War sovereign Soaring The Heavens – ตอนที่ 1878
ตอนที่ 1,878 : เซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยน!

“คิดให้ข้าอยู่…ต้องดูว่าเจ้ามีปัญญาสามารถหรือไม่!”

ผู้เ?พยากรณ์แสยะยิ้มกล่าว…วาจาท้ายประโยคน้ำเสียงยังเปลี่ยนไปเป็นท้าทาย!

และทันทีที่กล่าวจบคำร่างผู้เฒ่าพยากรณ์ก็วูบหายไปทันที พริบตาก็จากไปไกลสุดฟ้า!

ด้านเซี่ยจงที่คิดฆ่าผู้เฒ่าพยากรณ์สร้างผลงานให้จงได้ เมื่อเห็นอีกฝ่ายทะยานร่างหนีไป ก็ปะทุพลังสุดตัวรีบพุ่งร่างตามไปอย่างไม่กล้ารอช้า!

ตอนนี้มันลืมเยว่อู๋หยิ่ง กระทั่งลืมเลือนตำหนักเมฆาครามไปหมดสิ้น

ในหัวมีแต่คำ ผลงาน! ผลงานยิ่งใหญ่และตำแหน่งจ้าวลัทธิรำไร!!

เพียงชั่วพริบตาเดียว ร่างผู้เฒ่าพยากรณ์กับเซี่ยจงก็หายไปจากเขตตำหนักเมฆาครามอย่างไร้ร่องรอย

จังหวะนี้จึงเหลือเพียงเยว่อู๋หยิ่ง ต้วนหรูเฟิง และก็ผู้สังเกตการณ์เท่านั้นที่ยังอยู่

“จ้าวตำหนักต้วน ที่แท้มันเกิดอันใดขึ้นกันแน่ไฉนใต้เท้าเซี่ยจงถึงบุกมาฆ่าคนในตำหนักเมฆาครามของท่านได้?”

ผู้สังเกตการณ์มองถามต้วนหรูเฟิงด้วยใบหน้ามึนงงสงสัย

เหตุผลที่มันสามารถมาถึงที่นี่ได้ทันเวลา เพราะมีคนลึกลับลอบส่งรายงานมาให้มัน…ว่ามียอดฝีมือจากภูมิภาคเบื้องบนคนหนึ่งกำลังจะลงมาเข่นฆ่าสังหารคนของตำหนักเมฆาครามราวผักปลาโดยไม่สนกฏระเบียบ…

อนิจจาสุดท้ายมันก็ยังมาสายเกินไป คนของตำหนักเมฆาครามได้ตกตายไปแล้วหลายคน

ตอนแรกมันก็ไม่ทราบว่ายอดฝีมือจากภูมิภาคเบื้องบนที่ว่าเป็นใคร

จนกระทั่งมันมาถึงตำหนักเมฆาคราม จึงได้รู้ว่ายอดฝีมือคนนั้นที่แท้กลับเป็นถึงเซี่ยจง อาวุโสระดับสูงของลัทธิอารามทมิฬ!

หากมันรู้มาก่อนว่าผู้ลงมือจะเป็นเซี่ยจงล่ะก็…มันคงไม่กล้ามาเสนอหน้าที่นี่แต่แรก! ผู้ยิ่งใหญ่ทำอะไรไหนเลยปลาซิวปลาสร้อยเช่นมันจะวุ่นวายได้!!

“มันมาเพื่อชิงตราผนึกมาร”

ต้วนหรูเฟิงกล่าวตอบเสียงเข้ม

“ตราผนึกมาร?”

ผู้สังเกตการณ์ได้ฟังคำของต้วนหรูเฟิง ก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว “ตราผนึกมารมิใช่หายสาบสูญไปตั้งแต่เมื่อ 2-3 ปีก่อนหรอกหรือ…เห็นว่ามันหายไปพร้อมกับเด็กหนุ่มนาม ต้วนหลิงเทียน ที่อยู่ๆก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย?”

