ตอนที่ 1029 งานเลี้ยงวันเกิด (4) ตอนที่ 1030 งานเลี้ยงวันเกิด (5)

ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร

ตอนที่ 1029 งานเลี้ยงวันเกิด (4) / ตอนที่ 1030 งานเลี้ยงวันเกิด (5)
ตอนที่ 1029 งานเลี้ยงวันเกิด (4)

ชวีหลิงเย่ว์รู้สึกตื่นเต้นสับสนจนคิดอะไรไม่ออก ครู่หนึ่งกว่านางจะได้สติกลับมา เมื่อนางลืมตาขึ้นมอง นางก็แทบจะเป็นลมด้วยความตกใจ

ขะ…ข้า…ข้าอยู่ใน…อ้อมกอดของ…จวินเสีย!

ทันใดนั้นหัวสมองของชวีหลิงเย่ว์ก็ว่างเปล่า นางประหม่าตื่นเต้นมากขณะที่พยายามดิ้นรน ‘หนี’ ออกจากอ้อมแขนของจวินอู๋เสีย ใบหน้าของนางแดงก่ำ สีหน้าเหมือนคนกำลังจะร้องไห้ นางอับอายมากจนเกือบจะสะอื้นออกมาจริงๆ

“…” จวินอู๋เสียมองชวีหลิงเย่ว์ด้วยความงุนงงเป็นอย่างมาก ปฏิกิริยาเช่นนี้นางไม่เคยเจอมาก่อนเลย

นางก็แค่ยื่นมือออกไปตามสัญชาตญาณ และเพราะว่านางกับชวีหลิงเย่ว์เป็นสตรีทั้งคู่ นางจึงคิดว่ามันไม่มีอะไร

แต่จวินอู๋เสียลืมไปแล้วว่าตอนนี้นางปลอมตัวเป็นบุรุษอยู่ การกระทำของนางเมื่อครู่ อย่าว่าแต่ชวีหลิงเย่ว์เลย ชวีเหวินเฮ่า สยงป้า และชิงอวี่ก็มีสีหน้าแปลกๆ เช่นกัน

โดยเฉพาะสยงป้าที่มองจวินอู๋เสียอย่างมีเลศนัย

“อะแฮ่ม ขอบคุณคุณชายจวิน” ชวีเหวินเฮ่าพูดพลางชำเลืองมองชวีหลิงเย่ว์ที่วิ่งไปแอบอยู่ด้านหลังเขาอย่างรวดเร็ว แม้ว่าเขาเพิ่งจะได้พบกับจวินอู๋เสีย แต่เขาก็ชื่นชมท่าทางที่หนักแน่นมั่นคงและสงบนิ่งของจวินอู๋เสียมาก เมื่อเขาเห็นอาการเขินอายของบุตรีตัวเองที่แสดงออกมา ในฐานะของคนที่เคยมีประสบการณ์มาก่อน ชวีเหวินเฮ่าจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าชวีหลิงเย่ว์แอบคิดอะไรอยู่

แต่…

นิสัยเย็นชาเฉยเมยของจวินอู๋เสียทำให้บอกได้ยากว่าอีกฝ่ายรู้สึกอย่างเดียวกับชวีหลิงเย่ว์หรือไม่

แต่ถ้าพวกเขารู้สึกเหมือนกันจริงๆ ชวีเหวินเฮ่าก็ยินดี เขาได้ยินทั้งสยงป้ากับชวีหลิงเย่ว์ชื่นชมจวินอู๋เสียเสียมากมาย และหลังจากได้พบกับ ‘เด็กหนุ่ม’ คนนี้ตัวเป็นๆ ชวีเหวินเฮ่าก็พอใจกับสิ่งที่เขาเห็นมาก

นอกจากตัวเล็กแล้ว ก็ไม่มีอย่างอื่นในตัว ‘เด็กหนุ่ม’ ที่เขาจะไม่ชอบ

แต่ ‘เด็กหนุ่ม’ อย่างเขายังไม่โตเต็มที่ และบุรุษก็ยังคงต้องคอยดูกันต่อไป

จวินอู๋เสียไม่เคยคิดฝันเลยว่าการลงมือช่วยง่ายๆ เมื่อครู่จะก่อปัญหาใหญ่แบบนั้น ทำให้ชวีเหวินเฮ่าเริ่มมองนางในฐานะ ‘ว่าที่ลูกเขย’ ขึ้นมา ถ้านางรู้ความคิดของชวีเหวินเฮ่า จวินอู๋เสียก็คงพูดอะไรไม่ออก

ชวีหลิงเย่ว์รู้สึกอับอายมากจนไม่สามารถมองจวินอู๋เสียได้อีก นางยืนหอบหายใจเล็กน้อยอยู่ด้านหลังชวีเหวินเฮ่า ดวงตาใสกระจ่างของนางมีน้ำตาคลอ

นางทำอะไรลงไป

ทำไมนางต้องทำเรื่องน่าอายต่อหน้าจวินเสียด้วย

คุณชายจวินคงดูแคลนนางไปแล้ว!

