เมื่อได้ยินสิ่งที่ลู่โจวพูดหลิวเก้อก็นึกอะไรขึ้นได้ “ก่อนที่ข้าจะขึ้นมาบนหุบเขา สาวกของท่านได้บอกว่าท่านจะเก็บตัวฝึกฝนตัวเองเป็นเวลา 5 เดือนด้วยกัน ในตอนนี้เวลาก็ได้ผ่านไปกว่า 3 เดือนแล้ว ยังเหลือเวลาอีก 2 เดือน…ข้าอยากจะรบกวนพี่จี เมื่อเวลา 2 เดือนมาถึงข้าอยากที่จะมาเยี่ยมเยียนศาลาปีศาจลอยฟ้าอีกสักครั้งจะได้ไหม”
ลู่โจวที่ได้ฟังหลิวเก้อได้ใช้ความคิดอยู่ภายในใจ‘เจ้านี่ก็แค่พยายามจะมาก็เท่านั้น ทำไมฉันถึงต้องเดินไปตามหมากของตาแก่นี่ด้วย เจ้านี่ก็เป็นแค่เพียงอดีตจักรพรรดิผู้เป็นอดีตไปแล้วก็เท่านั้น…’
“เจ้าจะไม่วิงวอนให้ลูกชายของเจ้าในตอนอยู่ที่นี่อย่างงั้นเหรอ”ทันทีที่ลู่โจวรู้ว่าหลิวเก้อมา ตัวเขาก็ได้สันนิษฐานไว้แล้วว่าชายคนนี้กำลังมาข้อร้องอ้อนวอนแทนหลิวกู่ ท้ายที่สุดแล้วสำนักอเวจีก็เป็นดั่งดวงตะวันที่ร้อนแรง เมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์และราชสำนักจะต้องถูกสำนักอเวจีคุกคามไม่วันใดก็วันหนึ่ง
หลิวเก้อส่ายหัว“ข้าน่ะวางมือไปแล้ว ข้าจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องของราชสำนักอีก หลิวกู่เป็นลูกชายข้า ในขณะที่ยู่เฉิงไห่ก็เป็นศิษย์คนแรกของท่าน ในตอนนี้มันถึงยุคของคนหนุ่มสาวแล้วล่ะ”
ลู่โจวเหลือบมองไปที่กล่องของผู้คุ้มกันมันเป็นกล่องที่ถูกทิ้งเอาไว้ที่ด้านหลังของหลิวเก้อ แม้ว่าลวดลายบนกล่องจะดูไม่ชัดเจนเท่าไหร่ แต่ลู่โจวก็รู้ได้ทันทีว่ามันเหมือนกับลวดลายบนชุดเกราะ ดวงตาของลู่โจวเบิกกว้างขึ้นมา “ถ้าหากเช่นนั้นไว้อีกสองเดือนไว้พบกัน” ถ้าหากจะพูดอีกนัยหนึ่ง ลู่โจวต้องการที่จะให้หลิวเก้อนำกล่องที่พกมากลับไปด้วย
สุดยอดฝีมือลึกลับผู้เป็นเจ้าของโลงศพและตำราลึกลับได้กระตุ้นความอยากรู้อยากเห็นของลู่โจวแต่ถึงแบบนั้นตัวเขาก็ไม่รู้ว่าคริสตัลแห่งความทรงจำของตัวเองมันอยู่ที่ไหน คริสตัลนั่นมีความทรงจำเกี่ยวกับเรื่องของพลังอวตารดอกบัวเก้ากลีบอยู่ ใครจะรู้กันว่าจีเทียนเด๋าเคยได้ติดต่อกับสุดยอดฝีมือในอดีตไหม ลู่โจวจะไม่มีทางปล่อยให้เบาะแสล้ำค่าแบบนี้ต้องหลุดมือไป
แต่น่าเสียดายที่ผู้อาวุโสทั้งสี่ของศาลาปีศาจลอยฟ้าได้ตัดดอกบัวทองคำของตัวเองไปแล้วพวกเขาจะต้องฝึกฝนตัวเองใหม่ ดังนั้นในบรรดาผู้อาวุโสคงจะไม่มีใครเอาชนะชู่เฉิงและกู่ยี่หรานได้