“อาวุโสหลิวท่านไม่ค่อยออกจากด่าน เช่นนั้นท่านจึงคงยังไม่ทราบเรื่องนี้…ต้วนหลิงเทียนที่มีตราผนึกมารในครอบครองคนนั้นจริงๆแล้วเป็นลูกชายคนเดียวของข้าเอง…วันนี้ที่เซี่ยจงนั่นมันบุกมาตำหนักเมฆาครามกระทั่งฆ่าอาวุโสกู่ ก็เพื่อชิงตราผนึกมารของลูกข้า!”

ขณะกล่าวตอบประโยคนี้สองตาต้วนหรูเฟิงก็แดงฉานเต็มไปด้วยความคับแค้น รังสีฆ่าฟันพุ่งออกจากลูกตาเป็นสาย

“ต้วนหลิงเทียน…เป็นบุตรชายจ้าวตำหนักต้วนรึ?”

ผู้สังเกตการณ์ประหลาดใจไม่น้อย

“อาวุโสหลิว จากที่ข้าฟังท่านสนทนากับเซี่ยจง มันเป็นคนของ 1 ใน 3 ลัทธิในภูมิภาคเบื้องบน ลัทธิอารามทมิฬจริงหรือ? ท่านถึงได้หวาดกลัวมันนัก?”

ต้วนหรูเฟิงกล่าวถาม

ตั้งแต่ที่เห็นทีท่าทั้งได้ยินเซี่ยจงกับผู้สังเกตการณ์คุยกัน ต้วนหรูเฟิงก็ตระหนักได้ถึงความร้ายแรงของสถานการณ์

ลัทธิอารามทมิฬนั้น เป็น 1 ใน 3 ลัทธิในภูมิภาคเบื้องบน

3 ลัทธิอันยิ่งใหญ่ในภูมิภาคเบื้องบนได้แก่ ลัทธิบูชาไฟ ลัทธิชะตาฟ้า และก็ลัทธิอารามทมิฬ!

ต้วนหรูเฟิงเองก็รู้เรื่องนี้

“ใต้เท้าเซี่ยจงคนนั้นเป็นถึงผู้อาวุโสระดับสูงของลัทธิอารามทมิฬ ยังเป็นยอดฝีมือขอบเขตเซียนสวรรค์! นอกจากนั้นบิดาของใต้เท้าเซี่ยยังเป็นถึง 1 ใน 4 ธรรมราชาของลัทธิอารามทมิฬ! ที่ทุกคนรู้จักกันดีในนาม ราชันราชสีห์ทองคำ!”

กล่าวถึงประโยคท้ายท่าทางของผู้สังเกตการณ์แลดูยำเกรงหวั่นหวาด “ในลัทธิอารามทมิฬ ตำแหน่งธรรมราชาเป็นอันใดที่สูงส่งนัก มิได้ด้อยไปกว่าจ้าวลัทธิเลย…กระทั่งหากธรรมราชาทั้ง 4 เห็นพ้องต้องกัน ยังสามารถปลดจ้าวลัทธิลงจากตำแหน่งเพื่อแต่งตั้งคนใหม่ได้!”

ต้วนหรูเฟิงที่ได้ฟัง ก็ชักสีหน้าเคร่งขรึมจริงจังทันที…ด้วยไม่คิดว่าฐานะความเป็นมาของอีกฝ่ายจะสูงส่งเพียงนี้!

ไม่เพียงแต่เป็นชนชั้นอาวุโสสูงของลัทธิอารามทมิฬ แต่บิดาของอีกฝ่ายยังเป็นถึง ราชันราชสีห์ทองคำ 1 ใน 4 ธรรมราชาของลัทธิอารามทมิฬ!!

สำหรับเรื่องที่ผู้สังเกตการณ์บอกว่าเซี่ยจงมีพลังฝึกปรือในขอบเขต ‘เซียนสวรรค์’ ต้วนหรูเฟิงไม่ได้แปลกใจอะไร

เพราะมันตระหนักได้สักพักแล้วว่าพลังฝีมือที่เซี่ยจงสำแดงออกมา กระทั่งยอดฝีมือขอบเขตเซียนนภาขั้นสูงสุดก็ไม่อาจเทียบได้!

