บทที่ 515 ฉกฉวยปฐมวิญญาณประดิษฐ์

ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี

บทที่ 515 ฉกฉวยปฐมวิญญาณประดิษฐ์

บทที่ 515 ฉกฉวยปฐมวิญญาณประดิษฐ์

ชายผมขาวก้าวออกจากม่านหมอกระเบิดควัน เสื้อผ้าของเขาขาดรุ่งริ่งเล็กน้อย พลังปราณที่แท้จริงของเขาถูกรีดเร้นออกเพื่อปกป้องศิษย์ในอ้อมแขน ดังนั้นปฐมวิญญาณประดิษฐ์ครึ่งหนึ่งที่ระเบิดในโลกใบนี้จึงยังสามารถเจาะเกราะป้องกันบาง ๆ ที่เขามีได้อยู่

เสื้อผ้าขาดวิ่น มีบาดแผลเล็กใหญ่ตามร่างกาย มีโลหิตซึมออกจากบาดแผล

แต่ภายใต้การฝึกฝนวิชาหลอมสร้างกาย บาดแผลเหล่านี้สามารถหายเป็นปกติได้ในอึดใจเดียว และเนื้อหนังของเขาก็แข็งแกร่งขึ้นโดยไร้ข้อบกพร่องใด

ทันทีที่อีกฝ่ายเห็นไป๋ชิวหรานปรากฏตัว หุ่นกลจี่เกอของกองกำลังวิถีต้นกำเนิดหันกลับมา มันไม่รู้จะกล่าวสิ่งใด เวลานี้ในหัวของมันมีเพียงคำว่า ‘หลบหนี!’

อย่างไรก็ตาม มันจะหนีจากฝ่ามือของไป๋ชิวหรานได้อย่างไร หลังจากตระหนักรู้ รอยแยกพลันปรากฏขึ้นบนความว่างเปล่า มีฝ่ามือเหยียดออกจากรอยแตกพร้อมทุบตีหุ่นจี่เกอแห่งกองกำลังวิถีต้นกำเนิดอย่างบ้าคลั่ง ทำเอามันกระเด็นลอยไปไกลจนชนกับปราการก่อนจะถูกเทพอาวุโสก่อสร้างรากฐานเหยียบย่ำอีกครั้ง

“รับชมให้ดี หุ่นจี่เกอของเจ้ามีโครงสร้างที่ไม่เหมือนผู้ใด!”

เวลานี้ไป๋ชิวหรานจับมือถังรั่วเวยพร้อมเดินตรงไปที่หุ่นจี่เกอแห่งกองกำลังวิถีต้นกำเนิด ในเวลาเดียวกัน นางก็เงยหน้าขึ้นมองพระโพธิสัตว์เสริมอก ร่างของตนเพิ่งถูกแรงระเบิดปะทะเมื่อครู่ แต่ร่างของอาจารย์อสูรยังทำงาน ซึ่งหมายความว่าครึ่งหนึ่งของจิตใจนางยังคงทำงานได้ดี

หลังจากที่เห็นว่าร่างหลักถูกไป๋ชิวหรานอุ้มไว้ในอ้อมแขนโดยไร้รอยขีดข่วน อาจารย์อสูรที่ทรุดโทรมถึงกับตกตะลึงครู่หนึ่ง จากนั้นมันพร่าเลือนและหายไป กลับสู่เขตแดนจิตสำนึกของร่างหลัก

หลังจากเห็นว่าพระโพธิสัตว์เสริมอกหายไปแล้ว ไป๋ชิวหรานมองไปยังหุ่นจี่เกอ พร้อมกล่าวกับเจตจำนงของมหาเทพหุ่นกลที่อยู่ภายใน

“เจ้าเพิ่งใช้ปฐมวิญญาณประดิษฐ์ครึ่งหนึ่งของโลกมาระเบิดต่อหน้าข้า เจ้ารู้หรือไม่ว่าสิ่งนี้ทำให้ข้าเจ็บปวดเพียงใด? ในเมื่อเกลียดข้านัก! ข้าจึงจะขอรับหุ่นจี่เกอหนึ่งตัวเพื่อแทนคำขอโทษ!! เจ้าคงไม่ขัดข้องใช่หรือไม่?”

หลังกล่าวจบ ไป๋ชิวหรานไม่รอฟังคำตอบของมหาเทพหุ่นกล เขายกกระบี่ในมือขึ้นก่อนจะตัดการเชื่อมต่อระหว่างหุ่นกลกับมหาเทพหุ่นกลอย่างรวดเร็ว!

