ตอนที่ 534 ความรู้สึกที่มีคนให้ท้าย…ดีเหลือเกิน!
ทันใดนั้นสาวน้อยหน้าตางดงามก็ค่อย ๆ กลับมามีสติอีกครั้ง…ว่าอย่างไรนะ ? จวิ้นจู่ที่ได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์ ? ทั่วทั้งต้าเซี่ยมีเพียงคนเดียว นั่นก็คือบุตรสาวที่เพิ่งกลับมาของตำหนักหมินอ๋อง นางจึงรีบหันไปมองป้ายชื่อบนรถม้า นางตกใจจนรีบคลี่ยิ้มขอโทษทันที “ที่แท้ก็เป็นเว่ยเว่ยจวิ้นจู่แห่งตำหนักหมินอ๋อง ! สาวใช้ในจวนเสียมารยาท หวังว่าจวิ้นจู่จะใจกว้าง ไม่ถือสานางด้วย ! ”
“ข้าย่อมไม่ถือสาสาวใช้คนหนึ่งอยู่แล้ว แต่เมื่อครู่เจ้ามองคู่หมั้นของข้า ! ราวกับแมลงวันที่ตอมขนมไม่มีผิด ทำให้ข้าอารมณ์เสียมาก” ปกติแล้วหลินเว่ยเว่ยจะเป็นคนใจกว้างกับทุกอย่าง ในสถานการณ์ไม่ปกติ ส่วนมากจะเกิดก็ต่อเมื่อเกี่ยวข้องกับบัณฑิตน้อยของตน หากโลภในความงามของบัณฑิตน้อย นางจะไม่ทนเด็ดขาด !
สาวน้อยคนนั้นยืดได้หดได้ รอยยิ้มบนใบหน้ายังไม่หายไป “ข้าไม่รู้ว่าเขาคือคู่หมั้นของจวิ้นจู่ ต้องขออภัยด้วย วันหน้าข้าจะต้องไปขอรับโทษถึงตำหนักของจวิ้นจู่แน่นอน…”
“ไม่ต้องหรอก ! ” ดั่งคำกล่าวที่ว่า มือที่ยื่นมาย่อมไม่ตบคนที่ส่งยิ้มให้ หลินเว่ยเว่ยยังพูดต่อ “ไม่ต้องไปขอรับโทษถึงตำหนักหรอก ข้าขอแนะนำเสี้ยนจู่หน่อยก็แล้วกัน ว่าจงสำรวมสายตาของตนให้ดี เช่นนั้นอาจมีวันใดเผลอไปมองคนที่ไม่ควรมองแล้วก่อเรื่องขึ้นมา หรือไปผิดใจกับคนที่ไม่ควรผิดใจด้วย ! ”
รอยยิ้มบนใบหน้าของสาวน้อยแข็งค้างทันที แววตาเจือด้วยโทสะแต่กลั้นเอาไว้ได้ นางค่อย ๆ พูดทีละคำ “ขอบคุณที่จวิ้นจู่สั่งสอน ฝูหรงจะจดจำไว้ ! ”
หลินเว่ยเว่ยเรียกให้หลินจื่อเหยียนมาขึ้นรถม้าแล้วออกคำสั่งกับคนขับ ต่อจากนั้นรถม้าของตำหนักหมินอ๋องก็เคลื่อนตัวออกไปได้อย่างราบรื่นเสียที
เสี้ยนจู่กัดฟันกรอด สาวใช้ของนางก็สบถ ‘ถุย’ ไปตามทางที่รถม้าตำหนักหมินอ๋องจากไป “คนบ้านนอกอย่างไรก็เป็นคนบ้านนอก หยาบช้าและไร้มารยาทเจ้าค่ะ ! ”
“นกกระจอก อย่างไรก็ไม่มีทางเปลี่ยนเป็นหงส์ ! ” ฝูหรงเสี้ยนจู่กระซิบข้างหูสาวใช้สองสามประโยค ผ่านไปไม่นานข่าวลือว่าจวิ้นจู่แห่งตำหนักหมินอ๋องมีนิสัยหยิ่งผยองและไร้มารยาทก็แพร่ไปทั่วเมืองหลวง
ในรถม้า หลินจื่อเหยียนถามด้วยความประหม่า “พี่รอง เสี้ยนจู่เมื่อครู่เป็นคนจากจวนใด ? ท่านทำแบบนี้จะเป็นการก่อเรื่องให้ตำหนักหมินอ๋องหรือเปล่า ? ”
“ก่อเรื่อง ? คู่หมั้นของข้าโดนคนอื่นลวนลาม ถ้าไม่ตอบโต้เลย แบบนั้นถึงจะทำให้ตำหนักหมินอ๋องขายหน้า ! ไม่ต้องกลัว ฟู่หวางของข้าตรัสแล้วว่าหากมีใครมาหาเรื่องก็ให้ข้าโต้กลับไปเลย ยังตรัสว่าถ้าใครไม่ยอมก็ให้ไปหาฟู่หวาง ! นี่ข้ายังไม่ทันลงไม้ลงมือเลยด้วยซ้ำ ! ” หลินเว่ยเว่ยคิดว่าความรู้สึกที่มีคนให้ท้าย…ดีเหลือเกิน !
