้ปวดใจด้วย…”

ต้วนหลิงเทียนได้แต่เผยยิ้มขื่นขมออกมา

อย่างไรก็ตามเมื่อเขาเห็นสายตาแน่วแน่ของลี่เฟย เขาก็ได้แต่โอนอ่อนตามนาง “เอาล่ะ ข้าสัญญากับเจ้า…แต่ถึงข้าจะไม่ได้เขาพิธีวิวาห์กับพวกเจ้า แต่ในใจข้าเห็นเจ้ากับเค่อเอ๋อเป็นภรรยามานานแล้ว!”

ลี่เฟยพอได้ฟังก็ไม่กล่าวอะไรออกมาอีก เพียงฝังหัวลงอ้อมอกต้วนหลิงเทียน ดูดซับช่วงเวลาอันอบอุ่นนี้ไว้อย่างหวงแหน

ลี่เฟยยังกอดต้วนหลิงเทียนเอาไว้แน่นนัก คล้ายหวาดกลัวว่าห้วงเวลาเหล่านี้อาจหายไปได้ทุกเวลา

“ตัวเลวร้าย…เจ้าจะไปภูมิภาคเบื้องบนเมื่อไหร่หรือ?”

ไม่ทราบผ่านไปเนิ่นนานเท่าไหร่ ในที่สุดลี่เฟยก็กล่าวถามออกมาเสียงเบา

“อีกไม่นานแล้ว”

ลูกตาต้วนหลิงเทียนทอประกายวูบหนึ่ง กล่าวตอบ

“เจ้าต้องพาน้องหญิงเค่อเอ๋อพร้อมลูกกลับมานะ…”

ลี่เฟยกล่าวตอบด้วยน้ำเสียงเสียใจ “เสียดายนักที่ข้ามันไร้ประโยชน์ มิอาจช่วยอะไรเจ้าได้เลย…”

ยิ่งกล่าวน้ำเสียงลี่เฟยก็เต็มไปด้วยความโทษตัวเอง ใบหน้ายังเผยความละอายทั้งเสียใจออกมา

“เสี่ยวเฟยเอ๋อ…เจ้าจะไร้ประโยชน์ได้อย่างไร? คำพูดเหล่านี้ต่อไปอย่าได้กล่าวแล้ว! หากไม่มีเจ้าไหนเลยข้าจะมีลูกชายน่ารักเช่นนี้ได้?”

ต้วนหลิงเทียนส่ายหัวไปมาค่อยหันมองยังอ้อมแขนอีกข้าง แต่เขาพบว่าลูกชายตัวน้อยของเขาผล็อยหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่ทราบ…ยังหลับสนิทจนเสียงสนทนายังไม่อาจปลุกให้ตื่น

“ตลอด 3 เดือนที่เจ้าไม่อยู่ เนี่ยนเอ๋อมองหาเจ้าทุกวัน จนเมื่อเดือนที่แล้วยังเอาแต่ถามข้าว่าใช่เจ้าทิ้งเขาไปแล้วหรือไม่…แม้ข้าจะอธิบายให้ลูกฟังเท่าไหร่ แต่เนี่ยนเอ๋อยังมักสะดุ้งตื่นยามหลับ ร้องเรียกหา ‘ท่านพ่อ’ บ่อยๆ”

ลี่เฟยรู้สึกอิ่มเอมใจไม่น้อยเมื่อเห็นสายตาอ่อนโยนที่ต้วนหลิงเทียนใช้มองลูกชายตัวน้อยในอ้อมแขน

แต่เดิมนางเป็นห่วงว่าลูกชายตัวน้อยอาจไม่เห็นต้วนหลิงเทียนเป็นพ่อและทั้งคู่ยากจะสนิทสนมกันได้ในเวลาอันสั้น แต่นางไม่คิดเลยว่าลูกน้อยจะสนิทสนมกับบิดาได้อย่างรวดเร็วแบบนี้

คงเป็นเพราะความผูกพันทางสายเลือดเป็นแน่แท้ แม้ต้วนเนี่ยนเทียนจะเจอต้วนหลิงเทียนได้ไม่ทันไร ก็รู้สึกสนิทใจกับต้วนหลิงเทียนแล้ว