ในใจของคุณหนูใหญ่แห่งเมืองพันอสูรแทบจะแหลกสลาย

หลินเฟิงแอบสังเกตปฏิกิริยาของชวีหลิงเย่ว์อยู่ เขารู้สึกเกลียดจวินอู๋เสียจนเข้ากระดูกดำ ดวงตาของเขาแดงก่ำด้วยโทสะที่สะกดข่มเอาไว้ด้วยพลังใจอย่างถึงที่สุดเพื่อไม่ให้ตัวเองพุ่งเข้าโจมตีอีกฝ่าย

ตอนนั้นเอง ประตูหอเมฆาสวรรค์ก็เปิดออกช้าๆ ชายหนุ่มหน้าตาดีในชุดสีแดงยืนหน้าเชิดอยู่ด้านใน เขากวาดสายตามองกลุ่มคนที่รอคอยอยู่ด้านนอก

“ท่านยายสั่งให้พวกเจ้าทุกคนเข้าไปได้แล้ว” พูดจบเขาก็หันหลังเดินเข้าไปข้างในหอเมฆาสวรรค์โดยไม่พูดอะไรอีก ราวกับไม่รู้ถึงสถานะของทุกคนที่ยืนอยู่ด้านนอก

คนทั้งกลุ่มก็มีท่าทางเหมือนเคยชินกับความยโสโอหังของชายหนุ่มคนโปรดคนนั้นแล้ว ถึงได้ไม่มีใครพูดอะไรเลย

ชวีเหวินเฮ่าสะกิดชวีหลิงเย่ว์ แล้วนางก็หน้าแดงขึ้นมา นางก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าว ก้มศีรษะลงพร้อมกับเดินตรงไปที่หน้าประตูหอเมฆาสวรรค์ช้าๆ แล้วคุกเข่าลง “หลิงเย่ว์คารวะท่านยาย ขอให้ท่านยายมีโชคลาภวาสนาดั่งบูรพามหาสมุทร อายุขัยยืนยาวดุจขุนเขา”

ไม่มีวี่แววของใครอยู่ด้านหลังประตูบานนั้นเลยสักคน และก็ไม่มีเสียงตอบรับกลับมาด้วย

ตอนที่ 1030 งานเลี้ยงวันเกิด (5)

ไม่มีวี่แววของใครอยู่ด้านหลังประตูบานนั้นเลยสักคน และก็ไม่มีเสียงตอบรับกลับมาด้วย

หลังจากชวีหลิงเย่ว์ทำการคารวะเสร็จ นางก็คุกเข่าอยู่ตรงนั้นอีกครู่หนึ่งก่อนจะลุกขึ้นและพูดกับบิดาของนางว่า “ท่านพ่อ ข้ากลับเรือนพักก่อนนะเจ้าคะ”

ชวีเหวินเฮ่าพยักหน้า

ชวีหลิงเย่ว์ลอบชำเลืองมองจวินอู๋เสียอีกครั้งก่อนที่นางจะไปจากที่นั่น

จวินอู๋เสียเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย ชิงอวี่ที่อยู่ข้างๆ นางจึงพูดขึ้นเสียงเบาว่า “หอเมฆาสวรรค์ไม่อนุญาตให้สตรีเข้าใกล้ขอรับ เพราะชวีซินรุ่ยเกลียดสตรี ดังนั้นถึงเป็นคุณหนูใหญ่ก็ไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไป วันเกิดของนางทุกปีคุณหนูใหญ่ต้องคุกเข่าอยู่ข้างหน้าหอเมฆาสวรรค์และกล่าวคำอวยพรแบบนี้ขอรับ”

การที่ผู้เยาว์แสดงความเคารพและกล่าวคำอวยพรแก่ผู้อาวุโสไม่ใช่สิ่งที่แปลกอะไร

แต่อย่างที่ชวีหลิงเย่ว์ทำ ทั้งๆ ที่ไม่มีใครอยู่ตรงหน้านางก็ยังคุกเข่าที่ประตู นั่นเป็นสิ่งที่ไม่เคยได้ยินมาก่อน

จวินอู๋เสียยิ้มเยาะอยู่ในใจแต่ไม่ได้แสดงออกทางสีหน้า

“ทุกท่าน เชิญ” ชวีเหวินเฮ่าหันไปพูดกับทุกคน แล้วพวกเขาก็พากันเข้าไปในหอเมฆาสวรรค์