เจียงโม่หานเบนนัยน์ตาสีนิลไปมองนาง ก่อนจะหัวเราะออกมาเบา ๆ “ตงผิงโหวผู้เป็นบิดาของนางก็แค่ยอมจำนนเร็วหน่อยเท่านั้น ฮ่องเต้ถึงได้พระราชทานบรรดาศักดิ์ที่เลื่อนลอยเช่นนี้แก่เขา คนผู้นี้มีปณิธานแต่ขาดความสามารถ คนรุ่นหลังก็ไม่เอาไหนทั้งหมด ไม่น่ากลัวอะไรเลย ! ”
หลินเว่ยเว่ยทำสีหน้าได้ใจ “พอกลับไปแล้วข้าจะทูลฟ้องฟู่หวางว่าเสี้ยนจู่จวนตงผิงโหวดูถูกข้า เข้ามาขวางรถม้ากลางถนนและทำให้ข้าอับอาย หรือแม้แต่สาวใช้ของนางก็ออกมารังแกข้าด้วย ! ”
หลินจื่อเหยียนเบิกตาโตยามจ้องมองนาง…พี่รอง ท่านพลิกขาวเป็นดำเก่งมาก !
กระนั้นหลินเว่ยเว่ยก็ไปฟ้องอย่างมีเหตุผลตามจริง ทว่าหมินอ๋องก็ยังโมโห เพราะ…ใครช่างกล้าดูถูกบุตรสาว…พระองค์เอาความกับคนรุ่นหลังไม่ได้ ดังนั้นจึงไประบายโทสะใส่บิดาที่ไม่ได้เรื่องอย่างตงผิงโหว ! หมินอ๋องเสด็จไปถีบประตูจวนตงผิงโหวแล้วทุบตีท่านโหวว่างงานผู้เอาแต่กิน ๆ นอน ๆ ไปหนึ่งยก แต่นี่ยังเป็นเรื่องหลังจากนี้ !
บัดนี้ รถม้าวิ่งมาถึงเส้นแบ่งระหว่างเมืองฝั่งตะวันตกและใต้ หลินเว่ยเว่ยลงจากรถม้าและตัดสินใจจะเดินเข้าไป ระหว่างที่เดินไปยังจุดหมาย นางก็ได้ยินเสียงซุบซิบนินทาเกี่ยวกับ ‘จวิ้นจู่น้อยแห่งตำหนักหมินอ๋อง’ จากทุกที่
นางฟังเรื่องเล่า ‘การผจญภัยของจวิ้นจู่น้อย’ ด้วยความหดหู่ เท้าแทบจะเดินต่อไม่ไหว สวรรค์ ! แม้ว่าเรื่องพวกนี้จะเป็นเรื่องที่นางเคยผ่านมาจริง ๆ แต่ฝีมือต่อสู้ที่ผ่านการใส่สีตีไข่ลงไปนั้น…จะไม่เกินจริงไปหน่อยหรือ
เหตุใดนางจึงไม่รู้ว่าตนร้ายกาจขนาดนั้นมาก่อน ? นางแทบจะกลายเป็นเทพสงครามยุคโรมันที่กำเนิดมาพร้อมความแข็งแกร่งและยืนอยู่บนจุดสูงสุดของห่วงโซ่อาหาร ตัวเอกที่มีรัศมีเรืองรอง !
