ตอนที่ 278 เจตนารมณ์ของเย่ซิวตู๋
ตอนที่ 278 เจตนารมณ์ของเย่ซิวตู๋
โม่เสียนกระโดดลงจากรถม้าอย่างรวดเร็ว เขากลับมาถึงตำหนักอ๋องซิวก่อนที่ราชโองการของเหมียวกงกงจะมาถึงหนึ่งก้าว
เย่ซิวตู๋พิงเข้ากับขอบรถม้า หลับตาฟังเสียงจอแจบนถนนใหญ่ ท่ามกลางเสียงเหล่านี้ ยังคงมีข่าวลือยุ่งเหยิงเกี่ยวกับเสนาบดีฝ่ายขวาและอวี้ชิงลั่วอยู่ไม่น้อย ช่างมีหลากหลายรูปแบบเสียเหลือเกิน
ครั้นได้ยินสิ่งเหล่านี้ เขาก็อดขึงมุมปากพร้อมกับยิ้มเยือกเย็นออกมาไม่ได้
รถม้าวิ่งออกไปไกลมากขึ้นเรื่อย ๆ เพียงไม่นานก็ออกห่างจากกลุ่มผู้คนเหล่านั้น
เย่ซิวตู๋จึงลืมตาขึ้น เอ่ยถามเสิ่นอิงที่ขี่ม้าอยู่ด้านนอก “คิดว่าเราโหดร้ายเกินไปใช่หรือไม่?”
เสิ่นอิงชะงักไปครู่หนึ่ง จู่ ๆ เขาก็รู้สึกไม่สบอารมณ์อยู่ภายในใจ เหตุใดนายท่านถึงถามคำถามเช่นนี้? เขาอยู่ข้างกายนายท่านมาหลายปี นายท่านตัดสินใจทำอะไรก็ลงมืออย่างเฉียบขาดโดยไม่ลังเล ภายในใจของเขาย่อมรู้ดีว่าตนเองกำลังทำอะไรและควรทำอะไร ไหนเลยจะเกิดความสับสนอีก?
ทว่าหลังจากมีแม่นางอวี้ ก็ดูเหมือนเรื่องที่เกี่ยวข้องกับแม่นางอวี้จะทำให้นายท่านเกิดความลังเลไม่มากก็น้อย
ในเวลานี้เสิ่นอิงได้แอบโทษว่าเป็นความผิดของอวี้ชิงลั่วอยู่ภายในใจ เขารู้สึกว่านางไม่ควรเพิกเฉยต่อความรู้สึกของนายท่านเช่นนี้
“ท่านอ๋อง อาการเจ็บป่วยของเสนาบดีฝ่ายขวามีมาก่อนแล้ว ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับท่านอ๋อง ส่วนแม่นางอวี้…ก็เป็นเพราะท่านอ๋องพานางมาที่เมืองหลวง หากไม่มีท่านอ๋อง แม่นางอวี้คงยังอยู่ที่เจียงเฉิง ก็คงหมดหนทางที่จะรักษาเสนาบดีฝ่ายขวาเช่นกัน”
เสิ่นอิงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะตอบกลับไปอย่างชัดเจนและระมัดระวัง “ยิ่งไปกว่านั้น จู่ ๆ ตอนนี้ก็มีข่าวลือแพร่สะพัดไปทั่ว ท่านอ๋องทำเช่นนี้เพราะหวังดีกับแม่นางอวี้และหนานหนาน ข้าน้อยย่อมเห็นด้วยกับวิธีของท่านอ๋องขอรับ”
“งั้นรึ?” เย่ซิวตู๋หัวเราะพรวด นี่เป็นครั้งแรกที่เขาค้นพบว่าเสิ่นอิงก็เป็นคนหนึ่งที่ช่างเจรจา