ลู่โจวยังอยากที่จะทำสมาธิกับคัมภีร์โลกาเพื่อรอที่จะปลดล็อกพลังต่อไปให้ได้การทำสมาธิของเขาดูเหมือนจะไม่ได้เพิ่มพลังวิเศษให้กับคัมภีร์ส่วนมนุษย์ คัมภีร์ส่วนแรกได้ ฟังก์ชันอื่นๆ ของระบบเองก็ยังคงถูกปิดการใช้งานอยู่
“ก็คงต้องเป็นแบบนั้น!หวังว่าท่านจะรักษาสัญญานี้ พี่จี” หลิวเก้อตอบกลับ
“หลิวเก้อข้าจะแนะนำอะไรเจ้าไว้สักอย่าง”
“อะไรอย่างงั้นเหรอพี่จี”
“อย่าได้คิดว่าตัวเองสูงส่งจนเกินไป”หลังจากที่พูดจบลู่โจวก็หันกลับไปก่อนจะพูดออกมาอย่างเสียงดัง “ส่งแขกพวกเราซะ!”
เมื่อได้ยินเช่นนั้นหมิงซี่หยินก็ได้พาทั้งสามคนลงจากภูเขาไป“ข้าบอกแล้วว่าอาจารย์ของข้ากำลังฝึกฝนตัวเองอยู่”
หลิวเก้อชู่เฉิง กู่ยี่หราน และผู้คุ้มกันของอดีตจักรพรรดิทั้งหมดได้ออกจากม่านพลังไป
“มันก็ไม่ได้สูญเปล่าไปซะทีเดียวการได้พบอาจารย์ของเจ้าได้ทำให้ข้าทำเป้าหมายได้สำเร็จ ในตอนนี้ข้าได้บอกสิ่งที่ข้าคิดกับเขาแล้ว” หลิวเก้อตอบกลับมา
หมิงซี่หยินมองไปที่หลิวเก้อตัวเขาถึงกับพูดไม่ออก ‘เจ้าแก่นี่ปลอบใจตัวเองเก่งชะมัด’ ตัวเขาไม่เลือกที่จะตอบโต้อะไรก่อนจะบินกลับไปยังศาลาปีศาจลอยฟ้า
เมื่อหมิงซี่หยินจากไปชู่เฉิงก็กระอักเลือดออกมาเฮือกใหญ่ ที่ใบหน้าของเขามันเต็มไปด้วยหยาดเหงื่อ
หลิวเก้อขมวดคิ้วเล็กน้อย“เก้ากลีบอย่างงั้นเหรอ”
ชู่เฉิงรีบสกัดจุดพลังลมปราณของตัวเองเอาไว้“ข้าเองก็ไม่แน่ใจ แต่ฝ่ามือสละปัญญาของเขาอาจจะทำลายล้างโลกได้”
กู่ยี่หรานได้ถามออกมาด้วยความสงสัย“ฝ่าบาท ทำไมท่านถึงได้สงสัยว่าเขาไม่ใช่ผู้ฝึกยุทธผู้มีพลังอวตารดอกบัวเก้ากลีบกันล่ะ”
มีข่าวลือแพร่กันอย่างหนาหูว่าปรมาจารย์แห่งศาลาปีศาจลอยฟ้า จีเทียนเด๋าเป็นผู้มีพลังอวตารดอกบัวเก้ากลีบ มีเพียงหลิวเก้อคนเดียวเท่านั้นที่ไม่เชื่อเรื่องนี้
หลิวเก้อเอามือไขว้หลังก่อนที่จะตอบกลับ“ข้าบอกเอาไว้ว่าพลังอวตารดอกบัวเก้ากลีบจะทำให้เกิดหายนะ…เนื่องจากตอนนี้ยังไม่เกิดหายนะ ข้าจึงไม่คิดว่ามีใครจะมีพลังอวตารดอกบัวเก้ากลีบได้”
“ผู้มีพลังอวตารดอกบัวเก้ากลีบจอมปลอมอย่างงั้นเหรอ”ชู่เฉิงดูหวาดกลัว “แต่ขีดจำกัดอันยิ่งใหญ่ของเขาน่าจะหมดลงแล้ว แต่ถึงแบบนั้นจีเทียนเด๋าก็ยังมีชีวิตอยู่! พวกเราจะอธิบายเรื่องนี้กันได้อย่างไร?”
