บทที่ 542 ใครบางคนที่สามารถช่วยได้
บทที่ 542 ใครบางคนที่สามารถช่วยได้
เซี่ยเต๋าอวิ๋นหุบยิ้มเมื่อเห็นฉู่ชูเหยียน แต่นางก็ตั้งสติได้อย่างรวดเร็ว “ข้าก็สงสัยอยู่ว่าอะไรทำให้นายน้อยซูมาเยี่ยมข้า ปรากฏว่านายน้อยซูเป็นเพียงคนกลางให้กับสาวสวยคนนี้เท่านั้น”
ซูอันประสานมืออย่างขอโทษ “เราต้องการพบท่านพ่อของเจ้า นี่เป็นทางเดียวที่เราจะเข้ามาได้ ข้าหวังว่าแม่นางเซี่ยจะช่วยเราได้”
เซี่ยเต๋าอวิ๋นพยักหน้ารับรู้ นางเดินเข้ามาใกล้และจับมือของฉู่ชูเหยียน เสียงของนางอ่อนโยนและใจดี “ข้าได้ยินเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับอ๋องฉู่ เช่นกัน เจ้าอย่ากังวลมากเกินไปเลย พ่อของเจ้าเป็นถึงท่านอ๋อง ผู้ตรวจการคงไม่กล้าทำอะไรที่เกินเลย”
ฉู่ชูเหยียนแสดงความขอบคุณต่อนาง พวกนางทั้งคู่เป็นสาวงามที่รู้จักกันดีในเมืองจันทร์กระจ่าง รวมทั้งยังเป็นเพื่อนนักศึกษาด้วยกัน ซึ่งหมายความว่าพวกนางค่อนข้างคุ้นเคยกันดี
ซูอันเย้ยหยันอยู่ในใจ นี่เป็นตัวอย่างที่สมบูรณ์แบบของความสัมพันธ์แบบจอมปลอม พวกนางไม่ได้สนิทกันจริง ๆ แล้วทำไมต้องแสร้งทำเป็นว่าคุ้นเคยกันดีด้วย?
หลังจากที่พวกนางคุยกันไปสักพัก เซี่ยเต๋าอวิ๋นก็พูดด้วยรอยยิ้มว่า “เอาเช่นนี้ไหม? ข้าจะพาเจ้าสองคนไปหาพ่อของข้า ข้าว่าเขาน่าจะกลับมาแล้ว”
นางไม่ใช่คนโง่ ไม่มีทางที่นางจะเปิดเผยพ่อของตัวเองอย่างโจ่งแจ้งว่าพ่อของนางจงใจไม่ยอมออกมาพบ
ฉู่ชูเหยียนรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง “ขอบคุณมาก!”
“ไม่เป็นไรหรอก” เซี่ยเต๋าอวิ๋นพยักหน้าให้นาง ในขณะเดียวกัน นางก็ใช้โอกาสนี้เพื่อขอค่าตอบแทนจากซูอัน “เจ้าเป็นหนี้ข้าเพลงหนึ่ง!” นางพูดเบา ๆ
ซูอันรู้ว่านี่เป็นข้อเรียกร้องเบื้องต้น และเขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องตกลง “แน่นอน!”
เขาเริ่มไตร่ตรองว่าเขาจะใช้เพลงอะไรดี
แม้ว่าพวกเขาจะพูดอย่างเบา ๆ แต่ก็ไม่มีทางที่จะพ้นไปจากหูของฉู่ชูเหยียนได้
ภายนอกนางดูไม่สะทกสะท้าน แต่มันเป็นเพียงหน้ากากที่ปกปิดความตกตะลึงภายในใจ
อาซูและเซี่ยเต๋าอวิ๋นสนิทกันขนาดนี้เลยเหรอ?
