ตอนที่ 521 ภรรยาตัวน้อยที่หมั้นหมายตั้งแต่อยู่ในครรภ์

หลินเว่ยเว่ยสาวน้อยจอมพลัง

ตอนที่ 521 ภรรยาตัวน้อยที่หมั้นหมายตั้งแต่อยู่ในครรภ์ ?

“ช่วงครึ่งเดือนกว่ามานี้ เจ้าเคยเห็นอาการเจิ้นกำเริบเมื่อใด ? ไม่เป็นไรหรอก…เจ้าออกไปข้างนอกกับเจิ้นหน่อย” ฮ่องเต้หยวนชิงทนการถูกเห็นเป็นคนป่วยจากฮองเฮาและองค์รัชทายาทไม่ไหว พระอาการดีขึ้นแล้ว ! ไม่จำเป็นต้องดื่มน้ำแกงช่วยย่อยนั่นอีก !

“ออกไปข้างนอก ? ฟู่หวง พระองค์จะปลอมตัวออกจากวังอีกแล้วหรือพ่ะย่ะค่ะ ? คราวก่อนก็เพราะออกไปขี่ม้า จึงโดนพวกกบฏราชวงศ์ก่อนวางอุบายใส่ คราวนี้ยังจะ…” พระขนงคู่งามขององค์รัชทายาทขมวดเข้าหากัน ดวงพักตร์เต็มไปด้วยความคัดค้าน

เฮอะ ! เจ้าเด็กแสบ โรคขี้กังวลนี้ไปเรียนมาจากใคร? เพิ่งอายุเท่าไรก็จู้จี้จุกจิกขนาดนี้แล้ว ไม่น่ารักเลย !

ฮ่องเต้หยวนชิงแค่นพระสุรเสียง ฮึ ฮึ “จะมีกบฏมากมายอะไรขนาดนั้น ? ถึงแม้จะมี พวกมันกระโดดออกมารนหาที่ตายก็ไม่ใช่เรื่องดีกว่าหรือ ? วางใจได้ สองครั้งก่อนที่เจิ้นออกไปก็มีราชองครักษ์คอยดูแลตลอด กลัวแค่พวกกบฏจะไม่มาต่างหาก ! ”

องค์รัชทายาทมีดวงเนตรเบิกกว้างทันที “ว่าอย่างไรนะพ่ะย่ะค่ะ ? พระองค์เสด็จออกจากวังตอนไหน ? ฟู่หวง พระองค์เป็นโอรสสวรรค์ของต้าเซี่ย เสาหลักของแผ่นดิน หากเป็นอะไรขึ้นมา…”

“พอแล้ว ! ไม่มี ‘หาก’ มากมายขนาดนั้น ! เจ้าจะไปหรือไม่ ? ถ้าไม่ไป เจิ้นจะไปเอง ! ” ฮ่องเต้หยวนชิงตรัสด้วยความรำคาญ ถ้ายังปล่อยให้พูดต่อ ฟ้าได้มืดกันพอดี !

“ไปพ่ะย่ะค่ะ ! ” มีฟู่หวงที่คิดจะวิ่งออกไปนอกวังเช่นนี้ องค์รัชทายาทแสดงท่าทีเหนื่อยใจ แม้จะรู้แต่ก็หยุดไม่ได้ จึงได้เพียงตามเสด็จไปเท่านั้น

เมื่อเห็นฟู่หวงพาแค่เต๋อฉวนและราชองครักษ์อีกสองนายไปด้วย องค์รัชทายาทก็รู้สึกกังวลขึ้นมาอีกครั้ง…องครักษ์เงาอยู่ที่ใด ? ทุกครั้งที่ฟู่หวงเสด็จออกจากวังก็ต้องมีองครักษ์เงาตามไปด้วยไม่ใช่หรือ ? คนจะน้อยเกินไปหรือเปล่า ? จะปลอดภัยจริงหรือ ? องค์รัชทายาทผู้เยาว์วัยต้องวิตกกังวลเพราะฟู่หวงที่เอาแต่พระทัย !

