บทที่ 498 ไม่อร่อยไม่คิดเงิน

เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ

บทที่ 498 ไม่อร่อยไม่คิดเงิน

บทที่ 498 ไม่อร่อยไม่คิดเงิน

ครูอวี่อยู่ไม่สุขเมื่อนึกถึงโบราณวัตถุพวกนั้น เพราะเขาเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านนี้โดยตรง แม้กระทั่งเด็กอย่างเสี่ยวเถียนยังหาเจอ เขาเชื่อว่าตนเองจะต้องหาเจอเหมือนกัน

ผู้อำนวยการหลี่ก็โดนล่อลวงด้วยเหมือนกัน

ของดี ๆ แบบนี้ใครบ้างจะไม่ชอบ ถึงจะหาได้ดีเท่ากระถางธูปของเสี่ยวเถียนไม่ได้ ขอให้ได้ของจากในยุคราชวงศ์ชิงก็ยังดี!

หากได้ยากมากที่สองพี่น้องคู่นี้จะคิดเหมือนกัน แถมยังหารือเรื่องที่จะไปเดินถนนโบราณเพื่อตามหาสมบัติด้วย

เสี่ยวเถียนไม่ได้พูดอะไร สมบัติที่นั่นใครหาได้ก็เป็นของคนนั้น และตอนนั้นเองที่อาหารถูกยกมาเสิร์ฟ

เสี่ยวเถียนสั่งคากิ (กีบเท้าหมู) ตุ๋น หมูตุ๋นน้ำแดง ผัดเผ็ดถั่ว และเต้าหู้ผัดพริกให้ผู้อำนวยการหลี่

นอกจากหมูตุ๋นน้ำแดงที่เหลือเป็นเมนูใหม่ทั้งหมด

ถึงผู้อำนวยการหลี่จะชอบกิน แต่ก็ยังยับยั้งชั่งใจไว้ได้บ้าง เขาเคยมาแค่สองสามครั้งเท่านั้น

เมื่อได้เห็นอาหารก็ยังประหลาดใจ

“กลิ่นหอมมาก!” เขาซูดน้ำลายเสียงดัง

ไม่ใช่ว่าไม่เคยกินของดี ๆ นะ แต่ทำไมหออีหมิงจะทำให้คนอื่นรู้สึกอยากอาหารอยู่เรื่อยเลย

อาหารทั้งสี่จานนำมาเสิร์ฟพร้อมกัน กลิ่นหอมชวนรับประทานมาก

สองพี่น้องคุยเรื่องอื่นกันอย่างสนุกสนาน และไม่ได้สนใจในเรื่องของโบราณอีกแล้ว

ในเวลาอาหารรสเลิศแบบนี้ ถ้ามัวแต่คุยเรื่องของเก่าก็โง่เกินไปแล้วไม่ใช่หรือไง?

เสี่ยวเถียนรู้ว่าครูอวี่เป็นคนกินเยอะ จึงตักข้าวถ้วยใหญ่ให้เป็นพิเศษ

“ยังเป็นเธอเหมือนเดิมเข้าใจดี รู้ว่าฉันกินเยอะ!” ครูอวี่เอ่ยชมขณะกินหมูตุ๋น

เสี่ยวเถียนเป็นแค่เด็กที่ฉลาด มีไหวพริบและเรียนเก่ง

“ครูอวี่กินเยอะ ๆ เลยนะคะ ข้าวเราก็อร่อยนะ” เธอยังไม่ละความพยายาม

ข้าวสวยที่ร้านอร่อยจริง ๆ เพราะเป็นข้าวที่ซื้อมาจากระบบร้านค้าไง ไม่ต้องพูดถึงเรื่องรสชาติเลยว่าจะอร่อยขนาดไหน อีกอย่างคุณย่ายังใส่ใจในเรื่องความร้อนอีกด้วย ข้าวที่หุงออกมาไม่ได้เงางามเท่านั้น แต่ยังมีรสชาติอร่อยขึ้นด้วย

“อันที่จริงฉันไม่ชอบกินคากิหรอกนะ กระดูกมันเยอะมาก ไม่อร่อยเท่าเนื้อหรอก” ครูอวี่มองมันด้วยความไม่ชอบใจ

