บทที่ 512 รับยาและซื้อผลไม้แช่อิ่ม

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

บทที่ 512 รับยาและซื้อผลไม้แช่อิ่ม

บทที่ 512 รับยาและซื้อผลไม้แช่อิ่ม

หลังจากที่กุ้ยตงเหมยเขย่าตัวกุ้ซื่ออยู่เป็นเวลานาน กุ้ยซื่อก็ไม่มีท่าทีที่จะฟื้นขึ้นมา

จะทำอย่างไร? จะทำอย่างไร? ท่านแม่คงไม่ตายไปแล้วใช่หรือไม่?

เมื่อกุ้ยตงเหมยคิดถึงสถานการณ์นี้ นางก็รู้สึกหวาดกลัวเสียจนเหงื่อตกไปทั้งตัว

หากกุ้ยซื่อตายจะเกิดอะไรขึ้น? เช่นนั้นตนเองจะรับผิดชอบอย่างไร

กุ้ยตงเหมยหวาดกลัวเพราะกลัวว่านางจะถูกขังคุก นางยังเด็ก หากนางถูกส่งตัวไปขังคุกที่เมือง ทั้งชีวิตของนางก็จะจบลง!

ไม่ได้ ไม่ได้ จะไปพบทางการไม่ได้!

ตอนนี้กุ้ยตงเหมยมีความคิดเดียวในใจ นางต้องไม่ติดคุก นางไปไม่ได้!

อย่างไรก็ตาม ณ เวลานี้ ไม่มีใครรู้ว่าเป็นใคร และกำลังทำอะไรก็ยังไม่มีใครเห็น!

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ กุ้ยตงเหมยก็ไม่สนใจกุ้ยซื่ออีกต่อไป นางรีบลุกขึ้นและวิ่งกลับเข้าไปในบ้าน เก็บข้าวของและวิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว

นางวิ่งหนีไปอย่างไร้จุดหมาย ไม่รู้ว่านางไปที่ไหน

ในด้านของกุ้ยชุนเจียว ไม่ว่าตนจะขอโทษอย่างไร ฉินเย่จือก็เฉยเมย ยกเว้นครั้งแรกที่พวกเขาพบกัน ฉินเย่จือก็ไม่ได้แง้มแม้แต่ช่องประตู

กุ้ยชุนเจียวรู้สึกหวาดกลัวเล็กน้อย

นางทำได้แค่ตะโกนขอโทษเขาอีกครั้ง “พี่ใหญ่ฉิน ข้าขอโทษ เรื่องในวันนี้ท่านอย่าเก็บมาใส่ใจ กุ้ยตงเหมยมีนิสัยเช่นนั้น อย่าเชื่อคำพูดของนาง!”

ฉินเย่จือไม่ได้เปิดประตูและไม่ได้ส่งเสียงใดออกมา กุ้ยชุนเจียวก็รอสักครู่และปล่อยวางเรื่องนี้ไป

เมื่อกุ้ยชุนเจียวกลับถึงบ้าน นางก็เห็นกุ้ยซื่อนอนอยู่ในลานบ้าน ทั้งศีรษะของนางเต็มไปด้วยเลือด ในลานบ้านเต็มไปด้วยเสื้อผ้าของตนเอง ซึ่งบางส่วนถูกย้อมเป็นสีแดงด้วยเลือดของกุ้ยซื่อ

กุ้ยชุนเจียวตะโกนด้วยความตกใจ “ท่านแม่…”

นางวิ่งไปตรงหน้าของกุ้ยซื่อ ครั้นเห็นว่ากุ้ยซื่อนอนจมกองเลือด ทั้งตัวของนางเต็มไปด้วยเลือด และร่างกายก็ไม่ขยับเขยื้อนเลยสักนิด นางจึงตะโกนเรียกกุ้ยตงเหมย

