ตอนที่ 384 การประลองครั้งแรกในโลกบรรพกาล… (2)
หลี่ฉางโซ่วขมวดคิ้วและพิจารณาถึงข้อดีและข้อเสียของเรื่องนี้ วังมังกรคิดจะเผยแพร่เรื่องนี้ออกไป ความจริงแล้ว พวกเขากำลังช่วยส่งเสริมอำนาจของศาลสวรรค์ทางอ้อม ทั้งยังป่าวประกาศให้โลกภายนอกรู้ว่าวังมังกรอยู่ข้างศาลสวรรค์ ซึ่งช่วยให้ศาลสวรรค์มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จัก
สำหรับเขา นั่นเป็นสิ่งที่ดี เทียบเท่ากับได้ผลงานด้วยการนอนทั้งที่ไม่ได้ทำอะไรเลย
แค่กๆ เหมือนได้ผลงานด้วยการนั่ง!
เขาต้องแสดงการออกแบบการเล่นที่มีแนวโน้มว่าจะเป็นแค่ของตลกล้อเล่นเหล่านั้น ต่อหน้าเหล่าปรมาจารย์นอกเผ่ามังกร โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อต้องนั่งบนแท่นที่สามารถพ่นหมอกขาวและหมุนไปมาไม่หยุด…
เขารู้สึกอับอายขายหน้าเป็นล้นพ้น
ดังนั้น จึงส่งผลให้การแข่งขันครั้งใหญ่ของวังมังกรถูกเลื่อนออกไปอีกครึ่งเดือนในขณะที่เผ่ามังกรก็เริ่มส่งเทียบเชิญบรรดาปรมาจารย์จากทุกสาขามาเข้าร่วมชมพิธี
หลี่ฉางโซ่วกังวลว่าจะมีพวกลูกสมุนของสำนักบำเพ็ญประจิมแอบแฝงเข้ามา เขาต้องเตรียมการบางอย่างเพื่อป้องกันไม่ให้พวกนั้นสร้างปัญหา…
แต่หลี่ฉางโซ่วไม่คาดคิดว่าเรื่องนี้จะกลายเป็นงานใหญ่ของวังมังกรไปแล้วด้วย!
ครึ่งเดือนต่อมา ที่ห้องโถงใหญ่ของวังมังกรล้วนเต็มไปด้วยผู้คน มีคนมากมายนับไม่ถ้วนมารวมตัวกันที่หน้าห้องโถง
เมื่อหลี่ฉางโซ่วกดปุ่มสีแดงที่อยู่ตรงหน้าเขา และหันเก้าอี้ของเขาไปรอบๆ เพื่อหาเหล่ามังกรท่ามกลางหมอกสีขาว…
มีปรมาจารย์ต้นขาของเขา ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ที่เร้นกายอยู่ในที่ลับ และอาจารย์ลุงจ้าวกงหมิง หวงหลงเจินเหริน สิบจักรพรรดิสวรรค์แห่งเกาะเต่าทอง และปรมาจารย์คนอื่น ๆ อีกที่ได้รับเชิญเป็นแขกคนสำคัญของเผ่ามังกร
แม่ทัพตงมู่ ซึ่งถือพระราชโองการไว้ที่ด้านข้างของที่นั่งแขกผู้ทรงเกียรติ และที่นั่งอยู่ข้างๆ ก็คือแม่ทัพสวรรค์ ฮวารี่เทียนซึ่งมีหน้าที่ปกป้องพระราชโองการ
นอกจากนี้ ยังฝุเต๋อเซียนจินที่มาชมพิธีพร้อมกับหวงหลงเจินเหริน รวมถึงเหล่าเซียนมากมายจากวังอวี้ซวีที่เคยประกาศชื่อเทพแห่งท้องทะเลไปทั่วในทุกที่ ทั้งหมดล้วนอยู่ที่นั่น