“เซี่ยวหลันกับองค์หญิงปี้เหยาใกล้กลับมาแล้ว…”

ลี่เฟยมองกล่าวกับต้วนหลิงเทียน

“อ่า ข้าได้ยินท่านพ่อบอกแล้ว”

ต้วนหลิงเทียนพยักหน้า

ลี่เฟยอิงหัวแนบกายต้วนหลิงเทียนอีกครั้ง ค่อยกล่าว “ตัวเลวร้าย ข้ารู้ว่าเจ้ามิมีอารมณ์ยอมรับสตรีคนอื่นเข้ามาในชีวิต…หากแต่เซี่ยวหลันกับปี้เหยานั้นแตกต่างกัน ตั้งแต่ข้ามาอยู่ตำหนักเมฆาคราม ข้าเห็นพวกนางดูแลท่านแม่ราวกับเป็นแม่ของพวกนาง…ข้ารู้ดีว่าที่พวกนางทำทั้งหมดนี้เพราะเจ้า”

“เมื่อเค่อเอ๋อกลับมา เจ้าก็ยอมรับพวกนางเถอะ…ข้าไม่คิดคัดค้านอะไร”

มิคาด…ลี่เฟยกลับเป็นผู้กล่าวเรื่องนี้ออกมาก่อน!

ราวกับนางไม่คิดอิจฉาหรือไม่พอใจอะไรเลย

แน่นอนหากให้กล่าวว่าในใจนางไม่คิดอิจฉาหรือขัดข้องอะไรเลยก็คงเป็นการโกหก

อย่างไรก็ตามลี่เฟยเป็นสตรีที่เข้าใจเรื่องราวได้ชัดเจน นางรู้ดีว่าลี่หลัวมารดาต้วนหลิงเทียนเอ็นดูทั้งคู่ อีกทั้งนางเองก็ใจอ่อนเมื่อเห็นรักมั่นของเซี่ยวหลันกับปี้เหยาที่มีต่อต้วนหลิงเทียน จึงไม่คิดคัดค้านอะไร

“เจ้าพูดอะไร ข้าไม่ได้คิดแบบนั้น!”

ต้วนหลิงเทียนส่ายหัวไปมากล่าวปฏิเสธออกไปทันที ก่อนที่จะกอดลี่เฟยเอาไว้แนบแน่น การที่ลี่เฟยเปิดใจกล่าวออกด้วยความเข้าใจแบบนี้ ทำให้ใจเขาแทบละลายลงตรงนี้แล้ว…

เขาต้วนหลิงเทียน กลับได้พบภรรยาอันประเสริฐเช่นนี้ในชีวิต!

นับเป็นพรจากฟ้าแล้วจริงๆ!

“ตอนพวกนางมีใจให้ข้า พวกนางยังเป็นแค่ดรุณีน้อยเท่านั้น…แถมนี่มันก็ผ่านมาหลายปีแล้ว พวกนางอาจไม่ได้มีใจให้ข้าเหมือนกาลก่อนแล้วก็ได้”

ต้วนหลิงเทียนกล่าว

ต้วนหลิงเทียนไม่อาจสังเกตเห็นได้เลยว่า ในขณะที่เขากล่าวคำนี้ออกมาลี่เฟยที่อิงซบเขาอยู่ ได้เผยรอยยิ้มเจื่อนๆออกมา

นั่นเพราะนางรู้ดีแก่ใจ ว่าแม้จะผ่านไป 20 กว่าปี หากแต่ใจปี้เหยากับเซี่ยวหลันล้วนไม่เคยแปรเปลี่ยน พวกนางยังคงปักใจอยู่กับบุรุษของนางตลอดเวลา

แน่นอนว่าแม้นางจะรู้ดีถึงเรื่องนี้ แต่ก็ไม่คิดบอกต้วนหลิงเทียน

หลังจากวันนี้ไปต้วนหลิงเทียนก็ไม่คิดออกไปไหน เพียงอยากอาศัยอยู่ในบ้านกับลี่เฟยและลูกน้อยดูแลเอาใจใส่ทั้งคู่อย่างดี