กู่ยี่หรานพูด“ฝ่าบาท ท่านกำลังจะบอกว่าจีเทียนเด๋ามีพลังวรยุทธระหว่างผู้มีพลังอวตารดอกบัวแปดกลีบและผู้มีพลังอวตารดอกบัวเก้ากลีบอยู่ ถูกต้องหรือไม่ฝ่าบาท”
หลิวเก้อยิ้มอย่างมีความหมาย“ข้าจะรอเวลาสองเดือน…ไม่ว่าเขาจะเป็นผู้มีพลังตัวจริงหรือไม่ก็ตาม ข้าจะทำให้คนทั้งโลกต้องกระจ่างเอง”
“ฝ่าบาทท่านจะต่อสู้กับผู้มีพลังอวตารดอกบัวเก้ากลีบอย่างงั้นเหรอ”
หลิวเก้อโบกมือเหล่าผู้คุ้มกันเดินไปด้านหน้า พวกเขาที่มาที่นี่ไม่ได้เปิดกล่องที่พกติดตัวมาด้วย
ชู่เฉิงคาดการณ์ออกมาดังๆ“เป็นไปได้ไหมว่าสมบัติที่อยู่ในนั้นจะสามารถตรวจจับและทำลายผู้ที่มีพลังอวตารดอกบัวเก้ากลีบได้” สีหน้าอันตื่นตกใจได้ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของชู่เฉิง “ถ้าหากเป็นแบบนั้นจริงทำไมฝ่าบาทถึงไม่ทำอะไรตั้งแต่ตอนนั้นเลยล่ะ? เหตุใดถึงได้เห็นด้วยกับเวลาสองเดือนของจีเทียนเด๋ากันด้วย?”
“ชู่เฉิง”หลิวเก้อหยุดเดินกะทันหัน
“พ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท”
“เจ้าจะพูดมากเกินไปแล้วนะ”เสียงของหลิวเก้อฟังดูลึกล้ำ
“โปรดประทานอภัยให้ข้าด้วยฝ่าบาท!” ในขณะที่ชู่เฉิงโค้งคำนับ ตัวเขาก็ไม่กล้าที่จะพูดอีกต่อไป
ในขณะเดียวกันกู่ยี่หรานได้เดินตามหลังก่อนที่ทุกคนจะเดินจากไปอย่างเงียบๆ
…
หนึ่งเดือนผ่านไปในชั่วพริบตา
ที่ก้นบึ้งของหุบเหวไร้นามณ ป่าที่เต็มไปด้วยแสงจันทร์ ใครคนหนึ่งได้ทำลายพื้นผิวของทะเลสาบก่อนที่จะบินไปบนอากาศ..
เมื่อคนคนนั้นอยู่บนท้องฟ้าพลังงานก็พลุ่งพล่านไปทั่วร่างกาย พลังนั้นได้ทำให้ตัวและเส้นผมของนางแห้งสนิท
ยี่เทียนซินกำลังลอยอยู่บนอากาศก่อนที่จะเหลือบมองไปที่เฉิงกวางที่นอนอยู่ไกลๆนางได้เรียกเฉิงกวางด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า “เจ้าเฉิง”
เฉิงกวางไม่ได้สนใจอะไรนาง
“เจ้าบ้าไปแล้วอย่างงั้นเหรอมาเถอะเจ้าเฉิงกวาง…ปกป้องข้า”
เฉิงกวางเงยหน้าขึ้นดวงตาอันใหญ่ยักษ์ของมันจับจ้องไปที่ยี่เทียนซินที่กำลังลอยอยู่ มันสะบัดหางก่อนที่จะสร้างลมกระโชกแรงขึ้น
ยี่เทียนซินที่โดนแรงลมต้องบินสูงขึ้นไปอีก“เจ้านี่ใจแคบซะจริง”
ซู่วว!