“ฟู่หวง พวกเราจะไปที่ใดพ่ะย่ะค่ะ ? ” เวลานี้ นอกจากตำหนักหมินอ๋องแล้วยังจะไปที่ไหนได้อีก ? แต่เส้นทางนี้ดูจะไม่ใช่ทางไปตำหนักหมินอ๋อง !

ฮ่องเต้หยวนชิงประทับอยู่ในรถม้าพระที่นั่ง ขณะทอดพระเนตรองค์รัชทายาทที่จ้องออกไปด้านนอก พระองค์ก็แย้มโอษฐ์แล้วตรัสว่า “ไปดูภรรยาตัวน้อยที่หมั้นหมายกับเจ้าตั้งแต่อยู่ในครรภ์ ! ”

องค์รัชทายาทเสียอาการตามคาด รีบหันกลับมาทอดพระเนตรฟู่หวงด้วยความตกตะลึง “ตรัสว่าอย่างไรนะพ่ะย่ะค่ะ ? หมั้นกันตั้งแต่อยู่ในครรภ์ ? นี่มันเรื่องอะไรกัน ? เหตุใดเอ๋อร์เฉินถึงไม่เคยรู้มาก่อนพ่ะย่ะค่ะ ? ”

“เจ้าต้องไม่รู้อยู่แล้ว ตอนนั้นเจ้ายังอยู่ในครรภ์หมู่โฮ่ว ! ” ขณะชื่นชมอาการแตกตื่นของพระโอรส แววพระเนตรของฮ่องเต้หยวนชิงก็เปี่ยมไปด้วยความเจ้าเล่ห์ “เรื่องที่หมู่โฮ่วของเจ้ากับหมินหวางเฟยตั้งครรภ์พร้อมกัน เจ้าเองก็คงจะทราบแล้ว ? พวกนางเคยสัญญากันไว้ว่า หากเป็นผู้ชายทั้งสองก็จะจับให้มาเป็นพี่น้องกัน แต่ถ้าในครรภ์ของพวกนางเป็นมังกรหนึ่งหงส์หนึ่ง ก็จะจับให้มาแต่งงานกัน”

“มีเรื่องแบบนี้ด้วยหรือ ? เหตุใดเอ๋อร์เฉินถึงไม่เคยได้ยินหมู่โฮ่วตรัสเลยพ่ะย่ะค่ะ ? ” องค์รัชทายาทไม่อยากเชื่อฮ่องเต้หยวนชิงสักเท่าไร เพราะตั้งแต่เยาว์วัยจนเจริญชันษา พระองค์โดนฟู่หวงรังแกหลายต่อหลายครั้ง งานแกล้งพระโอรสถือเป็นการคลายเครียดอย่างหนึ่งของฮ่องเต้หยวนชิง ส่วนหมั้นหมายกันตั้งแต่อยู่ในครรภ์ คงไม่ได้เพิ่งคิดออกมาได้หรอกกระมัง ?

“บุตรของหมินหวางเฟยไม่ได้หายตัวไปสิบกว่าปีหรือพ่ะย่ะค่ะ ? ” ทันใดนั้นองค์รัชทายาทก็ลืมดวงเนตรขึ้นเหมือนแมว “ฟู่หวง หรือพระองค์จะบอกว่า…หาบุตรของหมินอ๋องเจอแล้ว ? ”

“ใช่ หาเจอแล้ว ! ” ฮ่องเต้หยวนชิงตรัสกับราชองครักษ์ที่แสร้งทำเป็นคนขับรถม้าอยู่ในเวลานี้ว่า “หยุดรถที่ตรอกบนถนนหย่งอัน ประเดี๋ยวเจิ้นกับองค์รัชทายาทจะเดินเข้าไป”

ตอนที่หลินเว่ยเว่ยเปิดประตูออกก็เห็นว่าเป็นฮ่องเต้หยวนชิง นางแอบบ่นในใจว่า ‘ให้ตายเถิด ! วันนี้คือวันอะไรกัน หมินอ๋องเพิ่งออกไป ฮ่องเต้หยวนชิงก็มาอีกแล้ว’