นั่นเพราะอีกไม่นานเขาเองก็ต้องออกจากภูมิภาคเบื้องล่างไปยังภูมิภาคเบื้องบนแล้ว

เช่นนั้นเขาจึงทะนุถนอมและหวงแหนช่วงเวลานี้นัก ด้วยไม่ทราบอีกนานเท่าไหร่หลังจากออกไปแล้วถึงจะได้เห็นหน้าลูกเมียอีกครั้ง

หลังจากผ่านไปสองสามวัน หรงหยวนก็มาหาต้วนหลิงเทียนถึงประตูหน้าบ้าน “นายน้อย ท่านจ้าวตำหนักให้ข้ามาเชิญท่าน…แม่นางเซี่ยวหลันกับแม่นางปี้เหยากลับมาแล้ว”

หรงหยวนกล่าวจุดประสงค์การมาก่อน ค่อยกล่าวเพิ่มเติม

ที่ต้องมา…ก็มาแล้ว!

ต้วนหลิงเทียนได้ฟังก็สูดลมหายใจเข้าลึกๆเฮือกหนึ่ง พยักหน้ากล่าวออก “อาวุโสหรงรอสักครู่”

หลังจากกล่าวบอกลี่เฟย ทั้งลูบหัวต้วนเนี่ยนเทียน ต้วนหลิงเทียนก็ออกจากบ้าน เหินร่างติดตามหรงหยวนไปยังโถงหลักของบิดา ก่อนจะเลยไปยังพื้นที่ส่วนหนึ่งของตำหนักที่มารดาปลูกบ้านอาศัยอยู่

ระหว่างทางแม้ต้วนหลิงเทียนจะมีการเตรียมตัวเตรียมใจเอาไว้ก่อนแล้ว แต่ก็ยังรู้สึกไม่สบายใจอยู่ดี

หลังจากนั้น ในที่สุดเขาก็ได้เห็นเซี่ยวหลันกับปี้เหยา

ถึงแม้จะรู้สึกว่าตัวเองไม่พร้อมเผชิญหน้าสักเท่าไหร่ แต่ต้วนหลิงเทียนก็รู้ดีว่าอย่างไรก็หนีไม่พ้น อีกทั้งไม่สมควรหนี…บางเรื่องจำต้องเผชิญหน้ากับมัน!!

“ท่านพ่อ…ท่านแม่”

หลังจากกล่าวทักต้วนหรูเฟิงกับลี่หลัวต้วนหลิงเทียนก็เบนสายตาไปมองร่างสตรีทั้ง 2 ข้างๆลี่หลัว

สตรีทั้ง 2 นับว่ามีรูปโฉมงามพิลาศล้ำทั้งคู่ มีพวกนางนั่งอยู่…ทิวทัศน์แวดล้อมโดยรอบคล้ายจะหมองลงหลายส่วน

ต้วนหลิงเทียนย่อมจดจำได้ทันที ว่าสตรีทั้ง 2 ก็คือเซี่ยวหลันกับองค์หญิงปี้เหยา…

ถึงแม้จะผ่านไปหลายปี แต่ต้วนหลิงเทียนก็จดจำพวกนางได้ทันที เทียบกับในอดีตแล้ว…รูปร่างหน้าตาของพวกนางย่อมเปลี่ยนแปลงไปบ้าง หากแต่ก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปมากมายอะไร มีเพียงความสดใสไม่ประสาของดรุณีน้อยในวันวานที่จืดจางหายไป…

ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนมองเซี่ยวหลันกับปี้เหยา ทั้งคู่ก็มองต้วนหลิงเทียนด้วยเช่นกัน

“ต้วน…ต้วนหลิงเทียน”

เซี่ยวหลันกับองค์หญิงปี้เหยา แรกเห็นต้วนหลิงเทียนก็เหม่อมองตาค้างไปพักหนึ่ง พอรู้สึกตัวว่าเสียกิริยาก็รีบก้มหน้าลงเล็กน้อย แก้มชมพูของพวกนางเริ่มขึ้นสีระเรื่อด้วยความขวยเขิน

