บทที่ 552 ตายไปพร้อมกัน ความตายของหญิงที่งดงาม
“ฟู่ว!”
เลือดทะลักออกจากปาก
หลานเยาเยารู้สึกได้ถึงอวัยวะภายในถูกสะเทือนสลายหมดแล้ว ความเจ็บปวดอย่างรุนแรงราวกับว่าได้รับความเจ็บปวดทั้งหมดของวัฏสงสารนับไม่ถ้วน ร่างกายถูกฉีกทีละหน่อย…….
หากว่าไม่มีจิตใจที่แน่วแน่อย่างรุนแรงประคับประคอง นางคงตายไปตั้งนานแล้ว
ที่คางชุ่มไปด้วยเลือดอุ่นๆ ค่อยๆไหลเข้าไปในปกเสื้อ
ไม่……
นางไม่สามารถล้มลงเช่นนี้ได้ ยังมีก้าวสุดท้าย
ดังนั้น นางยังตายไม่ได้!
ทุ่มเทกำลังเฮือกสุดท้ายทั้งหมด หลานเยาเยาแบกสมองที่เลอะเลือน ค้ำยันร่างกายที่สั่นเทา ออกแรงโบกมือทันที ในมือก็ปรากฏด้ายเงินบางๆยาวๆเส้นหนึ่ง ตรงไปทางราชครูเทียนเวิงที่เหาะสูงขึ้นไปกลางอากาศโดยตรง
เมื่อด้ายเงินสัมผัสราชครูเทียนเวิง ก็พันร่างกายของเขาไว้อย่างแน่นหนาทันที เมื่อเก็บด้ายเงิน หลานเยาเยาก็ถูกด้ายเงินพาขึ้นไปยังที่สูงในอากาศโดยไม่ต้องเปลืองแรง
เวลานี้ ราชครูเทียนเวิงได้กล่องแล้ว เมื่อเปิดดู ด้านในยาลูกกลอนเม็ดหนึ่งสีฟ้าอ่อนเหมือนหยกนอนอยู่นิ่งๆ รูปร่างสะอาดไร้ตำหนิ ยังกระจายกลิ่นหอมสดชื่นเป็นระยะๆ กลิ่นหอมนั้นทำให้คนที่ได้กลิ่นสดชื่น ทำให้คนจิตใจเบิกบาน
เป็นมัน!
นี่จะต้องเป็นยาฉางตานแน่แล้ว
โหยหามาทั้งชีวิต คนที่ตายไปในน้ำมือของเขากองเป็นภูเขาแล้ว สุดท้ายก็ทำเพื่อยาลูกกลอนที่อยู่ต่อหน้าเม็ดนี้
“เป็นดังคาด……สวรรค์ไม่ทำให้คนที่พยายามผิดหวัง ฮ่าฮ่าฮ่า……”
แต่ว่า ราชครูเทียนเวิงยังมีความสงสัยเล็กน้อย
อย่างไรก็ตาม ไม่เคยมีคนเห็นรูปลักษณ์ที่แท้จริงของยาฉางตานมาก่อน
ในไม่ช้าเสียงหัวเราะของเขาก็หยุดลงทันที เพราะหลานเยาเยาปรากฏตัวอยู่ด้านหน้าของเขา ท่าทางเหมือนกำลังจะตาย คิดไม่ถึงว่ายังยิ้มให้เขาอีก
ไม่นึกเลยว่าจะยังไม่ตาย……
ชะตาแข็งจริงๆ!
แต่ว่า เช่นนั้นแล้วอย่างไร?
ดูท่าทางของนาง มากที่สุดก็มีชีวิตไม่เกินสามนาทีแล้ว
ราชครูเทียนเวิง : “ยังกล้าขึ้นมาอีก? น่าเสียดายเจ้ามาสายไปแล้ว”
พูดจบ เขาคิดก็ไม่ได้คิด หยิบยาฉางตานในกล่อง ใส่ปากทันที
“สาย? ไม่แน่……ที่ข้ารอก็คือนาทีนี้”
“อะไร?” สีหน้าราชครูเทียนเวิงแข็งทื่อ
ทันทีที่เห็นสิ่งของในมือของหลานเยาเยาสีหน้าก็เปลี่ยนไปทันใด
เป็นระเบิด!