“ใต้เท้าหวง ท่านมาได้จังหวะพอดี ประเดี๋ยวกระต่ายย่างก็จะเสร็จแล้วเจ้าค่ะ ! ” เฮ้อ! วันนี้ไม่ควรย่างกระต่ายเลย ย่างไปก็ไม่ได้เหลือไว้กินเองเลย กระต่ายหกตัว เตาแรกย่างไปสามตัว พวกนางกินหนึ่งตัว ที่เหลืออีกสองตัวห่อให้หมินอ๋องไปหมด ส่วนของเตาที่สองกำลังจะย่างเสร็จ ฮ่องเต้ก็เสด็จมาอีก

“ฟู่…ท่านพ่อ ท่านรู้จักนางหรือขอรับ ? ” องค์รัชทายาททอดพระเนตรเด็กสาวตรงหน้า ใบหน้าไม่มีความคล้ายคลึงกับเสด็จอาหมินอ๋องและเสด็จอาสะใภ้หมินหวางเฟย ส่วนร่างกายสูงโปร่งนี้เหมือนคนตระกูลจ้าว หากอยู่ในบรรดาสตรีก็ถือว่าสูงมาก !

ความสูงของหลินเว่ยเว่ยคือ 1.70 หมี่ รูปร่างถือว่าดีมาก ทั้งสูงทั้งผอม มีกลิ่นอายของนางแบบในยุคสมัยใหม่…แต่เสื้อผ้าที่สวมใส่เป็นของทั่วไป

“รู้จักอยู่แล้ว หลินกู่เหนียงผู้นี้เป็นผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิตข้าไว้ ! ” ฮ่องเต้หยวนชิงดำเนินเข้าไปในลานบ้านแล้วสูดดมกลิ่นหอมเผ็ดร้อนที่ลอยออกมาจากเตา…สุดยอด ! เมื่อครู่ยังปวดหทัยกับการเสวยเนื้อกระต่ายย่างไปแค่ไม่กี่คำ ก็ต้องแบ่งให้คนอื่นแล้ว จากคำพูดของนางหนูคือพระองค์น่าจะได้ห่อกลับไปสักหนึ่งตัว

องค์รัชทายาทมีดวงเนตรเบิกกว้าง เด็กสาวรูปร่างผอมบางและอ่อนแอตรงหน้าคนนี้ คือคนเดียวกับที่หยุดอาชาพยศและช่วยชีวิตฟู่หวงเอาไว้…ช่าง…ไม่อาจตัดสินกันจากรูปลักษณ์ภายนอกจริง ๆ !

“ขอบพระคุณที่กู่เหนียงช่วยชีวิตท่านพ่อไว้ บุญคุณใหญ่หลวงไม่อาจทำเพียงเอ่ยคำขอบคุณ วันหน้าข้าจะตอบแทนแน่นอน ! ” องค์รัชทายาททำมือคารวะหลินเว่ยเว่ย

อย่างน้อยโอรสของฮ่องเต้ก็เป็นองค์ชาย ไฉนเลยหลินเว่ยเว่ยจะกล้ารับการคารวะจากอีกฝ่าย นางรีบเบี่ยงตัวหลบแล้วคารวะกลับ จากนั้นพูดด้วยรอยยิ้ม “คุณชายไม่ต้องเกรงใจหรอกเจ้าค่ะ ข้าก็แค่อยู่ตรงนั้นพอดี ไม่ได้ทำอะไรมากเลยเจ้าค่ะ ! ”

บัณฑิตน้อย เจ้ารีบมาเร็วเข้า คำพูดสละสลวยเหล่านั้น ไม่ใช่นิสัยของข้า ลิ้นข้าจะพันกันอยู่แล้ว…ช่วยด้วย !