“ตงเหมย ตงเหมย เจ้าอยู่ที่ไหน!” กุ้ยชุนเจียวตะโกนอยู่นาน หากแต่ไม่มีเสียงตอบรับ

กุ้ยชุนเจียวไม่สามารถแบกกุ้ยซื่อได้ นางจึงทำได้เพียงวิ่งไปที่บ้านของหมอหม่าเพื่อตามเขามาดูอาการของกุ้ยซื่อที่บ้าน

กุ้ยสวิ้นเหอออกไปทำงาน และจะกลับมาในอีกสามถึงห้าวัน

กุ้ยชุนเจียวรู้ว่าคนเดียวที่สามารถช่วยกุ้ยซื่อได้ในครั้งนี้คือหมอหม่า

นางรีบไปที่บ้านของหมออย่างรีบร้อน หมอหม่ากำลังบอกภรรยาเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นที่ประตูบ้านของกู้เสี่ยวหวานเมื่อสักครู่นี้ แต่หมอหม่ารู้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น

“ท่านหมอหม่า รีบไปดูท่านแม่ของข้าหน่อย!” ทันทีที่กุ้ยชุนเจียวเห็นหมอหม่า นางก็ตะโกนด้วยความโศกเศร้าทันที

เมื่อเช้านี้ หมอหม่าเห็นคนตระกูลกุ้ยต่างอารมณ์เบิกบาน ทำไมตอนนี้ถึงได้รับเรื่องจากตระกูลกุ้ยอีก?

คราวนี้เป็นใครอีก?

“หือ? เจ้าก็มาด้วยหรือ?” หมอหม่าเอ่ยถามด้วยความประหลาดใจเมื่อเห็นว่าเป็นกุ้ยชุนเจียว

กุ้ยชุนเจียวไม่มีเวลาอธิบายให้หมอหม่าฟังอย่างละเอียดว่าตอนนี้มีผู้บาดเจ็บสาหัสที่บ้านกำลังรอหมอหม่าไปรักษา

“ท่านหมอหม่า ไปกับข้าเร็ว ท่านแม่ของข้าเสียเลือดไปมากแล้ว!” กุ้ยชุนเจียวร้องไห้พลางร้องตะโกน ท่าทางโศกเศร้าของนางไม่ได้เสแสร้ง

เมื่อเห็นว่ากุ้ยชุนเจียวอ้อนวอนเช่นนี้แล้ว หมอหม่าก็พูดขึ้นอย่างรวดเร็วว่า “ตกลง ตกลง ข้าจะไปที่บ้านของเจ้า พวกเรารีบไปดูนางกันเถอะ!”

หมอหม่าตามกุ้ยชุนเจียวกลับบ้าน และเห็นกุ้ยซื่อนอนนิ่งอยู่บนพื้นด้วยใบหน้าอาบเลือด หมอหม่าตกตะลึง

ในที่สุดหลังจากตรวจดูอาการแล้ว หมอหม่าก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกและปลอบกุ้ยชุนเจียวที่กำลังสั่นสะท้านด้วยความกลัวว่า “แม่ของเจ้าถูกทุบ ดังนั้นนางจึงมีเลือดออก โชคดีนางไม่เป็นไร เพียงพักผ่อนสักครู่ก็จะดีขึ้น ข้าจะสั่งยาบำรุงเลือดให้แม่เจ้าดื่ม แล้วนางจะกลับมาเป็นปกติหลังจากพักผ่อนอย่างเต็มที่!”

หลังจากได้ยินหมอหม่าอธิบาย กุ้ยชุนเจียวก็สงบลง

เมื่อมองไปที่ใบหน้าซีดเซียวของกุ้ยซื่อ ในใจก็รู้สึกเศร้า

และกุ้ยตงเหมยก็หายไปราวกับว่าระเหยไป ในช่วงเวลานี้ กุ้ยสวิ้นเหอออกไปทำเครื่องเรือนให้คนอื่นจึงไม่อยู่บ้าน กุ้ยชุนเจียวต้องดูแลกุ้ยซื่อ ดังนั้นจึงไม่มีเวลาไปตามหากุ้ยตงเหมย

กู้เสี่ยวหวานเข้าไปในเมือง เมื่อนางพบกับคนขายที่ดินแล้วจึงทำสัญญาตามราคาที่ตกลงกันทั้งสองฝ่าย หลี่ฝานยังได้เชิญคนจากทางการมาช่วยวัดระยะทางถึงสี่ทิศทาง!

