บทที่ 519 คัดลอกหลี่มู่อี

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ

บทที่ 519 คัดลอกหลี่มู่อี

ยอดสมบัติต้านทานมรรคาสวรรค์!

เยี่ยมมาก!

ข้าชอบ!

หานเจวี๋ยหยิบยอดสมบัติชิ้นนี้ออกมา และเริ่มทำให้มันจดจำเจ้าของ

สะสมชิ้นส่วนมหามรรคจนถึงหกชิ้นแล้ว หินวิญญาณมรรคาสวรรค์ชิ้นใหม่ต้องมอบให้กับหนังสือแห่งความโชคร้ายอย่างแน่นอน

หลังจากทำให้มันจดจำเจ้าของสำเร็จแล้ว เขาก็ถอดอาภรณ์มหามรรคบัญชาสวรรค์ออก และเปลี่ยนไปสวมชุดคลุมมรรคนภาวิสุทธิ์แทน

ส่วนอาภรณ์มหามรรคบัญชาสวรรค์ เขาก็ยกให้กับสิงหงเสวียนไป

หานเจวี๋ยไม่รีบเร่งยกระดับหนังสือแห่งความโชคร้าย แต่เริ่มคัดลอกองครักษ์ระดับอริยะก่อน

องครักษ์อาณาเขตเต๋าสามารถเลือกได้จากแบบจำลองการทดสอบเท่านั้น ไม่สามารถเลือกตัวของหานเจวี๋ยเองได้

หานเจวี๋ยเลือกปรมาจารย์ลัญจกรสรวงเป็นคนแรก

[การดำรงอยู่เกินกว่าระดับอริยะทั่วไป]

หานเจวี๋ยอดที่จะบ่นอุบอิบไม่ได้ อริยะที่ไม่ใช่ระดับทั่วไป แล้วไม่ใช่อริยะหรืออย่างไร

ดูเหมือนว่าอริยะในที่นี้จะหมายถึงอริยะมรรคาสวรรค์

หานเจวี๋ยถามในใจเงียบๆ ‘อริยะผู้ใดที่มีคุณสมบัติสอดคล้องกับองครักษ์ระดับอริยะ และแข็งแกร่งที่สุดในมรรคาสวรรค์ตอนนี้’

[จำเป็นต้องหักต้องหักอายุขัยสี่พันล้านปี จะดำเนินการต่อหรือไม่]

ดำเนินการ!

หน้าตาของคนผู้หนึ่งปรากฏขึ้นในหัวของหานเจวี๋ย

เป็นหลี่มู่อี!

หลี่มู่อีไม่ใช่อริยะมรรคาสวรรค์ แต่ก็นับว่าเป็นอริยะทั่วไป ซึ่งออกจะแปลกอยู่บ้าง

แต่ไม่ว่าอย่างไร หานเจวี๋ยจะคอยจับตาดูหลี่มู่อีอย่างแน่นอน

ติดตรงที่ว่าในแบบจำลองการทดสอบไม่มีข้อมูลร่างต้นแบบของหลี่มู่อี เห็นทีเขาคงต้องไปเยือนชั้นฟ้าที่สามสิบสามเสียแล้ว

แต่ก่อนหน้านั้นเขาต้องแข็งแกร่งขึ้นให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้

ยกระดับพลังวิเศษมรรคกระบี่ก่อนก็แล้วกัน!

ไม่กี่เดือนต่อมา พลังวิเศษมรรคกระบี่ของหานเจวี๋ยก็ยกระดับขึ้นจนถึงระดับอริยะ เขาเริ่มบำเพ็ญร่างจำลองเสรีสุญญตาต่อทันที

ครั้งนี้ใช้เวลาทั้งสิ้นห้าสิบปี

หานเจวี๋ยฝึกฝนร่างจำลองเทพมารอีกยี่สิบห้าตน รวมทั้งสิ้นเจ็ดสิบสี่ตน

ร่างจำลองเทพมารที่เขาฝึกฝนมาทั้งหมดได้แก่ เทพมารสยบศักดา เทพมารนาวาสวรรค์ เทพมารฌานวิบัติ เทพมารสิ้นหวัง เทพมารกลืนกิน เทพมารนพจิต เทพมารจองจำ เทพมารอุปจาร เทพมารธารดารา เทพมารเขาแหลม เทพมารเกศาศักดิ์สิทธิ์ เทพมารโลภะ เทพมารสะเทือนโทสะ เทพมารมรรคสุบิน เทพมารจินตนาการ เทพมารทรราช เทพมารพันร่าง เทพมารเจ็ดกายา เทพมารเดือนดับ เทพมารลวงตา เทพมารขมขื่น เทพมารหมื่นโลกา เทพมารเพลิงวิญญาณ เทพมารมรรคาสวรรค์ เทพมารวัฏจักร

