หลินเยวียนรับผิดชอบการคัดเลือกนักแสดงในบันทึกการเดินทางสู่ประจิมทิศ ทว่าซีรีส์เรื่องนี้จำเป็นต้องใช้นักแสดงจำนวนมาก
หลินเยวียนไม่สามารถ คัดเลือกนักแสดงได้ทีละคน ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงคัดเลือกตัวละครสำคัญอย่างจำเพาะเจาะจง บ้างก็คัดเลือกนักแสดงที่เหมาะสมกับบทพอดี
ยกตัวอย่างเช่นหนานจี๋
เขากำหนดได้ทันที
แต่ไม่ต้องสงสัยเลย ว่าตัวละครที่สำคัญที่สุดย่อมเป็นซุนหงอคง!
การคัดเลือกนี้น่าสนใจมาก
คำแนะนำของบริษัทคือ
ค้นหานักแสดงที่มีทักษะการแสดงที่ดีและมีชื่อเสียงมารับบทซุนหงอคง
นี่ไม่ใช่เพียงคำแนะนำของบริษัทเท่านั้น แต่ยังเป็นความคิดโดยสัญชาตญาณของหลายๆ คนด้วย
แต่หลินเยวียนคิดว่า เมื่อเทียบกับชื่อเสียงและทักษะด้านการแสดงแล้ว คงจะดีกว่าถ้าหากหานักแสดงซึ่งมีความรู้เกี่ยวกับลิงมารับบทซุนหงอคง…
ทำไมบันทึกการเดินทางสู่ประจิมทิศเวอร์ชันของซีซีทีวีจึงเป็นเวอร์ชันคลาสสิกที่สุด
เพียงเพราะเปี่ยมไปด้วยอารมณ์ความคิดถึงหรือ?
ไม่เพียงเท่านั้นหรอก
ไม่ว่าจะเป็นผู้กำกับ หรือเพลงประกอบที่เหมาะเจาะลงตัว
แน่นอนว่านั่นยังรวมไปถึงการแสดงของนักแสดงอีกด้วย ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นเหตุผลซึ่งทำให้บันทึกการเดินทางสู่ประจิมทิศเวอร์ชันซีซีทีวีกลายเป็นผลงานสุดคลาสสิก
ในนั้น
ซุนหงอคงซึ่งรับบทโดยลิ่วเสี่ยวหลิงจงถงยิ่งมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง
พญาวานรคือจิตวิญญาณของบันทึกการเดินทางสู่ประจิมทิศ!
กล่าวตามตรง
ไม่ว่าลิ่วเสี่ยวหลิงถงจะมีจุดด่างพร้อยอย่างไร ซุนหงอคงซึ่งเขานำแสดงนั้นได้รับการยอมรับในฐานะพญาวานรโสภาอันดับหนึ่ง
นักแสดงหลายคนเคยรับบทซุนหงอคง
แต่มีเพียงลิ่วเสี่ยวหลิงถง ที่แสดงความรู้สึกของ ‘ลิง’ ออกมาได้
ส่วนคนอื่นๆ ไม่มีอรรถรสของ ‘ลิง’ เท่าไรนัก
และเหตุผลสำคัญที่สุดที่ทำให้ลิ่วเสี่ยวหลิงถงแสดงความรู้สึกของลิงออกมาได้ก็คือ
ลิ่วเสี่ยวหลิงถงเกิดมาในตระกูลพญาลิง!
