ตอนที่ 525 หมินอ๋องประสงค์แยกคู่ยวนยางออกจากกัน

หลินเว่ยเว่ยสาวน้อยจอมพลัง

ตอนที่ 525 หมินอ๋องประสงค์แยกคู่ยวนยางออกจากกัน

“หม่อมฉันคิดดีแล้ว ! รองเท้าจะสวมใส่พอดีหรือเปล่า มีแค่คนใส่เท่านั้นที่รู้ ไม่มีใครดีต่อหม่อมฉันมากกว่าบัณฑิตน้อยอีกแล้ว ! ” เพื่อให้นางมีชีวิตที่ราบรื่นมากกว่าเดิม แม้แต่ชาติกำเนิดของตำหนักหมินอ๋องก็ยังยกให้นางได้ แล้วนางจะทรยศต่อความรักของเขาได้อย่างไร ?

หมินอ๋องแทบจะใช้สายพระเนตรอันแข็งกร้าวฟาดฟันเจียงโม่หาน เจ้าหน้าขาวเก่งจริง ๆ ถึงขั้นล่อลวงบุตรสาวให้หลงรักหัวปักหัวปำได้ขนาดนี้ แต่ไหนแต่ไรมาปัญญาชนเป็นพวกไร้หัวใจ ! เจ้านี่ก็มีดีแค่หน้าตา !

“ลูกเอ๋ย ! สังคมที่เจ้าอยู่ก่อนหน้านี้เล็กเกินไป ในเมืองหลวงแห่งนี้มีผู้มากความสามารถทุกหนแห่ง เหตุใดต้องยึดติดอยู่กับต้นไม้คดงอเพียงต้นเดียวด้วยเล่า ? ” หมินอ๋องพยายามโน้มน้าวบุตรสาวอีกรอบ

ทันใดนั้นหลินเว่ยเว่ยก็รีบจับแขนเสื้อเจียงโม่หานให้แน่นกว่าเดิม “ถึงแม้บัณฑิตน้อยจะเป็นต้นไม้คดงอ แต่ก็ยังสามารถยืนต้นอย่างนิ่งสงบ ช่วยกันลมกันฝนให้หม่อมฉันได้ หม่อมฉันยินดีทำเพื่อต้นไม้เพียงต้นเดียวแล้วสละป่าทั้งผืนเพคะ ! ”

เมื่อเห็นหมินอ๋องยังอยากจะตรัสอะไรอีก หลินเว่ยเว่ยก็ทำใจแข็งแล้วตัดสินใจว่าจะแสดงความเอาแต่ใจให้ถึงที่สุดต่อเรื่องนี้ “ฟู่หวาง แม้จะไม่รู้ว่าเหตุใดพระองค์จึงรังเกียจบัณฑิตน้อยเหลือเกิน แต่หากพระองค์รักหม่อมฉันจริง ๆ ก็ต้องรักอีกาที่เกาะบนหลังคาบ้านหม่อมฉันด้วย โปรดยอมรับคนที่หม่อมฉันชอบ ! หากพระองค์จะต่อต้านอีก หม่อมฉัน…หม่อมฉันจะโกนศีรษะแล้วบวชชี ไม่ยอมแต่งงานชั่วชีวิต ! ”

หมินอ๋องปวดเศียรเวียนเกล้าขึ้นมาทันที…นิสัยดื้อรั้นของบุตรสาวก็เหมือนคนตระกูลจ้าว เฮ้อ ! เพิ่งหาตัวบุตรสาวเจอ นางจึงยังไม่มีความรู้สึกผูกพันกับพระองค์และตำหนักหมินอ๋อง แม้ไม่พอพระทัยในคู่หมั้นของนางมากเพียงใดก็ไม่ควรบีบบังคับให้พวกนางตัดใจจากกันตั้งแต่วันแรก ?

