บทที่ 480 เปิดตู้เซฟ

พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ

เธอก็รู้ว่าคุณชายรองกับภรรยาคุณชายรองตายอย่างไร คือถูกขงเบ้งสั่งให้ชนจนตาย

ดังนั้นเธอจึงหวังอย่างมากว่าคุณผู้ชายจะหาพินัยกรรมเจอ ลงโทษขงเบ้ง แก้แค้นให้พวกคุณชายรอง

แต่คุณท่านเอาพินัยกรรมซ่อนไว้ได้ลึกลับมาก คุณผู้ชายจึงหาไม่เจอว่าอยู่ไหน

ตอนนี้ดีแล้ว คุณผู้ชายหาพินัยกรรมเจอแล้ว

ในห้องทำงาน นัทธีให้มารุตเอาตู้เซฟวางไว้บนโต๊ะ

มารุตวางเสร็จ ก็ติดแบตเตอรี่

ที่แสดงรหัสผ่านบนตู้เซฟ ส่งเสียงติ๊ดขึ้นมาทันที แล้วก็มีแสงขึ้นมา

มารุตถอนหายใจ“ดีจัง รหัสยังไม่พัง ยังใช้ได้ ถ้าพังก็แย่แล้ว ของที่เป็นของพิเศษแบบนี้ ด้านนอกแทบจะไม่มีใครซ่อมได้ ได้แต่ส่งให้ทางทหารช่วยซ่อม ยุ่งยากมาก”

นักธุรกิจต่างไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับพวกทหาร และก็ยิ่งไม่อยากเป็นหนี้บุญคุณของทหาร

ไม่งั้นก็จะชดเชยคืนลำบาก ถ้าทางทหารให้คุณทำอะไร เรื่องที่ทำ ไม่ใช่เรื่องที่คุณอยากทำอีก แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ ก็จะยุ่งยากมาก

นัทธีไม่สนใจพวกนี้ เขาหยิบตู้เซฟมาจะเปิด

มารุตห้ามเขาไว้“เดี๋ยวครับประธาน”

“ทำไมเหรอ?”นัทธีมองเขา

“คุณรู้ไหมว่ารหัสอะไร?”มารุตถาม“รหัสล็อกของตู้เซฟแบบนี้ ใส่ได้แค่สามครั้ง ถ้าทั้งสามครั้งไม่ถูก รหัสล็อกก็จะทำลายตัวเอง ถึงตอนนั้นตู้เซฟก็เปิดไม่ออก นอกจากจะใช้ระเบิดแรงสูง แต่แบบนั้นก็จะสร้างปัญหาให้พวกทหาร และมากไปกว่านั้นถึงทางทหารระเบิดเปิดตู้เซฟ ของด้านในก็เป็นไปได้ที่จะพังเพราะระเบิด”

นัทธีเม้มริมฝีปากบางๆ จ้องรหัสล็อกโดยไม่ตอบ

เพราะเขาไม่รู้จริงๆว่ารหัสอะไร จดหมายของคุณปู่ก็ไม่ได้เขียน

หลังจากมารุตมองออก ก็คิด แล้วพูดแนะนำไป:“ไม่งั้นประธาน คุณลองดูวันเกิดของคุณท่าน หรือว่าวันเกิดของคุณกับคุณชายดีไหมครับ?”

นัทธีพิจารณาเล็กน้อย เห็นด้วย จากนั้นใส่วันเกิดของคุณปู่ อย่างไรก็ตามรหัสขึ้นว่ากรอกผิด

นัทธีขมวดคิ้ว จากนั้นก็ใส่วันเกิดของพ่อ แต่รหัสก็ยังผิด

ตอนนี้ เขาจึงไม่ใส่ต่อไปอีก

กรอกติดกันไปมองครั้งแล้ว ก็ผิดหมด ถ้าครั้งสุดท้ายก็ผิดด้วย ตู้เซฟก็จะเปิดไม่ออก

นัทธีจ้องตู้เซฟด้วยสีหน้าหม่นลง รอบๆตัวนั้นส่งเสียงเยือกเย็นอย่างแผ่วเบา

ทั้งๆที่พินัยกรรมก็หาเจอแล้ว อยู่ตรงหน้าแต่หยิบมาไม่ได้

ไม่มีอะไรแย่ไปกว่าความรู้สึกแบบนี้แล้ว

มารุตก็รู้สึกยุ่งยาก

คุณท่านนี่ก็จริงๆเลย เอาพินัยกรรมซ่อนไว้ในที่แบบนั้น ให้คนใช้เวลาตั้งนานถึงจะหาก็เจอว่าไปอย่างแล้ว

