ตอนที่ 492 ไอสังหาร

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

ตอนที่ 492 ไอสังหาร

ฮูหยินสองหลิ่วซื่อเดินเข้าไปในเรือนก็ได้ยินสาวใช้กล่าวว่าไป๋จิ่นจื้อล้มตัวลงนอนบนเตียงทันทีที่มาถึงเรือน ไม่แม้แต่จะเปลี่ยนเครื่องแต่งกายเป็นชุดที่นอนสบายกว่านั้น

หลิ่วซื่อค่อยๆ แหวกม่านเข้าไปในด้านใน เดินอ้อมฉากกั้นและม่านผืนบางสีฟ้าใสเข้าไปในตัวห้อง เห็นหลูหนิงฮว่าและไป๋จิ่นเซ่ออยู่ด้านในทั้งคู่

ไป๋จิ่อเซ่อรีบทำความเคารพหลิ่วซื่อ “ท่านอาสะใภ้สอง!”

“จิ่นจื้อมาที่นี่ได้อย่างไรกัน นางไม่สบายหรือ”

หลิ่วซื่อมองไปยังร่างของไป๋จิ่นจื้อซึ่งนอนหลับสนิทไม่รู้สึกตัวอยู่บนเตียงอย่างเป็นกังวล

หลูหนิงฮว่าได้ยินจึงเก็บหมอนตรวจชีพจร จากนั้นลุกขึ้นยืนทำความเคารพแล้วเอ่ยตอบ

“เรียนฮูหยินสอง คุณหนูสี่หลับสนิทเพราะความเหนื่อยล้า ไม่ได้เป็นอันใดร้ายแรงเจ้าค่ะ”

พรุ่งนี้หลูหนิงฮว่าต้องเข้าวังไปฝังเข็มให้ฮ่องเต้ วันนี้หญิงสาวจึงพักอยู่ที่จวนองค์หญิงเจิ้นกั๋วพอดี

เมื่อครู่ไป๋จิ่นเซ่อได้ยินว่าเมื่อไป๋จิ่นจื้อกลับมาถึงจวนก็นอนหลับไม่ได้สติ เด็กสาวจึงรีบตามหลูหนิงฮว่ามาตรวจอาการด้วยความตกใจ อีกทั้งยังส่งคนไปตามหมอหงซึ่งกลับมาถึงจวนไป๋แล้วมาด้วย

“แม่นางหลูไปพักผ่อนเถิด ข้าจะดูแลจิ่นจื้อเอง” หลิ่วซื่อมองหลูหนิงฮว่า

“พรุ่งนี้เจ้าต้องเข้าวังอีก รีบกลับไปพักผ่อนให้เต็มที่เถิด”

หลูหนิงฮว่าพยักหน้า ทำความเคารพแล้วเดินจากไป

ไป๋จิ่นเซ่อไม่ได้อยู่รบกวนไป๋จิ่นจื้อพักผ่อน กล่าวว่าจะไปเรียนให้หมอหงทราบ หมอหงจะได้ไม่เสียเวลามาที่นี่

หลิ่วซื่อนั่งลงตรงข้างเตียง ห่มผ้าห่มผืนบางให้ไป๋จิ่นจื้อ จากนั้นสั่งให้คนไปนำผ้าขนหนูเช็ดมาเช็ดใบหน้าและมือที่สกปรกให้หลานสาว ไป๋จิ่นจื้อจะได้หลับสบายขึ้น

เร่งเดินทางทั้งวันทั้งคืนโดยไม่หยุดพัก ไป๋จิ่นจื้อเหนื่อยล้าเต็มทน แม้จะรู้สึกว่ามีคนกำลังเช็ดหน้าให้ ทว่า สาวน้อยเหนื่อยจนลืมตาไม่ขึ้นจริงๆ

