ตอนที่ 501 ไม่อาจแก้ไข

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

ตอนที่ 501 ไม่อาจแก้ไข

อิ๋นซวงมองดูท้องของไป๋จิ่นซิ่วแล้วเอ่ยต่อ “ทานคนหนึ่ง บำรุงสองคน คุณชายน้อยทานด้วย!”

ชุ่ยปี้หลุดหัวเราะกับคำกล่าวของอิ๋นซวง มองทางไป๋จิ่นซิ่วพลางกล่าวขึ้น “อิ๋นซวงกล่าวถูกแล้วเจ้าค่ะ คุณหนูรองทานอาหารเพื่อบำรุงให้คนสองคน อิ๋นซวงทานแทนไม่ได้เจ้าค่ะ”

ไป๋จิ่นซิ่วก็ขบขันกับคำกล่าวของอิ๋นซวงเช่นเดียวกัน หญิงสาวลูบท้องของตัวเองเบาๆ “อิ๋นซวงกล่าวมีเหตุผล ได้ ข้าจะทาน”

บัดนี้คือฤดูร้อน เมื่อไป๋จิ่นซิ่วทานบะหมี่น้ำแกงไก่หมด ร่างของหญิงสาวเต็มไปด้วยเหงื่อ ชุ่ยปี้ใช้พัดพัดคลายร้อนให้หญิงสาวอยู่ด้านข้าง

อิ๋นซวงนำน้ำบ๊วยเข้ามาให้ไป๋จิ่นซิ่วรับประทานต่อ

ไป๋จิ่นซิ่วดื่มน้ำบ๊วยหมดสองถ้วยก็ได้รับรายงานจากองครักษ์ลับที่ด้านนอกพอดี เขากล่าวว่าองค์รัชทายาทและพระชายาไปเยี่ยมเหลียงอ๋องที่จวน

“รถม้าขององค์รัชทายาทและพระชายาจอดลงที่หน้าจวนเหลียงอ๋อง ทว่า บังเอิญพบกับสตรีกลางคนกำลังร้องไห้คร่ำครวญอยู่หน้าจวนเหลียงอ๋องพอดี ได้ยินว่าสามีของนางถูกโบยจนตายเพราะตีกลองเติงเหวินร้องทุกข์ นางยังหาตัวบุตรชายทั้งสองคนไม่พบจึงเสียใจจนแทบสิ้นหวัง นางยืนกรานว่าบุตรชายของนางอยู่ในจวนเหลียงอ๋อง โขกศีรษะขอร้องให้องค์รัชทายาทและพระชายาช่วยบุตรของนางออกมาจนหน้าผากแตกขอรับ!”

ไป๋จิ่นซิ่วกำขอบโต๊ะแน่น เอ่ยถามอย่างร้อนใจ “แล้วอย่างไรต่อ”

“ข้ากลับมารายงานคุณหนูรองรอบหนึ่งก่อนขอรับ ยังไม่มีผลสรุป อีกครู่หนึ่งจะมีคนส่งข่าวให้คุณหนูรองอีกขอรับ!” องครักษ์ลับกล่าว

“ข้ารู้แล้ว เจ้าไปเถิด จับตาดูเหลียงอ๋องไว้ให้ดี มีข่าวอันใดรีบมารายงานข้าทันที”

สิ้นเสียงของไป๋จิ่นซิ่ว เสียงชุยอวี้เอ่ยทักฉินหล่างดังออกมาจากลานด้านนอก “คุณชายใหญ่กลับมาแล้วหรือเจ้าคะ”

“จิ่นซิ่วเล่า” ฉินหล่างยื่นกล่องอาหารสีดำในมือให้ชุยอวี้ “นี่คือของว่างจากเซิ่งสือไจ”

ชุยอวี้ได้ยินก็ยิ้มกว้างทันที “วันนี้คุณหนูรองบ่นอยากทานขนมโก๋ของเซิ่งสือไจตั้งแต่เช้าแล้ว นึกไม่ถึงว่าคุณชายจะจำได้เจ้าค่ะ”

ฉินหล่างยิ้ม จากนั้นเดินเข้าไปในห้อง

ไป๋จิ่นซิ่วมองดูองครักษ์ลับซึ่งคุกเข่าข้างหนึ่งลงบนพื้น สื่อให้เขาจากไปก่อน องครักษ์ลับผู้นั้นจากไปทางหน้าต่าง ไป๋จิ่นซิ่วจับมือของชุ่ยปี้เดินไปต้อนรับด้านหน้าสองสามก้าว สาวใช้แหวกม่านให้ฉินหล่างเดินเข้ามาด้านใน ไป๋จิ่นซิ่วยิ้มให้ “กลับมาแล้วหรือเจ้าคะ”

ฉินหล่างรีบเข้าไปประคองไป๋จิ่นซิ่ว มือใหญ่ลูบไปที่ท้องของหญิงสาวอย่างแผ่วเบา “เจ้าตั้งครรภ์อยู่ เหตุใดต้องออกมารับด้วย วันนี้เขาทรมานเจ้าบ้างหรือไม่”

