บทที่ 552 ต้องป้องกันไว้

Lucky baby คุณพ่อ ต้องพยายามจีบแม่

ลี่จุนซินและเจียงหยุนเอ๋อเห็นวาเทอร์ปฏิบัติกับพวกเธอแบบขอไปทีอย่างนี้ ถึงขนาดไม่มีมารยาทแล้วปล่อยให้พวกเธอยืนเก้อกันอยู่ตรงนี้ ใบหน้าจึงดูถมึงทึง และรู้สึกไม่พอใจกับการกระทำของเขาเป็นอย่างมาก

เคธี่เห็นสีหน้าของพวกเธอเปลี่ยนไปทันที ก็หัวเราะออกมา แล้วพูดจาเย้ยหยันพวกเธอว่า :

“ต้องขอโทษด้วยจริง ๆ นะ ตัวแทนท่านประธานของบริษัทลี่ซื่อกรุ๊ป หัวหน้าคณะของพวกเราเวลาค่อนข้างแน่น งานค่อนข้างยุ่ง จำไว้นะคราวหน้าต้องนัดล่วงหน้านะจ๊ะ แต่ว่า จะนัดได้สำเร็จไหมก็ขึ้นอยู่กับดวงพวกเธอแล้วล่ะ”

“เธอ! เคธี่ ทำไมเมื่อก่อนฉันถึงไม่เห็นความร้ายกาจของเธอนะ เมื่อก่อนเธอไม่ได้เป็นแบบนี้!”

“เมื่อก่อน? เธอยังมีหน้ามาพูดถึงเมื่อก่อนอีกเหรอ! พวกเธอรีบไปเถอะ อย่าขวางหูขวางตาฉันอยู่ที่นี่เลย ได้ไหม?”

“เธอ……”

เจียงหยุนเอ๋อเห็นลี่จุนซินโมโหจนเดินไปข้างหน้าเพื่อจะทะเลาะกับเคธี่ต่อ จึงรีบดึงเธอไว้แล้วพูดว่า :

“พี่คะ อย่าไปเสียอารมณ์กับคนแบบนี้เลยค่ะ พวกเราไปกันเถอะ ตอนนี้มีคนจับตามองพวกเราแล้ว”

ลี่จุนซินเหลือบมองเคธี่แวบหนึ่ง แล้วก้าวเท้าเดินไปยังประตูโรงแรม เจียงหยุนเอ๋อก็รีบตามไปทันที

หลังจากขึ้นรถแล้ว เจียงหยุนเอ๋อก็โทรศัพท์ไปหาลี่จุนถิง แล้วรายงานเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครู่นี้

“จุนถิง พวกเราเพิ่งออกมาจากโรงแรม ถึงแม้พวกเราจะพบกับวาเทอร์แล้ว แต่ว่า……ท่าทีที่เขาปฏิบัติต่อพวกเรานั้นเลวทรามมาก และไม่ได้พูดถึงเรื่องความร่วมมือเลยสักนิด เพียงแต่บอกว่าอีกสองวันจะไปพบพวกเราที่บริษัท”

“อืม……ยังมีอีกเรื่อง เคธี่ก็อยู่ในคณะสำรวจด้วย เรื่องนี้นายน่าจะรู้แล้วใช่ไหม เมื่อกี้นี้หล่อนเยาะเย้ยพวกเราด้วย ฉะนั้น ต่อไปนี้ ฉันคิดว่าหล่อนต้องมีแผนอะไรแน่นอน ดังนั้น พวกเราจำเป็นต้องป้องกันไว้ก่อน”

“อืม! เรื่องนี้ฉันรู้แล้ว การที่พวกเธอถูกปฏิเสธก็เป็นอย่างที่ฉันคาดไว้ เมื่อก่อนฉันเคยตรวจสอบเรื่องวาเทอร์ คนคนนี้รับมือได้ยากมาก นิสัยแปลกประหลาด ยิ่งมีเคธี่อยู่ข้างกายอีกคน ยิ่งไม่ต้องพูดถึง”

“พวกเธอกลับบริษัทไปทำงานกันเถอะ หยุนเอ๋อ กลับไปแล้วเธอกับพี่อย่าลืมทานข้าวนะ อย่าหักโหมเกินไปล่ะ จำไว้ว่าต้องพักผ่อนกันด้วย”

ลี่จุนซินได้ยินลี่จุนถิงเอาแต่พูดเป็นห่วงเจียงหยุนเอ๋อ ก็หยอกล้อพวกเขาว่า :

“ไอหยา น้องชาย ฉันจะดูแลภรรยานายเป็นอย่างดี นายไม่ต้องเป็นห่วงหรอก พี่สาวนายกลับไปไม่ต้องทานข้าวละ ทานอาหารหมาก็อิ่มแล้ว เห็นคนมีคู่ป้อนความหวานให้กันซะขนาดนี้”