เขาเรียนการแสดงงิ้วลิงมาตั้งแต่ยังเด็ก ได้มองและได้ฟังอยู่เป็นประจำ จึงกระจ่างในธรรมชาติของลิง
นักแสดงซึ่งไม่มีพื้นฐานในด้านนี้ แม้แต่งิ้วลิงก็ไม่เล่นไม่ไหว
ดังนั้นหลินเยวียนจึงเอาชนะทุกความคิดเห็น และตัดสินใจเลือกนักแสดงจากมุมมองนี้…
ประจวบเหมาะกับที่บนในยุคโบราณของบลูสตาร์มีนิยายเรื่องหนึ่งชื่อว่า ‘วานรเก็บจันทรา’
เรื่องราวของเทพปกรณัมวานรเก็บจันทรา มีตัวเอกเป็นลิง และมีอิทธิพลอย่างมากต่อผู้คน
แต่เมื่อถึงยุคปัจจุบัน อิทธิพลของเทพปกรณัมเรื่องนี้ได้เลือนหายไปจนแทบไม่เหลือเค้าแล้ว
อย่างไรก็ตาม…
ยังคงมีการแสดงจำพวกงิ้ว ซึ่งมีลิงเป็นตัวเอก
เมื่อการแสดงขยายตัวออกไป การแสดงเหล่านี้ไม่ได้จำกัดอยู่เพียงวานรเก็บจันทราอีกต่อไป แต่ยังเกิดเรื่องราวเกี่ยวกับลิงขึ้นอีกมากมาย
นี่คืองิ้วลิงของบลูสตาร์
ถึงแม้จะเป็นความชื่นชอบเฉพาะกลุ่ม ทว่ายังคงมีผู้คนจำนวนเล็กน้อยที่ชื่นชอบ
และหลังจากหลินเยวียนสืบข่าวคราวมา จึงรู้ว่าฉินโจวมีตระกูลหนึ่งแซ่เหริน ซึ่งสืบทอดงิ้วลิงมาหลายชั่วอายุคน
นอกจากนั้นยังมีคนให้เขาดูงิ้วลิงซึ่งเหรินเหยียนทายาทสกุลเหรินนำแสดง
เมื่อหลินเยวียนดูจบ เขาก็ถูกใจขึ้นมาในทันที
เขารู้สึกว่าเหรินเหยียนคนนี้มีศักยภาพที่จะแสดงเป็นซุนหงอคง
ดังนั้น เขาจึงเดินทางมายังโรงงิ้วซึ่งเหรินเหยียนแสดงด้วยตัวเอง
เมื่อได้เห็นใบหน้าของเหรินเหยียนแล้ว หลินเยวียนจึงยิ่งรู้สึกว่านี่คือตัวเลือกที่ดีมาก
นักแสดงซึ่งรับบทเป็นซุนหงอคง จำเป็นต้องหล่อ
ไม่ใช่ทุกคนจะเหมาะกับการแต่งหน้าทรงลูกท้อ
เหนือสิ่งอื่นใด อีกฝ่ายต้องตอบรับเสียก่อน…
หลินเยวียนเพียงแค่กังวลว่าอีกฝ่ายจะปฏิเสธ เขาจึงเดินทางมาด้วยตัวเอง
ทว่าเห็นได้ชัด
ว่าหลินเยวียนคิดมากไปเอง
……
เหรินเหยียนนึกไม่ถึง ว่าเซี่ยนอวี๋จะเดินลงมาจากฟากฟ้าเพื่อเชิญเขาไปรับบทเป็นซุนหงอคงด้วยตนเอง!
ชั่วขณะนั้น เหรินเหยียนนึกสงสัยว่าตนอาจกำลังฝันไป
“ยินดีครับ!!!”
เหรินเหยียนตอบรับอย่างอดใจไม่ไหว
เขาคล้ายกับว่าจะกลัวเซี่ยนอวี๋เสียใจ จึงรีบกล่าวเสริมว่า “ผมไม่รับเงินเดือนก็ได้นะครับ!”
หลินเยวียนชะงัก ทันใดนั้นสีหน้าพลันเคร่งขรึมขึ้นมา
“ค่าตัวต้องจ่ายอยู่แล้วครับ แต่เงื่อนไขคือคุณต้องผ่านการออดิชัน”
“ผมจะพยายามครับ!”
“งั้นคุณเตรียมตัวได้เลยครับ”
หลินเยวียนพยักหน้า เรื่องนี้ราบรื่นกว่าที่เขาคิดไว้
เมื่อจัดการเรื่องนี้เรียบร้อยแล้วหลินเยวียนจึงตรงกลับบ้านทันที
หลังจากเหรินเหยียนไปส่งที่เยวียนที่รถ เขาก็ยืนนิ่งอยู่ที่เดิม
น้องสาวซึ่งอยู่ด้านข้างยังคงหน้าแดงระเรื่อ “พ่อเพลงอวี๋หล่อกว่าในทีวีอีก!”
“ยินดีด้วย พญาลิงน้อย!”