ดันมาตั้งค่ารหัสผ่านด่านนี้อีก ช่างทรมานคนจริงๆ

ตอนนี้ ในห้องก็เงียบลง

ผ่านไปสักพัก จู่ๆนัทธีก็คิดอะไรได้ หลังจากกำหมัดไว้ ก็เอามือวางไว้บนรหัสล็อกอีกครั้ง

“ประธาน คุณรู้รหัสแล้วเหรอ?”มารุตถาม

นัทธีหรี่ตาลงพูด:“ลองครั้งสุดท้ายเถอะ ถ้าไม่ได้จริงๆ ก็ไปหาพวกทหารดู”

พูดจบ เขาก็เริ่มใส่รหัส

หลังจากใส่เสร็จ นัทธีกดปุ่มตกลง ภายใต้การจ้องมองที่กังวลของมารุต

แป๊บเดียว จู่ๆรหัสล็อกก็แสดงออกว่ารหัสถูกต้อง

มารุตเสียงสั่นด้วยความตื่นเต้น“ประธาน เปิดแล้ว เปิดแล้วจริงๆ”

ริมฝีปากบางๆของนัทธียกขึ้นเล็กน้อย“ผมเห็นแล้ว”

“ประธาน คุณกรอกรหัสผ่านอะไรเหรอ?”มารุตมองเขาแล้วถาม

“วันเกิดของคุณย่า”นัทธีตอบ

มารุตเข้าใจทันที“ที่แท้ก็วันเกิดของคุณผู้หญิง ผมคิดว่าจะเป็นวันครบรอบวันตายของพ่อแม่คุณเสียอีก”

“คุณปู่เคยบอกว่า หลังจากคุณย่าเสีย เขาก็เอาวันเกิดของคุณย่ามาตั้งเป็นรหัสทุกอย่างด้วยความชิน งั้นครั้งนี้ก็น่าจะใช่ด้วย”นัทธีตอบ

มารุตพยักหน้า“ที่แท้ก็แบบนี้เอง”

นัทธีเปิดประตูของตู้เซฟ ด้านในเป็นเอกสารกองหนึ่ง กับแฟลชไดร์ฟอันหนึ่ง

นัทธียื่นแฟลชไดร์ฟให้มารุต จากนั้นตัวเองก็หยิบข้อมูลออกมา ตรวจสอบทีละอัน

เป็นหลักฐานที่ขงเบ้งชนพ่อแม่เขาตายจริงๆ

ข้างในนี้มีข้อมูลของคนขับที่ก่อเหตุ มีข้อมูลของรถที่เกิดเรื่อง กับผลชันสูตรเลือดที่อยู่ด้านนอกรถ และยังมีกระแสโอนเงินที่ขงเบ้งจ้างคนขับ

พอเห็นพวกนี้ สายตานัทธีก็มีความอาฆาตอย่างรุนแรงแพร่ออกมา

ตอนนี้เอง มารุตมองมา“ประธาน สิ่งของในแฟลชไดร์ฟ ผมดูไปคร่าวๆแล้ว เป็นบันทึกเสียงบทสนทนาของขงเบ้งกับคนขับรถที่ก่อเหตุ และบันทึกกล้องวงจรปิดช่วงอุบัติเหตุในตอนนั้น สองอย่างนี้ รวมกับข้อมูลในมือคุณแล้ว ก็ตัดสินความผิดขงเบ้งได้แล้วครับ”

นัทธีไม่พูด กดหยุดเสียงบันทึก

เสียงบันทึกนั้นเป็นตอนที่คนขับรถทำภารกิจเสร็จ รายงานขงเบ้ง ทั้งสองกำลังพูดคุย

ตอนคนขับบอกว่าสองสามีภรรยาธีรวัฒน์ตายคาที่ ขงเบ้งที่อยู่ในบันทึกเสียงนั้น หัวเราะเสียงดังออกมาอย่างสุขใจ

เสียงหัวเราะนั้น มารุตได้ยินก็ตกใจจนขนลุก

“ที่จริงผมคิดว่า ถึงเขาฆ่าน้องชายกับน้องสะใภ้ของตัวเอง หลังเกิดเรื่องก็น่าจะรู้สึกผิดบ้าง ยังไงก็เป็นสายเลือดของเขา แต่คิดไม่ถึงว่าผมจะคิดผิดไป เขารู้สึกดีใจอย่างเดียว”มารุตถอนหายใจ

มุมปากนัทธียกขึ้นมาอย่างเย็นชา“ไม่เป็นไร วินาทีที่เขาถูกตัดสินประหารชีวิต ผมก็จะรู้สึกดีใจด้วย”