หานเจวี๋ยงุนงงกับเทพมารมรรคาสวรรค์และเทพมารวัฏจักรเป็นอย่างมาก พวกเขายังอยู่ในเทพมารสามพันตนอยู่อีกหรือ

มรรคาสวรรค์ถูกผานกู่เปลี่ยนแปลงไปแล้วไม่ใช่หรือไร

วัฏจักรก็ถูกจักรพรรดินีผืนพิภพเปลี่ยนแปลงไปแล้วนี่

เป็นไปได้หรือไม่ว่าพวกเขาเป็นเทพมารฟ้าบุพกาลที่เกิดขึ้นในภายหลัง

ถ้าเป็นเช่นนั้น จะเป็นไปได้หรือไม่ที่มรรคาสวรรค์ในปัจจุบันจะให้กำเนิดสิ่งมีชีวิตขึ้นมา และกลายเป็นเทพมารในภายหลัง

แค่คิดหานเจวี๋ยก็รู้สึกถึงอันตรายแล้ว

แต่เขาพิสูจน์มรรคเป็นอริยะสำเร็จแล้ว มีพลังพอที่จะปกป้องตนเองได้

เขาเริ่มทำแบบจำลองการทดสอบ

ฝูซีเทียน สะกดโจมตี สามารถสังหารได้ภายในครึ่งชั่วยาม!

ปัจจัยสำคัญอยู่ที่ดวงชะตามรรคาสวรรค์ ร่างจำลองเทพมารของหานเจวี๋ยสามารถกัดกินดวงชะตามรรคาสวรรค์ในตัวของฝูซีเทียนได้ เพียงแต่ต้องใช้เวลา หากปราศจากดวงชะตามรรคาสวรรค์แล้ว หานเจวี๋ยก็สามารถสังหารฝูซีเทียนได้ภายในพริบตา

หานเจวี๋ยตัดสินใจโจมตีจนสุดกำลัง

เขาท้าประลองอีกครั้ง โดยอัญเชิญร่างจำลองเทพมารทั้งหมดเจ็ดสิบสี่ตนออกมา สำแดงสารพัดพลังมหามรรครวมทั้งสิ้นเจ็ดสิบสี่ชนิด บุกเข้าสังหารอีกฝ่ายพร้อมกัน

ในที่สุดก็สังหารได้ในเสี้ยววินาที!

เยี่ยมยอด!

หานเจวี๋ยเริ่มท้าประลองปรมาจารย์ลัญจกรสรวงต่อ

ผลคือถูกสังหารอย่างเอนจอนาถภายในเสี้ยววินาที ไม่ได้ถูกสังหารภายในหนึ่งลมหายใจ แต่เป็นหนึ่งฝ่ามือ

เมื่ออยู่ต่อหน้าปรมาจารย์ลัญจกรสรวง พลังเวทของเขาก็ถูกทำลายไปในทันที ช่องว่างระหว่างพวกเขานั้นกว้างเกินไป

หานเจวี๋ยไม่เชื่อว่าธรรมะจะชนะอธรรมได้ ท้าทายปรมาจารย์ลัญจกรสรวงอย่างบ้าคลั่ง

ไม่กี่วันต่อมาเขาก็ยอมแพ้

สถิติที่ดีที่สุดคืออยู่ได้นานถึงสิบลมหายใจ แต่นั่นก็เป็นเพราะเขาเอาแต่หลบซ่อนนั่นเอง

อริยะเป็นอมตะ ประโยคนี้หมายถึงเป็นอมตะเมื่อเทียบกับสิ่งมีชีวิตทั่วไป แต่เมื่อเผชิญหน้ากับตัวตนที่อยู่ในระดับที่สูงกว่า ก็ยังสามารถถูกโจมตีจนย่อยยับได้เช่นกัน

หานเจวี๋ยถอนหายใจ และถามอย่างเงียบๆ ว่า ‘หากข้าไปยังชั้นฟ้าที่สามสิบสาม จะตายหรือไม่’

[จำเป็นต้องหักต้องหักอายุขัยสี่พันล้านปี จะดำเนินการต่อหรือไม่]

ดำเนินการ!

