บทที่ 540 นี่ไม่ใช่เวลารักษาชื่อเสียง

เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙]

บทที่ 540 นี่ไม่ใช่เวลารักษาชื่อเสียง

บทที่ 540 นี่ไม่ใช่เวลารักษาชื่อเสียง

ดวงตาของหลี่เจิ่นเจียนเต็มเปี่ยมไปด้วยความปรารถนา เขาหลงเสน่ห์โฉมงามผู้นี้มานานแล้ว! แต่อย่างไรก็ตาม เขาเข้าใจความแตกต่างของสถานะของเขาและฉินหว่านหรูอย่างชัดเจน และไม่เคยกล้าที่จะอาจเอื้อมของที่เกินตัว

ที่ผ่านมาสิ่งเดียวที่เขาสามารถทำได้คือให้อนุภรรยาของตัวเองสวมเสื้อผ้าแบบเดียวกับฉินหว่านหรู และจัดทรงผมในลักษณะเดียวกัน เขายังให้นางใช้กลิ่นหอมคล้าย ๆ กันในตอนกลางคืนอีกด้วย

ด้วยเหตุนี้เขาจึงสามารถตอบสนองความต้องการที่เขามีในขณะที่จินตนาการว่านางคือฉินหว่านหรู

น่าเสียดายที่ท้ายที่สุดทุกครั้ง เขาค้นพบว่าอนุภรรยาเหล่านี้ไม่เหมือนกับฉินหว่านหรูเอาเสียเลย

บางทีสวรรค์อาจรู้สึกสงสารเขาในที่สุด และมอบโอกาสนี้ให้เขา!

ตระกูลฉู่ตกอยู่ในภาวะวิกฤต แม้แต่ฉู่จงเทียนก็ยังถูกขังอยู่หลังลูกกรง เทพธิดาของเขาจึงมาเยี่ยมเยียนด้วยตัวนางเอง นี่จะเป็นอะไรไปได้อีกนอกจากพรจากสวรรค์?

ในที่สุดนางในฝันผู้งดงามก็อยู่ไม่ไกลเกินเอื้อมอีกต่อไป

แต่ในขณะที่ฝ่ามือของเขากำลังจะโอบรับก้นที่โค้งมนของนาง มือของเขาเจ็บปวดฉับพลันเมื่อถูกอีกฝ่ายบีบอย่างสุดแรงกะทันหัน

ฉินหว่านหรูมองเขาอย่างเย็นชา “ท่านทำอย่างนี้ หมายความว่ายังไง ผู้นำตระกูลหลี่?”

หลี่เจิ่นเจียนยิ้มด้วยความเขินอาย “ข้า…ข้าแค่กำลังพยายามช่วยท่าน”

“นี่คือวิธีที่ท่านเสนอความช่วยเหลืองั้นเหรอ?” ฉินหว่านหรูกล่าวอย่างเย็นชา

หลี่เจิ่นเจียนสูญเสียรอยยิ้มของเขา “ถ้าฮูหยินให้ในสิ่งที่ข้าต้องการ ข้าก็จะให้ฮูหยินในสิ่งที่ท่านต้องการอย่างแน่นอน!”

“ไร้ยางอาย!” ฉินหว่านหรูโกรธมากจนร่างกายสั่นเทา นางไม่เคยคิดมาก่อนว่าชายผู้นี้ซึ่งนางมีไมตรีจิตมายาวนานจะเป็นคนน่ารังเกียจได้ขนาดนี้

นางตบหน้าเขาอย่างแรง!

นางไม่ยอมเสียเวลาหายใจร่วมกับชายไร้ยางอายคนนี้อีกจึงเดินออกไปด้วยความโกรธ

หลี่เจิ่นเจียนลูบแก้มของตัวเอง จากนั้นเอานิ้วแตะจมูกแล้วถอนหายใจ “หอมจริง ๆ เลย…”

ที่ปรึกษาเดินออกมาจากห้องด้านหลัง “ท่านผู้นำ ตระกูลฉู่ยังคงเป็นถึงตระกูลอ๋อง มันไม่ใช่ความคิดที่ดีที่ท่านล่วงเกินฮูหยินฉู่เช่นนั้น…” เขากล่าวด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความกังวล

หลี่เจิ่นเจียนสูดจมูกอย่างไม่ใส่ใจ “อ๋องอะไร? ฉู่จงเทียนเป็นอดีตไปแล้ว ราชสำนักพร้อมที่จะจัดการกับตระกูลฉู่ และแม้แต่ผู้ตรวจการซ่าง ก็มีส่วนเกี่ยวข้องกับการจับกุมครั้งนี้ด้วยตัวเอง ตระกูลฉู่จะสามารถทำอะไรได้อีก?”