หลิ่วซื่อปลดมุ้งสีขาวเรียบลายดอกไม้ซึ่งเกี่ยวอยู่บนตะขอทองแดงลง ลุกขึ้นยืน เดินออกมาจากห้อง ทว่า ในใจยังรู้สึกเป็นกังวล “เกิดเรื่องอันใดขึ้นกันแน่ เสี่ยวซื่อถึงได้เหนื่อยถึงเพียงนี้”

“ได้ยินว่าคุณหนูสี่มุ่งหน้ายังจวนรัชทายาททันทีที่มาถึงเมืองหลวงเจ้าค่ะ คุณหนูสี่น่าจะจัดการทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยแล้วจึงได้ผ่อนคลายความตึงเครียดเช่นนี้ มิเช่นนั้นนางคงไม่หลับไปทั้งๆ ที่ยังไม่ได้มาทำความเคารพฮูหยินหรอกเจ้าค่ะ”

ชิงซูประคองหลิ่วซื่อพลางกล่าวเสียงแผ่วเบา

“เฮ้อ!” หลิ่วซื่อกล่าวอย่างสบายๆ

“ข้าไม่สนใจเรื่องทำความเคารพหรอก ข้าแค่กลัวว่าจะเกิดเรื่องอันใดขึ้นที่ซั่วหยางต่างหาก ทว่า เจ้ากล่าวถูก นางน่าจะจัดการเรื่องทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยแล้ว!”

หลิ่วซื่อเดินออกไปจากเรือนของไป๋จิ่นจื้อ จากนั้นหันไปสั่งสาวใช้ข้างกายชิงหลาน

“เจ้าไปสั่งให้โรงครัวทำน้ำแกงไก่ไว้ด้วย อุ่นให้ร้อนอยู่ตลอดเวลา พอคุณหนูสี่ตื่นขึ้นให้ทำบะหมี่น้ำแกงไก่ไปให้นางทาน”

“เจ้าค่ะ!” ชิงหลานรับคำแล้วหมุนตัวเดินไปทางโรงครัว

ช่วงใกล้เที่ยงของวันถัดมา ไป๋จิ่นจื้อจึงลืมตาขึ้นเพราะร่างกายที่ปวดระบม ขี่ม้าเดินทางทั้งวันทั้งคืน ไป๋จิ่นจื้อรู้สึกปวดร้าวไปทั้งร่าง

“พี่หญิงสี่ ตื่นแล้วหรือเจ้าคะ!” ไป๋จิ่นเซ่อนั่งอยู่ข้างเตียง เมื่อเห็นไป๋จิ่นจื้อตื่นขึ้นพลางทำท่าสูดปากก็ยิ้มออกมา “ท่านอาหลูกล่าวว่าพี่หญิงสี่คงจะขี่ม้ามาทั้งวันทั้งคืน เมื่อตื่นขึ้นต้องปวดระบมไปทั้งตัว ท่านอาหลูจึงสั่งให้คนต้มยาไว้ให้พี่หญิงอาบเจ้าค่ะ นางกล่าวว่าอาบแล้วพี่หญิงจะรู้สึกดีขึ้นเจ้าค่ะ!”

“พี่หญิงสี่อยากทานสิ่งใดเจ้าคะ ข้าจะให้คนไปสั่งให้โรงครัวทำให้เจ้าค่ะ” ไป๋จิ่นเซ่อถาม

ไป๋จิ่นจื้อคิดแล้วก็ลูบไปที่ริมฝีปากของตัวเอง “เมล็ดแตงโม!”

ไป๋จิ่นจื้อให้สาวใช้สองคนพยุงนางให้ลุกขึ้น ไป๋จิ่นเซ่อนั่งเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นในเมืองหลวงช่วงนี้ให้ไป๋จิ่นจื้อฟังอยู่ด้านนอกฉากกั้น ไป๋จิ่นจื้อแช่ตัวในถังน้ำซึ่งมียาของหลูหนิงฮว่าผสมอยู่ สาวน้อยรู้สึกผ่อนคลายขึ้นมาก

“แม้หนานตูจวิ้นจู่หลิ่วรั่วฟูจะไม่อยากแต่งงานกับเหลียงอ๋อง ทว่า นางสูยเสียความบริสุทธิ์ไปแล้ว จึงได้แต่ยอมรับเจ้าค่ะ!”