การมาครั้งก่อนของชิวฮัวเล่ยนั้นน่าตกใจพอสมควร แต่คณิกาผู้นั้นก็เงียบหายไปแล้ว นางสรุปว่าผู้หญิงคนนั้นมีแรงจูงใจแอบแฝงในการไล่ตามซูอันและไม่ได้ชอบเขาจากใจจริง
ทว่าจากสิ่งที่นางเห็นจนถึงตอนนี้ อาจารย์ใหญ่เจียงและเซี่ยเต๋าอวิ๋นต่างก็ดูสนิทสนมกับเขามาก!
และนี่ยังไม่รวมไปถึงความสัมพันธ์ของเขากับจี้เสี่ยวซี เจิ้งตาน และอาจารย์สถาบันจันทร์กระจ่าง อาจารย์ซาง…
ผู้ชายคนนี้มีพลังประหลาดอะไรกันแน่?
แม้ว่าข้าจะเคยบอกว่าข้าไม่แยแสถ้าเจ้ามองหาผู้หญิงคนอื่น…แต่เจ้าต้องคว้าพวกนางมาทั้งหมดเลยเหรอ?
เซี่ยอี้กำลังนั่งสบาย ๆ ในห้องหนังสือของเขา แต่เมื่อได้รับข่าวว่าลูกสาวของเขากำลังพาสมาชิกตระกูลฉู่สองคนมาพบเขา รอยยิ้มของเขาก็แข็งค้างทันที
ผ่านไปครู่หนึ่ง เขาก็ถอนใจยาวและพูดว่า “ช่างเป็นลูกสาวตัวดีจริง ๆ หาแต่เรื่องให้ข้า!”
เขารู้สึกว่ามันไม่ใช่เวลาที่เหมาะสมที่จะเคลื่อนไหว และตระกูลฉู่ จำเป็นต้องถูกบีบให้มากกว่านี้ แต่ตอนนี้ เซี่ยเต๋าอวิ๋นได้ทำแผนของเขายุ่งเหยิงไปหมด เขาจะไม่อารมณ์เสียได้อย่างไร?
เมื่อเห็นกลุ่มของฉู่ชูเหยียนมาถึง เซี่ยอี้ก็เปลี่ยนจากขมวดคิ้ว เป็นยิ้มน้อย ๆ ทันที “หลานสาว ข้าเพิ่งกลับมา ได้ยินว่าเจ้ากำลังตามหาข้าอยู่! ข้าคิดว่าเจ้าอาจจะจากไปแล้ว”
ซูอันส่ายหัว คนพวกนี้ล้วนแต่มีฝีมือในการแสดงอย่างเหลือเชื่อ เห็นได้ชัดว่าเขาอยู่บ้านตลอดเวลา แต่ตอนนี้เขาแสร้งทำเป็นว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น
เห็นได้ชัดว่าฉู่ชูเหยียนคุ้นเคยกับการเสแสร้งแบบนี้เช่นกัน แต่รอยยิ้มของนางไม่ได้แสดงถึงความไม่พอใจ “ฉู่ชูเหยียน ทักทายท่านลุงเซี่ย”
“ตอนนี้การเป็นลุงของเจ้าไม่ดีเลย” เซี่ยอี้ถอนหายใจ ผู้หญิงคนนี้ไม่ได้เรียกเขาในฐานะเจ้าเมือง แต่เรียกเขาว่า ‘ลุง’ เห็นได้ชัดว่านางต้องการพูดกับเขาในฐานะมิตรสนิทของตระกูลฉู่ “ข้าเข้าใจว่าทำไมเจ้าถึงมาอยู่ที่นี่ ตระกูลฉู่ของเจ้าครั้งนี้ประสบปัญหาใหญ่จริง ๆ!
“เจ้าเป็นคนที่เฉลียวฉลาดตลอดมา ฉู่จงเทียนเห็นได้ชัดว่าทำไปเพราะขาดการคิดพิจารณาอย่างรอบคอบ แล้วทำไมเจ้าถึงเห็นชอบกับเรื่องนี้ไปด้วย?”