[หากท่านไม่ได้ล่วงเกินปรมาจารย์ลัญจกรสรวง เหล่าอริยะก็ไม่สามารถทำอะไรท่านได้]

หานเจวี๋ยครุ่นคิด

ก็ยังเสี่ยงอยู่ดี

หากปรมาจารย์ลัญจกรสรวงเกิดอยากพุ่งเป้ามาที่ตนเล่า

หานเจวี๋ยถามต่อ ’ตอนนี้ปรมาจารย์ลัญจกรสรวงมีแผนจะสังหารข้าหรือไม่’

[จำเป็นต้องหักอายุขัยหนึ่งแสนล้านปี จะดำเนินการต่อหรือไม่]

หนึ่งแสนล้านปี…

ก็สมแล้วที่เป็นเจ้า!

ดำเนินการ!

หานเจวี๋ยกัดฟันเลือก

[เบื้องต้นยังไม่มี]

หานเจวี๋ยถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก เขาลุกขึ้นยืนและหายตัวไปโผล่ที่ชั้นฟ้าที่สามสิบสามทันที

หยินหยางพิทักษ์ตะวันจันทราส่องแสงเรืองรอง สาดทับไปทั่วร่างของเขา ชุดคลุมมรรคนภาวิสุทธิ์โบกสะบัด

หานเจวี๋ยมองไปยังความโกลาหลโดยรอบ ในใจก็นึกหวาดหวั่นเป็นอย่างยิ่ง

ปรมาจารย์ลัญจกรสรวง ท่านอย่าเพิ่งวู่วามคิดจะฆ่าแกงกันตอนนี้เลยนะ!

ทันใดนั้นเอง เงาร่างแต่ละสายก็พลันปรากฏตัวขึ้นต่อหน้าหานเจวี๋ย

หลี่มู่อี เทพสูงสุดหนานจี๋ อริยะจินอัน เจ้านิกายเทียนเจวี๋ย มหาจักรพรรดิเซียว ฉิวซีไหล ฝูซีเทียน จักรพรรดินีผืนพิภพ

นอกจากอริยะมิ่งจีแล้ว อริยะที่ควรจะมา ก็มาถึงพร้อมกันหมดแล้ว

หานเจวี๋ยใช้แบบจำลองการทดสอบทันที บันทึกข้อมูลของพวกเขาทั้งหมดลงไป

หลี่มู่อีเป็นฝ่ายเอ่ยปากขึ้นมาก่อน “สหายน้อย นึกไม่ถึงเลยว่าเจ้าจะกลายเป็นอริยะได้ คงจะอาศัยปราณม่วงอนธการจากสำนักเต๋าของข้าสินะ”

เขาเป็นคนสั่งการให้เซวียนฉิงจวินไปขโมยปราณม่วงอนธการมา เพียงแต่นึกไม่ถึงว่าเขาจะสูญเสียการควบคุมปราณม่วงอนธการในภายหลัง ทำให้ตอนนี้เขาเองก็ไม่แน่ใจเช่นกัน

หานเจวี๋ยกล่าวว่า “พิสูจน์มรรคต้องใช้ปราณม่วงอนธการด้วยหรือ”

คำพูดดังกล่าวทำให้เหล่าอริยะนิ่งเงียบไป

จักรพรรดินีผืนพิภพมองประเมินหานเจวี๋ยด้วยดวงตาคู่งามสง่า

นางเดิมพันสำเร็จ!

นางรู้ว่าคุณสมบัติของหานเจวี๋ยนั้นแข็งแกร่ง แต่ก็ไม่คิดว่าจะสามารถพิสูจน์มรรคเป็นอริยะได้จริงๆ ความเร็วในการพิสูจน์มรรคของเขาช่างรวดเร็วเสียจนน่าเหลือเชื่อ

หานเจวี๋ยกล่าวเสริม “ข้าไม่มีเจตนาจะต่อสู้กับเหล่าอริยะทุกท่านเพื่อแย่งชิงดวงชะตา หวังว่าทุกท่านจะหยุดวางแผนเล่นงานข้า มิฉะนั้นอย่าโทษว่าข้าเสียมารยาท”

พูดจบ หานเจวี๋ยก็หายตัวไปทันที

อริยชนได้แต่มองหน้ากัน

หานเจวี๋ยกลับมาที่อารามเต๋า

เขาไม่อาจสัญจรไปมาในแดนเซียนได้แล้ว เขารู้สึกได้ถึงพลังต่อต้านอันทรงพลัง ราวกับจะฉีกทึ้งเขาเป็นชิ้นๆ ได้ทุกเมื่อ

พลังแห่งมรรคาสวรรค์!