หมินอ๋องทอดพระเนตรเจียงโม่หานด้วยความไม่พอพระทัย แต่ก็ไม่ได้ต่อต้านอย่างเด็ดขาดไปเสียทีเดียว

“ได้ ! ฟู่หวางเข้าใจการตัดสินใจของเจ้าแล้ว ทั้งจะไม่ฝืนใจเจ้าอีก หากมีตำหนักหมินอ๋องคอยหนุนหลังเจ้าแล้ว อย่างไรเขาก็ไม่กล้ารังแกเจ้าแน่นอน ! ” หมินอ๋องทำท่าทางหักข้อพระหัตถ์แบบอันธพาล

เจียงโม่หาน “…” นี่ข้ากำลังโดนข่มขู่ ?

จากนั้นหมินอ๋องก็เริ่มถูพระหัตถ์แล้วทอดพระเนตรไปทางหลินเว่ยเว่ยด้วยความระมัดระวัง “ลูกรัก ตอนนี้เจ้ากลับตำหนักหมินอ๋องไปกับฟู่หวางได้หรือยัง ? ”

หลินเว่ยเว่ยมองสีของท้องฟ้า ในใจรู้สึกกังวลเล็กน้อยจึงเข้าไปเกาะแขนเสื้อเจียงโม่หานอีกรอบ “วันนี้สายเกินไปแล้ว ถ้าอย่างไรพรุ่งนี้ค่อยว่ากันได้หรือไม่เพคะ ? ”

หมินอ๋องรอไม่ไหวแม้แต่อึดใจเดียว พระองค์แทบอยากประกาศในคนทั่วเมืองหลวงรู้ว่า บุตรสาวกลับมาแล้ว ! ตัวพระองค์เองก็มีบุตรสาวเหมือนกัน ! !

“เจ้าเด็กคนนี้ กลับบ้านตัวเองแล้วจะพูดเรื่องเวลาทำไม ? แม้จะเป็นกลางดึก ประตูตำหนักหมินอ๋องก็เปิดรอเจ้าเสมอ ! มาเถิด ตามฟู่หวางกลับบ้านกัน ! ” หมินอ๋องก้าวไปด้านหน้าหนึ่งก้าวแล้วจะคว้าตัวนางออกมา

หลินเว่ยเว่ยรีบเข้าไปซ่อนตัวด้านหลังเจียงโม่หานทันที “แต่…หม่อมฉัน หม่อมฉันยังไม่ได้เก็บข้าวของเลย…”

“ตำหนักหมินอ๋องเตรียมไว้ให้เจ้าทุกอย่างแล้ว เจ้าไม่ต้องเอาอะไรไปเลย ขอแค่ตัวเจ้ากลับไปก็พอ ! ” ในที่สุดหมินอ๋องผู้เป็นคนแข็งกระด้างก็สัมผัสได้ว่าบุตรสาวกำลังรู้สึกหวาดกลัว จึงรีบตรัสว่า “ลูกรัก ฟู่หวางรู้ว่าเจ้ายังไม่คุ้นชินกับตัวตนใหม่ แต่ไม่ต้องกลัว มีพ่ออยู่ มีฟู่หวางอยู่ทั้งคน ! ”

หลินเว่ยเว่ยกะพริบตา ก่อนจะถามว่า “ฟู่หวาง…หม่อมฉันอยากทำอะไรก็ได้ทั้งนั้นหรือ ? ”

“แน่นอน ! ” หมินอ๋องตอบกลับด้วยสุรเสียงหนักแน่น

หลินเว่ยเว่ยเผยรอยยิ้มขี้เล่นทันที “ถ้าเช่นนั้น…หม่อมฉันจะพาบัณฑิตน้อยกับน้องชายไปอยู่ที่ตำหนักหมินอ๋องด้วยได้หรือไม่เพคะ ? พระองค์ลองไตร่ตรอง คนหนึ่งเป็นน้องชาย ส่วนอีกคนก็เป็นคู่หมั้น หม่อมฉันหนีไปเพลิดเพลินกับความเจริญรุ่งเรืองและความมั่งคั่งในตำหนักหมินอ๋อง แต่กลับทอดทิ้งให้พวกเขาอยู่ที่นี่ ถ้าข่าวเช่นนี้ถูกเล่าออกไป มันจะทำให้หม่อมฉันเสื่อมเสียชื่อเสียงได้เพคะ ! ”

หมินอ๋องขมวดพระขนงพลางทอดพระเนตรใบหน้าอันหล่อเหลาและสงบนิ่งของเจียงโม่หาน…เจ้าเด็กแสบ ให้บุตรสาวกินยาอะไรเข้าไป ? ปล่อยให้นางอยู่แนวหน้า แต่ตัวเองซ่อนอยู่ข้างหลังสตรี น่าโมโหมาก ! แต่บุตรสาวชอบ แล้วพระองค์จะทำอะไรได้ ?