และยังมีบรรดาเซียนอีกหลายสิบคนที่ไม่มีอะไรทำบนเกาะเต่าทอง…
ทั้งหมดล้วนมีท่าทางชื่นชมยินดี
และแล้ว ชื่อเสียงของเทพแห่งท้องทะเลในเรื่องการเล่นสนุกสนานก็ได้แพร่กระจายไปทั่วโลกบรรพกาลนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ทุกคนต่างชื่นชอบและพูดถึงมันอย่างเบิกบานใจ
แม้ขั้นตอนนี้จะน่าอายเล็กน้อย แต่หลี่ฉางโซ่วก็จัดสรรตำแหน่งเทพระดับล่าง สิบหกตำแหน่งได้สำเร็จ
ครึ่งหนึ่งของเหล่าศิษย์เผ่ามังกรที่ได้รับการคัดเลือก ล้วนเป็นบุตรหลานชายของเหล่าราชามังกรแห่งสี่คาบสมุทร ในขณะที่อีกครึ่งหนึ่งก็เป็นสุดยอดวีรชนที่โดดเด่นไปด้วยภูมิหลังที่หมดจดและความสามารถล้ำเลิศของเผ่ามังกร
ต่อจากนี้สักพัก พวกเขาจะได้ไปสำรวจทั้งสี่คาบสมุทร และหลี่ฉางโซ่วก็ให้คำชี้แนะแก่พวกเขาด้วยโดยบอกให้พวกเขาทำความดีและสะสมคุณธรรม ช่วยเหลือสรรพสัตว์ที่ทุกข์ทรมานเพื่อเผยแพร่ความเกรียงไกรของศาลสวรรค์และไม่ทำสิ่งใดๆ ที่เป็นการสร้างกรรมร้าย
ในเวลานี้ เหล่ามังกรทั้งสิบหกนี้เป็นคนของหลี่ฉางโซ่ว ซึ่งหลี่ฉางโซ่วถอดถอนตำแหน่งเทพของพวกเขาได้ตลอดเวลา
หลังจากประกาศพระราชโองการแล้ว หลี่ฉางโซ่วและแม่ทัพตงมู่ก็จากไปพร้อมกับเหล่าทหารแห่งศาลสวรรค์โดยไม่ยุ่งเกี่ยวกับพลังชีวิตในท้องทะเล
หลี่ฉางโซ่วฉวยโอกาสนี้ใช้ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์รูปแบบอื่นและกลับไปที่ศาลสวรรค์ หลังจากเปลี่ยนตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์แล้ว เขาก็แอบออกจากวังมังกรทะเลบรูพาและรอบนเกาะเล็กๆ อยู่สักพัก
ทันใดนั้นก็มีเมฆปรากฏขึ้นในทะเล แล้วร่างโปร่งเพรียวก็ก้าวออกมาจากก้อนเมฆและค่อยๆ เดินบนผิวน้ำทะเล ใบหน้าของเขาดูไม่ธรรมดาในขณะที่มีอักขระเต๋าที่ลึกลับและเป็นธรรมชาติอยู่รอบกายเขา…
มันคือปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่เสวียนตู
ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่แย้มยิ้มและกล่าวว่า “การรวมขอบเขตให้มั่นคงของเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง?”