ที่ปรึกษาลังเลเล็กน้อย “แต่ถ้าพวกเขาจัดการได้…” เขาพูดค้างเอาไว้

“จะมี ‘ถ้า’ ได้มากแค่ไหน?” หลี่เจิ่นเจียนโบกมือ “เจ้าคิดว่าข้าเป็นแค่คนขี้เรื้อนโง่เง่าจริง ๆ เหรอ? ข้าจะปฏิเสธฉินหว่านหรูได้ยังไงถ้าข้าไม่ได้ใช้วิธีนี้? ตอนนี้ เราสามารถใช้โอกาสนี้เพื่อตัดสัมพันธ์กับตระกูลฉู่ และประกาศให้ทุกคนรับรู้ว่าเราไม่ได้เป็นพันธมิตรกับตระกูลฉู่อีกต่อไป นี่คือโอกาสที่สวรรค์ประทานไม่ให้เราจมดิ่งไปกับตระกูลฉู่!”

“ท่านผู้นำฉลาดปราดเปรื่องจริง ๆ!” การแสดงออกภายนอกของที่ปรึกษาเต็มไปด้วยความชื่นชม แต่ภายในใจของเขาเต็มไปด้วยความรังเกียจ คำพูดของเจ้าดูมีเกียรติมาก แต่เจ้าคิดจริง ๆ เหรอว่าข้าไม่เห็นว่าเจ้าทำตัวอย่างไรก่อนหน้านี้!

ในที่สุดกลุ่มของซูอันก็ไปถึงสถาบันจันทร์กระจ่าง และฉู่ฮวนเจาก็แยกตัวออกไปที่ชั้นเรียน

ซูอันและฉู่ชูเหยียนพากันไปขอเข้าพบเจียงลั่วฝู

เจียงลั่วฝูยืดตัวนั่งตรงหลังจากได้ยินสิ่งที่ฉู่ชูเหยียนพูด

หลังจากใช้เวลาพิเคราะห์ครู่หนึ่ง เจียงลั่วฝูกล่าวว่า “ก่อนอื่น ข้าขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่ออ๋องฉู่ แต่การที่ตระกูลฉู่จงใจละเมิดกฎหมายเช่นนี้ มันขัดกับหลักเกณฑ์ของสถาบันจันทร์กระจ่างซึ่งไม่เคยแทรกแซงกิจการของราชสำนัก ดังนั้นข้ากลัวว่าเราจะให้ความช่วยเหลือพวกเจ้าในสถานการณ์นี้ไม่ได้”

ฉู่ชูเหยียนคิดอยู่แล้วว่าจะต้องเป็นอย่างนี้ หากสถาบันจันทร์กระจ่าง ให้ความช่วยเหลือตระกูลฉู่ มันก็เหมือนกับการท้าทายราชวงศ์อย่างเปิดเผย

อย่างไรก็ตาม นางหวังว่าสถาบันจะใช้ประโยชน์จากความเอกเทศของสถาบันมองข้ามปัญหานี้ไป ประกอบกับการที่ตระกูลฉู่บริจาคเงินเป็นจำนวนมากให้กับสถาบันในทุก ๆ ปี นางจึงคิดว่ามันอาจจะพอมีความเป็นไปได้ที่สถาบันจะยื่นมือให้ความช่วยเหลือนาง

น่าเสียดายที่ผลลัพธ์ที่ได้นั้นน่าผิดหวัง

“ถ้าเป็นอย่างนี้ ข้าต้องขออภัยที่เข้ามารบกวนอาจารย์ใหญ่” ฉู่ชูเหยียน ฝืนยิ้ม แม้แต่สถาบันจันทร์กระจ่างที่เป็นมิตรกันมาตลอดก็ไม่เต็มใจที่จะช่วยเหลือ ตัวเลือกอื่น ๆ ของพวกเขาก็คงจะล้มเหลวเช่นกัน

ซูอันส่ายหัว ฉู่ชูเหยียนโดดเด่นมากในทุกด้าน แต่ด้วยความที่นางโดดเด่นเกินไปมาตลอดตั้งแต่นางยังเป็นเด็ก มันจึงทำให้การตัดสินใจของนางในบางครั้งผิดพลาดเพราะเห็นแก่ชื่อเสียงของตัวเองมากเกินไป

ด้วยสถานการณ์ที่พวกเขาอยู่ตอนนี้ ชื่อเสียงมันไม่สำคัญอีกแล้ว!

