บทที่ 406 แม่สามีเจอสะใภ้ (1)
การกระทำของหลงอีทำเอาทุกคนตื่นตกใจ
ไม่มีใครคาดคิดว่าหลงอีจะผิดปกติเช่นนี้ องค์หญิงซิ่นหยางให้เขาส่งกล่องให้ไท่จื่อเฟย เขาไม่ส่งให้ไท่จื่อเฟยก็แล้วไปเถอะ นึกไม่ถึงว่าจะส่งต่อไปให้คนผ่านทางมาคนหนึ่ง
ท่าทางอดรนทนไม่ไหวนั่นน่ะ ราวกับคล้ายรังเกียจไท่จื่อเฟยอย่างไรอย่างนั้น
หลงอีไม่ได้คิดอะไรมาก แต่ห้ามคนอื่นให้คิดเช่นนี้ไม่ได้ ไท่จื่อเฟยไม่ได้มีฐานะทางสังคม เพียงแต่ด้วยความพยายามอย่างไม่หยุดยั้งมานานหลายปี นางจึงได้ยืนอยู่ในตำแหน่งที่ผู้คนนับหมื่นต่างเคารพบูชา
นางไม่เพียงจะเป็นชายามีคุณธรรมของไท่จื่อเท่านั้น ยังเป็นที่ปรึกษาของวังบูรพาด้วย ตำแหน่งของนางมีความสำคัญมาก ไม่รู้ว่ากี่ปีแล้วที่ไม่โดนคนอื่นปฏิบัติด้วยเช่นนี้
โทสะที่เผยขึ้นบนสีหน้าของนางไม่สามารถใช้คำว่ากระอักกระอ่วนมาบรรยายได้แล้ว
ส่วนกู้เจียวที่ถูกหลงอีขวางไว้ก็ตกอกตกใจไม่น้อยไปกว่าไท่จื่อเฟยเลย
เหตุใดนางอยู่ในวังถึงยังเจอองครักษ์หลงอิ่งคนนี้อีกเล่า
นี่มันบุพเพอาละวาดอะไรกัน!
กล่องใบนั้นถูกยัดใส่อ้อมอกของกู้เจียวอย่างไม่เต็มใจนัก คิดในใจว่าเจ้าหมอนี่คงไม่ได้เอาดินสอกล่องใหญ่มาให้นางหักหรอกกระมัง
นางจะปฏิเสธอย่างไรดี
กู้เจียวถอยหลังไปก้าวใหญ่!
นางไม่เอา!
ไท่จื่อเฟยโมโหจนแทบจะเสียสติ!
สิ่งที่นางไม่อาจแม้แต่จะคิด นึกไม่ถึงว่าจะถูกเด็กสาวนางนี้ปฏิเสธ!
ไท่จื่อเฟยไม่ได้เสียดายเห็ดหลิงจือพันปีแค่ดอกเดียวหรอก นางเสียดายน้ำใจขององค์หญิงซิ่นหยางต่างหาก แต่ดันมีคนไม่เห็นค่า!
ไท่จื่อเฟยยิ่งรักษาสีหน้าไว้ไม่อยู่
องค์หญิงซิ่นหยางมองไปทางหลงอีกับกู้เจียวแวบหนึ่ง ก่อนจะไตร่ตรองครู่หนึ่งแล้วเอ่ยกับอวี้จิ่น “ไม่ได้กลับวังมาหลายปี ในวังมีหน้าใหม่เพิ่มขึ้นมาไม่น้อย อวี้จิ่น เจ้าไปเชิญมาทีสิ”
“เพคะ” อวี้จิ่นค้อมกายแล้วสาวเท้าเดินลงบันไดไป
กู้เจียวสังเกตเห็นนางภายในปราดเดียว
อวี้จิ่นแตกต่างจากข้าหลวงส่วนใหญ่ยิ่งนัก กลิ่นอายของแผ่นซ่านออกมาจากภายใน วันนี้นางไม่ได้คลุมผ้าคลุมหน้าผืนบาง ความงามอันลึกลับจึงลดลง แต่กลับมีความน่าเกรงขามของนางข้าหลวงแห่งวังหลวงเพิ่มขึ้นไม่น้อย
นางมาหยุดยืนตรงหน้ากู้เจียว ก่อนจะยิ้มน้อยๆ แล้วเอ่ยด้วยเสียงนอบน้อม “แม่นาง องค์หญิงของข้าเรียนเชิญ”
ของข้าอย่างนั้นรึ
หากฮูหยินท่านนี้บอกว่าตัวเองเป็นองค์หญิงกู้เจียวก็เชื่อ นึกไม่ถึงว่าคนที่มีมาดไม่ธรรมดาเช่นนี้จะเป็นแค่นางข้าหลวงขององค์หญิง
