บทที่ 543 โหยหาความรักของพ่อ

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

บทที่ 543 โหยหาความรักของพ่อ

ส่วนเสด็จอา……

เขาคือเทพสงครามที่ไม่เคยพ่ายแพ้ของประเทศก่วงส้า คือชายของราชวงศ์ก่วงส้าที่ไม่เคยย่อท้อ เป็นการหลงรักแบบที่ร้อยปีจะมีให้เห็น พวกเขาคือคู่ที่ฟ้าบรรจงสร้างขึ้นมา

หวังว่าพวกเขาจะเป็นเช่นนี้ไปตลอด อย่าได้มีการแยกจากกันอีก……

นี่คือคำอวยพรจากใจจริงของเขา!

มองพวกเขาค่อยๆเดินไกลออกไป เย่หลีเฉินจึงหมุนตัวมุ่งไปอีกทาง เขาเองก็มีเรื่องที่จะต้องยุติ

——

ที่นี่มองไม่เห็นท้องฟ้าสีคราม มองไม่เห็นผืนดินที่อุดมสมบูรณ์ มีเพียงแต่สีทองเรืองรอง ทำให้คนตาลายกับสีเหลืองทอง

ทองคำ……

ทองคำของแท้สมราคา……

“ฮ่าฮ่าฮ่า……”

“ของข้า ทั้งหมดเป็นของข้า นับจากนี้ ที่นี่คือวังของข้า ฮ่าฮ่าฮ่า……”

“ที่ดินนี้มีราคาแพงมาก ถ้าสามารถเอาทั้งวังทองย้ายกลับไปยังเมืองหลวงได้ งั้นเขาก็จะกวาดล้างแผ่นดินนี้ การจะทำให้โลกนี้สงบก็คาดว่าจะเป็นจริงในไม่ช้า”

ที่มุมกำแพงวังทองด้านทิศเหนือ มีเสียงดีใจอย่างเป็นบ้าเป็นหลังดังขึ้นมาเรื่อยๆ งานฝีมือทิวทัศน์ดีๆสำหรับตกแต่ง ก็ถูกฮ่องเต้ประเทศก่วงส้าเขี่ยลงไปหมด

แขนของเขายังหนีบแจกันทองสองสามใบ ข้างเท้ามีวัตถุทองคำต่างๆนาๆกองไว้ราวกับภูเขา

ฮ่องเต้ประเทศก่วงส้าคือฮ่องเต้ของประเทศผู้สง่าผ่าเผย มีเครื่องประดับเงินทองแบบไหนที่ยังไม่เคยเห็น? แต่แค่ไม่เคยเห็นทองคำที่มากมายขนาดนี้

นับตั้งแต่อ๋องเย่มีอำนาจมากมายขึ้นมา ขุนนางที่เขาใช้สำหรับรีดไถทรัพย์สินประชาชนโดยเฉพาะก็ถูกกำจัดทีละคนๆ เดิมทีท้องพระคลังที่เต็มเปี่ยม ก็ถูกเขาถลุงเกินความเหมาะสม จนค่อยๆว่างเปล่า เขาเกิดความคิดที่จะแบ่งเมืองเปลี่ยนเป็นทองแล้ว

ดังนั้น ทองคำพวกนี้ เป็นสิ่งที่เขาต้องการแน่นอน

เขาในตอนนี้ ได้ลืมสาวงามที่นึกถึงอยู่ตลอดเวลาไปแล้ว และก็ลืมยาฉางตานที่ถวิลหาแม้ในยามฝันไปจนสิ้น ได้ตกอยู่ในภวังค์ของทองคำที่ละลานตาอย่างสมบูรณ์

“เคร้ง……”

มีเสียงก้องดังขึ้นทำลายความคิดที่จะขุดทองของฮ่องเต้ประเทศก่วงส้า

เสียงที่ดังขึ้นมานั้นอยู่ใกล้ๆ เขาหันหัวไปก็เห็นแล้ว สิ่งที่ตกลงบนพื้นก็คือมงกุฎทองของฮ่องเต้ ที่ตอนนี้ยังหมุนเป็นวงกลมอยู่ที่พื้น วงกลมที่หมุนยิ่งหมุนก็ยิ่งเล็กลงเรื่อยๆ ฮ่องเต้ประเทศก่วงส้าก็ยิ่งขมวดคิ้วแน่นขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งมงกุฎทองหยุดนิ่งลง ร่างที่คุ้นเคยก็ปรากฏขึ้นในสายตาเขา

ตาของเขาเบิกขึ้น ทองคำที่อุ้มอยู่ในมือก็ตกลงพื้นเพล้ง เพล้ง

“คือเจ้า เย่หลีเฉิน?เฉินเอ๋อ?!”