“จวิ้นจู่ที่พวกเขาพูดถึงคือข้าเองหรือ ? เรื่องเล่าเหล่านี้จะเกินจริงไปหน่อยหรือเปล่า ? ” หลินเว่ยเว่ยเดินเข้าไปในตรอกของถนนหย่งอันที่แสนคุ้นเคยและได้ยินเสียงคุ้นหูลอยมาตามทาง
เพราะเนื้อตุ๋นขายดี ยายเจิ้งจึงเก็บแผงกลับบ้านตั้งแต่เช้า ไม่รู้กี่วันแล้วที่มีคนมาถามเกี่ยวกับเรื่องจวิ้นจู่ตำหนักหมินอ๋องระหว่างทาง นางยังคงตื่นเต้นไม่หาย “ใช่ไหมเล่า ! ข้าเองก็คาดไม่ถึงว่าคนมาเช่าบ้านจะเป็นจวิ้นจู่ที่หายตัวไปนานของตำหนักหมินอ๋อง”
“เจ้าถามว่านางเป็นคนอย่างไรใช่ไหม ? ยังต้องพูดอีกหรือ ? จวิ้นจู่น้อยเป็นคนดีมาก ! สูตรเนื้อตุ๋นของข้าก็เป็นนางให้มา ! จวิ้นจู่ทำอาหารเก่งมาก พออาหารธรรมดาไปอยู่ในมือนางแล้วมันก็ออกมาอร่อยยิ่งกว่าอาหารในร้านแพง ๆ เสียอีก นอกจากนี้นางยังทำขนมเป็นด้วย เค้กพุทราแดงที่ขายในตลาดเมืองฝั่งตะวันออกก็เป็นสูตรของนางเหมือนกัน ! แม้แต่ขุนนางใหญ่ที่อยู่ทางเมืองฝั่งตะวันตกก็เคยมาที่บ้านข้าเพื่อลิ้มลองฝีมือของจวิ้นจู่น้อย ! ”
“จวิ้นจู่เป็นคนใจดีมาก สำหรับเราสองสามีภรรยาแล้ว นางก็ดูแลอย่างดี มีคืนหนึ่ง สามีของข้าเกิดป่วยขึ้นมากะทันหัน ถ้าไม่ได้จวิ้นจู่ออกไปตามหมอให้ สามีของข้าคงเสียชีวิตครานั้นแล้ว ตอนจวิ้นจู่ยังไม่ออกไป ถังน้ำในบ้านจะเต็มทุกวัน แล้วก็…”
“ยายเจิ้ง วันนี้ขายของเป็นอย่างไรบ้าง ? ” หลินเว่ยเว่ยพูดแทรก เพราะไม่รู้ว่ายายเจิ้งจะคุยโวไปถึงเมื่อใด
พอยายเจิ้งได้ยินเสียงของนาง สีหน้าก็เปลี่ยนไปทันที ตะกร้าไม้ไผ่ในมือร่วงสู่พื้นและยืนตะลึงอยู่ตรงนั้น เท้าก็สั่นเล็กน้อย…
หญิงชราสองสามคนที่เป็นเพื่อนบ้านก็พากันตกใจจนหน้าถอดสี พวกนางตัวสั่นเทาทันที มีหญิงชราหนึ่งในนั้นทรุดตัวจนก้นกระแทกพื้นและแทบหมดสติไปเลย
“เป็นอะไรกัน ? ” หลินเว่ยเว่ยรีบเดินเข้าไปแล้วช่วยประคองให้ลุกขึ้น
หญิงชราผู้นั้นแทบอยากจะร้องไห้ออกมา “จวิ้นจู่โปรดไว้ชีวิตด้วย ข้าน้อยไม่ควรเอ่ยถึงท่านลับหลัง…”
หลินเว่ยเว่ยกลืนไม่เข้าคายไม่ออกในทันใด “ไม่มีใครจะเอาชีวิตท่านหรอก ! เหตุใดถึงตกใจจนเป็นแบบนี้ ? ” นางใช้ดวงตากลมโตหันไปขอความช่วยเหลือจากเจียงโม่หาน
เจียงโม่หานทำหน้านิ่งและพูดด้วยน้ำเสียงอย่างเป็นทางการ “เอ่ยถึงบุคคลทรงอำนาจลับหลัง ต้องโดนลงโทษด้วยการโบย ! เห็นแก่ที่พวกท่านสำนึกผิด ครั้งนี้จะละเว้นโทษ ยังไม่แยกย้ายกันไปอีก ! ”
“ขอบคุณจวิ้นจู่ ขอบคุณ…จวิ้นหม่า (องครักษ์ของท่านหญิง) ! ” หญิงชราไม่กี่คนนั้นรีบแยกย้ายเหมือนนกแตกรัง เพราะพวกนางกลัวว่าหากออกไปช้าอีกแค่ก้าวเดียว จวิ้นจู่อาจเปลี่ยนใจแล้วเอาโทษพวกนางขึ้นมา
“จวิ้นหม่า ? ” หลินเว่ยเว่ยมองเจียงโม่หานอย่างขี้เล่น ภายใต้สีหน้าไร้ความรู้สึกของเขา นางก็เริ่มร้องเพลง “จวิ้นหม่า…ทุ่งหญ้ากว้างใหญ่…”
“พอแล้ว อย่าทำตัวไร้สาระ ! ทำธุระให้เสร็จก่อน ! ” เจียงโม่หานจนปัญญากับเด็กจอมซนคนนี้จริง ๆ
เมื่อหญิงชราคนอื่นออกไปหมดแล้ว ยายเจิ้งก็จะคุกเข่าลงเพื่อขอรับโทษด้วยความรู้สึกไม่สบายใจ…เมื่อครู่เจียงเจี้ยหยวนก็บอกแล้วว่าการนินทาบุคคลสูงศักดิ์ต้องโดนโทษโบย ? ถ้าร่างกายแก่ชราของนางโดนโบยแล้วจะยังมีชีวิตอยู่ได้อีกหรือ ?
ก่อนที่นางจะคุกเข่าถึงพื้น หลินเว่ยเว่ยก็เข้าไปประคองเอาไว้ “ยายเจิ้ง พวกเรากลับบ้านกันเถิด”
“กะ…กลับบ้าน ได้ ได้ ! ” ยายเจิ้งเห็นนางไม่มีท่าทีโมโหจึงเริ่มสงบสติอารมณ์