“กระหม่อมขอถวายพระพรฝ่าบาทและองค์รัชทายาทพ่ะย่ะค่ะ ! ” ในเมื่อฮ่องเต้หยวนชิงเปิดเผยฐานะแท้จริงกับเจียงโม่หานแล้ว คำเรียกจึงไม่จำเป็นต้องปิดบังอีกต่อไป ทว่าเขายังไม่ทันบอกเรื่องนี้กับหลินเว่ยเว่ย

‘เคร้ง ! ’ ทันใดนั้นชามใส่ส่วนผสมทำของย่างในมือหลินจื่อเหยียนก็ร่วงแตกเป็นเสี่ยง เขาอ้าปากพูดติด ๆ ขัด ๆ “ว่า…ว่าอย่างไรนะ ? ฝ่าบาท ? องค์รัชทายาท ? ”

‘ปึก’ ซัวถัวที่อยู่ด้านข้างก็รีบคุกเข่าหมอบลงกับพื้นแล้วพยายามนึกถึงคำพูดในบทละครงิ้ว “กระหม่อม…ถวายพระพรฝ่าบาท ถวายพระพรองค์รัชทายาท…”

หลินจื่อเหยียนก็จะคุกเข่าลงกับพื้นเช่นกัน…แต่หลินเว่ยเว่ยมือไวจึงจับคอเสื้อเขาไว้ทัน นางดึงเขาขึ้นมา “เจ้าดูที่พื้นก่อน ! ไม่อยากเหลือเข่าไว้แล้วใช่หรือไม่ ? ”

หลินจื่อเหยียนรีบก้มมองพื้น ทันใดนั้นเขาก็ตกใจจนเหงื่อแตก บนพื้นเต็มไปด้วยเศษชามกระเบื้อง หากคุกเข่าลงไปก็จะต้องบาดเจ็บชนิดเลือดตกยางออกแน่นอน

ดวงเนตรที่จับจ้องไปยังหลินเว่ยเว่ยขององค์รัชทายาทเบิกกว้างทันที เด็กสาวคนนี้แรงเยอะมาก แค่มือเดียวก็ยกเด็กหนุ่มที่หนักหนึ่งร้อยชั่งขึ้นมาได้แล้ว ต้องได้เห็นกับตาจริง ๆ ถึงจะเชื่อ จนถึงตอนนี้พระองค์ก็เพิ่งจะเชื่อว่าสาวน้อยคนนี้มีความสามารถในการช่วยชีวิตฟู่หวงได้จริง

ฮ่องเต้หยวนชิงแย้มพระสรวลอย่างอารมณ์ดี “ครั้งนี้เจิ้นปลอมตัวออกมา ไม่ต้องมากพิธีหรอก ! เจียงเจี้ยหยวน ไปหาที่เหมาะสมคุยกันหน่อย ! ”

พอเจียงโม่หานได้ยินแบบนั้นก็เข้าใจจุดประสงค์ของการมาเยือนได้ทันที เขาจึงเชิญแขกผู้สูงศักดิ์แห่งใต้หล้าทั้งสองเข้าไปในห้องแสนต้อยต่ำของตน หลินเว่ยเว่ยเข้าใจว่าฮ่องเต้มีธุระจะสนทนากับบัณฑิตน้อย หลังจากชงชาและนำชาทั้งสามถ้วยยกเข้าไปแล้ว นางก็กำลังจะหมุนตัวเดินออกมา

“หลินกู่เหนียงโปรดหยุดก่อน! เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับเจ้าด้วย ! ” ฮ่องเต้หยวนชิงพยักดวงพักตร์ให้นาง

หลินเว่ยเว่ยชี้เข้าที่ตัวเองพลางถามกลับอย่างมึนงง “หม่อมฉัน ? ”

“ใช่ ! ” เมื่อรอให้นางเข้ามานั่งข้างเจียงโม่หานแล้ว ฮ่องเต้หยวนชิงก็หยิบจี้หยกที่เหมือนกับจี้หยกห้อยคอของนางออกมา “สิ่งนี้ เจ้าเคยเห็นหรือไม่ ? ”

หลินเว่ยเว่ยก้มมองเข้าไปที่ใต้อกเสื้อของตนแล้วถอนหายใจด้วยความโล่งอก “เหมือนกับจี้หยกของหม่อมฉันเลย เมื่อครู่หม่อมฉันเกือบเข้าใจผิดว่าทำจี้หยกหายเสียอีก ! บังเอิญมาก หม่อมฉันมีจี้หยกที่เหมือนกับของพระองค์ นับว่าเป็นบุญวาสนาเหลือเกินเพคะ”