ไม่เจอมาสองสามวันแล้ว ไท่จื่อ(องค์ชายรัชทายาท)ที่เขาไม่ชอบมาโดยตลอด มาปรากฏอยู่ตรงหน้าเขาตอนนี้อีกครั้ง

เจ้าหนอนบ่อนไส้นี่ยังไม่ตาย

มองเสื้อผ้าของเขา และก็ก้มหัวมองตัวเอง ในใจก็เกิดความขุ่นเคืองยากสงบ

ตั้งแต่หลังจากที่ตัวเองลงมือฆ่าขันทีที่รู้ใจตัวเองที่สุดไป เขาก็ต้องทนความอัปยศอดสู ถูกมองอย่างดูถูกอยู่ในกลุ่มราชครูเทียนเวิง การมีชีวิตด้วยความอัปยศเช่นนั้น เป็นช่วงเวลาสองสามวันที่ยากลำบากที่สุดในชีวิตเขา

หลังจากที่เขามายังที่นี่ เขาก็แอบหนีจากพวกเขา

คิดไม่ถึงว่าจะมาเจอเย่หลีเฉินที่นี่ ในใจยิ่งเกลียด แต่ใบหน้ากลับแสดงความรักเอ็นดู

สองคำแรกเสียงของเขาเห็นได้ชัดว่าโกรธ แต่พอประโยคหลังก็บังคับให้เปลี่ยนเป็นยินดี เย่หลีเฉินส่งเสียงเฮอะอย่างเย็นชาในใจ

ความรักของเสด็จพ่อ ที่ไม่เคยมอบให้เขา

แม้แต่จาวหยางที่ได้รับความรัก สุดท้ายก็เป็นเพียงแค่ของสังเวยความทะเยอทะยานของเขา

ตอนนี้การเปลี่ยนแปลงท่าทีของเสด็จพ่อ ก็แค่เพราะเห็นของที่เขาถืออยู่ในมือ

ของที่อยู่ในมือเขา คือกล่องทองฝังอัญมณีเพชรพลอย ขนาดไม่ใหญ่ไม่เล็ก แต่งดงามและละเอียดอ่อนเป็นพิเศษ มองแว็บแรกก็ดูโอ่อ่าตระการตา

อีกอย่างมันเหมือนดูมีพลังน่าลุ่มหลงบางอย่าง ที่ทำให้คนยิ่งมองก็ยิ่งหลงใหล ในใจลึกๆก็เชื่อว่าข้างในจะต้องเป็นของล้ำค่าหายากแน่ๆ

สิ่งแรกที่ฮ่องเต้ประเทศก่วงส้าคิดถึงก็คือยาฉางตาน

กล่องทองประณีตงดงามเช่นนี้ มีเพียงยาฉางตานเท่านั้นที่เหมาะสมจะอยู่ในนี้

ดังนั้น พอเย่หลีเฉินได้ยาฉางตานมา ก็แอบหนีมาที่นี่และพบเขาโดยบังเอิญ? หรือพอได้ยาฉางตานมา ก็รีบร้อนมาหาเขา?