“เดินแค่ไม่กี่ก้าว หากทำไม่ได้ก็อ่อนแอเกินไปแล้วเจ้าค่ะ” ไป๋จิ่นซิ่วก้มหน้ามองดูท้องที่นูนออกมาของตัวเองยิ้มๆ กล่าวขึ้น “เป็นเด็กดีมากเจ้าค่ะ ไม่กวนข้าเลย”

เมื่อเห็นฉินหล่างประคองไป๋จิ่นซิ่วเดินผ่านฉากกั้นเข้าไปในห้องด้านใน ชุ่ยปี้และชุยอวี้รีบห้ามอิ๋นซวงที่เตรียมจะเดินตามเข้าไปเอาไว้

“รีบออกมาเถิด! ระวังคุณหนูรองฟ้องเจ้ากับคุณหนูใหญ่อีกนะ” ชุ่ยปี้จูงมืออิ๋นซวงออกไปด้านนอกยิ้มๆ “ไป เดี๋ยวพี่พาเจ้าไปทานขนม!”

นอกจวนเหลียงอ๋อง

เสียงร้องไห้อย่างสิ้นหวังของสตรีวัยกลางคนทำให้พระชายาเอกรู้สึกปวดใจมาก นางหันไปทางองค์รัชทายาท “องค์รัชทายาท…”

เพราะสตรีกลางคนมาอาละวาดที่จวนเหลียงอ๋อง ชาวบ้านมากมายจึงพากันมาห้อมล้อมดูว่าเกิดสิ่งใดขึ้น

องค์รัชทายาทกล่าว “วันนี้เหลียงอ๋องตรัสต่อหน้าฝ่าบาทว่าไม่รู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นใดๆ ทั้งสิ้น อีกอย่าง ตระกูลหวังแห่งซอยจิ่วชวีฆ่าตัวตายในคุกเพื่อชดใช้ความผิดของตัวเองไปแล้ว เรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับเหลียงอ๋อง! เหลียงอ๋องเป็นน้องชายของเรา เราเชื่อว่าน้องชายของเราเป็นคนมีเมตตา ไม่มีทางทำเรื่องเลวร้ายเช่นนั้นแน่ๆ ! เราไม่อยากเห็นเจ้าทรมาน ไม่อยากให้น้องชายของเราถูกปรักปรำ วันนี้เราจะพาเจ้าเข้าไปในจวนเหลียงอ๋อง ให้เจ้าเห็นกับตาของตัวเอง จะได้พิสูจน์ความบริสุทธิ์ของเหลียงอ๋องด้วย!”

ชาวบ้านได้ยินองค์รัชทายาทกล่าวเช่นนี้ต่างก็สรรเสริญว่าเขาเป็นคนมีเมตตา

หัวหน้าหน่วยตรวจเมืองซึ่งคุ้มกันอยู่หน้าจวนเหลียงรู้สึกเป็นกังวล ฝ่าบาททรงมีรับสั่งว่าห้ามผู้ใดเข้าออกจวนเหลียงทั้งสิ้น ทว่า องค์รัชทายาทจะพาสตรีกลางคนนางนี้เข้าไปในจวนเหลียงอ๋อง พวกเขาควรปล่อยเข้าไปหรือไม่นะ

“ขอบพระทัยองค์รัชทายาทเพคะ! ขอบพระทัยองค์รัชทายาทเพคะ!” สตรีกลางคนรีบโขกศีรษะลงกับพื้นเพื่อแสดงความขอบคุณ

หัวหน้าหน่วยตรวจเมืองกำดาบที่เอวแน่น เดินไปทางองค์รัชทายาทและพระชายาพลางโค้งกายคำนับ “องค์รัชทายาท พระชายา ฝ่าบาททรงมีรับสั่งว่าห้ามผู้ใดเข้าไปด้านในทั้งสิ้นพ่ะย่ะค่ะ”

องค์รัชทายาทตะลึงเล็กน้อย จากนั้นยิ้มออกมา “วันนี้เหลียงอ๋องเสียขวัญ เราและพระชายาตั้งใจมาเยี่ยมเขา ส่วนสตรีนางนี้สูญเสียสามีไปเพราะต้องการตามหาบุตรชาย นางน่าสงสารมากพอแล้ว ให้นางเขาไปเห็นด้านใน นางจะได้ตัดใจเสียที”

หัวหน้าหน่วยตรวจเมืองมีสีหน้าลำบากใจ “องค์รัชทายาท อย่าทำให้กระหม่อมลำบากใจเลยพ่ะย่ะค่ะ องค์รัชทายาทเข้าวังไปทูลขออนุญาตฝ่าบาทก่อนดีหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ หากฝ่าบาททรงอนุญาต กระหม่อมจะปล่อยให้เข้าไปทันทีพ่ะย่ะค่ะ”

องค์รัชทายาทยิ้มกับคำกล่าวของหัวหน้าหน่วยตรวจเมือง “หากเราเข้าวังไปขออนุญาตเสด็จพ่อตอนนี้ ประตูวังคงปิดก่อนที่คนของเราจะนำราชโองการออกมาแน่”

“องค์รัชทายาท กระหม่อมแค่ทำตามหน้าที่เท่านั้นพ่ะย่ะค่ะ!”