เด็กสาวยิ้ม “คากิตุ๋นเป็นอาหารจานหลักที่เพิ่งเปิดตัวเลยนะคะ พวกคุณทั้งสองลองชิมก่อนก็ได้ค่ะ ถ้าไม่อร่อยหนูยินดีไม่คิดเงินค่ะ”

ผู้อำนวยการหลี่และครูอวี่ต่างก็เลือกกินหมูตุ๋นน้ำแดงเนื้อนุ่ม อร่อยและมันฉ่ำ ๆ ไม่ได้สนใจคากิเท่าไร

มีหมูตุ๋นน้ำแดงแล้วแท้ ๆ ใครจะไปกินคากิล่ะ โง่หรือไง? แต่ถ้าไม่คิดเงินงั้นลองกินหน่อยก็ได้ เพราะยังไงก็ยังเป็นเนื้อสัตว์นี่นา มีกลิ่นเนื้อด้วย

ใช่แล้ว พวกเขาคิดแค่ว่าจะได้กินคากิโดยไม่เสียเงิน จึงไม่ได้นึกว่ามันมีอะไรให้อร่อย

เพราะคากิทำให้รู้สึกถึงกลิ่นคาวของมันเสมอ ไม่ว่าจะทำยังไงก็ไม่อร่อยเท่าส่วนเนื้อแล้ว เสี่ยวเถียนจะไม่ทำให้เราเสียใจใช่ไหม?

“เธอพูดจริงใช่ไหม? เธอจะไม่คิดเงินจริง ๆ ใช่ไหม?” ครูอวี่ถามขณะเอ่ยคีบข้าว

ไม่ใช่บอกว่าจะคิดล่ะ

“แน่นอนค่ะครูอวี่ ครูลองชิมก่อนนะคะ ถ้าไม่อร่อยหนูจะเว้นค่าอาหารจานนี้ให้เลยค่ะ”

เสี่ยวเถียนมั่นใจในฝีมือของย่ามาก แล้วก็เชื่อในตัวคนทั้งสองด้วย เพราะพวกเขาไม่มีทางหน้ามืดตามัวพูดว่าไม่อร่อยเพราะคำว่าจะเว้นค่าอาหารจานนี้หรอกนะ นั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้เธอกล่าวอย่างหนักแน่น

“งั้นฉันไม่เกรงใจแล้วนะ!” คนเป็นครูว่าแล้วจ้องเด็กหญิงตรงหน้า เขาพร้อมที่จะเสียเวลากินจานนี้แล้ว

“ด้วยความยินดีค่ะ!”

“มาเลย!”

จากนั้นเขาก็หยิบคากิมาชิ้นหนึ่ง

เสี่ยวเถียนมองด้วยรอยยิ้ม

ครูอวี่ที่แสนใจเย็น จู่ ๆ ก็เริ่มสนใจคากิเนื้อแดง และประกายมันเงาขึ้นมา

พูดก็พูดเถอะ คากิชิ้นนี้น่ากินกว่าที่เคยกินมาเสียอีก แถมกลิ่นยังหอมมากไม่มีกลิ่นคาวหมูเลย รสชาติน่าจะดี

คิดได้เช่นนั้นเขาก็อ้าปากกว้างกัดเข้าไปเต็มคำ หลังจากกัดเนื้อเหนียวนุ่มในคำแรก เขาก็กินต่อไป มันมีชั้นไขมันแต่ไม่มันเยิ้มใต้หนังหมู

ข้างใต้มีเนื้อไม่ติดมันบางส่วนซ่อนเอาไว้ด้วย ยิ่งไปกว่านั้นคือเอ็นหมูนุ่มหยุ่นมาก ไม่ว่าจะหนัง ส่วนมัน หรือเนื้อติดมัน ลักษณะพิเศษของมันคือละลายในปาก

ส่วนที่เหลือคือเอ็นหมูอันอันนุ่มหยุ่น

หลังจากชิมเข้าไป รสชาติที่แปลกใหม่ทำครูอวี่หรี่ตา อร่อยมาก! หมูตุ๋นน้ำแดงก็อร่อยแล้วนะ แต่ไม่คิดว่าคากิจะอร่อยขนาดนี้