“…”

ณ จุดควบคุมมหาเทพหุ่นกล ร่างหลักของมหาเทพหุ่นกลเปิดเปลือกตาขึ้นเชื่องช้า

มันมองวัตถุเวทสื่อสารต่าง ๆ ของหุ่นจี่เกอที่หายไปด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง

หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง มหาเทพหุ่นกลกลับมาไตร่ตรองถึงข้อมูลที่ได้รับ และเป็นระยะเวลานานกว่ามันรับรู้ความสูญเสียที่น่าละอายใจ แต่เมื่อเทียบกับสิ่งที่ได้ค้นพบแล้ว เรื่องเล็กน้อยเหล่านั้นจึงไม่สำคัญนัก

“ได้เวลาวางแผนอพยพ…”

แววตาวูบไหวของมันปรากฏอักขระยันต์ซับซ้อน

“ข้าจะไม่มีวันยอมให้บรรพชนกระบี่รู้ตำแหน่งแท้จริงของข้าได้”

แผนการค่อย ๆ ปรากฏขึ้นในใจ และตามความประสงค์ของมหาเทพหุ่นกล กองทัพทหารขนาดใหญ่หลายกองกำลังที่ประจำการอยู่ใกล้ ๆ ก็เริ่มเคลื่อนไหวแล้วเช่นกัน

 

แสงแดดสาดส่องผ่านช่องว่างของใบไม้ลงกระทบแก้มขาว หญิงสาวที่หมดสติส่งเสียงครวญพร้อมค่อย ๆ ลืมเปลือกตาขึ้นเชื่องช้า

เมื่อได้ยินเสียงของนาง เงาหนึ่งพลันปกคลุมร่างกาย และเมื่อนางลืมตาขึ้น นางเห็นดวงตาขนาดใหญ่กำลังจับจ้องมาจากด้านบน

“เฮ้!”

ถังรั่วเวยตื่นตระหนกพร้อมลุกขึ้นนั่ง และต้องการใช้อาคมเพื่อต่อสู้ แต่เสียงของชายผู้นั้นหยุดยั้งนางเอาไว้

“เป็นอะไร?”

ชายผมขาวคนหนึ่งกระโดดลงมาจากกิ่งไม้พร้อมกับยืนอยู่ข้างหน้านาง มือกอดอก ใบหน้าเต็มไปด้วยความโกรธ

“ท่านอาจารย์”

ถังรั่วเวยเงยหน้าขึ้นมองเขา และพบว่าเขาเปลี่ยนชุดใหม่แล้ว และบาดแผลบนร่างกายก็หายดี

“มีอะไร?”

ไป๋ชิวหรานชำเลืองมอง

“ไม่มี…”

ถังรั่วเวยลุกขึ้นจากพื้นพร้อมปัดเศษหญ้าบนชุด สีหน้าเผยความรู้สึกอับอายเล็กน้อยเพราะเมื่อตอนอยู่ภายในสงครามครั้นก่อนหน้า นางเคยสบประมาทไป๋ชิวหรานไว้

เวลานั้นนางกล่าวว่า ในใจของไป๋ชิวหรานนั้น ศิษย์ผู้นี้คงไม่ได้สำคัญเทียบเท่ากับปฐมวิญญาณและโรงงานนั่น! อย่างไรก็ตาม เมื่อมหาเทพหุ่นกลจุดชนวนระเบิดทั้งหมด… ไป๋ชิวหรานกลับไม่ลังเลที่จะปกป้องนาง

เพราะเขา นางจึงไม่ได้รับรอยขีดข่วนใดเลย

“อาจารย์สั่งสอนเจ้าว่าอย่างไร อย่าได้คิดปิดบังคำพูด แหกปากออกมาถ้ามันจำเป็น!”

ไป๋ชิวหรานส่ายศีรษะ

“สุดท้ายข้าก็เป็นอาจารย์ หากเจ้าพูดผิด ข้าย่อมไม่ทำสิ่งใดนอกเหนือไปจากทุบตีหรอก”

“ท่านจะทุบตีข้าเรื่องอะไรอีก ข้ายังไม่ได้กล่าวอะไรเลย…”

ถังรั่วเวยเงยหน้ามองท้องฟ้า

“แล้วนี่คือที่ใด? นั่นมันอะไร?”