เช่นนั้นก็เป็นไปได้ประการเดียวเท่านั้น

พลังฝึกปรือของเซี่ยจงอยู่เหนือขอบเขตเซียนนภา!

และในดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า หลังจากด่านพลังเซียนนภาแล้วก็มีด่านพลังที่สูงส่งกว่าอยู่อีกด่านหนึ่งเท่านั้น

และด่านพลังที่ว่าก็คือ เซียนสวรรค์!

ระดับเซียนสวรรค์นั้นจะถูกแบ่งเป็นขั้นย่อยๆได้อีก 9 ขั้น หรือเรียกรวมๆว่า เซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยน!

เมื่อฝึกปรือบ่มเพาะไปจนถึงการเปลี่ยนแปลงขั้นสุดท้าย หรือ เปลี่ยนสู่สวรรค์ ก็จะสามารถชักนำพลังฟ้าดินเพื่อเรียกหา ‘ภัยพิบัติสู่สวรรค์’ ให้ปรากฏขึ้นได้!

และหากสามารถผ่านพ้นภัยพิบัติสู่สวรรค์ไปได้สำเร็จ ก็จะสามารถเยื้องย่างขึ้นสู่ระนาบเทวโลก! ก้าวเข้าสู่แดนสวรรค์ และกลายเป็น ‘อมตะชน’ ที่แท้จริง!!

“ท่านพ่อ!”

ต้วนหลิงเทียนที่ฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บ ก็ได้เซี่ยวหลันกับปี้เหยาช่วงพยุงเหาะมาจนถึงที่เกิดเหตุ

และตอนนี้ผิวกายของต้วนหลิงเทียนก็ได้กลับมาเป็นปกติหวนคืนสู่ร่างมนุษย์ ไร้ซึ่งเกล็ดมังกรอะไร

“ท่านพ่อ เจ้านั่นมันฆ่าพี่น้องตำหนักเมฆาครามเราไปกี่คน?”

เมื่อมาถึงต้วนหลิงเทียนก็กล่าวถามออกมาด้วยใบหน้าคับแค้น แววตายังแลดูน่ากลัวนัก

“ตกตายไป 10 คน…”

ต้วนหรูเฟิงระบายลมหายใจออกมาอย่างทอดถอน

“10 คนหรือ…”

ทว่าต้วนหลิงเทียนที่ได้ยินถึงกับอึ้ง อดไม่ได้ที่จะรู้สึกแปลกใจขึ้นมาทันที

แค่ 10 คนเองเหรอ?

“ท่านพ่อ นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?”

ต้วนหลิงเทียนกล่าวถามออกมาอีกครั้ง เขาไม่คิดว่าชายวัยกลางคนนั่นจะใช่ตัวดีที่จะเกิดมีเมตตาขึ้นมาอะไรได้!

หากไม่ใช่เพราะอีกฝ่ายเห็นเขากลายร่างเป็นนักรบมังกร 9 กรงเล็บล่ะก็ น่ากลัวว่าด้วยโทสะของมัน คงได้ฆ่าล้างคนตำหนักเมฆาครามจนตกตายหมดสิ้นจริงๆแน่ๆ!

ด้วยเหตุนี้พออีกฝ่ายจากไป ต้วนหลิงเทียนก็ถึงกับหน้าเสียด้วยคิดว่าศิษย์ของตำหนักเมฆาครามนับหมื่นพันคงไม่อาจรอดพ้นหายนะตกตายแน่แล้ว…แต่ไฉนมาตอนนี้อีกฝ่ายกลับฆ่าคนไปแค่ไม่กี่คนกันเล่า?