หลังจากกลายเป็นอริยะแล้ว หานเจวี๋ยจึงรู้แจ้งว่ามรรคาสวรรค์นั้นอันตรายเพียงใด!

ไม่แปลกใจเลยที่บรรดาอริยะต้องทำตามกฎมรรคาสวรรค์ ไม่กล้าทำอะไรล้ำเส้น

หานเจวี๋ยเริ่มเลือกองครักษ์อาณาเขตเต๋า

เขาเลือกหลี่มู่อีทันทีโดยไม่ลังเล!

การคัดลอกนั้นต้องใช้เวลา แต่หานเจวี๋ยรอได้

เขาหยิบหนังสือแห่งความโชคร้าย และหินวิญญาณมรรคาสวรรค์ออกมา เริ่มต้นการยกระดับหนังสือแห่งความโชคร้าย

สิบปีต่อมา หนังสือแห่งความโชคร้ายก็ยกระดับสำเร็จ

[หนังสือแห่งความโชคร้ายยกระดับสำเร็จ กลายเป็นยอดสมบัติมรรคาสวรรค์]

หานเจวี๋ยยิ้มจนดวงตาเป็นเส้นโค้ง

ตบะอริยะ ทั้งยังมียอดสมบัติมรรคาสวรรค์ในมือ เขารู้สึกว่าตนสามารถสังหารอริยะได้แล้ว!

ความรู้สึกทรงพลังอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนทำให้เขาถึงขั้นนึกดูแคลนอริยะ

สุดยอด!

หานเจวี๋ยตัดสินใจยังไม่สาปแช่งใคร อริยะมิ่งจีเป็นบ้าไปแล้ว อยู่ก็เหมือนตาย ไม่เป็นภัยคุกคามแต่อย่างใด

ส่วนอริยะคนอื่น รอดูปฏิกิริยาไปก่อน

หานเจวี๋ยยืนขึ้น เตรียมตัวไปแสดงธรรมให้แก่สำนักซ่อนเร้น

ในเวลานี้เอง

[ความเกลียดชังที่อริยะจินอันมีต่อท่านเพิ่มขึ้น ระดับความเกลียดชังในขณะนี้คือ 5 ดาว]

หานเจวี๋ยตกตะลึง

เจ้าหมอนี่…

รนหาที่ตายเสียแล้ว!

หานเจวี๋ยไม่ได้ลงมือสาปแช่งทันทีเพราะจะถูกเปิดเผยตัวตนได้ง่าย ออกไปแสดงธรรมเสียก่อน รอให้เวลาผ่านไปสักระยะแล้วค่อยสาปแช่ง

“เราจะแสดงธรรม ศิษย์สำนักซ่อนเร้นทั้งหลายจงมาสดับมรรค!”

เสียงของหานเจวี๋ยดังกึกก้องทั่วเขตเซียนร้อยคีรี

เหล่าศิษย์ทุกคนตื่นเต้นกันยกใหญ่ และในที่สุดการแสดงธรรมที่รอคอยก็มาถึง!

ชั้นฟ้าที่สามสิบสาม

ภายในพระราชวังอันมืดมิด มีกระจกบานหนึ่งแขวนอยู่เบื้องหน้าของอริยะจินอัน ในกระจกมีเงาของคนผู้หนึ่ง ใบหน้านั้นเลือนราง

“อริยะคนใหม่นี้ช่างน่าสงสัยนัก อีกทั้งยังเป็นตัวแปรที่บรรพชนเต๋าแต่งตั้งมา จะต้องขัดขวางภารกิจใหญ่ของเราเป็นแน่ ต้องคิดหาทางขับไล่เขาออกไปจากมรรคาสวรรค์โดยเร็ว หากจะให้ดีต้องส่งตัวเขาไปยังแดนเทพหวนปัจฉิมให้ได้”

เสียงแหบพร่าเล็กน้อยแว่วออกมาจากกระจก

………………………………………………..