“นี่คือโลกวัตถุที่ข้าค้นพบโดยบังเอิญ มันอยู่ใกล้กับโลกที่มหาเทพหุ่นกลอาศัย อารยธรรมยังไม่ถือกำเนิด ดังนั้นจึงไม่ถูกมหาเทพหุ่นกลควบคุม”

ไป๋ชิวหรานมองขึ้นไปบนท้องฟ้า

“สำหรับเรื่องนี้ เจ้าควรจะรู้ไม่ใช่หรือ …”

ถังรั่วเวยถอยหลังเล็กน้อยด้วยความสับสน ก่อนจะเผยดวงตาประหลาดใจพร้อมอุทานออกมา

“นั่นคือ… หุ่นจี่เกอของกองกำลังวิถีต้นกำเนิดของมหาเทพหุ่นกลใช่หรือไม่?”

“อืม”

ไป๋ชิวหรานพยักหน้าด้วยความพอใจก่อนจะกล่าวต่อ

“ข้าเพิ่งตรวจสอบหุ่นกลตัวนี้ตอนที่เจ้าไม่ได้สติ หุ่นกลตัวนี้เป็นหุ่นกลมีปฐมวิญญาณที่ทรงพลัง มันมีระบบต่าง ๆ มากมายของราชสำนักหุ่นกล นับได้ว่าเป็นสมบัติล้ำค่า และ…”

สีหน้าของเขาพลันเผยความตื่นเต้นออกมา

“หากข้าสามารถไขปริศนาการผลิตคฤหาสน์สีม่วงประดิษฐ์ของมหาเทพหุ่นกล และเทคโนโลยีการสร้างหุ่นจี่เกอได้ ข้าจะหาวิธีสร้างคฤหาสน์สีม่วงประดิษฐ์และหุ่นกลทารกนั่นให้ได้ จากนั้นค่อยแบ่งความคิดออกไปอีกส่วนหนึ่งเพื่อบรรจุจิตวิญญาณลงสู่ร่างกาย… ฮึ่ม เมื่อถึงเวลานั้น ข้าอยากจะรู้นักว่าผู้ใดจะกล้าอ้างตนว่ายิ่งใหญ่กว่าปรมาจารย์ผู้นี้!”

 

“…”

ถังรั่วเวยมองไป๋ชิวหรานที่กำลังนั่งยอง ๆ บนพื้น เขาถูฝ่ามือตนเองด้วยความตื่นเต้นราวกับวานรน้อย หลังจากที่นางลังเลอยู่ครู่หนึ่ง นางก็กล่าวขึ้นช้า ๆ ว่า

“แต่ท่านอาจารย์ ความแตกต่างระหว่างพลังการต่อสู้ของท่านกับหุ่นจี่เกอนี้ แม้ท่านจะสร้างคฤหาสน์สีม่วงประดิษฐ์ที่สามารถเข้ากันได้ แต่ร่างนั้นก็ไม่อาจเทียบเท่ากับ…”

“เจ้าจะรู้อะไร ขั้นเจ้าสูงส่งนักหรือ!”

ไป๋ชิวหรานยืนขึ้นพร้อมคำรามอย่างเกรี้ยวกราด

“ครั้งที่ข้าเดินทางผ่านเขตแดนจิตสำนึกและความว่างเปล่า นอกเหนือจากพบเจอมหาเทพหุ่นกล ข้าได้ความคิดเกี่ยวกับขอบเขตซากปรักหักพังแล้ว แต่เพราะข้าต้องทุกข์ทรมานจาก… แค่ก ๆ เพราะข้อจำกัดตั้งแต่กำเนิดของข้า จึงไม่มีเวลาจะจัดการ ดังนั้นข้าจึงยังไม่ได้ข้อสรุปในเวลานี้ แต่ด้วยร่างกายนี้ข้ามั่นใจถึงแปดในสิบส่วน ว่าข้าจะสามารถทะลวงเข้าสู่ขั้นต่อไปได้!”

“ปัญหาก็คือแม้ท่านจะสร้างขึ้นได้ แต่ก็ไม่มีผู้ใดสามารถเรียนรู้มันได้…”

ถังรั่วเวยพึมพำ “สาวน้อย เจ้านั้นช่างโง่เขลาไม่เปลี่ยนแปลง!”

ไป๋ชิวหรานโกรธจัดเมื่อได้ยินเช่นนั้น ก่อนจะเหยียดมือออกคว้าคอเสื้อถังรั่วเวยอย่างรวดเร็ว