“มียอดฝีมือจากภูมิภาคเบื้องบนลงมาเย้ยเยาะการกระทำของมันจนทำให้มันมีโทสะ…เช่นนั้นมันจึงหันไปไล่ล่ายอดฝีมือผู้มาใหม่คนนั้นแทน”

แม้ต้วนหรูเฟิงจะจดจำได้ดีว่ายอดฝีมือที่ว่าก็คือผู้เฒ่าพยากรณ์ แต่มันก็ไม่คิดกล่าวบอกความจริงออกมา

มันไม่มีวันเปิดเผยตัวตนของผู้เฒ่าพยากรณ์ออกมาสุ่มสี่สุ่มห้าเด็ดขาด หากยังไม่ได้รับอนุญาตจากอีกฝ่าย

“มียอดฝีมือจากภูมิภาคเบื้องบนมาอีกคนงั้นเหรอ?”

ต้วนหลิงเทียนกล่าวจบคำก็เริ่มหันมองไปรอบๆทันทีตามสัญชาตญาณ

หลังหันรีหันขวางอยู่ไม่กี่ครั้ง เขาพลันตระหนักได้ว่าในที่นี้นอกจากบิดา ยังมีชายชราคนหนึ่งลอยตัวอยู่บนฟ้า…

ส่วนเยว่อู๋หยิ่งนั่น ไม่ทราบจากไปตั้งแต่เมื่อใด

แต่จะอย่างไรก็ตาม เมื่อได้ฟังว่าชายวัยกลางคนที่มาชิงตราผนึกมารไปจากเขาผู้นั้นจากไปแล้ว ต้วนหลิงเทียนก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกโล่งอก

ไม่ต้องกล่าวใดให้มาก การที่ชายวัยกลางคนจากไปเช่นนี้ ย่อมหมายความว่าตำหนักเมฆาครามเองก็รอดพ้นหายนะไปแล้ว!

ส่วนเรื่องลงมือแก้แค้นอะไรทำนองนั้น ตอนนี้เขายังไร้สามารถ!

ต่อให้เพลิงโทสะในใจเจียนปะทุระเบิดออกมาเผาผลาญเพียงใด แต่เขาก็ทำได้แค่กล้ำกลืนฝืนทนเอาไว้เท่านั้น

เพราะเขารู้ตัวดี กระทั่งต้านรับอีกฝ่ายให้ได้สักท่ายังไม่มีปัญญา ยังนับประสาอะไรกับฆ่ามันล้างแค้น?

“จ้าวตำหนักต้วน…นี่หรือต้วนหลิงเทียนบุตรชายของท่าน?”

ไม่ทราบตั้งแต่เมื่อใด ชายชราที่ลอยร่างกลางหาวโรยตัวลงมา ทั้งมองต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาสนใจ

ต้วนหรูเฟิงพยักหน้าให้ชายชราคราหนึ่ง ค่อยกล่าวแนะนำต้วนหลิงเทียน “เทียนเอ๋อนี่คืออาวุโสหลิว ผู้สังเกตการณ์ภูมิภาคเบื้องล่างของดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า”

ผู้สังเกตการณ์

ได้ยินคำแนะนำของต้วนหรูเฟิง ต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะประหลาดใจ เพราะไม่คิดไม่ฝันเลยว่าผู้สังเกตการณ์ภูมิภาคเบื้องล่างจะมาปรากฏตัวขึ้นที่นี่

“อาวุโสหลิว”

อย่างไรก็ตามต้วนหลิงเทียนก็ยังทักทายอีกฝ่ายด้วยมารยาทที่ดี

“สหายน้อยเจ้านับว่ามีโชควาสนามิธรรมดาจริงๆ กระทั่งพบเจอยอดศาสตราเซียนอย่างตราผนึกมารและได้ครอบครองมันช่วงหนึ่ง …อย่างไรก็ตามยอดศาสตราเซียนอย่างตราผนึกมารนั้น มันมิต่างอันใดจากเผือกร้อนสำหรับเจ้า ได้ครอบครองว่าดีแล้ว แต่มิมีอยู่ถือว่าประเสริฐกว่า! จากนี้ไปเจ้าก็มิต้องคอยหลบๆซ่อนๆหรือกริ่งเกรงว่าผู้ใดจ้องจะทำร้ายเจ้าเพื่อชิงของอีกต่อไป…นับว่าในร้ายยังมีดี”

วาจาช่วงแรกของผู้สังเกตการณ์ยังไม่อะไรมากมาย แต่วาจากลางไปจนท้ายประโยคถึงกับทำให้ต้วนหลิงเทียนเผยสีหน้าซับซ้อน

จริงด้วย!