คุณหนูเจ็ดไป๋จิ่นเซ่อเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในเมืองหลวงให้ไป๋จิ่นจื้อฟังพลางแกะเมล็ดแตงโมให้พี่สาว

“หลายวันก่อนคุณหนูสี่ฉู่ของตระกูลเสนบดีกรมการคลังไปร่วมงานชมดอกไม้ ทว่า ไม่รู้เพราะเหตุใดจึงพลัดตกจากเรือลงไปในทะเลสาบ แม้พี่ชายของนางจะช่วยนางขึ้นมาได้ ทว่า ผู้คนเห็นเหตุการณ์ทั้งงาน นางจึงร้องไห้หนีกลับจวนไปด้วยความขายหน้าเจ้าค่ะ”

คุณหนูสี่แห่งตระกูลเสนาบดีกรมการคลังอย่างนั้นหรือ ไป๋จิ่นจื้อนึกถึงเรื่องที่คุณหนูสี่ตระกูลฉู่ผู้นี้ด่าว่าหลู่หยวนเผิงเป็นสุนัขในงานชุมนุมบทกวีขึ้นมาได้

นี่มัน…เป็นการแก้แค้นอย่างนั้นสินะ

ไป๋จิ่นเซ่อถือเมล็ดแตงโมที่แกะเสร็จหนึ่งจานเข้าไปให้ไป๋จิ่นจื้อ “ท่านอาหลูคงใกล้กลับมาจากวังหลวงแล้ว ข้าออกไปรอต้อนรับท่านอาหลูก่อนนะเจ้าคะ”

ไป๋จิ่นจื้อมองดูเมล็ดแตงโมที่ไป๋จิ่นเซ่อแกะให้ด้วยความรู้สึกอบอุ่นใจ

ไป๋จิ่นเซ่อยืนอยู่หน้าประตูจวนองค์หญิงเจิ้นกั๋ว เมื่อเห็นรถม้าซึ่งแกะสลักคำว่าจวนไป๋ค่อยๆ เคลื่อนตัวเข้ามาก็รู้ว่าหลูหนิวฮว่ากลับมาแล้ว

สาวน้อยรอให้รถม้าหยุดสนิทก่อนจึงเข้าไปต้อนรับหลูหนิงฮว่าเหมือนอย่างที่ทำทุกครั้ง

แม้ไป๋จิ่นเซ่อจะยังเด็ก ทว่า นางรู้ดีว่ายิ่งคุณหนูเจ็ดอย่างนางให้ความเคารพหลูหนิงฮว่ามากเท่าใด ผู้คนภายนอกก็จะคิดว่าองค์หญิงใหญ่ให้ความสำคัญกับหลูหนิงฮว่ามาก คิดว่าหลูหนิงฮว่าคือท่านอาไป๋ซู่ชิวกลับชาติมาเกิดจริงๆ

ดังนั้นนางจะพลาดรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ เช่นนี้ไปไม่ได้เด็ดขาด

เด็กสาวเอื้อมมือไปประคองหลูหนิงฮว่าลงมาจากรถม้า พบว่ามือของหลูหนิงฮว่าชื้นไปด้วยเหงื่อ เด็กสาวเงยหน้ามองใบหน้าที่ดูปกติของหลูหนิงฮว่า จากนั้นพบว่าหญิงสาวไม่ได้อยู่ในชุดสีราบเรียบตัวเดิมที่ใส่เข้าไปในวังตอนแรก “ท่านอาเจ้าคะ”

มือของหลูหนิงฮว่าสั่นระริก นางกุมมือของไป๋จิ่นเซ่อแน่น พยายามเอ่ยถามด้วยทำเสียงที่เป็นปกติที่สุด

“คุณหนูสี่ฟื้นแล้วหรือไม่”