“น่าจะ”มารุตพยักหน้า

จากนั้น นัทธีก็กดเปิดกล้องวงจรปิดช่วงนั้น

เนื้อหาในกล้องวงจรปิดก็พอๆกับช่วงระยะนั้นที่เขาดูก่อนหน้านี้ ก็แค่มีรายละเอียดหน่อยๆมากขึ้น

นั่นก็คือรถสีแดงที่ชนคน เขาเห็นทะเบียนรถ

หลังจากรถคันสีแดงนั้นชนคน ก็ไม่หยุดลง ขับออกไปเลย ลงไปช่องทางขึ้นทางด่วนแล้วก็หายไป

ผ่านไปไม่นาน ก็มีรถคันสีแดงขับมา นี่คือรถของวรยากับวารุณี ป้ายทะเบียนต่างกับก่อนหน้านี้

รถสีแดงคันนี้เหมือนอย่างที่วารุณีบอก ทับไปที่ขาของพ่อเขา จากนั้นหยุดลงไม่ไกลนัก รีบเปิดประตูรถ วรยาจูงวารุณีลงมาจากรถ

ดังนั้นที่ชน ไม่ใช่วรยาจริงๆ

“คนๆนี้……”นัทธีหยุดกล้องวงจรปิดลงทันที แล้วซูมภาพหน้าจอเข้าไป

เห็นเป็นเด็กผู้หญิงสวมชุดสีเหลืองคนหนึ่งยืนอยู่ข้างถนน กำลังถือโทรศัพท์มาถ่ายไว้

แต่เด็กผู้หญิงคนนั้นสวมหมวกฮู้ด จึงมองหน้าไม่ชัด

มารุตมองเด็กคนนั้น แล้วก็มองถนน จู่ๆก็เข้าใจอะไร พูดด้วยความตกใจ:“ประธานครับ คลิปนั้นที่คุณดูก่อนหน้านี้ ไม่ใช่ว่าเป็นเด็กผู้หญิงคนนี้ถ่ายไว้เหรอ จากตำแหน่งของเด็กผู้หญิงคนนี้แล้ว มุมที่คลิปนั้นถ่ายไว้ เป็นตรงที่เด็กผู้หญิงคนนี้เลย”

“ใช่เธอถ่ายไว้”นัทธีพยักหน้าอย่างแน่ใจ“คนที่อยู่รอบๆมีตั้งเยอะ แต่ไม่มีใครถือโทรศัพท์เลย หมายความว่าไง?”

มารุตคิด แล้วก็คิดไม่ออก

นัทธีพูดด้วยสายตาที่หดหู่:“สิบแปดปีก่อน ยังไม่มีสมาร์ทโฟน แม้แต่เทคโนโลยีโทรศัพท์มือถือในอนาคตก็ไม่มี มีแต่โทรศัพท์ใหญ่ๆรุ่นแรกๆกับPCTพวกนั้น ซึ่งไม่มีฟังก์ชันถ่ายรูปอยู่แล้ว แต่โทรศัพท์ของเด็กผู้หญิงคนนี้มีชัดๆ จะเห็นว่าตัวตนนั้นไม่ธรรมดา”

“จริงด้วย”ถูกเขาเตือนเช่นนี้ มารุตก็เข้าใจ“สิบแปดปีก่อน โทรศัพท์ที่จะถ่ายรูปได้ มีแค่สองสามรุ่น ราคาก็สองหมื่นขึ้นไป คนทั่วไปซื้อไม่ไหว ที่เด็กผู้หญิงคนนี้ใช้…..คือโทรา”

มารุตจำยี่ห้อของโทรศัพท์ได้ ผ่านรูปร่างที่คลุมเครือของโทรศัพท์

นัทธีเม้มริมฝีปาก“คุณให้คนไปบริษัทโทรา หาบันทึกการซื้อขายเมื่อสิบแปดปีก่อน คนที่ซื้อโทรศัพท์แพงขนาดนี้ได้ ไม่มีทางที่จะไม่มีบันทึกไว้ ได้บันทึกพวกนี้มาแล้ว ก็หาเด็กผู้หญิงคนนั้น”

“ได้น่ะได้ครับ แต่หาเธอทำไมครับ เธอก็แค่คนที่เจออุบัติเหตุรถยนต์โดยบังเอิญ ถึงได้ถ่ายไว้”มารุตพูด

“เจอโดยบังเอิญ?”นัทธียิ้มอย่างเย็นชา“งั้นคลิปที่เธอถ่ายไว้ ทำไมถึงปรากฏในอีเมลของผม หลังจากสิบแปดปีที่แล้วล่ะ?