ตราผนึกมารหลุดลอยไปจากมือเขาแบบนี้ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่ดี!

แน่นอนว่าแม้ต้วนหลิงเทียนจะตระหนักได้ถึงผลดีผลเสียและรู้สึกว่าดีมากกว่าเสีย แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะไม่คับแค้นชายวัยกลางคนผู้นั้น!

อีกฝ่ายไม่เพียงเหยียบย่ำหยามหยันเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่ยังเข่นฆ่าสังหารคนตำหนักเมฆาครามตามอำเภอใจ! เขาไม่มีวันอภัยให้มันเด็ดขาด!!

แค้นนี้ต้องชำระ! และเขาจะให้มันชดใช้ในเร็ววัน!!

แต่สำหรับตอนนี้ต้วนหลิงเทียนยังรู้ตัวเองดี

“จ้าวตำหนักต้วน ในเมื่อตอนนี้ก็มิมีเรื่องราวอันใดแล้ว เช่นนั้นข้าขอลาไปก่อน”

ผู้สังเกตการณ์กล่าวร่ำลากับต้วนหรูเฟิงเสร็จ ก็เหินร่างจากไป

ครู่ต่อมา ก็เหลือแต่ต้วนหรูเฟิง ต้วนหลิงเทียน เซี่ยวหลันกับปี้เหยาเท่านั้น

สำหรับหรงหยวนนั้น ได้แยกตัวไปแต่แรกเพื่อจัดการเรื่ององครักษ์เกราะทมิฬที่ตกตาย

“เจ้านั่นมันเรียกว่า เซี่ยจง มันเป็นอาวุโสระดับสูงของ 1 ใน 3 ลัทธิที่ภูมิภาคเบื้องบน ลัทธิอารามทมิฬ! ด่านพลังฝึกปรือของมันอยู่เหนือกว่าขอบเขตเซียนนภา มันเป็นยอดฝีมือที่บรรลุถึงขอบเขตเซียนสวรรค์แล้ว!”

ต้วนหรูเฟิงเริ่มกล่าวออกมาทำลายความเงียบ

ยามกล่าวถึงเซี่ยจง แววตาต้วนหรูเฟิงยังฉายชัดถึงเจตนาฆ่าฟันอันคับแค้น

โทสะในใจหาได้ด้อยไปกว่าต้วนหลิงเทียนไม่!

“คนของ 1 ใน 3 ลัทธิ!”

ลูกตาต้วนหลิงเทียนหดเล็กลงทันใด เขาไม่คิดเลยว่าเขาที่ยังไม่ทันได้ช่วยเหลือเค่อเอ๋อจากลัทธิบูชาไฟที่ชั่วร้ายนั่น กลับต้องมาพัวพันกับลัทธิอารามทมิฬเพิ่มอีก!

กระทั่งยังไม่ใช่เรื่องดี!

สำหรับขอบเขตเซียนสวรรค์อะไรนั่น ต้วนหลิงเทียนไม่ได้แปลกใจอะไรเท่าไหร่

ตอนที่เขาอยู่ตำหนักฟ้าลี้ลับ เขาก็ได้อ่านเจอเรื่องราวต่างๆในหอตำราหลักมากมาย ขณะค้นหารายละเอียดเกี่ยวกับลัทธิบูชาไฟและข้อมูลของภูมิภาคเบื้องบน

ในบรรดาข้อมูลเหล่านั้นรวมไปถึงระดับพลังบ่มเพาะของภูมิภาคเบื้องบนด้วย

ระดับพลัง เซียนสวรรค์เองก็นับรวมอยู่ในนั้น

ด่านพลังเซียนสวรรค์นั้น เป็นด่านพลังที่อยู่ถัดจากเซียนนภา และถือเป็นด่านพลังสูงสุดในดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าแห่งนี้แล้ว

ตราบใดที่ฝึกฝนบ่มเพาะจนบรรลุขั้นที่ 9 เปลี่ยนสู่สวรรค์ล่ะก็ จะสามารถชักนำ ‘ภัยพิบัติสู่สวรรค์’ ที่จะมาในรูปแบบอัสนีทัณฑ์สวรรค์! สายฟ้าจะฟาดผ่าลงมาหมายพิฆาตผู้ที่ต่อต้านสวรรค์!