หมินอ๋องตรัสด้วยสุรเสียงหนักแน่น “ตกลง ! พาไปด้วยก็ได้ ! ” พอเข้าตำหนักหมินอ๋องแล้ว พระองค์จะไล่เจ้าเด็กคนนี้ไปอยู่ที่เรือนห่างไกล ให้ไม่มีโอกาสได้เข้ามาในเรือนหลัง พอผ่านไปนานเข้าบุตรสาวต้องมีมุมมองเปลี่ยนไป ความรักที่มีต่อเจ้าเด็กแสบก็จะลดลงด้วย จากนั้นค่อยให้นางเลือกนายทหารในกองทัพเป็นคู่ชีวิต

หมินอ๋องเข้าพระทัยว่าคู่รักที่มีความชอบเหมือนกันจึงจะอยู่กันได้ยาว พระองค์เกิดมาในตระกูลนักรบ บุตรสาวยังมีคุณสมบัติในการเรียนศิลปะต่อสู้อีก แต่มาออกเรือนกับบัณฑิตคนหนึ่ง พอผ่านไปนานเข้าฝ่ายหนึ่งต้องรังเกียจอีกฝ่ายที่ฉลาดอวดรู้ ส่วนอีกคนก็ไม่ชอบความหยาบกระด้างของคู่ชีวิต แล้วสุดท้ายก็จะเกลียดกัน ดังนั้นสู้จบความสัมพันธ์ผิด ๆ ตั้งแต่ต้นจะดีกว่า !

หลินเว่ยเว่ยให้ซัวถัวและหยาเอ๋อร์อยู่ดูแลข้าวของต่าง ๆ ในบ้านเช่า แล้วพรุ่งนี้จะสั่งให้คนมารับตัวทั้งสองไปอยู่ด้วยกัน

หลังจากซัวถัวและหยาเอ๋อร์ส่งหมินอ๋องกับหลินเว่ยเว่ยทั้งสามคนออกไปแล้ว พวกนางก็หันมามองหน้ากัน วันนี้เหมือนฝันไปไม่มีผิด ก่อนหน้านี้ฮ่องเต้และองค์รัชทายาทเสด็จมา ต่อจากนั้นนายหญิงรองก็กลายเป็นบุตรสาวที่หายตัวไปของตำหนักหมินอ๋อง…นะ นี่จะเกินจริงไปหน่อยกระมัง ?

ยายเจิ้งและตาฉู่แอบอยู่ตรงประตูแล้วมองดูรอบ ๆ ลานบ้านของตน เมื่อเห็นว่าคนออกไปแล้วจริง ๆ พวกนางจึงกล้าออกมา ยายเจิ้งถามหยาเอ๋อร์ว่า “เกิดอะไรขึ้น ? เหตุใดจู่ ๆ เว่ยเว่ยก็กลายเป็นบุตรสาวของหมินอ๋องไปได้ ? ”

โชคดีที่นางทำตัวสุภาพกับหลินเว่ยเว่ยมาโดยตลอด ทว่าตอนแรกสามีพูดไม่น่าฟัง หวังว่าอีกฝ่ายจะเป็นคนใจกว้าง ไม่เอาโทษพวกนาง

หยาเอ๋อร์ส่ายหน้าและพูดด้วยสีหน้ามึนงง “ข้าก็ไม่รู้เรื่อง ! นายหญิงรองของพวกเราอยู่ที่ฉือหลี่โกวมาสิบกว่าปี เป็นเพราะนางเกิดมาแล้วมีความผิดปกติทางสมอง ท่านลุงและท่านป้าสะใภ้หลินจึงดีกับนางมากกว่าบุตรคนอื่น แต่ไม่เคยได้ยินว่านางไม่ใช่บุตรแท้ ๆ มาก่อนเลย ? ”

