บทที่ 447 เฉินฮวนฮวนคนโกหกหลอกหลวง

อ้อนรัก คุณภรรยาคนสวย

ติงเซียงยืนโง่อยู่ตรงนั้น จนกระทั่งงานเลี้ยงอาหารจบลงถึงได้สติกลับมา

ระหว่างทางกลับโรงแรม เป๋าฮวนและพรรคพวกเดินไปข้างหน้าพูดคุยและหัวเราะ อันเยว่ ฉินฟางฟาง และติงเซียงเดินอยู่ข้างหลัง ทั้งสามคนมีความกังวลของตัวเองและก็แสดงออกมาทางสีหน้า

โดยเฉพาะอันเยว่ พัฒนาการของเธอราบรื่นเสมอมา ปกติเว้นแต่เพื่อเอาใจคนระดับสูงและคนที่สูงกว่าเธอ เวลาที่เหลือ เธอถูกคนรอบข้างห้อมล้อมและยังมีแฟนคลับตัวยงมากมาย

แต่อันเยว่มีปมด้อย ครอบครัวของเธอในกลุ่มครอบครัวฐานะธรรมดาถือว่าค่อนข้างดี เป็นคนครอบครัวชนชั้นกลาง แต่ในอุตสาหกรรมบันเทิง ถือว่าเป็นครอบครัวที่ธรรมดามาก

เดิมทีคิดว่าเป๋าฮวนเป็นครอบครัวธรรมดา แต่หลังจากสามปี เธอไม่เคยคาดคิดว่าเป๋าฮวนจะกลายเป็นครอบครัวชนชั้นสูง

ท้ายที่สุด ตำแหน่งของตระกูลเวินก็ถูกวางไว้ที่นั่น และแน่นอนว่าไม่ใช่ครอบครัวธรรมดาที่จะสร้างมิตรภาพกับตระกูลเวินได้

เป๋าฮวนกลายเป็นคุณหนูผู้สูงศักดิ์ ซึ่งทำให้อันเยว่รู้สึกหงุดหงิดอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน!

“ติงเซียง เธอไปถามเป๋าฮวนดูสิว่าเธอเป็นคนในครอบครัวไหน” อันเยว่เอนตัวไปที่ข้างหูของติงเซียง ลดเสียงลงและสั่ง

ตอนนี้อันเยว่มีทายาทเศรษฐีรุ่นที่สองตามจีบ ทั้งสองอยู่ในความสัมพันธ์ที่คลุมเครือ อันเยว่ไม่ชอบเขาเท่าไหร่ แต่ลังเลที่จะปล่อยมือเลยทำให้เศรษฐีรุ่นที่สองหลงใหลคลั่งไคล้

ถ้าอยากรู้จักครอบครัวของเป๋าฮวน เธอสามารถถามเศรษฐีรุ่นสองเพื่อค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมได้

เดิมทีเธอได้ถามเศรษฐีรุ่นสองในวีแชตว่ามีบริษัทที่มีชื่อเสียงในประเทศที่มีนามสกุลว่าฮวน หรือเป๋าไหม แต่เศรษฐีรุ่นสองบอกว่าไม่มีนามสกุลทั้งสองนี้

ครอบครัวของทายาทรุ่นที่สองนั้นแข็งแกร่งมากและผู้คนที่พวกเขาเกี่ยวสัมพันธ์ด้วยดีมากๆ ดังนั้นอันเยว่จึงเชื่อคำพูดของเขา

ดังนั้น เกี่ยวกับประวัติชีวิตของเป๋าฮวน อันเยว่ยังอยู่ในสถานะครึ่งเชื่อเดียวและไม่สามารถปักใจเชื่อได้

ตอนนี้ติงเซียงกระตือรือร้นที่จะเข้าไปถาม แต่เป็นเพราะลิ้นของอันเยว่และฉินฟางฟาง สำหรับเธอตอนนี้ การเอาใจเป๋าฮวนเป็นการดีกว่าเอาใจอันเยว่

ท้ายที่สุด คนที่เป๋าฮวนรู้จักคือผู้ผลิตใหญ่อย่างเวินซือเหยี่ยน

เวินซือเหยี่ยนพูดไคำเดียว เธอสามารถเปลี่ยนจากสาวใช้เป็นตัวเอก!