ลี่จุนถิงได้ยินลี่จุนซินพูดอย่างนี้ ก็หัวเราะแบบไม่มีเสียงออกมา เจียงหยุนเอ๋ออายจนมุดหน้าหนี

หลังจากที่เห็นลี่จุนถิงวางสายไปแล้ว ชิงโม่เห็นลี่จุนถิงหัวเราะ ก็บ่นพึมพำออกมา :

“เคธี่นี่ร้ายจริง ๆ ใช้เวลาไม่นานก็จับวาเทอร์ซะอยู่หมัดเชียว ไม่ประมาทไม่ได้เลยจริง ๆ”

“ต่อให้หล่อนร้ายแค่ไหน ฉันก็มีวิธีจัดการพวกเขา ขอแค่พวกเขาไม่เล่นตุกติก ฉันก็จะไม่ทำอะไรพวกเขา แต่ถ้าหาก……เหอะ คอยดูแล้วกัน” ลี่จุนถิงแสยะยิ้มออกมา

จากที่ชิงโม่พูด ลี่จุนถิงเองก็รู้นานแล้ว ว่าเคธี่เป็นคนแบบไหน

“เอ๊ะ ประธานลี่ เคธี่มีความสามารถขนาดนี้ ทำไมคุณถึงไม่หวั่นไหวล่ะครับ?” ชิงโม่หยอกล้อลี่จุนถิงอย่างไม่กลัวตาย

ลี่จุนถิงเงยหน้าชำเลืองมองชิงโม่แวบหนึ่ง แล้วชิงโม่ก็ทำท่าหุบปาก จากนั้นเดินไปนั่งบนโซฟาที่อยู่ห่างจากลี่จุนถิงมากที่สุด

ผ่านไปสักครู่ ชิงโม่ก็กลั้นไว้ไม่อยู่ เลยหันไปยกมือให้ลี่จุนถิง ลี่จุนถิงแสดงท่าทางอนุญาตให้เขาพูดได้

ชิงโม่ทำท่ารูดซิบเปิดปาก แล้วถอนหายใจเฮือกใหญ่ จากนั้นเอ่ยพูด :

“ไอหยา เกือบขาดใจตายแล้ว เอาล่ะ ไม่เป็นเล่นแล้วครับ พูดเรื่องงานดีกว่า ประธานลี่ครับ คุณจะเอายังไงต่อครับ?”

ลี่จุนถิงเงียบไปครู่หนึ่ง แล้วเอ่ยพูด :

“เรื่องนี้ค่อนข้างซับซ้อน พวกเราคอยสังเกตการณ์อย่างเงียบ ๆ ไปก่อน ดูว่าวาเทอร์กับเคธี่จะทำอะไร แล้วก็ดูด้วยว่าลี่หยูนห่วนกับลี่หุยจะทำอะไรอีก จากนั้น พวกเราค่อยตัดสินใจว่าควรลงมือจัดการยังไง ชิงโม่ นายไปสืบเรื่องวาเทอร์ต่อนะ ฉันรู้สึกได้ว่ามันต้องเกิดอะไรขึ้นแน่ ๆ”

ชิงโม่รับคำสั่ง

ที่โรงแรม วาเทอร์รอเคธี่อยู่ข้างลิฟต์ เมื่อเห็นเคธี่เดินเข้ามาด้วยความโมโห ก็แตะไหล่เคธี่เบา ๆ แล้วปลอบเธอว่า :

“ไอหยา อย่าโมโหเลยน่า เดี๋ยวผมจะจัดการพวกเขาเอง ช่วยคุณแก้แค้น ดีไหม?”

ถึงแม้เคธี่ไม่ชอบวาเทอร์ ต่อต้านการแตะเนื้อแตะตัวจากเขา แต่ตอนนี้เธอจำเป็นต้องให้วาเทอร์ช่วยเหลือ จึงได้แต่อดกลั้นความไม่ชอบใจเอาไว้ แล้วยิ้มให้วาเทอร์พลางเอ่ยพูดว่า :

“ที่รัก จริงเหรอคะ? คุณแสนดีจังเลย! คุณต้องช่วยฉันแก้แค้นนะคะ”

หลังจากที่เคธี่และวาเทอร์ขึ้นไปชั้นบน ก็ได้พูดคุยเกี่ยวกับสถานการณ์ปัจจุบันของบริษัทลี่ซื่อกรุ๊ป

แต่ว่า ทั้งสองคนยังไม่ทันได้พูดอะไรออกมา ผู้ช่วยของวาเทอร์ก็เข้ามารายงานว่า :

“คุณวาเทอร์ ด้านนอกมีคนของบริษัทลี่ซื่อกรุ๊ปมาขอเข้าพบครับ”