ไป๋จิ่นเซ่อเหลือบเห็นองครักษ์ซึ่งยืนอยู่ข้างรถม้า จึงฉีกยิ้มบริสุทธิ์ไร้เดียงสาพลางเอ่ยตอบ

“ตื่นแล้วเจ้าค่ะ! พอตื่นขึ้นก็บ่นว่าปวดไปทั้งร่าง ผู้ใดให้นางขี่ม้านานเช่นนี้กันเล่าเจ้าคะ”

หลูหนิงฮว่าพยักหน้า จากนั้นหันไปทำความเคารพองครักษ์

“ขอบพระคุณทหารรักษาพระองค์ที่มาส่งข้าเจ้าค่ะ!”

สิ้นเสียง ไป๋จิ่นเซ่อหันไปมองตาม

ทหารองครักษ์ผู้นั้นโค้งกายคำนับ “ส่งแม่นางหลูกลับถึงจวนแล้ว ข้าขอตัวก่อนขอรับ!”

เมื่อเห็นทหารผู้นั้นขี่ม้าจากไป หลูหนิงฮว่าจับมือไป๋จิ่นเซ่อฝืนประคองร่างเดินเข้าไปในจวนไป๋ เมื่อผ่านกำแพงเข้าไปด้านใน หญิงสาวเกือบเซล้มลงบนพื้น

ใจของหลูหนิงฮว่าเต้นรัวอย่างรุนแรง วันนี้ตอนที่นางเข้าไปฝังเข็มให้ฮ่องเต้ในวังหลวง นางเผลอปัดน้ำชาหก นางกำนัลพานางไปเปลี่ยนเครื่องแต่งกาย ทว่า นางดันเห็นฮองเฮาลอบนัดพบกับแม่ทัพฝูอย่างลับๆ ฮองเฮาต้องการให้แม่ทัพฝูช่วยคุ้มกันซิ่นอ๋องกลับมาเมืองหลวงเพื่อก่อกบฏแย่งชิงบัลลังก์ ทว่า แม่ทัพฝูยังไม่ได้ตอบรับ

มีคนล่วงรู้ความลับของคนทั้งสอง ฮองเฮาจะปล่อยให้คนผู้นั้นรอดชีวิตไปได้อย่างไรกัน

นางกำนัลถูกทหารองครักษ์รักษาพระองค์คนเมื่อครู่แทงจนเสียชีวิต หลูหนิงฮว่ายืนตัวสั่นอยู่ที่ห้องด้านใน พยายามควบคุมสติของตัวเอง เปลี่ยนเครื่องแต่งกายใหม่ด้วยท่าทีปกติ

นางรู้ดีว่าหากหลบหนีคงหนีไม้พ้นอย่างแน่นอน ไม่สู้แสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่องราวจะดีกว่า ดังนั้นหญิงสาวจึงตะโกนให้นางกำนัลผู้นั้นหยิบถุงหอมจากเครื่องแต่งกายชุดเดิมมาให้นางเสียงดังลั่น

เสียงของหลูหนิงฮว่าทำให้องครักษ์และฮองเฮาตกใจ หลูหนิงฮว่าได้ยินเสียงเปิดประตู จึงหันหลังให้ฉากกั้นพลางผูกเครื่องแต่งกายให้เรียบร้อย

“หยิบถุงหอมมาให้ข้าหน่อย”

ฮองเฮาหยิบถุงหอมจากเครื่องแต่งกายชุดเก่าของหลูหนิงฮว่าซึ่งอยู่ด้านนอกขึ้นมาอย่างแผ่วเบา จากนั้นเดินอ้อมฉากกั้นยื่นถุงหอมให้หญิงสาว

หลูหนิงฮว่าหันกลับไปมองเห็นมือเรียวยาวขาวเนียนกุมถุงหอมไว้ หญิงสาวจึงเงยหน้าขึ้น เมื่อเห็นว่าเป็นฮองเฮาจึงรับถุงหอมมาด้วยท่าทีปกติและย่อกายทำความเคารพนิ่งๆ