นางได้เรียกพลังอวตารของตัวเองออกมาเมื่อได้มองกลีบดอกบัวที่ส่องแสงทั้งเจ็ด นางก็เกือบคิดว่าเรื่องนี้เป็นเพียงความฝัน ในอดีตนางไม่เคยคิดมาก่อนว่าตัวเองจะฝึกฝนจนมีพลังอวตารดอกบัวเจ็ดกลีบเช่นนี้ได้ ในตอนนี้นางได้ฝึกฝนจนตัวเองมีพลังอวตารดอกบัวเจ็ดกลีบมาได้ครึ่งทางแล้ว เหลืออีกแค่ขั้นเดียวเท่านั้นนางก็จะมีพลังอวตารดอกบัวแปดกลีบ
ยี่เทียนซินมองลงไปในทะเลสาบที่ลึกลับแม้ว่านางจะไม่รู้ว่าทำไม แต่นางก็มั่นใจเลยว่าน้ำในทะเลสาบจะต้องมีความพิเศษบางอย่างอยู่
มันมีพลังวิเศษบางอย่างที่ช่วยทำให้พลังวรยุทธที่นางมีพัฒนาขึ้นมาอย่างก้าวกระโดดยี่เทียนซินได้ฝึกฝนอยู่ในทะเลสาบโดยที่ไม่เคยโผล่พ้นน้ำออกมาแม้แต่ก้าวเดียว
เฉิงกวางเป็นผู้เฝ้ามองและไม่เคยทอดทิ้งนาง
เมื่อเวลาผ่านไปยี่เทียนซินก็คุ้นชินกับสถานที่แห่งนี้คุ้นชินกับเฉิงกวาง
เฉินกวางมองดูนางเค้นพลังลมปราณไปที่ร่างอวตารของตัวเองอีกครั้ง
ยี่เทียนซินได้พูดออกมาพร้อมรอยยิ้ม“อย่าได้กะพริบตาซะล่ะ!”
ซู่วว!ซู่วว! ซู่วว!
พลังจำนวนมากได้ไหลลงมาที่ด้านบนดอกบัวทองคำเมื่อการโคจรพลังผ่านไปได้สองชั่วโมง กลีบดอกบัวกลีบใหม่ก็ยังไม่มีวี่แววที่จะปรากฏขึ้น แต่อย่างไรก็ตามยี่เทียนซินก็ยังคงโคจรพลังลมปราณต่อ บางทีอาจเป็นเพราะนางต้องติดอยู่ในก้นบึ้งมาขอบเหวนานจึงทำให้นางไม่ได้โหยหาอะไรโลกภายนอก ยี่เทียนซินจึงไม่ได้รีบร้อนอะไรที่จะสร้างกลีบดอกบัวกลีบที่แปดออกมา
พลังจำนวนมากยังคงโคจรมาอย่างไม่หยุดยั้ง
อาจเป็นเพราะจิตใจที่สงบนิ่งของนางจึงทำให้การผลิกลีบดอกบัวกลีบใหม่เป็นไปได้อย่างราบรื่น
พลังอวตารดอกบัวแปดกลีบถือเป็นจุดสูงสุดของโลกยุทธภพ
หลังจากที่ผ่านไปสี่ชั่วโมงในที่สุดนางก็สัมผัสอะไรบางอย่างได้
กลีบดอกบัวกลีบที่แปดกำลังผลิบานอยู่บนดอกบัวทองคำของนางพลังอวตารของยี่เทียนซินที่มีขยายขนาดใหญ่ขึ้นจนสูง 100 ฟุต ดอกทองคำแปดกลีบของนางกำลังส่องประกายด้วยแสงสีทอง
ยี่เทียนซินเบิกตากว้างก่อนที่จะกระโดดโลดเต้นด้วยความปีติยินดี“เจ้าเฉิง ตอนนี้ข้าเป็นผู้มีพลังอวตารดอกบัวแปดกลีบแล้ว!”