เพียงแต่ เสิ่นอิงคิดเช่นนี้ แต่ไม่รู้ว่าสตรีผู้นั้นที่อยู่ในตำหนักจะคิดเช่นไร เขาหลบหน้านางมาหลายวันแล้ว ไม่รู้ว่าตอนนี้นางจะเป็นเช่นไรบ้าง
พระราชโองการได้ส่งมาที่ตำหนักอ๋องซิวในเวลาอันรวดเร็ว ทว่าการเคลื่อนไหวของโม่เสียนรวดเร็วยิ่งกว่า เขาวิ่งไปที่เรือนของอวี้ชิงลั่วก่อน พร้อมกับพูดสิ่งที่ท่านอ๋องรับสั่งไว้หนึ่งรอบ
อวี้ชิงลั่วถึงกับขบฟันกรอด นางถึงกับกระชากโม่เสียนให้พานางไปหาเย่ซิวตู๋ในทันที
โม่เสียนมีเหงื่อเย็นผุดซึมออกมาทันใด เขาคิดไว้อยู่แล้ว เมื่อใดที่ท่านอ๋องและแม่นางอวี้ทะเลาะกัน คนที่รับความทุกข์ทรมานก็คือเขา
ยังดีที่เพียงไม่นานพ่อบ้านหยางก็วิ่งเข้ามาจากเรือนด้านหน้า รายงานว่าราชโองการมาถึงแล้ว
อวี้ชิงลั่วจึงปล่อยมือจากคอเสื้อของโม่เสียน คลุมผ้าปิดบังใบหน้าพลางแค่นเสียงเย็นขณะเดินไปที่ลานด้านหน้าตำหนัก เพื่อฟังเหมียวเชียนชิวประกาศราชโองการ
เหมียวเชียนชิวได้รับคำสั่งจากฮ่องเต้ ให้พูดถึงอาการป่วยของเสนาบดีฝ่ายขวาว่าร้ายแรง จนแทบจะถึงขั้นเสียชีวิตหากไร้หนทางรักษา ในตอนท้ายยังแอบเตือนอวี้ชิงลั่วเป็นนัย ๆ ว่า ตอนที่มีการประลองที่โรงเตี๊ยมเยว่หมิง เสนาบดีฝ่ายขวาเคยช่วยพูดแทนนางอยู่หลายหน เกิดเป็นมนุษย์ต้องรู้จักบุญคุณคนถึงจะถูก
อวี้ชิงลั่วที่กำลังก้มหน้าถึงกับกลอกตามองบนฟังด้วยความหงุดหงิด จนกระทั่งตอนที่เหมียวกงกงยื่นราชโองการมาตรงหน้านาง อวี้ชิงลั่วกลับลุกขึ้นยืน ปฏิเสธรับราชโองการ “เหมียวกงกง แม้แต่หมอหลวงก็ยังมิอาจรักษาอาการป่วยของเสนาบดีฝ่ายขวาได้ ข้าจะไปมีความสามารถรักษาได้อย่างไรกัน? เหมียวกงกงโปรดกลับไปรายงานกับฝ่าบาทเถิด บอกว่าข้ามีความรู้ตื้นเขิน ไร้ความสามารถ โปรดฝ่าบาทอย่าได้โกรธเคือง”
“แม่นางชิง นี่คือราชโองการ…” เหมียวเชียนชิวมุมปากกระตุกเล็กน้อย นี่คือราชโองการเชียวนะ นับตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ไม่เคยมีใครกล้าปฏิเสธราชโองการอย่างเปิดเผยเช่นนี้มาก่อน แม่นางชิงไม่กลัวตายเลยหรือ?