รอยยิ้บบนใบหน้าของเถ้าแก่โรงงิ้วนั้นสดใสราวกับดอกไม้บาน
นี่เป็นครั้งแรกที่เหรินเหยียนเห็นสีหน้าเป็นมิตรเช่นนี้ของเถ้าแก่โรงงิ้ว
เขาพยักหน้าด้วยความงุนงง
หลังจากเถ้าแก่ออกไป น้องสาวซึ่งอยู่ด้านข้างจึงผลักเขาเล็กน้อย “ยังไม่ตื่นอีกเหรอ?”
“น้องสาว เธอว่าทำไมอาจารย์เซี่ยนอวี๋ถึงเลือกให้พี่ไปเล่นเป็นซุนหงอคง พี่ไม่ใช่ดารา แสดงซีรีส์ฟอร์มยักษ์ขนาดนี้ จะมีปัญหาไหม คนดูจะยอมรับไหมนะ?”
“พี่ไม่อยากเล่นหรือไง?”
“อยากสิ แม้แต่ในฝันยังอยากเล่นเลย!”
“งั้นพี่ก็ไปเล่นให้ดี คิดซะว่าผู้ชมคือผู้ชมในโรงงิ้วของเราก็พอ”
เหรินเหยียนพยักหน้า จู่ๆ ขอบตาก็แดงก่ำ
งิ้วลิงซึ่งสืบทอดกันมาจากรุ่นสู่รุ่นของสกุลเหริน ในที่สุดก็มีที่ยืนแล้ว!
พ่อครับ
ผมยังไม่ได้ยอมแพ้
ผมทำตามความคาดหวังของพ่อแล้ว
……
การคัดเลือกนักแสดงยังคงดำเนินต่อไป
หลินเยวียนไม่ได้เข้าไปจู้จี้จุกจิกมากนัก
แต่ก่อนที่จะยืนยันนักแสดง กู้ตงจะนำข้อมูลของผู้ที่ได้รับคัดเลือกมาให้หลินเยวียนดูผ่านตาเสียก่อน เมื่อหลินเยวียนพยักหน้าตอบรับจึงนับว่าจบงาน
มาตรฐานของหลินเยวียนไม่ได้สูงนัก
ประการแรกคือฝีมือการแสดงต้องไม่หย่อนยานเกินไป ประการที่สองคือรูปลักษณ์นักแสดงต้องไม่ห่างไกลจากตัวละครมากนัก
ยกตัวอย่างเช่นปีศาจหญิง นักแสดงซึ่งรับบทปีศาจหญิงหลายคนมีเค้าหน้าซึ่งคล้ายกันมากเกินไป ราวกับพวกเธอออกมาจากโรงพยาบาลเดียวกันและเป็นผลลัพธ์รูปแบบเดียวกัน
ก็สวยอยู่หรอก ทว่าขาดกลิ่นอายความเป็นปีศาจ
นักแสดงประเภทนี้ หลินเยวียนคัดออกในทันที
ไม่ใช่เพราะหลินเยวียนมีอคติกับการทำศัลยกรรม เพียงแต่เขาคิดว่า การศัลยกรรมจะส่งผลกระทบต่อการแสดงออกทางสีหน้า
บันทึกการเดินทางสู่ประจิมทิศเวอร์ชันซีซีทีวี เต็มไปด้วยนักแสดงหญิงรูปร่างหน้าตาสะสวย
อีกทั้งแต่ละคนต่างมีความงามในแบบของตน
แต่เมื่อทะลุมิติมาถึงโลกนี้ ปัญหาที่น่ารำคาญใจที่สุดสำหรับเขาในการดูซีรีส์ก็คือ ตนเองราวกับเป็นโรคตาบอดใบหน้า
เขารู้สึกว่านักแสดงหญิงหลายคนนับวันยิ่งหน้าเหมือนกันขึ้นเรื่อยๆ
……
นอกเหนือจากการคัดเลือกนักแสดงแล้ว หลินเยวียนยังมีเรื่องอื่นๆ ต้องจัดการ
เป็นงานที่เกี่ยวข้องกับดนตรีประกอบ
หลินเยวียนไม่มีแผนจะเปลี่ยนเพลงประกอบจากบันทึกการเดินทางสู่ประจิมทิศเวอร์ชันซีซีทีวี
และเขาไม่สามารถเปลี่ยนได้
เพราะต้นฉบับนั้นคลาสสิกจริงๆ !