ฉู่ชูเหยียนพูดอย่างเศร้าสร้อย “พูดง่าย ๆ ก็คือ ธุรกิจค้าเกลือผิดกฎหมายกำลังระบาดหนัก มันทำให้รายได้ของตระกูลฉู่ลดน้อยลงอย่างมาก และเมื่อใบอนุญาตค้าเกลือถูกขโมย เราก็ยิ่งไม่มีทางเลือก อันที่จริงตระกูลอื่น ๆ มักจะใช้ใบอนุญาตค้าเกลือล่วงหน้าอยู่บ่อย ๆ ในตลอดหลายปีที่ผ่านมา และกลายเป็นธรรมเนียมที่ไม่ได้เขียนไว้ แต่เราไม่คิดว่าผู้ตรวจการซ่างจะ…บังคับใช้กฎที่ไม่เคยบังคับอย่างจริงจังกับเรา”
หลายคนที่ทำการค้าเกลือ เมื่อใบอนุญาตค้าเกลือปีปัจจุบันของพวกเขาหมดลงด้วยเหตุสุดวิสัยไม่ว่าจะเป็นเหตุใดก็ตาม พวกเขาก็มักจะเอาใบอนุญาตล่วงหน้ามาใช้มาก่อนโดยไม่ได้แจ้งกับทางการ เพราะหากพวกเขาปฏิบัติตามกฎอย่างเคร่งครัด ค่าใช้จ่ายในการขายเกลือก็จะสูงขึ้นมากจนพวกเขาไม่เหลือกำไรอะไรเลย
โดยปกติแล้วพวกเจ้าหน้าที่จะปิดตาข้างหนึ่งเมื่อได้รับ ‘ส่วย’ และยิ่งไม่ต้องพูดถึงตระกูลฉู่ที่มีเส้นสายในแวดวงของบรรดาเจ้าหน้าที่มากที่สุด เรื่องนี้มันควรจะไม่มีปัญหาอะไร แต่ใครจะคาดคิดว่าซ่างหงจะเคลื่อนไหวเช่นนี้?
เซี่ยอี้ถอนหายใจ “แม้ว่าจะเป็นธรรมเนียมที่ไม่ได้เขียนไว้เป็นลายลักษณ์อักษร แต่ความผิดย่อมเป็นความผิด แม้ว่าทุกคนจะเห็นชอบกับมัน”
ฉู่ชูเหยียนบูดบึ้ง “เรารู้ว่านี่เป็นเรื่องที่ลำบาก นี่คือเหตุผลที่เราต้องขอความช่วยเหลือจากท่านลุงเซี่ย”
เซี่ยอี้ยิ้มอย่างขมขื่น “เจ้าก็รู้ว่าข้าเป็นเพียงเจ้าเมืองผู้ไม่มีนัยสำคัญ ผู้ตรวจการซ่างมีอำนาจเหนือข้า และเขาก็กำลังปฏิบัติตามคำสั่งของจักรพรรดิ ข้าช่วยอะไรไม่ได้มาก แม้ว่าข้าจะต้องการ…”
ใบหน้าของฉู่ชูเหยียนมืดลง และนางก็เงียบ
เซี่ยอี้กล่าวต่อว่า “แม้ว่าข้าจะไม่สามารถทำอะไรได้ แต่ก็มีคนที่สามารถช่วยได้”
ฉู่ชูเหยียนยังคงรักษาความเงียบของนาง เซี่ยอี้ยิ้มน้อย ๆ บรรยากาศแปลก ๆ เริ่มแผ่ซ่านไปทั่วห้อง
ซูอันรู้สึกสับสน สองคนนี้เล่นเกมอะไรกัน? “ใคร?”
เซี่ยอี้ไม่ได้อธิบาย “ข้าเชื่อว่าหลานสาวของข้ารู้”
ในที่สุดฉู่ชูเหยียนก็พูดขึ้น “ท่านลุง คงรู้ดีถึงหลักการที่ตระกูลฉู่ของเรายึดถือมาตลอด”
“บางครั้ง มันไม่ง่ายเลยที่จะรักษาความเป็นกลางเอาไว้ มันมักจะมาในราคาที่มหาศาล” เซี่ยอี้ตอบนางกลับ