บทที่ 537 เขาในป่าไผ่เย็นยะเยือกราวน้ำแข็ง

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

บทที่ 537 เขาในป่าไผ่เย็นยะเยือกราวน้ำแข็ง

ฮู้ว……

โชคดี ที่ลูบโดนไม่ใช้รอยย่น

หลานเยาเยาแอบโล่งใจ

บนใบหน้าไม่ได้แก่ชราเร็วเท่ามือขนาดนั้น ไม่รู้เป็นเพราะตัวเองกินยา หรือผลกระทบในจิตใจ

ด้วยเหตุนี้ เมื่อเอากระจกจากระบบการรักษาโรคภัยไข้เจ็บออกมาดู ผิวบนใบหน้า ไม่ได้แย่เหมือนที่นางคิดขนาดนั้น

แต่ผมของนาง เหมือนกับว่าหัวขาวในชั่วข้ามคืน ส่วนใหญ่ขาวดั่งหิมะแล้ว หยิบเส้นผมที่ห้อยที่หน้าอก ดูแล้วดูอีก

สุดท้ายถอนหายใจออกมาเงียบๆอีก

ทันใดนั้น!

“เจ้าเป็นใคร?”

เสียงหนึ่งที่คุ้นเคยดังขึ้นอย่างกะทันหัน ร่างกายหลานเยาเยาชะงัก ค่อยๆหันหลังไปดู

เป็นผู้ชายวัยรุ่นที่สง่างามสองคน ผู้หนึ่งหล่อเหลาสบายๆ ผู้หนึ่งนุ่มนวลเหมือนน้ำ

แต่พวกเขาล้วนค่อนข้างสะบักสะบอม เสื้อผ้าบนร่าง แม้ว่าจะไม่ได้ขาดรุ่งริ่ง แต่ก็ขาดความแวววาวหรูหราจากเดิม ถูกทรายสีเหลืองย้อมเป็นสีออกเหลืองเล็กน้อย

พวกเขาไม่ใช่คนอื่น แต่เป็นยู่หลิวซูและเย่หลีเฉินที่ถูกกองทัพมดทะเลทรายโจมตีเดินพลัดแยกไป บนใบหน้าของพวกเขาล้วนเป็นสีหน้าของการระมัดระวัง

ยู่หลิวซูและเย่หลีเฉินมองดูผู้หญิงชุดแดงด้านหน้าที่อยู่ไม่ไกล สุดท้ายของเหตุการณ์การต่อสู้ก่อนหน้านี้ พวกเพิ่งได้มาถึง ล้วนได้ดูฉากนี้ไว้ในตา เงาปีศาจคนสุดท้ายถูกฆ่าตายอย่างคล่องแคล่วว่องไว แม้ว่าไม่ได้เห็นหน้าตรงๆของนาง

แต่เห็นเสื้อผ้าและฝีมือการฆ่าคนของนาง เหมือนกับหลานเยาเยาที่พวกเขารู้จักเป็นที่สุด

แต่หลานเยาเยาที่พวกเขารู้ ท่าทางก็ไม่ใช่เช่นนี้

อย่างน้อยเส้นผมก็ไม่เหมือน!

ยังคิดว่าเป็นศัตรูที่ตั้งใจแสดงละครฉากหนึ่ง ดังนั้นพวกเขาก็ไม่ได้เข้าใกล้ ยังค่อนข้างเย็นชาเล็กน้อย

เย่หลีเฉินออกเสียงถาม เป็นน้ำเสียงราบเรียบห่างเหิน แต่เมื่อเห็นหน้าตรง พวกเขาทั้งสองก็เปิดตาโตพร้อมๆกัน ในตาล้วนเป็นความไม่น่าเชื่อเหมือนกัน

“เจ้าสำนัก? !”

“เทพธิดา? !”

แทบจะเป็นเสียงเดียวกัน

พวกเขาไม่กล้าถาม ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?

และหลีกเลี่ยงหัวข้อนี้เหมือนกันโดยไม่ได้นัดหมาย เย่หลีเฉินใช้ข้อศอกกระทุ้งแขนของยู่หลิวซู ยู่หลิวซูไตร่ตรองประโยคครู่หนึ่ง ค่อยๆปริปาก

“เจ้าสำนัก พวกท่านสามารถมีชีวิตได้อย่างเหนือความคาดหมายจริงๆขอรับ ตอนนั้นเสบียงอาหารและน้ำล้วนที่พวกเราทางนี้ พวกท่านอยู่ได้ไม่กี่วัน พวกเราล้วนคิดว่าพวกท่านตายแล้วนะขอรับ!”