เพลงซาวด์แทร็กอย่าง ‘สดับเสียงวังเมฆา’ นั้นสื่อถึงบันทึกการเดินทางสู่ประจิมทิศได้อย่างประณีตลงตัวในทุกๆ โน้ตเพลง
นอกจากนี้
ยังมีเพลง จำพวก ‘ใคร่ขอถามเส้นทางอยู่หนใด’ ซึ่งได้รับความนิยมเป็นอย่างมากเช่นเดียวกัน
ในปี 2001 บนโลก เพลงใคร่ขอถามเส้นทางอยู่หนใด เป็นเพลงซึ่งได้รับความนิยมอันดับหนึ่งในหมู่ชาวจีนโพ้นทะเลในสหรัฐอเมริกา
แน่นอน
จะขาดความรู้สึกอ้อยอิ่งเปี่ยมอารมณ์อย่าง ‘รักอิตถี’ ไปไม่ได้
และจะขาดเพลงซึ่งถ่ายทอดจิตวิญญาณอันกล้าหาญอย่าง ‘เส้นทางสู่สวรรค์นั้นกว้างใหญ่’ ไปไม่ได้
นอกจากนั้นยังมีเพลง ‘โป๊ยก่ายแบกภรรยา’ ซึ่งต้องเป็นเวอร์ชันดนตรีจึงจะได้อรรถรส
เพลงประกอบอาจารย์สวี่จิ้งชิงในบันทึกการเดินทางสู่ประจิมทิศล้วนเยี่ยมยอด
หากเปลี่ยนเป็นคนอื่น คงไม่ได้อรรถรสเช่นนี้
สุดท้าย
หลินเยวียนเพิ่มเพลงเข้าไปในบันทึกการเดินทางสู่ประจิมทิศอีกด้วย
เพลงมีชื่อว่า ‘ถวิลหา’
บนโลกมีซีรีส์ในชื่อว่า ‘บันทึกการเดินทางสู่ประจิมทิศภาคต่อ[1]’
และในซีรีส์มีเพลงหนึ่งซึ่งเป็นบทเพลงคลาสสิก มีชื่อว่า ‘ถวิลหา’
เหมาอาหมินเป็นผู้ขับร้อง
หลินเยวียนรู้สึกว่าเพลงนี้เหมือนกับเพลงรักอิตถี ที่สามารถใช้บรรยายพล็อตเรื่องช่วงที่ภิกษุถังถึงแคว้นอิตถี
ในเวลานี้
จู่ๆ หลินเยวียนก็นึกขึ้นได้
เพลงมากมายเช่นนี้ จะต้องได้รับความนิยมเมื่อซีรีส์ออกอากาศอย่างแน่นอน
ตนสามารถใช้โอกาสนี้ คว้ามงกุฎพ่อเพลงในคราวเดียวได้เลย?
ถึงแม้จะเป็นการเกาะกระแสซีรีส์ แต่ตนเกาะกระแสซีรีส์ของตัวเองคงไม่มีปัญหาใช่ไหม?
หลินเยวียนไม่ใช่คนที่ไม่ฝักใฝ่ชื่อเสียงและผลประโยชน์สักหน่อย
ชื่อเสียง คือค่าความโด่งดัง
ผลประโยชน์ คือเงินทอง
หลินเยวียนในตอนนี้ล้วนชื่นชอบทั้งสองอย่าง
และประโยชน์ของการเป็นพ่อเพลงซึ่งได้รับการรับรองจากทางการนั้นชัดเจน
ในเมื่อเป็นเช่นนี้…
เพลงเหล่านี้ หงายไพ่!!!
เป้าหมายคือ แชมป์สิบสองสมัย!!!
[1] บันทึกการเดินทางสู่ประจิมทิศภาคต่อ แปลตามชื่อจากต้นฉบับ ทว่าฉบับภาษาไทยใช้ชื่อว่า ‘ไซอิ๋ว ภาค 3 ศึกเทพอสูรสะท้านฟ้า’