จะว่าไปแล้วกู้เจียวยังไม่เคยเห็นองค์หญิงของราชวงศ์นี้เลย พวกนางต่างออกเรือนกันไปหมดแล้ว ไม่ได้พักอยู่ในวัง และไม่รู้ว่าองค์หญิงที่ฮูหยินท่านนี้พูดถึงเป็นองค์หญิงพระองค์ใด
กู้เจียวเดินไปทางศาลารับลมด้วยกันกับนาง
หลงอียัดกล่องให้นางอีกคน อีกทั้งยังจับมือนางไว้ บังคับให้นางหอบกล่องเอาไว้ด้วย
อวี้จิ่นหันมามองทั้งคู่
กู้เจียวสีหน้าไม่รู้เรื่องรู้ราว นางไม่ได้ตั้งใจจริงๆ นะ
อวี้จิ่นหัวเราะ คล้ายไม่ถือสา นางชี้ไปที่บันไดพลางเอ่ย “เชิญแม่นาง”
กู้เจียวขึ้นบันไดเดินไปตรงกลางศาลารับลม
ไท่จื่อเฟยก็อยู่ด้วย
ทว่ากู้เจียวไม่ได้สังเกตเห็นนางเลยแม้แต่น้อย ตั้งแต่ที่นางเข้าศาลามา สายตาก็ถูกองค์หญิงซิ่นหยางในศาลาดึงดูดไว้
นางสวมชุดกระโปรงผูกเอวสีขาวตลอดร่าง ด้านนอกเป็นผ้าผืนบางกึ่งโปร่งสีทอง ทั้งสวยงามเพียบพร้อม แสนสง่า
เสื้อผ้าอาภรณ์ของนางไม่ได้หรูหราประเจิดประเจ้อ แต่คล้ายมีกลิ่นอายน่าเกรงขามที่เพียบพร้อมแฝงด้วยกลิ่นอายของชนชั้นสูง
มิน่าเล่าหญิงคนนั้นจึงได้ยินดีศิโรราบให้
นางคู่ควรจริงๆ
กู้เจียวตื่นตะลึงไม่เบา
ทว่าในขณะนั้นเองนางก็สงสัยไม่น้อย รู้สึกว่าใบหน้าดวงนี้คลับคล้ายคลับคลาว่าเคยเห็นที่ไหนมาก่อน
ไม่แปลกที่กู้เจียวจะนึกไม่ออก เพราะในคฤหาสน์บนถนนจูเชวี่ยนั้น นางเห็นเพียงแค่ใบหน้าซีดเซียวครึ่งซีกเท่านั้น อีกทั้งนางยังมองอยู่แค่แวบเดียวเท่านั้นด้วย
องค์หญิงซิ่นหยางวันนี้แต่งตัวงดงาม ผัดแป้งละเอียดละออ ไม่เหมือนสภาพของคนป่วยเลยแม้แต่นิดเดียว
ไท่จื่อเฟยเอ่ยแนะนำ “แม่นางกู้ ท่านนี้คือองค์หญิงซิ่นหยาง”
องค์หญิงซิ่นหยางอย่างนั้นรึ
กู้เจียวหันขวับไปมองอีกฝ่าย!
ไท่จื่อเฟยเอ่ยต่อ “องค์หญิงซิ่นหยาง ท่านนี้คือคุณหนูแห่งจวนติ้งอันโหว แม่นางกู้เพคะ”
“ไม่ได้พบเสียนาน โตขึ้นไม่น้อยเลย” องค์หญิงซิ่นหยางเคยเห็นกู้จิ่นอวี๋ แต่ไม่ได้สนิทสนม
ไท่จื่อเฟยเอ่ยครุ่นคิดพลางอธิบาย “ท่านนี้เป็นคุณหนูใหญ่แห่งจวนติ้งอันโหวเพคะ เร่ร่อนอยู่ในชนบทตั้งแต่เด็ก เพิ่งจะกลับมาเมืองหลวงได้ไม่นาน กู้จิ่นอวี๋เป็นคุณหนูรองของจวนติ้งอันโหวเพคะ”
องค์หญิงซิ่นหยางไม่สนใจเรื่องส่วนตัวของบ้านอื่น นางแค่อยากเห็นว่าใครกันที่ทำให้หลงอีสนใจ
นางมองไปยังกู้เจียวพลางเอ่ย “หลงอีเคยเจอเจ้ารึ”
หลงอีอย่างนั้นหรือ
องครักษ์หลงอิ่งคนนั้นชื่อหลงอีรึ
นางอยากจะตั้งฉายาในโรงประลองใต้ดินว่าหลงป้าเทียนยังผิดกฎ บอกว่าไปคล้องจองกับชื่อกษัตริย์ แต่เจ้าหมอนี่กลับชื่อหลงอีได้
มีเบื้องลึกเบื้องหลังสินะ ช่างไม่ธรรมดาเลยจริงๆ!