ไม่นึกเลยว่านางยังจะมีของเช่นนี้
เอื้อมมือไปปัดสิ่งของในมือของนาง ด้วยความเร็ว เฉกเช่นสายฟ้าฟาด
เวลานี้ ราชครูเทียนเวิงได้เหาะมาถึงจุดสูงสุดที่เขาสามารถไปต่อถึงได้ ระยะห่างใกล้มากๆกับระลอกคลื่นสีดำสนิทที่มีสายฟ้าฟาดอยู่
ไม่รู้ว่าจุดระเบิดและหรือยัง แต่ระเบิดได้ถูกปัดออกไปอย่างง่ายดาย จิตใจที่เป็นกังวลยังปล่อยวางไม่ได้ รอยยิ้มมุมปากของหลานเยาเยายิ่งลึกขึ้น
เห็นเพียงนางยกมืออีกข้างหนึ่งเล็กน้อย ดูแล้วเหมือนช้าอย่างที่สุด แต่ด้ายสีเงินในมือของที่นางยิงขึ้นไปยังระลอกคลื่นในอากาศกลับรวดเร็วสุดๆ
“เจ้าบ้าไปแล้ว!” ราชครูเทียนเวิงตะโกนเสียงดัง
มองดูร่างกายที่โดนมัดแน่น ด้ายเงินบางๆยาวๆเชื่อมต่อพวกเขาไว้ แล้วมองดูด้ายสีเงินอีกเส้นในมือของหลานเยาเยา แทบจะสัมผัสโดนระลอกคลื่นที่มีฟ้าแลบอยู่
นางทำอะไร?
ล่อสายฟ้า ตายไปพร้อมกันหรือ? เป็นคนบ้าผู้หนึ่งจริงๆ
ราชครูเทียนเวิงที่ใบหน้าบิดเบี้ยวถึงขีดสุด ลากคอของหลานเยาเยาไว้ ออกแรงกระชับมืออย่างสุดๆ เสียงกึกของลำคอที่แทบจะถูกบิดหักแล้ว ทำให้หลานเยาเยาเกือบหมดสติ
แต่นางยังจะเปิดปากอย่างยากลำบาก :
“ท่าน…….คิดว่า……นั่นคือของจริง…….”
“อะไรของจริง?”
ม่านตาของราชครูเทียนเวิงหดลงในพริบตา มีอะไรที่ไม่ชัดเจนในใจที่ต้องการจะเปล่งออกมา
แต่ทว่า หลานเยาเยากลับไม่ปริปากพูดแล้ว แม้ว่าเขาจะเจตนาคลายมือเล็กน้อย แต่นางก็ไม่ปริปาก มุมปากที่ติดด้วยรอยเลือดยกขึ้นเป็นรอยยิ้มเยาะเย้ยสุดขีด
“คืออะไรกันแน่?” ราชครูเทียนเวิงไม่พอใจเป็นอย่างมาก
สุดท้าย หลายเยาเยาชำเลืองมองท้องฟ้าแวบหนึ่ง
ถึงเวลาแล้ว…….
“ครืนครืน…….”
สายฟ้าขนาดใหญ่ของระลอกคลื่นในกลุ่มเมฆกลางอากาศ วาดผ่านเป็นชั้นของเมฆดำ แสงสายฟ้าแลบสีขาวแพรวพราวเสียดหู จู่โจมบนด้ายเงินที่ยิงไปในอากาศโดยตรง…….
“อ้า!”
“อ้า!”
เสียงร้องแก่ชราสองเสียงที่เวทนาดังขึ้นอย่างกะทันหัน แล้วหยุดลงทันใด
“คุณหนู…….”
“คุณหนู……”
“เจ้าสำนัก…….”
“หลานเยาเยา…….”
พวกเขาแทบจะเปล่งเป็นเสียงเดียวกัน เหตุการณ์กลางอากาศ เกิดขึ้นในเวลาอันสั้นที่สุด ทั้งหมดทำให้พวกไม่ทันจะรับมือ
มีเพียงเย่แจ๋หยิ่งผู้เดียว เขาโดนจี้จุด ไม่มีปัญญาที่จะเห็นเหตุการณ์กลางอากาศ ขณะกำลังพยายามอย่างที่สุดเพื่อเปิดจุดฝังเข็ม
เขาก็ได้ยินเสียงของนาง
เยาเยา…….
เจ้าจะตายไม่ได้
เจ้าจะตายไม่ได้เด็ดขาด…….