ตอนที่บ้านสกุลหลินและนางเฝิงสองแม่ลูกมาอยู่ที่หมู่บ้านฉือหลี่โกว ซัวถัวอายุ 6 ขวบ จึงเริ่มจำความได้แล้ว สองครอบครัวมาพร้อมกัน ดังนั้นตอนเลือกที่ลงหลักปักฐานจึงเลือกที่ดินติดกันและกลายเป็นเพื่อนบ้านตั้งแต่นั้นมา คาดไม่ถึงว่านางเฝิงจะแอบสลับตัวบุตรสกุลหลินกับบุตรของหมินอ๋อง

บ้านสกุลหลินเลี้ยงดูจวิ้นจู่น้อยของตำหนักหมินอ๋อง นายหญิงรองยังเป็นคนสำนึกบุญคุณ ถ้าเช่นนั้น…ต่อไปตระกูลหลินก็ไม่เท่ากับเป็น ไก่สุนัขขึ้นสวรรค์1 หรอกหรือ ? ใครจะไปคาดคิดว่าครอบครัวที่เคยยากจนและลำบากที่สุดในสมัยก่อนของหมู่บ้านฉือหลี่โกว จะได้กลายเป็นญาติกับตำหนักหมินอ๋อง ? ซัวถัวมองหยาเอ๋อร์…ถ้าเช่นนั้นต่อไปหยาเอ๋อร์ก็จะได้เป็นข้ารับใช้ในตำหนักหมินอ๋อง ? ใครต่างก็บอกว่าคนเฝ้าประตูจวนขุนนางขั้นเจ็ดหรือสาวใช้คนสนิทในสกุลใหญ่ยังมีเกียรติกว่าลูกหลานชาวบ้านเสียอีก !

ทันใดนั้น…พวกเขาก็มีความรู้สึกเหมือนแป้งทอดหล่นมาจากฟากฟ้า แต่แป้งทอดนั้นใหญ่เกินไป ทำให้พวกตนมึนงงในทันที…

ซัวถัวพูดช้า ๆ “สรุปก็คือ…เป็นเรื่องดี ไม่ใช่หรือ ? ”

หยาเอ๋อร์พยักหน้า “ใช่ ! หากคิดไม่ตก ก็ไม่ต้องคิด ! นายหญิงรองก็ไม่ได้พูดแล้วหรือ ? พรุ่งนี้จะส่งคนมารับพวกเรา พวกเราก็จะทำตัวว่างงานไม่ได้ ต้องเก็บข้าวของแล้วย้ายขึ้นรถม้าไว้ให้เรียบร้อย…ของพวกนี้เป็นของที่นายหญิงรองและเจียงเจี้ยหยวนใช้กันจนเคยชิน พอเอาไปให้ตำหนักหมินอ๋องแล้วก็ให้พวกเขาจัดการกันต่อ”

ขณะมองหยาเอ๋อร์และซัวถัวทำงาน ยายเจิ้งก็เข้าไปหาด้วยความเศร้าโศก ‘นี่มันเรื่องอะไรกัน ! กว่าจะหาคนเช่าดี ๆ ได้ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย นี่เพิ่งเช่าได้หนึ่งเดือนก็จะย้ายออกแล้ว พูดตามตรงว่านางทำใจไม่ได้สุด ๆ ! ’

และเรื่องที่ทำให้นางเศร้าสุด ๆ ก็คือกิจการขายเนื้อตุ๋นของนาง สูตรลับเป็นของนางหนูหลิน ทว่าอีกฝ่ายไปมีความสุขอยู่ที่ตำหนักหมินอ๋องแล้ว ไฉนเลยจะมาเห็นค่าของเงินที่ได้จากการขายเนื้อตุ๋นอีก ? เฮ้อ ! รายได้หลายร้อยอีแปะต่อวันของนาง กำลังจะหายไปแล้ว…

[i]
1ไก่สุนัขขึ้นสวรรค์ หมายถึง บุคคลที่ได้ขึ้นมามีอำนาจ ก็มักจะพาเอาเพื่อนฝูง พี่น้องและเครือญาติที่ใกล้ชิดเข้ามามีส่วนร่วมในอำนาจนั้นด้วย