“ไม่เคยเพคะ” กู้เจียวเอ่ยโดยไม่เปลี่ยนสีหน้า จะเปิดเผยเรื่องที่นางไปโรงประลองใต้ดินไม่ได้ นางยังรอจะถลุงกุยช่ายอย่างไท่จื่ออยู่
อย่างไรเสียองครักษ์หลงอิ่งก็ไม่พูดจาอยู่แล้ว ไม่มีทางเปิดโปงนางหรอก
สายตาองค์หญิงซิ่นหยางพลันตกลงบนหน้าหลงอี นางย่อมไม่มีทางเชื่อที่กู้เจียวพูดหมดทุกอย่างอยู่แล้ว นางอยากจะฟังคำตอบจากหลงอี
แต่นางก็เข้าใจว่าหลงอีไม่มีทางพูดคุยกับนางหรอก
องครักษ์หลงอิ่งเป็นองครักษ์ลับที่สนิทที่สุดของเจ้านาย พวกเขารู้ความลับของเจ้านายทุกอย่าง หากพวกเขาตกไปสู่เงื้อมมือของคนไม่ดี ผลจะเป็นอย่างไรไม่ต้องคิดเลย
เพื่อป้องกันไว้ก่อน ฮ่องเต้พระองค์ก่อนจึงฝึกองครักษ์หลงอิ่งให้กลายเป็นเครื่องมือเย็นชาดุจน้ำแข็งที่ไม่อาจเปิดปากพูดคุยกับใครได้
ทว่าองค์หญิงซิ่นหยางก็ไม่ได้รู้สึกว่าหลงอีเคยพบกันกับคุณหนูแห่งจวนติ้งอันโหวมาก่อน หลงอีเฝ้าอยู่ข้างกายนางตลอด ออกเดินทางเพียงครั้งเดียวคือคุ้มกันส่งอวี้จิ่นไปซื้อยาที่โรงประลองใต้ดิน
คุณหนูแห่งตระกูลสูงส่งไม่มีทางไปสถานที่พรรค์นั้นแน่นอน
ดังนั้นหลงอีไม่อยากให้ไท่จื่อเฟยเฉยๆ ก็แค่นั้น แต่จะไม่มอบของขวัญขอบคุณก็ไม่ได้ เขาจึงยัดๆ ใส่มือคนที่ผ่านทางมา
องค์หญิงซิ่นหยางคิดแล้วคิดอีกก็ไม่เข้าใจ นางยังไม่กล้าเดาถึงความเป็นไปได้ที่หลงอีกล้าอนุญาตให้คนแปลกหน้าเข้ามาในเรือนเพื่อรักษาอาการป่วยของนางและจัดยาให้นางหรอก
กู้เจียววางกล่องคืนให้บนโต๊ะ
องค์หญิงซิ่นหยางห้ามนางไว้ ก่อนเอ่ยกับนาง “ในเมื่อหลงอีอยากจะให้เจ้า เช่นนั้นเจ้าก็รับไว้เถิด”
แต่นางไม่อยากรับไว้นี่นา เกิดรับไปแล้วเขามาบังคับให้นางหักดินสอถ่านในกล่องให้หมดอีกเล่า…
“เช่นนั้นก็…ขอบพระทัยเพคะ”
รับไว้ก่อนแล้วกัน อีกเดี๋ยวค่อยโยนมันทิ้ง คิดจะให้นางหักดินสอถ่านอีกน่ะรึ ฝันไปเถอะ!
“เช่นนั้นข้าขอตัวก่อน ทั้งสองท่านสนทนากันตามสบาย” กู้เจียวต้องรีบเผ่นให้ไว เพื่อไม่ให้เจ้าคนที่ชื่อหลงอีนี่มาไล่ตามนางให้หักดินสอ!
กู้เจียวเข้าวังมาเอาของ ยามนี้ของยังไม่ทันจะได้เอา ก็หันหลังเดินไปนอกวังทันที!
นางวิ่งฉิวมาขึ้นรถม้า ตั้งใจว่าจะดูเสียหน่อยว่าเจ้าหมอนั่นนั่นเตรียมดินสอให้นางเท่าใด ไหนเลยจะรู้ว่าพอเปิดกล่องดู ด้านในกลับมีเห็ดหลินจือพันปีชั้นเยี่ยมวางอยู่
นางใช้ชีวิตมาสองชาติแล้วยังไม่เคยเห็นเห็ดหลินจือชั้นเลิศเท่านี้มาก่อนเลย
กู้เจียวมึนงงในทันใด