ไม่ว่าจะเป็นแบบไหน

ตราบใดที่ด้านในมียาฉางตาน งั้นเขาก็จะต้องเอายาฉางตานมาให้ได้ ไม่ได้ด้วยเล่ห์ก็เอาด้วยกล ไม่สนถึงผลที่ตามมา

เย่หลีเฉินไม่ได้พูดอะไร เพียงแค่มองเขาอย่างเย็นชา

“เป็นเฉินเอ๋อจริงๆด้วย!ข้าเสียใจ! เสียใจที่ไม่ควรฆ่าจาวหยางเพื่อประโยชน์ของตัวเอง และก็ไม่ควรผิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า ข้าไม่ควรที่จะเป็นพ่อคน

แต่ข้านั้นเป็นฮ่องเต้! ในฐานะฮ่องเต้ของประเทศ ก็มีเรื่องที่รู้ว่าไม่ควรทำแต่ก็ต้องทำตั้งมากมาย เจ้านั้นเป็นไท่จื่อ(องค์ชายรัชทายาท) เป็นฮ่องเต้ในอนาคตของประเทศก่วงส้า การไม่มีทางเลี่ยงและชีวิตที่เต็มไปด้วยความขมขื่นระคนชื่นมื่นนั้น วันหลังเจ้าจะเข้าใจเอง

เฮ้อ! ข้านั้นอยากจะเห็นเจ้าชัดๆ แต่น่าเสียดาย ข้านั้นแก่ตาฝ้าฟาง มองเห็นเจ้าไม่ชัดแล้ว”

พูดจบ!

เบ้าตาของฮ่องเต้ประเทศก่วงส้าชุ่มชื้น และมีน้ำตาไหลออกมา ทำหน้าละอายใจ ยื่นมือออกมา เหมือนกับอยากจะสัมผัสหน้าของเย่หลีเฉิน

“เฉินเอ๋อ……อดีตที่ผ่านมา พ่อนั้นคาดหวังในตัวเจ้าสูงเกินไป เข้มงวดกับเจ้าเกินไป จนลืมไปว่าเจ้ายังเป็นเด็กที่ยังไม่โต

ขอโทษ เฉินเอ๋อ พ่อรู้ผิดแล้ว”

เมื่อเห็นน้ำตาของฮ่องเต้ประเทศก่วงส้า เห็นท่าทางถ่อมตัวของเขา

แล้วก็คำที่บอกว่า“พ่อรู้ผิดแล้ว” มันบาดหัวใจเขา ทำให้เขาถอยหลังไปอย่างไม่รู้ตัว

เวลาผ่านไปไม่นาน!

ความพยายามของเขา ความเฉลียวฉลาดของเขา ความพยายามอดกลั้นของเขาครั้งแล้วครั้งเล่า ก็เพียงแค่เพื่อให้ได้รับสายตาที่ยอมรับจากเสด็จพ่อ

น่าเสียดายที่ไม่มี……

ยิ่งเขาทำตามคำพูดของไท่ซือไท่จื่อ และไท่ฟู่ไท่จื่อ เสด็จพ่อก็ยิ่งปฏิบัติต่อเขาอย่างเย็นชา บางครั้งก็ลงโทษให้เขาหันหน้าเข้ากำแพงทบทวนสิ่งที่ตนเองทำผิดด้วยเรื่องเล็กๆน้อยๆ ถึงขนาดเตะต่อยเขา

เขาค่อยๆเรียนรู้ที่จะปฏิบัติตัวสองด้าน

เห็นเสด็จอาอ๋องเย่อยากทำอะไรก็ทำ ท่าทางที่สามารถเป็นที่น่าประทับใจกับทุกอย่าง เขานั้นอิจฉา ริษยา แต่ที่มากที่สุดก็คือหวังว่าจะเป็นแบบนั้น

แต่ว่า!

แต่ก่อนที่เขาจะสืบต่อตำแหน่งฮ่องเต้ เรื่องอะไรเขาก็ไม่สามารถทำได้ จึงทำได้เพียงแค่แอบอิจฉา

แต่ต่อมาหลังจากที่เสด็จแม่เสียชีวิต การปรากฏตัวของเทพธิดา เขาก็ตั้งใจจะพิสูจน์ตัวเอง แต่ก็ถูกเสด็จพ่อถีบเข้าไปในความตกต่ำที่สุดครั้งแล้วครั้งเล่า