เชฟหออีหมิงเก่งมากจริง ๆ

ขนาดวัตถุดิบทั่ว ๆ ไปก็สามารถกลายเป็นสมบัติล้ำค้าได้เมื่อมาอยู่ที่ร้านแห่งนี้

ท่าทางของครูอวี่ก็มาพอจะอธิบายแล้ว เสี่ยวเถียนยิ้มอย่างรู้ทัน

“เมนูคากิตุ๋นจะกินแบบร้อนหรือเย็นก็ได้นะคะ ถ้ากินแบบร้อนเนื้อจะรสชาติเข้มข้นและละลายในปาก แต่ถ้ากินแบบเย็น จะเคี้ยวหนึบและคิวถาน* (ต้นทางใช้ 弹 เป็นศัพท์ปัจจุบัน แปลว่าเคี้ยวหนึบ นุ่มนิ่ม) เป็นพิเศษค่ะ”

คิวถานอะไรนั่น ครูอวี่ไม่ได้สนใจหรอก เพราะเขามัวแต่ชื่นชมรสชาติคากิอยู่

ผู้อำนวยการหลี่มองน้องชายหยิบคากิจากน้ำมัน ๆ สีแดงเข้าปาก ท่าทางเหมือนได้กินอาหารอันโอชะอย่างไรอย่างนั้น จะอร่อยแค่ไหนแต่มันก็คือคากิไม่ใช่หรือไง?

“ฉันเชื่อแล้วว่ามันอร่อย แต่ก็ไม่ถึงให้แกทำท่าแบบนั้นหรือเปล่า?” ผู้อำนวยการหลี่มุ่ยหน้า

น้องคนนี้นับวันยิ่งไร้ค่าขึ้นทุกที!

ครูอวี่ไม่สนใจพี่ชายสักนิด เขากัดคากิทีละคำ ๆ

อร่อยมาก อร่อยเหลือเกิน

ไม่เคยรู้ว่าคากิจะอร่อยได้ขนาดนี้ เขาพลาดไปได้ยังไงกัน!

แต่ยังไม่ทันจะได้พูด คากิชิ้นแรกก็หมดไปเสียแล้ว ครูอวี่หยิบชิ้นที่สองมาแทะต่อทันที

“มันอร่อยขนาดนั้นเลยหรือ?”

พอเห็นน้องชายไม่ได้แสร้งทำ แถมยังกินคากิติดกันสามชิ้น ผู้อำนวยการหลี่ก็เริ่มหัวหมุน

ด้วยความรีบร้อน เขายื่นตะเกียบออกไปหมายจะคีบคากิขึ้นมา แต่ครูอวี่กลับเลื่อนจานหนี

“พี่ ในฐานะที่เป็นน้องผมยกหมูตุ๋นน้ำแดงให้ ผมยอมเสียเปรียบแต่ขอแค่ได้กินคากิก็พอ!”

“…” ผู้อำนวยการหลี่”

ไอ้น้องคนนี้มันเห็นเขาหรือยังไงกัน?

น้องชายคนนี้ถ่อมตัวตั้งแต่เมื่อไร?

ยอมยกหมูตุ๋นน้ำแดงให้?

ปกติอะไรอร่อยหน่อยก็ไม่ยอมให้แล้ว แถมยังร้องท้วงอีกด้วย

แต่วันนี้ไม่ยอมยกคากิให้ แถมเต็มใจให้เขากินหมูตุ๋นน้ำแดง ชัดเลยว่าคากิมันอร่อยกว่าจริง ๆ

อันที่จริงก็ไม่ใช่ว่าคากิจะดีกว่าหมูตุ๋นหรอก แต่เพราะหมูตุ๋นมันเป็นของที่กินกันได้บ่อย ๆ เอาไปทำได้หลายเมนู แต่คากิมันไม่ใช่เพราะงั้นมันก็เลยทำให้คนรู้สึกว่าอร่อยกว่าปกติ