แม้ว่าจะเนิ่นนานแล้วหลังจากที่ได้เห็นต้วนหลิงเทียนครั้งสุดท้าย

อย่างไรก็ตามความรู้สึกในใจของพวกนางยังสดใหม่แจ่มชัดราวกับพึ่งจากลากันไปเมื่อวาน

นั่นเพราะตั้งแต่ที่พวกนางมาถึงตำหนักเมฆาคราม พวกนางก็มุ่งเน้นไปที่การบ่มเพาะพลัง เมื่อออกจากการกักตัวฝึกฝน ก็มาดูแลลี่หลัวแทบไม่ได้คำนึงถึงวันเวลาแต่อย่างไร…

ใจที่พวกนางมีให้ต้วนหลิงเทียน จึงยังคงเดิม ไม่ได้แปรเปลี่ยนไป…

‘เฮ่อ…ที่จะเกิดอย่างไรก็ต้องเกิดจริงๆ’

ต้วนหลิงเทียนย่อมบอกได้ทันทีจากทีท่าเขินอายของสตรีทั้ง 2 ว่าพวกนางยังมีใจให้เขาอยู่หรือไม่…

อาการนี้เป็นสิ่งสุดท้ายที่เขาอยากจะเห็น

อย่างไรก็ตามแม้ไม่ต้องการยอมรับแต่ก็จำต้องยอมรับ หลังพบว่าเซี่ยวหลันกับปี้เหยายังมีใจให้เขาต้วนหลิงเทียนไม่ได้ผิดหวังอะไร กลับภาคภูมิใจในตัวเองเสียอีก

หลังจากทั้งหมดแล้ว…นี่ก็คือผลพวงของความหล่อและเสน่ห์เขาอย่างไรเล่า! ในฐานะผู้ชายจะไม่ให้กระหยิ่มยิ้มย่องในใจได้อย่างไร แม้จะรู้สึกว่ามันไร้สาระก็ตามที…

“ไม่พบกันเสียนาน…”

ต้วนหลิงเทียนมองกล่าวกับสตรีทั้ง 2 ด้วยรอยยิ้ม

ต่างจากต้วนหลิงเทียนที่ยังมีท่าทางสงบ สตรีทั้ง 2 ที่ถูกต้วนหลิงเทียนถามด้วยรอยยิ้มกับรู้สึกปั่นป่วนอยู่บ้าง ยังไม่รู้จะกล่าวตอบอย่างไร พากันพูดไม่ออกไปพักหนึ่ง

“ท่านพ่อ ท่านแม่…ข้าอยากคุยกับพวกนางเป็นการส่วนตัว”

เมื่อเห็นทีท่าอึกอักของสตรีทั้ง 2 ต้วนหลิงเทียนพลันหันไปมองต้วนหรูเฟิงและลี่หลัวค่อยกล่าว

“เทียนเอ๋อ เจ้าอย่าได้รังแกหลันเอ้อกับเหยาเอ้อเด็ดขาด…หาไม่แล้วอย่าได้หาว่ามารดาผู้นี้ใจร้าย!”

ลี่หลัวกล่าวออกด้วยเสียงดังฟังชัด ยังไม่วายกล่าวกำชับตักเตือน

“เอาล่ะ พวกเจ้าคุยกันไปเถอะ”

ต่างจากเสียงเตือนด้วยความดุดันของลี่หลัวแล้ว เสียงต้วนหรูเฟิงแลดูสบายๆกว่ากันมาก

ครู่ต่อมาต้วนหรูเฟิงกับลี่หลัวก็จากไป คงเหลือเพียง 3 คน นั่นก็คือต้วนหลิงเทียน เซี่ยวหลันและปี้เหยา

หลังต้วนหรูเฟิงกับลี่หลัวจากไป ไม่เพียงแต่ทั้งคู่จะไม่ผ่อนคลายกล่าวคำได้ แต่ยังแลดูกดดันทั้งเคร่งเครียดกว่าเดิมเสียอีก

“ความรู้สึกที่พวกเจ้ามีให้ข้า ข้าเข้าใจดี…”

เมื่อเห็นสตรีทั้ง 2 พูดไม่ออก ต้วนหลิงเทียนมีแต่จะกล่าวออกมาก่อนเท่านั้น

และจังหวะนี้สตรีทั้ง 2 อดไม่ได้ที่จะรู้สึกกระวนกระวายในใจอยู่บ้าง

“เดาว่าพวกเจ้าก็คงรู้แล้วว่าเป็นไปไม่ได้ที่ข้าจะยอมรับพวกเจ้าได้ในทันที…และตัวข้าเองก็กำลังจะไปภูมิภาคเบื้องบนในอีกไม่ช้า แถมพวกเจ้าเองก็คงรับรู้เรื่องที่คู่หมั้นของข้า เค่อเอ๋อ ได้ถูกลัทธิบูชาไฟพาตัวไปแล้วใช่หรือไม่?”