ซูอันดึงนางกลับมาและก้าวมาข้างหน้าเจียงลั่วฝู “อาจารย์ใหญ่คนสวย ท่านกำลังทำผิดพลาด!”

“อาซู!” ฉู่ชูเหยียนดึงแขนของเขา อาจารย์ใหญ่เจียงเป็นผู้บ่มเพาะที่แข็งแกร่ง และนางมีสถานะอันยิ่งใหญ่ในเมืองจันทร์กระจ่าง แม้ว่านางจะไม่ช่วยตระกูลฉู่ แต่นางก็จะไม่ซ้ำเติมตระกูลฉู่แน่นอน สิ่งต่าง ๆ จะผิดพลาดอย่างมหันต์หากพวกเขายั่วยุนาง

ซูอันตบมือของนางเบา ๆ เพื่อบอกนางว่าไม่ต้องกังวล

“ข้ากำลังทำผิด?” เจียงลั่วฝูถามอย่างเฉยเมยจากเก้าอี้ของนาง

ซูอันก้าวเข้าไปใกล้อีก แต่ทันใดนั้นดวงตาของเขาเบิกกว้าง เจียงลั่วฝู สวมถุงน่องสีเนื้อสะท้อนแสงคู่หนึ่งในวันนี้ ซึ่งทำให้ขาที่เย้ายวนของนางเปล่งประกายเจิดจ้ามากกว่าเดิม มันช่างเข้ากับแว่นตาและเสื้อผ้าของนาง…

อาจารย์ใหญ่คนนี้ช่างสวยเย้ายวนเสียจริง!

เขารีบสงบอารมณ์ซึ่งกำลังระส่ำระสาย และพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า “จากสิ่งที่ข้ารู้ อ๋องฉู่ปฏิบัติต่ออาจารย์ใหญ่เจียงค่อนข้างดี นอกจากนี้ ตระกูลฉู่ยังได้บริจาคเงินจำนวนมากให้กับสถาบันจันทร์กระจ่างทั้งในด้านเงินทุนและทรัพยากร แต่ในตอนนี้ที่ตระกูลฉู่กำลังประสบปัญหา อาจารย์ใหญ่เจียงกลับพอใจที่จะดูแต่จากด้านข้าง เป็นแบบนี้ไปได้ยังไง?

“แม้ข้าจะไม่ได้อยู่ในสถาบันจันทร์กระจ่างนานมากนัก แต่ข้ารู้ว่าสถาบันจันทร์กระจ่างมีคุณธรรมและมักจะตอบแทนผู้ที่มีบุญคุณเสมอ การกระทำของท่านจะไม่ทำให้ศักดิ์ศรีของสถาบันจันทร์กระจ่างเสื่อมเสียหรอกเหรอ? สถาบันจันทร์กระจ่างจะมีใจกล้าที่จะสั่งสอนศีลธรรมแก่นักศึกษาต่อไปในอนาคตได้ยังไงหากท่านวางเฉยเช่นนี้?”

“อาซู…” หัวใจของฉู่ชูเหยียนแทบหลุดออกมาจากอก นางไม่คิดว่าคำพูดของเขาจะรุนแรงขนาดนี้ ตอนนี้สายเกินไปแล้วที่จะหยุดซูอัน แม้ว่านางจะต้องการก็ตาม

เจียงลั่วฝูหรี่ตาและยืนขึ้น รูปร่างที่สง่างามตั้งตรงพร้อมกับคลื่นพลังของนางก็พุ่งปะทุขึ้น “ดี! ดีมาก! นานมากแล้วที่ไม่มีใครกล้าพูดกับข้าแบบนี้!”

นางเดินเข้ามาหาเขาขณะที่นางพูด แรงกดดันที่มาจากร่างนางนั้นยิ่งใหญ่มาก จนแม้แต่ฉู่ชูเหยียนก็ก้าวถอยหลังโดยไม่รู้ตัว

ซูอันกลืนน้ำลายอย่างลำบาก เขาเป็นคนที่แบกรับความกดดัน แต่ก็ดื้อรั้นเกินกว่าจะยอมถอย เขาไม่อยากอ่อนแอต่อหน้าผู้หญิงไม่ว่าจะเป็นใคร!