“ดังนั้นแม้แต่องค์รัชทายาทอย่างเราก็เข้าไปด้านในไม่ได้อย่างนั้นหรือ!” องค์รัชทายาทขบกรามแน่น ใบหน้าเต็มไปด้วยโทสะ ชี้ไปทางสตรีกลางคนที่มีสีหน้าร้อนรน ไม่รู้ว่าต้องทำเช่นไรต่อไปหากเข้าไปในจวนเหลียงอ๋องไม่ได้ “เพื่อส่วนรวม นางคือราษฎรของเรา เราไม่อาจเห็นสามีของนางเสียชีวิตอยู่หน้าประตูอู่เต๋อเพราะตามหาลูกชาย ส่วนนางอาจตายตามไปเพราะคุกเข่าอยู่หน้าจวนเหลียงอ๋องได้! อีกประการหนึ่ง เหลียงอ๋องคือน้องชายของเรา เราไม่อาจทนเห็นเหลียงอ๋องถูกปรักปรำได้”

“บัดนี้ตระกูลหวังทั้งครอบครัวเสียชีวิตอยู่ในคุก ผู้คนมากมายต่างวิจารณ์ว่าเหลียงอ๋องสังหารคนเหล่านั้นเพราะต้องการโยนความผิดให้พวกเขา! หากวันนี้เจ้าห้ามไม่ให้เราเข้าไปในจวนเหลียงเท่ากับเป็นการยืนยันความผิดของเหลียงอ๋อง ทำให้ชื่อเสียงของเหลียงอ๋องเสียหาย เจ้ารับผิดชอบไหวหรือไม่!” องค์รัชทายาทกล่าวอย่างมีหลักการเสียงดังลั่น “เราจะไม่ทำให้เจ้าลำบากใจ วันนี้เจ้าให้เราเข้าไป เราก็จะเข้า! เจ้าไม่ให้เราเข้าไป เราก็จะเข้าอยู่ดี! นอกเสียจากว่าเจ้าจะกล้าชักดาบออกมาสังหารเราให้ตายอยู่หน้าจวนเหลียงอ๋อง!”

สิ้นเสียงขององค์รัชทายาท องครักษ์จวนองค์รัชทายาทต่างชักดาบออกมาอย่างพร้อมเพรียงกัน หน่วยตรวจเมืองจะกล้าชักดาบใส่องค์รัชทายาทได้อย่างไร พวกเขาจึงแต่ได้ก้าวถอยหลัง

องค์รัชทายาทเข้าไปประคองสตรีกลางคนให้ลุกขึ้นด้วยสีหน้าบึ้งตึง เมื่อเดินไปด้านหน้าหนึ่งก้าว หน่วยตรวจเมืองก็ถอยหลังไปหนึ่งก้าว พวกเขาถูกบีบจนถอยไปจนมุม ได้แต่มององค์รัชทายาทประคองสตรีกลางคนนางนั้นเดินเข้าไปในจวนเหลียงอ๋องท่ามกลางการคุ้มกันขององครักษ์จวนองค์รัชทายาท

หัวหน้าหน่วยตรวจเมืองขบกรามแน่น หันไปสั่งลูกน้องซึ่งยืนอยู่ด้านข้างของตัวเอง “รีบไปทูลฝ่าบาทว่าองค์รัชทายาทบุกเข้าไปในจวนเหลียงอ๋องแล้ว!”

องค์รัชทายาทบุกเข้าไปในจวนเหลียงอ๋องยังไม่เท่าใด ทว่า เมื่อบุกเข้าไปกลับเห็นเตาปรุงยาที่เหลียงอ๋องยังไม่ทันได้จัดการทำลายหลักฐาน

เหลียงอ๋องคงคิดว่ามีฮ่องเต้คอยปกป้องเขา เมื่อกลับมาถึงจวนอยากทำสิ่งใดก็ทำตามใจ เขาปรุงยากับอาจารย์ต่อ เมื่อได้ข่าวว่าองค์รัชทายาทบุกเข้ามาในจวน เขาอยากห้ามแต่ก็ไม่ทันเสียแล้ว

ต่อมา แม้สตรีกลางคนจะหาบุตรชายของตัวเองไม่พบ ทว่า องครักษ์ของจวนองค์รัชทายาทกลับช่วยเหลือเด็กที่เสียเลือดจนเกือบเอาชีวิตไม่รอดออกมาได้จำนวนหนึ่ง

เพราะองค์รัชทายาทเสียเวลากับหน่วยตรวจเมืองอยู่ครู่ใหญ่ ชาวบ้านที่มามุงดูเหตุการณ์จึงมากขึ้นเรื่อยๆ ต่างรอดูสตรีกลางคนออกมาจากจวน นึกไม่ถึงเลยว่าพวกตนจะกลายเป็นพยานเห็นเหตุการณ์ว่าเหลียงอ๋องใช้เด็กปรุงยาจริงๆ

เมื่อฮ่องเต้รับรู้ข่าวนี้ เรื่องราวก็ยากจะแก้ไขแล้ว!