หลังจากหนีรอดจากการล้อมโจมตีของกองทัพมดทะเลทรายแล้ว พวกเขาก็ค้นหาว่ามีหรือไม่มีผู้รอดชีวิต

หลานเยาเยา : “แม้ว่าจะมีชีวิตรอดจากความตาย แต่ ก็นับว่ารอดมาได้แล้ว”

ได้ยินน้ำเสียงของนางเป็นดั่งปกติ เย่หลีเฉินรีบพูดต่อ :

“พวกเราก็มีชีวิตรอดจากความตาย คนมากมายล้วนตายไปแล้ว คนที่มีชีวิตอยู่มีไม่กี่คน โชคดีเห็นคนของราชครูเทียนเวิง จึงแอบสะกดรอยพวกเขามาโดยตลอดจนถึงที่นี่

ไม่เช่นนั้น ไม่แน่ว่าพวกเราอาจจะเดินไปถึงที่ไหนสักแห่งของทะเลทรายแล้ว”

หลานเยาเยามองดูพวกเขา ในดวงตาเปล่งประกาย เก็บอารมณ์ที่ค่อนข้างแย่ของตัวเอง มุมปากยกขึ้นเหมือนเมื่อก่อน

“ตาเฒ่าเย่นล่ะ? พวกเขาไม่ได้มาพร้อมเจ้าหรือ?”

เห็นพวกเขาปลอดภัยไร้กังวล จิตใจของนางก็สงบมากขึ้นแล้ว แต่เมื่อนึกถึงตาเฒ่าเย่นไม่ได้มาพร้อมกับพวกเขา เขาคนแก่ผู้หนึ่งจะมีชีวิตในทะเลทรายได้อย่างไร

เมื่อคิดถึงร่างกายที่แก่ชราของเขา ในใจของนางก็กังวลขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว

โชคดี คำพูดต่อไปของยู่หลิวซู ทำให้นางวางใจได้โดยสิ้นเชิงแล้ว

“เจ้าสำนักไม่ต้องเป็นกังวลขอรับ ตาเฒ่าเย่นตามมาพร้อมพวกเรา เพียงแค่เข้ามาในนี้ก็ถูกทรายสีเหลือพัดกระจายไปแล้ว เขาเก่งกาจกว่าพวกเราทั้งหมด คนอื่นพบเขาก็ล้วนต้องเดินอ้อม”

แน่นอนว่าหลานเยาเยาไม่กังวล หลังจากพยักหน้าเล็กน้อย ก็บอกเรื่องราวหลังจากที่พวกเขาพลัดพรากกันคร่าวๆ

“พวกเราควรจะทำอย่างไรต่อไปขอรับ?”

“คนของราชครูเทียนเวิงมีไม่น้อย อีกทั้งเงาปีศาจและหน่วยกล้าตายที่เขาคิดว่าภูมิใจที่สุดออกเคลื่อนไหวแล้วทั้งหมด พวกเราไปรวมตัวกับคนอื่นก่อน”

ได้ยินคำพูดนาง ยู่หลิวซูและเย่หลีเฉินล้วนเห็นด้วย

แต่ในเวลานี้ รอบๆเริ่มปกติ เสียงกึกที่คุ้นเคยดังขึ้น

ยู่หลิวซู : “ไม่ใช่มั้ง! มาอีกแล้ว?”

เย่หลีเฉิน : “คราวนี้เสียงของกลไกดังมาก ไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหนอีก?”

ขณะที่พวกเขาสังเกตดูรอบๆอย่างระมัดระวัง หลานเยาเยาได้เงยหน้ามองด้านบน ม่านตาหดตัว กล่าวอย่างรีบร้อน :

“รีบออกไปจากที่นี่”

ครั้งนี้การทำงานของกลไกไม่ใช่ที่อื่น แต่เป็นที่นี่ หลังคาทองคำเดิมทีที่ราบเรียบแวววาว เวลานี้ผุดเป็นรูเท่าดวงตาเล็กๆนับไม่ถ้วนออกมา อาวุธลับด้านในเตรียมไว้โดยเจตนา

วินาทีต่อมา อาวุธลับนับไม่ถ้วนยิงออกมาจากรู อธิบายมากไม่ทัน นางก็ใช้กำลังภายในแยกพวกเขาทั้งสองคน จากนั้นตัวเองก็แฉลบหนีไปราวสายฟ้าแลบ

แต่ก็เพราะเช่นนี้พอดี หลานเยาเยากับยู่หลิวซู เย่หลีเฉินถูกแยกออกแล้ว ไม่มีทางรอดเข้าไป

อีกทั้งดูลักษณะเช่นนี้ ไม่ปิดกลไก อาวุธลับก็จะไม่หยุดลง

ด้วยเหตุนี้วาดเปรียบเปรยสองสามทีกับคนทั้งสองที่อยู่ไกลๆ นั่นเป็นสัญญาณมือเฉพาะของสำนักหงอี ความหมายก็คือดำเนินการตามแผน

ยู่หลิวซูน่าจะมองออก

หลังวาดเปรียบเปรยเสร็จ นางก็หมุนตัวจากไป เดินไปทางด้านหน้า ทิศทางที่เงาปีศาจไม่กี่คนนั้นออกมา

นั่นเดิมทีเป็นท้องพระโรงที่สวยสดงดงามที่หนึ่ง ทั้งหมดสร้างจากทองคำ

น่าเสียดาย……

ตอนนี้ไม่ใช่ลักษณะที่โอ่อ่ายิ่งใหญ่แล้ว ด้านในไม่เพียงเละเทะ ยังมีศพของเงาปีศาจอีกหลายศพ

กำแพง เสาทอง รวมถึงโต๊ะเก้าอี้เหล่านั้น ล้วนเรี่ยราดในระดับที่ต่างกันไป ทั้งยังมีที่กระทั่งถูกตัดเรียบออกไปส่วนหนึ่ง

จึจึ!