“โฉนดทางการจะถึงมือเจ้าในอีกไม่กี่วัน” เมื่อเห็นว่าเรื่องใกล้จะเสร็จแล้ว หลี่ฝานจึงเร่งเร้า “บอกข้าทีว่าเจ้าต้องการสร้างบ้านเมื่อใด ข้าจะได้ช่วยติดต่อเพื่อซื้อวัสดุสร้างบ้านให้กับเจ้า”

กู้เสี่ยวหวานเห็นว่าเรื่องทั้งหมดถูกจัดการเสร็จเรียบร้อย และจ่ายเงินหนึ่งร้อยตำลึงเงินแล้ว ยอดเขาใหญ่เช่นนี้และเชิงเขาอีกสองแห่งเป็นของนางแล้ว ในใจนางก็รู้สึกตื่นเต้นมากเช่นกัน หลังจากเข้าใกล้การสร้างบ้านไปอีกขั้นหนึ่ง ด้านบนจะสร้างบ้าน และด้านล่างเป็นที่ดินอันอุดมสมบูรณ์หนึ่งร้อยหมู่จะใช้เป็นโกดัง นี่เป็นอีกหนึ่งขั้นที่เข้าใกล้กับชีวิตของการเป็นเจ้าของที่ดินในอนาคต

ก่อนกลับไปในเมือง กู้เสี่ยวหวานได้เดินทางไปที่โรงหมอหุยซุนเพื่อไปหาหมอพาน

ก่อนออกเดินทาง กู้เสี่ยวหวานถามฉินเย่จือโดยละเอียดว่าเข้าไม่สบายตรงไหน ฉินเย่จือกล่าวว่าเขารู้สึกเหนื่อยเล็กน้อย บางทีอาจเป็นเพราะโดนลมหนาวตอนออกไปข้างนอกกเมื่อวานนี้

กู้เสี่ยวหวานไปพบหมอพานและบอกเขาเกี่ยวกับอาการของฉินเย่จือ เมื่อหมอพานได้ยินอาการเหล่านี้ เขาก็วินิจฉัยทันทีว่าฉินเย่จือเป็นหวัด จึงสั่งยาเพื่อขับความเย็นให้นางเพื่อเอาไปให้ฉินเย่จือและบอกอีกว่าเขาควรพักผ่อนให้เพียงพอ

กู้หนิงผิงเห็นว่าพี่สาวของเขาไปโรงหมอด้วยตนเอง จึงพูดอย่างตื่นเต้น “ท่านพี่ใจดีกับอาจารย์มาก!”

“เมื่อป่วยก็ต้องไปพบหมอ และโดยธรรมชาติแล้วเขาจำเป็นต้องกินยา ไม่เช่นนั้นจะรู้สึกไม่สบายมาก” กู้เสี่ยวหวานกล่าวอย่างจริงจัง เพราะในสมัยโบราณ สภาพทางการแพทย์ยังไม่พัฒนา แม้แต่ไข้หวัดธรรมดาก็สามารถฆ่าผู้คนได้ เช่นนั้นนางจะประมาทไม่ได้!

แม้ว่าฉินเย่จือจะพูดหลายพันคำว่าหลังจากพักผ่อนเขาก็จะดีขึ้น แต่กู้เสี่ยวหวานก็ยังไม่วางใจ

ทั้งสองออกจากโรงหมอหุยซุน กู้เสี่ยวหวานไปที่ร้านขายของอีกครั้ง นางกลัวว่าฉินเย่จือจะไม่ชอบกินยาและรู้สึกว่ายาขมอย่างแน่นอน แค่ซื้อผลไม้แช่อิ่มกลับไป เมื่อให้เขาดื่มยาเสร็จแล้วก็ให้กินผลไม้แช่อิ่มล้างปาก