หากสามารถข้ามผ่านภัยพิบัติสู่สวรรค์ได้สำเร็จ ก็จะกลายเป็นผู้อมตะชน ได้เยื้องย่างขึ้นสู่ระนาบสวรรค์ ท่องไปยังแดนสวรรค์ที่เหมาะสม

อาจารย์ที่เขาไม่เคยพบหน้าอย่างเซียนประบี่ฟงชิงหยางเอง ก็ทะลวงผ่านเปลี่ยนที่ 9 เปลี่ยนสู่สวรรค์ไปได้ ประสบความสำเร็จในการข้ามผ่านหายนะทัณฑ์สวรรค์ได้สำเร็จ จึงเข้าสู่ระนาบเทวโลก

‘เซียนสวรรค์งั้นเหรอ…ไม่รู้เซี่ยจงผู้นั้น มันฝึกปรือถึงขั้นที่เท่าไหร่แล้ว…’

ต้วนหลิงเทียนลอบกล่าวในใจ ขณะเดียวกันก็รู้สึกกดดันไม่น้อย

ที่แท้เซี่ยจงที่สังหารกู่มี่และฆ่าองครักษ์เกราะทมิฬไปนับสิบ กลับเป็นถึงยอดฝีมือขอบเขตเซียนสวรรค์ มันคือตัวตนที่เขาในตอนนี้ไร้หนทางเลือกอื่นนอกจากแหงนมองขึ้นไป…

อย่างไรก็ตามต้วนหลิงเทียนไม่รู้สึกย่นย่อทดท้อ!

เซียนสวรรค์แล้วจะอย่างไร?

สักวันเขาจะเดินทางไปยังลัทธิอารามทมิฬ เข่นฆ่าเซี่ยจงนั่น เพื่อทวงถามความเป็นธรรมให้อาวุโสกู่มี่และพี่น้ององครักษ์เพราะทมิฬทั้ง 10 ของตำหนักเมฆาคราม!

เรื่องทั้งหมดล้วนเป็นเพราะตราผนึกมารในมือเขา เช่นนั้นตัวเขาจึงต้องเป็นผู้แบกรับความรับผิดชอบ!

ดังนั้นความตายของอาวุโสกู่มี่และองครักษ์เกราะทมิฬทั้งสิบ เขาต้วนหลิงเทียนจะเป็นผู้คืนความเป็นธรรมให้แก่ทุกคน

บางทีคงมีแต่วันที่เซี่ยจงถูกเขาฆ่าตายได้แล้วเท่านั้น ปมในใจนี้ของเขาถึงจะสามารถคลี่คลายลงได้

เรื่องราวใหญ่โตแบบนี้ ตำหนักเมฆาครามย่อมไม่อาจปกปิดเอาไว้ได้

อันที่จริงตำหนักเมฆาครามไม่คิดปกปิด ยังโหมกระพือหมายให้ข่าวเรื่องราวแพร่กระจายไปทั่วๆด้วยซ้ำ…!

“อา…ตราผนึกมาร ที่นายน้อยตำหนักเมฆาคราม ต้วนหลิงเทียนโชคดีได้รับมาครอบครอง…สุดท้ายก็ถูกยอดฝีมือจากภูมิภาคเบื้องบนบุกมาช่วงชิงไปแล้ว!”

“เห็นว่ายอดฝีมือบุกมาช่วงชิงไป ยังเป็นถึงตัวตนระดับอาวุโสสูงของลัทธิอารามทมิฬ 1 ใน 3 ลัทธิที่ยิ่งใหญ่ของภูมิภาคเบื้องบน!”

ไม่นานข่าวเรื่องราวก็แพร่สะพัดออกไปทั่ว