ติงเซียงรู้สึกมีความสุขมาก แกล้งทำเป็นทำตามอันเยว่ และรีบย้ายไปข้างเป๋าฮวนคล้องแขนของเธอไว้

เดิมทีเป๋าฮวนยังคงคุยกับเฉียวหว่านอันอยู่ดีๆ จู่ๆแต่การกระทำแบบนี้ของติงเซียง ทำให้เธอประหลาดใจ

“มีเรื่องอะไรเหรอ? ติงเซียง” เป๋าฮวนถามด้วยความสงสัย

สำหรับอันเยว่และฉินฟางฟาง เป๋าฮวนไม่ต้องการเกี่ยวข้องพวกเธอเลย ส่วนติงเซียงตอนนี้ก็เห็นได้ชัดว่าอยู่ในกลุ่มเดียวกับพวกเธอแล้ว และเป๋าฮวนก็ไม่อยากใส่ใจพวกเธอเช่นกัน

แต่เนื่องจากมิตรภาพระหว่างเข้าค่ายฝึกเมื่อสามปีที่แล้ว เธอไม่ต้องการให้ถูกแช่แข็ง ดังนั้นเธอจึงรักษามิตรภาพแบบผิวเผิน

“ฮวนฮวน เธอไม่เคยพูดมาก่อนว่าเธอก็เป็นคุณหนูผู้สูงศักดิ์ ครอบครัวของเธอทำอะไรเหรอ?” ติงเซียงขี้เกียจอ้อมค้อมเลยถามตรงๆ

เฉียวหว่านอันยิ้มในเวลานี้ เธออยู่ในแวดวงนี้มาหลายปีแล้ว และเติบโตขึ้นมาในแวดวงนี้ เธอดูผู้หญิงอย่างติงเซียงที่ซ่อนมีดไว้ในรอยยิ้มของเธอออก

ก่อนที่เป๋าฮวนจะตอบ เฉียวหว่านอันพูดขึ้นว่า: “ฮวนฮวนคือคุณหนูใหญ่ของตระกูลเป๋า”

เฉียวหว่านอันรู้เกี่ยวกับสถานการณ์ของเป๋าฮวนแล้ว แม้ว่าพวกเขาจะเพิ่งพบกันในวันนี้ แต่ทั้งสองก็เหมือนรู้จักกันมานาน ใกล้ชิดสนิทกันอย่างรวดเร็ว

นอกจากนี้ ทั้งคู่ยังเป็นสาวที่แต่งงานแล้ว มีประสบการณ์คล้ายกันและมีหัวข้อที่คุยกันไม่รู้จบ

“เป๋าฮวน!?” ติงเซียงประหลาดใจ

เธอรู้ข่าวจากอันเยว่แล้ว ไม่มีชื่อตระกูลเป๋าที่ทรงอิทธิพลในประเทศ แต่เฉินฮวนฮวนตอนนี้ชื่อเป๋าฮวน ตระกูลเป๋าจริง แต่……

เนื่องจากไม่มีชื่อเสียงเรียงนามอะไร แล้วจะเป็นเพื่อนกับครอบครัวเวินได้อย่างไร?

หรือว่าเมื่อก่อนครอบครัวเป็นเพื่อนกัน แต่ตระกูลเป๋าถดถอยจนๆไม่มีคนแบบนั้น แต่ตระกูลเวินไม่ถือสาและยังสานสัมพันธ์ต่อหรือ?

แต่ถ้าครอบครัวของเป๋าฮวนไม่ดีพอ แล้วทำไม เป๋าฮวนถึงอาศัยอยู่ในชุมชนเดียวกับเวินซือเหยี่ยน?

เป็นเพราะสามีของเป๋าฮวนเก่งมาก หรือตระกูลเป๋ายังมีที่อยู่อาศัยระดับสูงเหลือหรือ?

ใจของติงเซียงสับสนไม่หาย

ในเวลานี้เฉียวหว่านอันเหมือนจะดูออกว่าเธอกำลังคิดอะไร เลยพูดเสริมว่า: “ครอบครัวของฮวนฮวนย้ายไปอยู่ที่ประเทศเฉิน คนในประเทศของเราไม่ค่อยรู้เรื่องนี้มากนัก ฉันก็เพิ่งรู้เรื่องนี้วันนี้ ปรากฎว่าฮวนฮวนเป็นลูกหลานราชวงศ์ขุนนาง”

“ทายาทของขุนนางแห่งราชวงศ์?” ติงเซียงประหลาดใจมากขึ้นอีก

“ใช่ ครอบครัวฮวนฮวนย้ายไปที่ประเทศเฉินแล้ว ” เฉียวหว่านอันเม้มปากและดึงเป๋าฮวนไปที่ข้างๆเธอ

ติงเซียงยืนโง่อยู่อย่างนั้น ฝืนยิ้มเจื่อนๆแต่ในใจว่างเปล่า

ลืมต้าชิงไปนานแล้ว แม้ว่าจะเป็นตระกูลสูงศักดิ์ราชวงศ์ชิงแล้วยังไง บอกว่าย้ายไปที่ประเทศเฉิน ไม่ใช่เพื่อปกปิดความเสื่อมโทรมของตระกูลหรือ?