อวี้ชิงลั่วคุกเข่าลงบนพื้นอย่างฉับไว “เหมียวกงกง หากฝ่าบาทมิอาจให้อภัยต่อความผิดของข้าได้ ข้าก็คงไม่มีอะไรต้องพูดแล้ว ข้าจะไปคุกของกรมราชทัณฑ์พร้อมกับเหมียวกงกงตอนนี้เลย”
เหมียวเชียนชิวถึงกับสำลักเพราะคำพูดของนางจนพูดไม่ออก เกิดอะไรขึ้นกับแม่นางชิงผู้นี้กันแน่? นางยอมเข้าคุกของกรมราชทัณฑ์ แต่กลับไม่ยอมไปดูอาการของเสนาบดีฝ่ายขวา? ก็แค่ไปดูอาการเท่านั้น ไม่ได้ต้องการชีวิตของนางสักหน่อย เหตุใดจึงต้องปฏิเสธอย่างจริงจังถึงเพียงนี้
เหมียวเชียนชิวแอบรู้สึกลำบากใจ ถือราชโองการในมือด้วยท่าทางเคอะเขิน
เพียงแต่เมื่อเห็นสีหน้าเด็ดเดี่ยวของอวี้ชิงลั่วเช่นนี้ เขาก็ทำอะไรไม่ได้ ทำได้แค่ถอนหายใจพร้อมกับประคองนางให้ลุกขึ้น “แม่นางชิงจริงจังเกินไปแล้ว แม่นางชิงคือผู้มีพระคุณที่ช่วยองค์ชายเจ็ดไว้ ฝ่าบาทจะกล่าวโทษแม่นางชิงเพราะเรื่องนี้ได้อย่างไรกัน? พระองค์ทราบดี แม่นางชิงทำเช่นนี้ก็คงลำบากเช่นกัน ย่อมมิกล่าวโทษแม่นางอย่างแน่นอน”
เหมียวเขียนชิวลอบถอนหายใจ เขาทำได้เพียงแค่เก็บราชโองการกลับไป ก่อนจะหมุนกายเดินขึ้นรถม้าเพื่อเดินทางกลับวัง
แม่นางชิงผู้นี้ก็เป็นคนหนึ่งที่แปลกประหลาดนัก
อวี้ชิงลั่วเห็นอีกฝ่ายออกไปไกลแล้ว จึงขบฟันกรอดก่อนจะหมุนกายกลับมาช้า ๆ คิดไม่ถึงเลยว่าตอนที่หันกลับมา นางจะได้เห็นท่าทางเหงื่อตกของทุกคน อวี้ชิงลั่วมุมปากกระตุกวูบ ยกมือตบบ่าพ่อบ้านหยาง “สีหน้าของพวกท่านดูไม่สู้ดีเอาเสียเลยนะ”
“แม่นางอวี้ นี่ท่านกำลังปฏิเสธราชโองการอยู่นะขอรับ” ถึงแม้พ่อบ้านหยางจะเห็นคลื่นลมที่ไม่สงบจนเคยชินแล้ว แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นคนที่กล้าปฏิเสธราชโองการอย่างโจ่งแจ้งเช่นนี้
แม้แต่ท่านอ๋องก็ไม่เคยทำเช่นนี้มาก่อน มากสุดก็แค่รับราชโองการไว้แบบขอไปที หลังจากเข้าเฝ้าฮ่องเต้ก็โยนเรื่องที่อยู่ในราชโองการทิ้งไป
อวี้ชิงลั่วหัวเราะเจื่อน นางปฏิเสธราชโองการก็เป็นเพราะท่านอ๋องของพวกเขาไม่ใช่หรือ?
เย่ซิวตู๋ผู้นี้จับจุดอ่อนของนางได้แล้ว จึงเริ่มกดขี่นางอย่างไร้มนุษยธรรมอย่างนั้นสิ?
หลังจากอวี้ชิงลั่วกลับมาที่เรือนก็พบจินหลิวหลีกำลังนั่งยิ้มตาหยีอยู่บนเก้าอี้ นางจึงขมวดคิ้วอย่างเลี่ยงไม่ได้ “เหตุใดถึงยังอยู่ที่นี่?”