“มั่นคงแล้วขอรับ” หลี่ฉางโซ่วโค้งคำนับและยิ้ม “ขอบคุณ ท่านปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ที่ปกป้องข้า”
ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ยิ้มพลางหรี่ตา แล้วถามอย่างซุกซนว่า “เจ้าอยากขอบคุณที่ข้าปกป้องเจ้า หรือขอบคุณที่ข้าหาผู้พิทักษ์ให้เล่า”
“ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ เรื่องของเทพธิดาอวิ๋นซานเซียว จริงๆ แล้ว ศิษย์… เอ่อ ศิษย์ไม่ทันตั้งตัว จริงๆ ขอรับ” ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่เสวียนตูยิ้มไม่เอ่ยอะไร และไม่ได้หยอกล้อเขาอีกต่อไป แต่กลับกล่าวว่า “ยากนักที่ข้าจะมาที่นี่ มากับข้าเถิด ข้าอาจต้องเข้าปิดด่านอยู่ในวังดุสิตสักระยะหนึ่ง”
หลี่ฉางโซ่วกล่าวว่า “ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ ไม่ต้องห่วง ข้าจะไม่สร้างปัญหาให้กับสำนักบำเพ็ญเต๋าหยินอย่างแน่นอนขอรับ”
“ผิดแล้ว” ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ยิ้มและกล่าวว่า “มีปัญหาใดกัน? มันจะเป็นปัญหาหากข้าไม่อาจแก้ไขได้ เวลาสำหรับเผ่ามังกรที่จะขึ้นสู่ศาลสวรรค์นั้น ใกล้เข้ามาทุกทีแล้ว
เจ้าไม่ต้องกังวลว่าเมื่อใดควรเคลื่อนไหว ในเมื่อเหล่าจื้อได้ถ่ายทอดเต๋าหลอมโอสถให้เจ้าแล้ว ย่อมถือได้ว่า บัดนี้เจ้าก็เป็นศิษย์ของท่านอาจารย์อยู่ครึ่งหนึ่งแล้ว หากผู้ใดทำร้ายเจ้า นั่นย่อมเป็นการไม่ไว้หน้าอาจารย์ แม้การระวังตัวไว้จะดี แต่หากมากเกินไปก็ย่อมไม่ดีนัก หากท่านอาจารย์คิดว่าเจ้าขลาดกลัว ก็เกรงว่าจะเป็นปัญหา”
หลี่ฉางโซ่วโค้งคำนับให้อย่างซาบซึ้งและกล่าวว่า “ศิษย์จะปฏิบัติตามคำสั่งสอนของท่านปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ขอรับ!”
“ดี” ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ยิ้มและพยักหน้าพลางโบกมือให้หลี่ฉางโซ่วเบา ๆ แล้วเดินเล่นในทะเลบูรพากับหลี่ฉางโซ่วในขณะเดียวกันก็ฉวยโอกาสนี้สอนเต๋าไท่ชิงและกฎแห่งธรรมชาติให้หลี่ฉางโซ่ว
เวลาผ่านไปครึ่งวันโดยไม่รู้ตัว ขณะนี้ ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่จะจากไปและให้คำแนะนำบางอย่างแก่หลี่ฉางโซ่ว…
ในขณะนั้น หัวใจของหลี่ฉางโซ่วพุ่งพล่านขึ้นกะทันหัน จากนั้น เขาก็แผ่ขยายเจตจำนงวิญญาณออกไปทั่ววิหารเทพทะเลเมืองอันสุ่ย แล้วขมวดคิ้วทันที
ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ยิ้มและกล่าวว่า “มีความลับอะไรที่เจ้าพูดไม่ได้หรือ? บอกข้ามาเถิด”
“ท่านปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ ไม่น่ามีปัญหากับร่างเต๋าของข้า แต่มีเด็กคนหนึ่งกำลังขี่กระเรียนเซียนไปถึงวิหารเทพทะเลของข้าแล้วขอรับ…”
“โอ้?” ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ยิ้มและกล่าวว่า “เด็กชายขี่กระเรียนเซียนหรือ? เหตุใดเขาถึงไปที่นั่น?
ช่างมันเถิด ข้าจะส่งร่างจำแลงไปดูความสนุก”
กล่าวจบ ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ก็จับข้อมือของหลี่ฉางโซ่วและก้าวไปหนึ่งก้าว
หลี่ฉางโซ่ว รู้สึกเพียงว่าแสงรอบตัวเขาหมุนเวียนไปอย่างรวดเร็ว และเขาก็ไปปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งอยู่บนท้องฟ้าของเมืองอันสุ่ยในทะเลทักษิณแล้ว
นี่คือเวทหลบหนีเฉียนคุน!
หลี่ฉางโซ่วมองลงมาและเห็นเด็กชายผู้หนึ่งกำลังนั่งอยู่บนกระเรียนเซียน ซึ่งกำลังลอยอยู่หน้าวิหารเทพทะเล เด็กชายผู้นี้ มีรูปลักษณ์งามละเมียด เขานั่งขัดสมาธิอยู่บนหลังกระเรียนเซียน กอดอกและหลับตาเพื่อทำสมาธิ ดวงตาของเขาเผยรอยเย่อหยิ่งออกมาเล็กน้อย
ในขณะนั้น มีสานุศิษย์ผู้ศรัทธาจำนวนมากเฝ้าดูจากบริเวณโดยรอบ และมีสตรีวัยกลางคนบางคนชื่นชมเด็กว่ารูปงาม ซึ่งทำให้เด็กชายรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย
หลี่ฉางโซ่วยิ้มและกล่าวว่า “ท่านปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ ให้ศิษย์จัดการเองเถิดขอรับ”
“ได้.”