วาเทอร์ขมวดคิ้วครู่หนึ่ง แล้วเอ่ยพูด : “พวกหล่อนทำไมถึงได้ตามตื๊อไม่เลิกนะ ไม่ให้พบ ไล่พวกหล่อนไปซะ”

“ไม่ใช่ครับ คุณวาเทอร์ คนที่มาบอกว่าเป็นคุณชายสองและคุณชายสามของบริษัทลี่ซื่อกรุ๊ปครับ ชื่อลี่หยูนห่วนกับลี่หุย”

เคธี่เมื่อได้ยินว่าเป็นลี่หยูนห่วนและลี่หุย ก็รีบขอร้องวาเทอร์บอกให้ผู้ช่วยพาพวกเขาเข้ามา จากนั้นก็อธิบายความสัมพันธ์ของพวกเขาให้วาเทอร์ฟัง

“คืออย่างนี้ค่ะวาเทอร์ ลี่หยูนห่วนเป็นลูกชายของลี่เจี้ยนเย่ซึ่งเป็นลุงรองของลี่จุนถิง ส่วนลี่หุยเป็นลูกนอกสมรสของพ่อลี่จุนถิง ทั้งสองคนอยากครอบครองตำแหน่งใหญ่สุดของลี่ซื่อกรุ๊ปมาโดยตลอด ดังนั้นจึงคอยต่อกรกับลี่จุนถิงเสมอ ถ้าสองคนนี้มาทำงานให้พวกเรา พวกเราต้องบรรลุเป้าหมายของพวกเราได้อย่างรวดเร็วแน่นอน”

วาเทอร์รู้สึกสนใจขึ้นมาทันที เลยให้ผู้ช่วยเรียกพวกเขาเข้ามา

หลังจากที่ลี่หยูนห่วนและลี่หุยเข้ามาแล้ว เมื่อเจอกับวาเทอร์และเคธี่ ก็แสดงท่าทีเกรงอกเกรงใจประจบประแจง พวกเขายังหอบเอาของขวัญหลากหลายอย่างมาด้วย

“คุณวาเทอร์ สวัสดีครับ พวกเราคือลี่หยูนห่วนและลี่หุยจากบริษัทลี่ซื่อกรุ๊ปครับ ทราบว่าคุณมาสำรวจที่เมืองจิ่งเฉิง เลยทำหน้าที่เป็นเจ้าบ้านที่ดี พวกเรานำเอาของขึ้นชื่อต่าง ๆ มามอบให้คุณด้วยครับ เป็นน้ำใจเล็ก ๆ น้อย ๆ หวังว่าคุณจะชอบนะครับ”

“คุณเคธี่ พวกเราก็ถือว่ารู้จักกันมานานแล้ว เครื่องสำอางพวกนี้ถือเป็นของขวัญเล็ก ๆ น้อย ๆ นะครับ”

เคธี่ไม่รู้ว่าในนั้นจะมีของตัวเองด้วย เมื่อรู้ก็ดีใจขึ้นมาทันที ถึงแม้เธอจะไม่ได้ขาดของพวกนี้ แต่ยังไงผู้หญิงก็ชอบความมีน้ำใจอย่างนี้ทั้งนั้นแหละ

วาเทอร์ให้ผู้ช่วยเก็บของฝากไป แล้วยิ้มออกมา ท่าทีต่างกับที่ปฏิบัติต่อลี่จุนซินและเจียงหยุนเอ๋อตอนอยู่ที่ล็อบบี้ของโรงแรมเมื่อครู่นี้โดยสิ้นเชิง

“ไม่ทราบว่าทั้งสองท่านมาหาผม มีธุระอะไรเหรอครับ?”

“คุณวาเทอร์ การที่พวกเรามาหาคุณต้องเป็นเรื่องธุรกิจเท่านั้นเหรอครับ? แต่ว่าพวกเรามีเรื่องอยากขอร้องสักหนึ่งเรื่อง คืนนี้พวกเราจัดงานเลี้ยงให้พวกคุณทั้งสองโดยเฉพาะ เพื่อเป็นการต้อนรับพวกคุณ เลยตั้งใจมาเชิญคุณวาเทอร์และคุณเคธี่ไปร่วมงานน่ะครับ ไม่ทราบว่าสองท่านจะให้เกียรติหรือเปล่า” ลี่หุยยิ้มอย่างประจบสอพลอให้กับวาเทอร์และเคธี่

วาเทอร์เห็นทั้งสองคนตั้งแต่เข้ามาจนถึงตอนนี้ ไม่เอ่ยถึงเรื่องธุรกิจเลยแม้แต่น้อย เลยรู้สึกว่าพวกเขาจริงใจมาก จึงตอบตกลงไปร่วมงาน เคธี่เห็นวาเทอร์ตอบตกลง ตัวเองจึงไม่ได้แสดงความเห็นอะไร