ในเวลานี้ ทุกคนมาถึงโรงแรมและแยกย้ายกันไป

ติงเซียงกับฉินฟางฟางไปที่ห้องสูทของอันเยว่พร้อมกัน ติงเซียงและฉินฟางฟางเป็นห้องคู่ทั่วไป อย่างไรก็ตามอันเยว่เป็นนักแสดงหลักและอันเยว่มีทุนให้เบื้องหลัง จึงเตรียมห้องสวีทสุดหรูไว้ให้

ติงเซียงเป็นคนสุดท้ายที่เข้าห้อง และปิดประตูอย่างรวดเร็ว ท่าทางลับๆล่อๆพูดว่า: “ฉันสืบรู้แล้ว เฉียวหว่านอันบอกว่าเป๋าฮวนเป็นคนตระกูลเป๋าประเทศเฉิน”

“ตระกูลเป๋าประเทศเฉิน?” อันเยว่สับสนและพึมพำว่า “ประเทศเฉินอยู่ไกลจากเรามาก”

“ใช่ ประเทศเฉินอยู่ไกลมาก!” ฉินฟางฟางหัวเราะเยาะและพูดว่า “ไม่ใช่ว่าเป๋าฮวนคุยโวนะ!”

“ฉันรู้สึกไม่เหมือนว่าคุยโว” อันเยว่สงบลงและวิเคราะห์: “อย่างไรก็ตามเวินซือเหยี่ยนบอกว่าตระกูลพวกเขาเป็นเพื่อนกัน และเขาดูแลเป๋าฮวนอย่างดี สถานะของเขาอยู่นั่น ไม่จำเป็นต้องดูแลผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่ง”

“พูดถูก ฉันดูแล้วเวินซือเหยี่ยนชอบเป๋าฮวนมากด้วย ไม่แน่อาจจะตามจีบเป๋าฮวนอยู่ ก็เลยสวมหมวกสูงให้เป๋าฮวน!” ฉินฟางฟางเบ้ปาก

“เป๋าฮวนแต่งงานแล้ว เวินซือเหยี่ยนไม่จำเป็นต้องตามจีบเธอ” อันเยว่มีเหตุผลกว่า

ิติงเซียงอุทานออกมาในเวลานี้ ดึงดูดความสนใจของทั้งสอง

“ติงเซียง เธอคิดอะไรออกเหรอ?” ฉินฟางฟางถามอย่างรวดเร็ว

“เราคุยกันมาตั้งนานแล้วยังไม่รู้ตัวตนของสามีเป๋าฮวน! พวกเธอคิดว่า……เวินซือเหยี่ยนเป็นสามีของเป๋าฮวนหรือเปล่า?” ติงเซียงเดาอย่างสงสัย: “ฉันรู้ว่าเป๋าฮวนแต่งงานมานานแล้ว ตอนนั้นฉันเคยถามเกี่ยวกับสามีของเธอ แต่เธอยังคงพูดตะกุกตะกักไม่ยอมตอบ และเธอไม่กล้าที่จะเปิดเผย หรือว่า……”

ฉินฟางฟางด่าว่า: “เป็นไปได้! เหี้ย เป๋าฮวนเก่งมาก! ระหว่างเข้าค่ายฝึกยั่วยวนอาจารย์กู้ ไม่คิดว่าเวินซือเหยี่ยนจะเป็นคนที่แต่งงานกับเธอ มีฝีมือเก่งกาจมาก!”

อันเยว่ขมวดคิ้ว หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาแล้วกดหมายเลขของทายาทเศรษฐีรุ่นที่สองที่ตามจีบ แล้วถามเบาๆว่า “อาเล่ คุณรู้จักตระกูลเป๋าประเทศเฉินไหม? ประเทศเฉินมีตระกูลนี้ไหม”

หลังจากนั้นไม่กี่วินาที อันเยว่ก็ขดริมฝีปาก หาข้ออ้างวางสายและหันกลับมาพูดว่า “ฉันถามแล้ว ตระกูลในประเทศเฉินล้วนเป็นตระกูลขุนนางในท้องถิ่น และไม่มีครอบครัวผู้อพยพต่างชาติ เป็นพวกท้องถิ่นจริงๆ ในประเทศเฉินมีราชวงศ์ที่ให้ความสำคัญกับเชื้อชาติมาก ”

“บัดซบ เฉินฮวนฮวนเป็นคนโกหกหลอกลวง คุยโวโอ้อวดเสียจริง!” ฉินฟางฟางดุด่าและหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง: “คิดว่าเปลี่ยนนามสกุลแล้วจะสามารถล้างกลิ่นเหม็นคาวออกไปได้หรือ? ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า……”