จากนั้น ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ก็ทำมุทราหยั่งรู้ ทว่าเมื่อรู้ที่มาของเด็กชายผู้นี้แล้ว เขาก็เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย
ในขณะนั้น ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ของหลี่ฉางโซ่วได้ปกปิดรอยทางและขี่เมฆไปที่โถงด้านหลังวิหารเทพทะเลก่อนจะถือแส้หางม้าออกมาและเดินไปรอบ ๆ โถงด้านหน้าพร้อมเผยรอยยิ้ม
เวลานี้ เหล่าสานุศิษย์ทุกคนล้วนรู้ดีว่า นี่คือร่างจำแลงของเทพแห่งท้องทะเล และทุกคนต่างก็คุกเข่ากราบไหว้…
ทันใดนั้น เด็กชายก็ลืมตาขึ้น ดวงตาของเขาดูเย็นชาขณะกล่าวอย่างสงบว่า “ท่านคือเทพแห่งท้องทะเลหรือ?”
“ถูกต้อง” หลี่ฉางโซ่วยิ้มและและกล่าวว่า “ไม่รู้ว่าสหายเต๋าเป็นผู้ใดและมาที่นี่ด้วยเหตุใดหรือ?”
เด็กชายกล่าวต่อว่า “อาจารย์ของข้าต้องการพบท่าน และขอให้ร่างหลักของท่านไปปรากฏตัว และรีบมากับข้าโดยเร็ว”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น บรรดาสานุศิษย์ที่เป็นมนุษย์ส่วนใหญ่และเหล่าทูตเทวะแห่งสำนักเทพทะเลล้วนมีสีหน้าท่าทางไม่เป็นมิตรนัก
เจ้าเด็กคนนี้พูดจากับท่านเทพแห่งท้องทะเลหยาบคายเช่นนี้ได้อย่างไร?
เมื่อได้ยินเช่นนั้น หลี่ฉางโซ่วก็ขมวดคิ้ว เพื่อความปลอดภัย เขาต้องถามก่อนว่าอาจารย์เฒ่าที่เด็กชายหมายถึงนั้นเป็นผู้ใด จากนั้นเขาก็เหวี่ยงแส้หางม้า ไล่เด็กหยาบคายคนนี้ออกไปแล้วจึงเดินตามเด็กชายออกไป
อีกฝ่ายมาสร้างปัญหาให้สำนักบำเพ็ญเต๋าหยินแล้ว เขาก็ต้องจัดการกับมัน หลี่ฉางโซ่วกล่าวอย่างเย็นชาว่า “ไม่รู้ว่าอาจารย์ของเจ้าเป็นผู้ศักดิ์สิทธิ์เพียงใด ไฉนถึงอยากให้ข้าไปพบเขา?”
“เหอะ ฟังให้ดีนะ อย่าให้ข้าต้องพูดซ้ำ! อาจารย์ของข้า… ได้รับเต๋าและปรากฏตัวมาตั้งแต่สมัยโบราณ เขามาจากรุ่นเดียวกับจอมปราชญ์ทั้งหก เวลานี้ เขากำลังหารือเรื่องความหมายที่แท้จริงแห่งเต๋ากับท่านจอมปราชญ์อยู่ในวังอวี้ซวี มีเซียนจินสิบสองคนเรียกเขาว่าอาจารย์ เต๋าเวทของเขาคือพลังเวทต้าเฉียนคุน มีไฟเต๋าเผาไหม้ในถ้ำหยวนเจี๋ยและมีประทีปอยู่ในภูเขาหลิงจิ้ว!” หลี่ฉางโซ่วรู้แจ้งทันที จากนั้นจึงเหวี่ยงแส้หางม้าและกล่าวว่า
“เช่นนั้น โปรดออกไปเถิด ขอไม่ส่งนะ”
………………………………………………………………..