ข้างในหอเมฆาสวรรค์นั้นความหรูหราฟุ้งเฟ้อแผ่กระจายไปทั่วทุกบริเวณ หลังจากชวีซินรุ่ยเผยนิสัยที่แท้จริงของนาง นางก็ทำทุกอย่างตามใจตัวเองอย่างเต็มที่ นางสั่งให้ชวีเหวินเฮ่าย้ายสมบัติทั้งหมดในเมืองพันอสูรมาที่หอเมฆาสวรรค์ กระทั่งสมุดบัญชีของเมืองพันอสูรก็ต้องให้นางตรวจสอบอย่างละเอียดทุกเดือน ของมีค่าทุกชิ้นที่คนในเมืองได้มาต้องแจ้งนางให้ตรวจสอบด้วย และถ้ามันเหมาะกับนาง มันก็จะถูกยึดไปโดยที่ไม่ได้ค่าชดเชยอะไรเลยแม้แต่ตำลึงเดียว

นางยึดทรัพย์เอาตามใจชอบโดยไร้เหตุผลไม่สนใจความรู้สึกของผู้อื่น ชาวเมืองของเมืองพันอสูรพากันบ่นและคร่ำครวญ แต่ต่อหน้าชวีซินรุ่ยพวกเขาก็ไม่มีทางเลือกนอกจากกลืนคำบ่นเหล่านั้นกลับเข้าไป

ตั้งแต่จวินอู๋เสียมาเกิดใหม่ นี่เป็นคนที่ชั่วร้ายที่สุดที่นางเคยพบมา ข่มเหงรังแกผู้คนอย่างโจ่งแจ้งโดยไม่สนใจจะปกปิดการกระทำของตัวเองเลยแม้แต่น้อย

ที่ชวีซินรุ่ยเย่อหยิ่งจองหองได้โดยไม่ถูกลงโทษใดๆ นั้นก็เพราะนางได้รับพลังวิญญาณขั้นสีม่วงเมื่อหลายปีก่อนและได้ไปที่สามโลกชั้นกลาง ในสายตาของชวีซินรุ่ย คนในสามโลกเบื้องล่างนั้นไม่มีค่าพอที่จะเรียกว่ามนุษย์อีกต่อไป

ทุกคนที่มาจากสิบสองตำหนักแห่งสามโลกชั้นกลางที่นางเคยเจอก็ทำให้จวินอู๋เสียรู้สึกแบบเดียวกันนี้ ในสายตาของคนจากสามโลกชั้นกลาง ชีวิตของคนในสามโลกเบื้องล่างก็ไร้ค่าเหมือนแมลง พวกเขาจะฆ่าจะทุบตีอย่างไรก็ได้ตามต้องการ ไม่เคยเห็นคนที่นี่เป็นมนุษย์เลยแม้แต่น้อย

จวินอู๋เสียก้มหน้าลง ละสายตาออกจากการตกแต่งภายในของหอเมฆาสวรรค์

เจ้าแมวดำตัวน้อยซุกอยู่ในอ้อมแขนของจวินอู๋เสีย ปลายจมูกของมันสั่นเล็กน้อย ดวงตาส่องประกายแปลกประหลาด

เมื่อทุกคนขึ้นไปถึงชั้นบนสุดของหอเมฆาสวรรค์ พวกเขาก็เห็นห้องที่ประดับประดาด้วยผ้าไหมโปร่งบางสีแดงโลหิต พรมขนจิ้งจอกสีขาวที่ปูพื้นมีกลีบกุหลาบกระจายไปทั่ว กลิ่นหอมชวนหลงใหลฟุ้งกระจายอยู่ในอากาศโดยรอบ ชายหนุ่มหน้าตาดีกลุ่มหนึ่งในชุดบางเบานั่งเล่นดนตรีอยู่ด้านหนึ่ง ขณะที่อีกกลุ่มนั่งคุกเข่าอยู่รอบๆ ตั่งยาว ชุดอาภรณ์บนตัวพวกเขาไม่ได้ปกปิดร่างกายให้เรียบร้อยมิดชิด

ชวีซินรุ่ยในชุดสีแดงเพลิงนั่งอยู่บนตั่งยาว มองเห็นขาเรียวยาวของนางอยู่ใต้ชุดรางๆ ชายหนุ่มที่ดูอรชรอ้อนแอ้นคนหนึ่งจับเท้าข้างหนึ่งของนางขึ้นและจุมพิตมันอย่างอ่อนโยน

ชวีซินรุ่ยวางศีรษะไว้บนมือข้างหนึ่งขณะที่เอนหลังพิงตั่ง เมื่อนางเห็นกลุ่มคนเดินเข้ามา นางก็ไม่ได้ลุกขึ้น ขาของนางยกขึ้นเล็กน้อยเผยให้เห็นผิวด้านในมากขึ้นโดยไม่มีความอายเลยสักนิด

แต่ทุกคนในกลุ่มต่างไม่กล้าเหลือบมองไปที่นางเลย พวกเขาคุกเข่าลงเพื่อทำการคารวะ

มีเพียงจวินอู๋เสียคนเดียวที่ยังยืนตัวตรงอยู่ท่ามกลางคนพวกนั้น