ต่อมาถึงได้รู้ว่า

ตำแหน่งไท่จื่อ(องค์ชายรัชทายาท)ของเขาเป็นแค่เพียงป้ายที่แขวนไว้ เสด็จพ่อไม่เคยคิดอยากที่จะยกตำแหน่งฮ่องเต้ให้ เขาอยากไม่แก่ เขาอยากเป็นฮ่องเต้ไปร้อยชั่วอายุคน

ในสายตาของเขา เสด็จพ่อนั้นเด็ดขาดโหดเหี้ยม ไม่มีความรู้สึก

แต่ตอนนี้……

เขาร้องไห้ และยังรู้ผิด

ความเจ็บปวดแผ่กระจายไปทั้งหัวใจ จากนั้นก็เต็มสมอง

มองใบหน้าที่ละอายใจ และแววตาที่ปรารถนาการให้อภัยของเขา จู่ๆก็มีหมอกปรากฏขึ้นกลางนัยน์ตาของเย่หลีเฉิน เขารู้ว่าเขานั้นใจอ่อนแล้ว

ที่แท้……

เขาก็ปรารถนาที่จะได้รับความรักของเสด็จพ่อ ตั้งแต่ต้นจนจบมันไม่เคยตายไป

เมื่อเห็นมือของฮ่องเต้ประเทศก่วงส้าที่ยื่นมาในอากาศอยู่นาน เพราะไม่ได้รับการตอบสนองของเขา และในตอนที่จะดึงมือกลับอย่างลุกลี้ลุกลน

ในที่สุดเขาก็เรียกเขาว่า: “เสด็จพ่อ”

“โธ่ เฉินเอ๋อที่แสนดีของข้า มาๆๆ มาข้างๆข้าหน่อย ให้ข้าได้เห็นเจ้าชัดๆ”

ภายใต้สายตาที่กระตือรืนร้นของฮ่องเต้ประเทศก่วงส้า เย่หลีเฉินก็เดินไปหาเขาทีละก้าว ละก้าว ใกล้ขึ้นไปเรื่อยๆ ในที่สุดก็เดินไปอยู่ตรงหน้าเขาอย่างยากลำบาก

ฮ่องเต้ประเทศก่วงส้าใบหน้าร้อนรน ไถ่ถามสารทุกข์สุกดิบเขา ราวกับว่าเป็นการถามที่ยากมาก ที่ถามว่าเขาเจอกับอะไรบ้างระหว่างทาง พอหลังจากได้ยินว่าเขาเกือบจะเอาชีวิตไม่รอด ก็ทำสีหน้าปวดใจ

สุดท้าย สายตาของเขาก็ไปอยู่ที่กล่องทองในมือของเย่หลีเฉิน

“เฉินเอ๋อ ที่เจ้าถืออยู่นั่นคืออะไร?”

“เสด็จพ่อ ในนี้……” สีหน้าของเย่หลีเฉินเคร่งขรึมเล็กน้อย ระงับท่าทาง พูดต่อว่า: “ในนี้คือยาเม็ดหนึ่ง ที่แย่งมาจากส้งเย่นกุย”

ได้ยินดังนั้น!

ท่าทางของฮ่องเต้ประเทศก่วงส้าก็จริงจังขึ้นมา

ส้งเย่นกุย?

แอบฟังคนใช้ของราชครูเทียนเวิงพูดกันสองครั้ง บอกว่าราชครูเทียนเวิงนั้นให้ความสนใจส้งเย่นกุยผู้นี้มาก และยังบอกว่าเขานั้นมีความสัมพันธ์ที่ยิ่งใหญ่กับยาฉางตาน

เขาจดบันทึกไว้แล้ว

ตอนนี้พอรู้ว่ากล่องทองนี้แย่งมาจากส้งเย่นกุย และด้านในยังเป็นยาเม็ดนึง

มันก็ยืนยันสิ่งที่เขาว่ามันถูกต้องทันที ท่าทางของฮ่องเต้ประเทศก่วงส้าเปลี่ยนไป แย่งกล่องทองในมือของเย่หลีเฉินมา และผลักเย่หลีเฉินลงไปที่พื้นอย่างแรง

“คือยาฉางตาน นี่คือยางฉางตาน ฮ่าฮ่า ในที่สุดข้าก็ได้ยาฉางตาน”