ตอนที่ 540 สองเดือน

My Disciples Are All Villains

เมื่อได้ยินสิ่งที่ลู่โจวพูดหลิวเก้อก็นึกอะไรขึ้นได้ “ก่อนที่ข้าจะขึ้นมาบนหุบเขา สาวกของท่านได้บอกว่าท่านจะเก็บตัวฝึกฝนตัวเองเป็นเวลา 5 เดือนด้วยกัน ในตอนนี้เวลาก็ได้ผ่านไปกว่า 3 เดือนแล้ว ยังเหลือเวลาอีก 2 เดือน…ข้าอยากจะรบกวนพี่จี เมื่อเวลา 2 เดือนมาถึงข้าอยากที่จะมาเยี่ยมเยียนศาลาปีศาจลอยฟ้าอีกสักครั้งจะได้ไหม”
  ลู่โจวที่ได้ฟังหลิวเก้อได้ใช้ความคิดอยู่ภายในใจ‘เจ้านี่ก็แค่พยายามจะมาก็เท่านั้น ทำไมฉันถึงต้องเดินไปตามหมากของตาแก่นี่ด้วย เจ้านี่ก็เป็นแค่เพียงอดีตจักรพรรดิผู้เป็นอดีตไปแล้วก็เท่านั้น…’
  “เจ้าจะไม่วิงวอนให้ลูกชายของเจ้าในตอนอยู่ที่นี่อย่างงั้นเหรอ”ทันทีที่ลู่โจวรู้ว่าหลิวเก้อมา ตัวเขาก็ได้สันนิษฐานไว้แล้วว่าชายคนนี้กำลังมาข้อร้องอ้อนวอนแทนหลิวกู่ ท้ายที่สุดแล้วสำนักอเวจีก็เป็นดั่งดวงตะวันที่ร้อนแรง เมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์และราชสำนักจะต้องถูกสำนักอเวจีคุกคามไม่วันใดก็วันหนึ่ง
  หลิวเก้อส่ายหัว“ข้าน่ะวางมือไปแล้ว ข้าจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องของราชสำนักอีก หลิวกู่เป็นลูกชายข้า ในขณะที่ยู่เฉิงไห่ก็เป็นศิษย์คนแรกของท่าน ในตอนนี้มันถึงยุคของคนหนุ่มสาวแล้วล่ะ”
  ลู่โจวเหลือบมองไปที่กล่องของผู้คุ้มกันมันเป็นกล่องที่ถูกทิ้งเอาไว้ที่ด้านหลังของหลิวเก้อ แม้ว่าลวดลายบนกล่องจะดูไม่ชัดเจนเท่าไหร่ แต่ลู่โจวก็รู้ได้ทันทีว่ามันเหมือนกับลวดลายบนชุดเกราะ ดวงตาของลู่โจวเบิกกว้างขึ้นมา “ถ้าหากเช่นนั้นไว้อีกสองเดือนไว้พบกัน” ถ้าหากจะพูดอีกนัยหนึ่ง ลู่โจวต้องการที่จะให้หลิวเก้อนำกล่องที่พกมากลับไปด้วย
  สุดยอดฝีมือลึกลับผู้เป็นเจ้าของโลงศพและตำราลึกลับได้กระตุ้นความอยากรู้อยากเห็นของลู่โจวแต่ถึงแบบนั้นตัวเขาก็ไม่รู้ว่าคริสตัลแห่งความทรงจำของตัวเองมันอยู่ที่ไหน คริสตัลนั่นมีความทรงจำเกี่ยวกับเรื่องของพลังอวตารดอกบัวเก้ากลีบอยู่ ใครจะรู้กันว่าจีเทียนเด๋าเคยได้ติดต่อกับสุดยอดฝีมือในอดีตไหม ลู่โจวจะไม่มีทางปล่อยให้เบาะแสล้ำค่าแบบนี้ต้องหลุดมือไป
  แต่น่าเสียดายที่ผู้อาวุโสทั้งสี่ของศาลาปีศาจลอยฟ้าได้ตัดดอกบัวทองคำของตัวเองไปแล้วพวกเขาจะต้องฝึกฝนตัวเองใหม่ ดังนั้นในบรรดาผู้อาวุโสคงจะไม่มีใครเอาชนะชู่เฉิงและกู่ยี่หรานได้
  ลู่โจวยังอยากที่จะทำสมาธิกับคัมภีร์โลกาเพื่อรอที่จะปลดล็อกพลังต่อไปให้ได้การทำสมาธิของเขาดูเหมือนจะไม่ได้เพิ่มพลังวิเศษให้กับคัมภีร์ส่วนมนุษย์ คัมภีร์ส่วนแรกได้ ฟังก์ชันอื่นๆ ของระบบเองก็ยังคงถูกปิดการใช้งานอยู่
  “ก็คงต้องเป็นแบบนั้น!หวังว่าท่านจะรักษาสัญญานี้ พี่จี” หลิวเก้อตอบกลับ
  “หลิวเก้อข้าจะแนะนำอะไรเจ้าไว้สักอย่าง”
  “อะไรอย่างงั้นเหรอพี่จี”
  “อย่าได้คิดว่าตัวเองสูงส่งจนเกินไป”หลังจากที่พูดจบลู่โจวก็หันกลับไปก่อนจะพูดออกมาอย่างเสียงดัง “ส่งแขกพวกเราซะ!”