พลังเลือดลมในใจพวยพุ่งขึ้น ฉับพลันนั้นเย่แจ๋หยิ่งก็กางแขนทั้งสองออก ทั้งคนเงยไปทางท้องฟ้า เลือดลมพุ่งออกจากทวารทั้งเจ็ด น้ำตาเลือดสองหยดค่อยๆไหลลงมาจากหางตาทันที……
มองดูท้องฟ้า ความเลือนรางของเลือดสีแดง เงาร่างเล็กๆร่างหนึ่ง ดิ่งลงมาจากท้องฟ้าตรงๆ ไร้ชีวิต
เขาไม่ได้พูด และไม่สนใจเลือดที่ออกจากทวารทั้งเจ็ดของตัวเอง เหาะขึ้นไปโดยตรง รับร่างของหลานเยาเยาไว้
นางเบามาก……
เบาเหมือนขนนกอันหนึ่ง ไร้น้ำหนักอยู่ในอ้อมอกของเขา
ทั่วร่างกายบนล่างล้วนเป็นรอยการโจมตีของสายฟ้า แทบจะจำโฉมหน้าไม่ได้ มองโฉมหน้าเดิมทีไม่ออก
กอดนางไว้ร่วงลงมาจากท้องฟ้า โซเซนั่งคุกเข่าอยู่ในห้องโถงใหญ่ กอดนางแน่น เย่แจ๋หยิ่งขยับริมฝีปากบางๆที่เปื้อนเลือด แต่น้ำเสียงแหบพร่า พูดไม่ออกสักคำหนึ่ง
เขาทำได้เพียงมองนางเงียบๆ ยื่นมือสัมผัสใบหน้าของนาง น้ำตาเลือดก็ออกมาจากเบ้าตาอีกครั้ง หยดลงบนใบหน้าที่ดำเกรียมของหลานเยาเยา
ทั้งๆที่ในตาเป็นความเศร้าหมดหวัง แต่เขากลับปริรอยยิ้มบางๆที่แทบจะมองไม่เห็นให้นาง ท้ายที่สุดก็เอาหัวมุดเข้าไปที่หัวไหล่ของนาง ร้องไห้ออกมาอย่างเจ็บปวด……
ไม่กี่คนที่อยู่รอบๆพวกเขา ทั้งหมดล้วนเงียบงันไร้เสียง
แต่ละคนดวงตาแดงก่ำ แต่กลับไม่มีใครพูดออกมาสักคำ
เย่หลีเฉินเดินเข้ามาช้าๆ มองดูท่าทางของเสด็จอาที่ไม่มีผู้ใดเทียบทานได้ในตอนนี้ แล้วมองศพที่ยังไม่เย็นของหลานเยาเยาอีก ขาอ่อนลงกับพื้นทันใด
ราชครูเทียนเวิงก็ตกลงมาจากท้องฟ้า
แต่ทว่า เขาไม่ได้ตกลงมาบนตำหนัก แต่ร่วงไปนอกตำหนัก จากนอกตำหนักก็ตกลงไปในน้ำ
ราชครูเทียนเวิงที่ยังมีลมหายใจเฮือกหนึ่ง จนปัญญาที่จะเคลื่อนไหวในน้ำ กระเพาะอาหารในร่างกายหดตัวลงอย่างรุนแรง เจ็บปวดจนสุดจะทน ผิวหนังของเขาค่อยๆแห้งเหี่ยว ผมเริ่มร่วง จากนั้นติดๆกันเลือดเนื้อก็ถูกชะหายไป ค่อยๆกลายเป็นหนังหุ้มกระดูก จมลงไปใต้น้ำ
“ป้าง……”
จากเสียงดังสนั่นตำหนักบนโอเอซิส เริ่มสั่นคลอนอย่างรุนแรงอีกครั้ง ผิวน้ำปะทุแล้ว
จื่อซีมองไปทางจื่อเฟิง : “ตำหนักจะพังทลายแล้ว”
“พาเจ้านายไปก่อน”
แต่ ดูท่าทางของเจ้านายตอนนี้ คาดว่าผู้ใดก็เชิญให้เขาเคลื่อนที่ไม่ได้
“เจ้านาย……”
จื่อซีตะโกนเสียงหนึ่ง กลับไม่มีการตอบกลับใดๆ แต่ทว่าตำหนักเริ่มพังทลายแล้ว ยังไม่ไปอีกก็ไม่ทันแล้ว
เวลานี้ เย่หลีเฉินรีบยืนขึ้นทันที ไม่พูดพร่ำเมื่อมาถึงด้านหน้าของเย่แจ๋หยิ่ง ก็ฝ่ามือหนึ่งทำให้เขาสลบไปโดยตรง
“องค์ชายรัชทายาท ท่าน……” จื่อซีงงงัน
“หลานเยาเยาต้องการให้เขามีชีวิตต่อ เช่นนั้นเขาก็ตายไม่ได้”
พูดจบ ก็ลากหลานเยาเยาในอ้อมอกของเย่แจ๋หยิ่งออกมา
ใช้แรงฉุดลากก็ไม่ออกมา เย่แจ๋หยิ่งที่สลบไปแล้วยังคงกอดหลานเยาเยาอย่างแนบแน่น หลังจากฝืนบังคับแยกนิ้วทีละนิ้วออก เขาก็อุ้มหลานเยาเยาขึ้นมา
จากนั้นกระโดดลงในน้ำ เดินไปทางริมฝั่ง
จื่อซีก็รีบพาเย่แจ๋หยิ่งกระโดดลงน้ำทันที เมื่อหันกลับไปมอง บนตำหนักก็ไม่เห็นเงาของจื่อเฟิงแล้ว รู้สึกได้ถึงด้านข้างมีคนว่ายน้ำอยู่ หันกลับไปมองอย่างกะทันหัน
เป็นยู่หลิวซู!
“จื่อเฟิงล่ะ?” เขาถาม
“เขากระโดดลงไปแล้ว ฉุดก็ฉุดไม่อยู่”
เมื่อตำหนักพังทลายลงหมดแล้ว ความสั่นสะเทือนค่อยๆหยุดลง สองสามคนที่ยืนอยู่ไกลๆมองดูจื่อเฟิงแบกหญิงสาวผู้หนึ่งเดินโซซัดโซเซ..