เขายืดอก และยืนหยัดราวกับว่าเท้าของเขาถูกตอกกับพื้นโดยไม่ขยับแม้แต่นิ้วเดียว

แม้ว่าแรงกดดันที่เจียงลั่วฝูปล่อยออกมาจะรุนแรงมาก แต่ก็ยังไม่สามารถเปรียบเทียบกับหมี่ลี่ได้

เขารอดชีวิตจากหมี่ลี่มาแล้ว ไม่มีทางที่เขาจะล้มลงที่นี่!

เจียงลั่วฝูคาดหวังอย่างเต็มที่ให้ซูอันถอยกลับ แต่ซูอันกลับสามารถยืนหยัดได้โดยไม่ขยับเลย ด้วยเหตุนี้ ก้าวสุดท้ายของนางจึงพานางมาใกล้เขา และริมฝีปากของทั้งสองเกือบจะสัมผัสกัน

ปฏิกิริยาของนางรวดเร็ว ด้วยการเคลื่อนไหวเพียงเล็กน้อย นางถอยห่างจากอีกฝ่ายไปหลายก้าว ทำให้เกิดช่องว่างขึ้นอีกครั้ง

หลังจากถอยห่างมา ใบหน้าของนางก็เปลี่ยนเป็นสีแดงโดยไม่ชัดเจนว่าเป็นเพราะความเขินอายหรือเพราะความโกรธ

ฉู่ชูเหยียนรีบเดินเข้าไปหานาง “อาจารย์ใหญ่ อาซูไม่ได้ตั้งใจจะดูหมิ่นท่าน! กรุณาอย่าโกรธเลย”

เจียงลั่วฝูโบกมือ “ไม่เป็นไร ข้าไม่ได้ใจแคบขนาดนั้น เราสองคนสนิทกันมากกว่าที่เจ้าคิด”

ฉู่ชูเหยียนตกตะลึง เจียงลั่วฝูพูดราวกับว่านางกำลังมองซูอันเป็นเพื่อนสนิท อาซูสร้างความสัมพันธ์กับคนที่มีสถานะสูงส่งเช่นนี้ได้อย่างไร?

ซูอันยิ้มรับ “อาจารย์ใหญ่คนงาม เมื่อครู่ท่านทำตัวเย็นชามากจนข้าคิดว่าเรากลายเป็นศัตรูกันไปแล้ว”

เจียงลั่วฝูถลึงตามองเขา “ข้าจะจัดการเจ้าในภายหลัง!”

นางหันไปหาฉู่ชูเหยียน “ ชูเหยียน ข้าวางแผนที่จะให้ความช่วยเหลือตระกูลฉู่เป็นการส่วนตัวโดยไม่เกี่ยวข้องกับชื่อของสถาบันจันทร์กระจ่าง เจ้าต้องเข้าใจว่าสถาบันจันทร์กระจ่างไม่ได้ดำเนินการโดยข้าเพียงคนเดียว มันจึงมีข้อจำกัดมากมายว่าข้าสามารถช่วยเหลือได้มากแค่ไหน อย่างมากที่สุด ข้าสามารถเสนอเงินให้เจ้าได้ประมาณหนึ่งล้านตำลึง!”

ฉู่ชูเหยียนรู้สึกประหลาดใจและดีใจมาก “ขอบคุณอาจารย์ใหญ่!”

ตัวเลขนี้มากเกินความคาดหมายของนางแล้ว

เจียงลั่วฝูยิ้ม “ข้าจะไปเยือนเมืองตะวันจรัส และเข้าพบผู้ตรวจการซ่างด้วย บางทีอาจมีทางที่การลงโทษจะเบาลง”

ฉู่ชูเหยียนน้ำตาไหล “ข้าไม่รู้จะขอบคุณอย่างไรจริง ๆ อาจารย์ใหญ่เจียง!”

เจียงลั่วฝูกล่าวว่า “ไม่จำเป็นต้องขอบคุณข้า เจ้าควรจะดีใจที่เจ้ามีสามีที่ดี”

เมื่อทั้งสองจากมา ฉู่ชูเหยียนมองซูอัน การแสดงออกของนางเริ่มซับซ้อน และในที่สุดนางก็เอ่ยถามขึ้น “เจ้ากับอาจารย์ใหญ่เจียงมีอะไรกันแน่…?”