ต้วนหลิงเทียนกล่าวออกอย่างตรงไปตรงมา “จนกว่าเค่อเอ๋อจะถูกข้าช่วยกลับมา ข้าไม่อาจรับสตรีคนใดได้…เพราะนั่นจะเป็นการไม่ให้เกียรตินางและไม่เคารพพวกเจ้า! หากข้าเป็นบุรุษเช่นนั้นจริงๆ พวกเจ้าคงมีแต่จะรังเกียจข้าเท่านั้น”

เซี่ยวหลันกับปี้เหยาพยักหน้ารับเมื่อได้ยินคำของต้วนหลิงเทียน

ต้วนหลิงเทียนกล่าวเรื่องนี้ออกมา พวกนางก็ไม่ได้แปลกใจอะไร

นอกจากนี้พวกนางก็รู้จักต้วนหลิงเทียนดี ยังรู้ว่าหากต้วนหลิงเทียนยังช่วยเหลือเค่อเอ๋อไม่ได้ คงเป็นไปไม่ได้เลยที่จะมีกะจิตกะใจมาสนใจพวกนาง นับประสาอะไรกับรับรัก

อย่างที่ต้วนหลิงเทียนกล่าวไว้ หากในสถานการณ์นี้ถ้าต้วนหลิงเทียนยังมีใจมายอมรับพวกนาง ไม่เพียงแต่พวกนางจะดูถูกเขาเท่านั้น ยังรู้สึกว่าเขาช่างเป็นบุรุษที่ไร้ความรับผิดชอบอีกด้วยคงเสียทีที่หลงรักมาเนิ่นนาน

“นอกจากนี้…ข้ายังมีสตรีที่ข้ารักอยู่อีกคน”

ต้วนหลิงเทียนที่คิดถึงเฟิ่งเทียนหวู่ พลันกล่าวออกมา

“เป็นเทียนหวู่ใช่หรือไม่?”

เซี่ยวหลันกล่าวถาม

“หือ? เจ้ารู้จักเทียนหวู่ด้วยเหรอ?”

ต้วนหลิงเทียนอึ้ง

“พวกเรามักได้ยินพี่หญิงลี่เฟยกล่าวถึงเทียนหวู่…พวกเรายังรู้ด้วยว่า เพื่อเจ้าแล้ว…เทียนหวู่ยินดีสละได้กระทั่งชีวิต…”

ปี้เหยากล่าว

ไม่ว่าจะเป็นเซี่ยวหลันหรือปี้เหยา พอได้รับทราบเรื่องราวของเฟิ่งเทียนหวู่ พวกนางอดไม่ได้ที่จะรู้สึกอิจฉาเฟิ่งเทียนหวู่จับใจ

เพียงเพราะการกระทำของนาง ทำให้ลี่เฟยกับเค่อเอ๋อยอมรับกระทั่งยังเข้าไปอยู่ในใจต้วนหลิงเทียนได้สำเร็จ

กล่าวกันไปแล้ว ต้วนหลิงเทียนรู้จักเฟิ่งเทียนหวู่หลังพวกนางด้วยซ้ำ…

แต่แน่นอนว่าพวกนางยังรู้สึกชื่นชมนับถือเฟิ่งเทียนหวู่นัก…เพราะนั่นคือสตรีที่ยึดมั่นในรักโดยแท้! กระทั่งเพื่อคนที่ชอบแล้วสามารถสละได้กระทั่งชีวิต!!

เรื่องนี้ไม่ใช่อะไรที่ใครก็ทำได้…

“เป็นเช่นนั้นจริงๆ…”

ต้วนหลิงเทียนพยักหน้ารับ ก่อนที่สายตาจะกลายเป็นเลื่อนลอย ความคิดเริ่มปลิวย้อนไปในวันวาน