เฉิงกวางเห่าหอนตอบกลับมามันเป็นการเห่าหอนที่ราวกับมันกำลังแสดงความยินดีให้กับความสำเร็จของนาง
ยี่เทียนซินมองดูกลีบดอกบัวทั้งแปดบนดอกบัวทองคำของตัวเอง…ทุกอย่างที่นางเห็นดูราวกับฝันไป
นางกะพริบตาดวงโตก่อนที่จะมองดูกลีบดอกบัวทั้งหมดในเวลาเดียวกันตัวนางก็คิดถึงวิธีกลับสู่โลกภายนอกอีกครั้ง ในตอนนี้นางแข็งแกร่งเพียงพอแล้วมันจึงเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่นางจะคิดถึงดินแดนหยานที่จากมา
ยี่เทียนซินบินไปตามทางพร้อมกับพลังอวตารของนางเพียงแค่ชั่วพริบตาเท่านั้นนางก็ลอยไปไกลถึง 100 เมตรแล้ว เมื่อมองไปรอบตัวยี่เทียนซินก็ยังคงไม่เห็นจุดสิ้นสุด เมื่อสัมผัสถึงพลังใหม่ที่เพิ่มมากขึ้นทำให้ยี่เทียนซินอดไม่ได้ที่จะดีใจ เพื่อที่จะขับไล่เหล่าสัตว์ร้ายยี่เทียนซินจึงตะโกนขึ้น
คลื่นเสียงของนางได้แผ่ออกไปทั่วตัวมันได้ทำให้สัตว์ร้ายที่บินอยู่บนอากาศไม่กล้าเข้าใกล้
มีเพียงสัตว์ร้ายบางชนิดเท่านั้นที่ไม่กลัวพลังของยี่เทียนซินอันที่จริงพลังอวตารที่สูงกว่า 100 ฟุตของนางก็เพียงพอแล้วที่จะขับไล่สัตว์ร้ายจำนวนมากไม่ให้เข้าใกล้
ยี่เทียนซินบินไปทางกำแพงของหน้าผานางกำลังมองไปบนหน้าผาที่ไม่อาจเห็นขอบเขตได้
ในตอนนี้เฉิงกวางได้ลุกก่อนจะวิ่งตามนางแล้วเมื่อมันวิ่งมาถึงด้านหน้ายี่เทียนซินมันก็นั่งลง แม้ว่าจะนั่งแต่เฉิงกวางก็มีขนาดสูงเท่ากับนาง
ยี่เทียนซินพูดกับเฉิงกวาง“เจ้าเฉิง ข้าจะออกจากหุบเหวนี้!”
เฉิงกวางเหลือบมองไปที่ทะเลสาบมันไม่ได้พยักหน้าหรือส่ายหัวแม้แต่น้อย
ยี่เทียนซินที่เห็นแบบนั้นก็ได้แต่สงสัย“เจ้าต้องการให้ข้าลองฝึกให้ถึงพลังอวตารดอกบัวเก้ากลีบอย่างงั้นเหรอ”
เฉิงกวางไม่ได้ขยับไปไหน
“เจ้าจะบ้ารึเปล่าการที่จะไปถึงขั้นนั้นได้ไม่ใช่เรื่องง่าย ในตอนนี้ข้ามีความสุขกับพลังอวตารดอกบัวแปดกลีบแล้ว”
เฉิงกวางคำราม
น่าเสียดายที่ยี่เทียนซินไม่อาจเข้าใจความหมายของมันได้
“ไปกันเถอะ…พวกเราขึ้นไปกัน”ยี่เทียนซินบินไปที่หลังของเฉิงกวาง
เฉิงกวางได้ผลักอุ้งเท้าของสี่ของมันก่อนจะพุ่งตัวสูงขึ้นมันได้พุ่งตัวราวกับลูกศรที่พุ่งผ่านทะเลหมอกอย่างรวดเร็ว