“ปฏิเสธราชโองการเชียวรึ อวี้ชิงลั่ว ท่านอ๋องซิวผู้นี้กำลังทำร้ายเจ้าใช่หรือไม่ ถึงได้สั่งให้เจ้าคัดค้านราชโองการ” จินหลิวหลีคิดไม่ออกเลยว่าเย่ซิวตู๋กำลังคิดอะไรอยู่ ต่อให้เขาหึงจริง ๆ ต่อให้เขาสนใจเสนาบดีฝ่ายขวาและไม่ชอบที่อวี้ชิงลั่วและเสนาบดีฝ่ายขวายุ่งเกี่ยวกัน แต่เขาก็สามารถบอกเรื่องนี้กับฮ่องเต้ให้ชัดเจนได้ เหตุใดถึงได้ปล่อยให้เหมียวกงกงนำราชโองการมาถึงที่นี่ ทั้งยังให้อวี้ชิงลั่วปฏิเสธอีก?
ไม่เพียงแค่นี้ แต่ยังทำให้อวี้ชิงลั่วได้รับข้อกล่าวหาว่าขัดขืนไม่เคารพต่อราชโองการ หลังจากนี้จะไม่ทำให้คนเลว ๆ เหล่านั้นจับจุดที่เจ็บได้และกระทืบแรง ๆ หรอกหรือ?
อวี้ชิงลั่วเหลือบตามองอีกฝ่าย ก่อนจะนั่งลงและรินน้ำให้ตนเอง ตอนที่หันกลับมามองก็เห็นอวี้เป่าเอ๋อร์และเย่หลานเฉิงกำลังยืนอยู่หน้าประตูห้อง ท่าทางดูเป็นห่วงนางอย่างมาก ดูเหมือนว่าพวกเขาก็คงรู้เรื่องราชโองการด้านนอก รวมถึงเรื่องที่นางปฏิเสธราชโองการแล้ว
อวี้ชิงลั่วจิบน้ำจนชุ่มคอแล้ว จึงโบกมือไล่ให้พวกเขาทั้งสองคนกลับไปฝึกฝนกันต่อ ทั้งยังรับประกันว่าจะไม่เกิดอะไรขึ้นกับนางเป็นอันขาดอยู่หลายหน เด็กสองคนนั้นจึงยอมกลับไปอ่านตำราที่ห้องของตนเอง แต่พวกเขาก็ยังไม่คลายความกังวล อ่านตำราไปก็ไม่เข้าใจแม้แต่น้อย
จินหลิวหลีหัวเราะ นางไม่เข้าใจเลยว่าทั้ง ๆ ที่อวี้ชิงลั่วเป็นสตรีที่ประหลาดขนาดนั้น เหตุใดเด็ก ๆ ถึงได้ชอบมาตามติดนางกันนะ?
“ข้าพอจะรู้ถึงเจตนาของเย่ซิวตู๋แล้ว” อวี้ชิงลั่ววางแก้วลง ก่อนจะหันกลับไปรื้อด้านในตู้
จินหลิวหลีชะงัก “เจตนา? เย่ซิวตู๋ให้เจ้าปฏิเสธราชโองการ หรือจะบอกว่ายังมีเจตนาพิเศษนอกเหนือจากนี้อีก?”
“อืม” อวี้ชิงลั่วไม่ได้หันกลับมา ยังคงยืนรื้อตู้ที่อยู่ข้าง ๆ ต่อไป หลังจากผ่านไปครู่หนึ่งจึงเดินกลับมาข้าง ๆ จินหลิวหลีอีกครั้ง ก่อนจะยื่นกล่องใบเล็กให้อีกฝ่ายพลางกระซิบเสียงเบาว่า “หลิวหลี เจ้าช่วยไปจัดการธุระให้ข้าหน่อย”
……………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
ปฏิเสธพระราชโองการไปแบบนี้แล้ว จะช่วยเหลือเสนาบดีฝ่ายขวายังไงดีน้า
ไหหม่า(海馬)