ร้ายกาจ!

ทองคำก็สามารถตัดทิ้งได้ นี่ต้องเป็นมีดที่แหลมคมเท่าไหร่?

เย็นหงเก่งกาจ ทำลวกๆสองสามครั้ง ก็ใช้การควบคุมกลไกฆ่าคนได้

และเงาปีศาจไม่กี่คนนั้นที่ถูกนางฆ่าก่อนหน้านี้ คาดว่าก็เพราะหลังจากที่กลไกทำงาน ไม่ได้รับการสั่นสะเทือนและก็ไม่มีวิธีเข้าไป ดังนั้นอยู่ลำพัง อยากหาทางเข้าจากทางอื่น

ผลลัพธ์กลับพบเจอกับนางอย่างน่าเศร้าใจ

ดูท่าแล้ว ราชครูเทียนเวิงน่าจะเคยมาที่นี่ อีกทั้งไปทางในตำหนัก

เป็นดังคาด หลังจากเข้าในตำหนัก ค้นหาโดยรอบรอบหนึ่ง ก็ได้พบว่าในตำหนักมีทางลับที่หนึ่ง ประตูทองคำสี่เหลี่ยมได้ถูกเปิดออก อีกทั้งเป็นการโดนฝืนให้เปิดออก

หลานเยาเยาเวลานี้ ราวกับว่าได้มีดวงตาเกิดขึ้นทั้งตัว

ด้านหนึ่งจะต้องระวังด้านหน้าว่าจะมีหรือไม่มีการพบกับคนของราชครูเทียนเวิง อีกด้านต้องระมัดระวังกลไกจะเริ่มทำงานอีกครั้งหรือไม่อยู่ตลอดเวลา

หลังจากเข้าทางลับ นางก็พบว่าตะเกียงน้ำมันที่เดิมทีอยู่บนผนัง ได้ถูกทำลายไปมากมาย ด้านในมืดมิดไร้แสงสว่าง ยื่นมือไปไม่พบนิ้วทั้งห้า

ด้วยเหตุนี้ นางทำได้เพียงเอามุกเย่หมิงออกมาส่องแสงทางด้านหน้า

ตลอดทางก็ไม่ได้ผิดปกติ หลังจากเดินออกไป กลับพบอย่างประหลาดใจ กลับมาตำแหน่งของพระราชอุทยานอีกแล้ว อีกทั้งเป็นการออกมาจากภูเขาปลอม

เป็นเช่นนี้ได้อย่างไร?

ระหว่างที่ตกตะลึง หลานเยาเยาคิดอย่างลึกซึ้งครู่หนึ่ง ถึงได้รู้สึกตกใจ วังทองแห่งนี้ ไม่เพียงเป็นเมืองแห่งกลไกเท่านั้น ยังเป็นเขาวงกตที่ขนาดใหญ่มากแห่งหนึ่งด้วย

เมื่อคิดเช่นนี้ หลานเยาเยารู้สึกว่า หาต่อไปเช่นนี้ไม่มีประโยชน์แล้ว

นางจำเป็นต้องหาส้งเย่นกุยให้พบก่อน ทำความเข้าใจกับเขาหน่อยว่ามีแผนที่ใต้ดินของวังทองแห่งนี้หรือไม่

นางอยู่ที่นี่มาหลายวัน เวลาที่ฟื้นขึ้นมา แทบจะเดินรอบวังนี้รอบหนึ่งแล้ว สำหรับภูมิศาสตร์ของที่นี่สามารถบอกได้ว่านับว่าคุ้นเคยแล้ว

แต่เวลานี่ไม่เหมือนวันที่ผ่านมา

เพราะว่ามีเย็นหงดำเนินการควบคุมกลไกทั้งหมดด้วยเวลาที่ไม่แน่นอน การเดินทางก็ล้วนเป็นการผจญภัย

เพื่อเหตุผลด้านความปลอดภัย นางจำเป็นต้องเดินกลับไปตามทางเดิม

กำลังคิดจะหมุนตัว ความหูไวของนาง ได้ยินเสียงต่อสู้เลือนรางอย่างกะทันหัน แว่วมาจากที่ไกลๆ ราวกับว่าห่างจากที่นี่ไม่ไกลนัก

จะเป็นได้หรือไม่ที่ตาเฒ่าเย่นพบกับคนของราชครูเทียนเวิงแล้ว?