  เมื่อได้ยินเช่นนั้นหมิงซี่หยินก็ได้พาทั้งสามคนลงจากภูเขาไป“ข้าบอกแล้วว่าอาจารย์ของข้ากำลังฝึกฝนตัวเองอยู่”
  หลิวเก้อชู่เฉิง กู่ยี่หราน และผู้คุ้มกันของอดีตจักรพรรดิทั้งหมดได้ออกจากม่านพลังไป
  “มันก็ไม่ได้สูญเปล่าไปซะทีเดียวการได้พบอาจารย์ของเจ้าได้ทำให้ข้าทำเป้าหมายได้สำเร็จ ในตอนนี้ข้าได้บอกสิ่งที่ข้าคิดกับเขาแล้ว” หลิวเก้อตอบกลับมา
  หมิงซี่หยินมองไปที่หลิวเก้อตัวเขาถึงกับพูดไม่ออก ‘เจ้าแก่นี่ปลอบใจตัวเองเก่งชะมัด’ ตัวเขาไม่เลือกที่จะตอบโต้อะไรก่อนจะบินกลับไปยังศาลาปีศาจลอยฟ้า
  เมื่อหมิงซี่หยินจากไปชู่เฉิงก็กระอักเลือดออกมาเฮือกใหญ่ ที่ใบหน้าของเขามันเต็มไปด้วยหยาดเหงื่อ
  หลิวเก้อขมวดคิ้วเล็กน้อย“เก้ากลีบอย่างงั้นเหรอ”
  ชู่เฉิงรีบสกัดจุดพลังลมปราณของตัวเองเอาไว้“ข้าเองก็ไม่แน่ใจ แต่ฝ่ามือสละปัญญาของเขาอาจจะทำลายล้างโลกได้”
  กู่ยี่หรานได้ถามออกมาด้วยความสงสัย“ฝ่าบาท ทำไมท่านถึงได้สงสัยว่าเขาไม่ใช่ผู้ฝึกยุทธผู้มีพลังอวตารดอกบัวเก้ากลีบกันล่ะ”
  มีข่าวลือแพร่กันอย่างหนาหูว่าปรมาจารย์แห่งศาลาปีศาจลอยฟ้า จีเทียนเด๋าเป็นผู้มีพลังอวตารดอกบัวเก้ากลีบ มีเพียงหลิวเก้อคนเดียวเท่านั้นที่ไม่เชื่อเรื่องนี้
  หลิวเก้อเอามือไขว้หลังก่อนที่จะตอบกลับ“ข้าบอกเอาไว้ว่าพลังอวตารดอกบัวเก้ากลีบจะทำให้เกิดหายนะ…เนื่องจากตอนนี้ยังไม่เกิดหายนะ ข้าจึงไม่คิดว่ามีใครจะมีพลังอวตารดอกบัวเก้ากลีบได้”
  “ผู้มีพลังอวตารดอกบัวเก้ากลีบจอมปลอมอย่างงั้นเหรอ”ชู่เฉิงดูหวาดกลัว “แต่ขีดจำกัดอันยิ่งใหญ่ของเขาน่าจะหมดลงแล้ว แต่ถึงแบบนั้นจีเทียนเด๋าก็ยังมีชีวิตอยู่! พวกเราจะอธิบายเรื่องนี้กันได้อย่างไร?”
  กู่ยี่หรานพูด“ฝ่าบาท ท่านกำลังจะบอกว่าจีเทียนเด๋ามีพลังวรยุทธระหว่างผู้มีพลังอวตารดอกบัวแปดกลีบและผู้มีพลังอวตารดอกบัวเก้ากลีบอยู่ ถูกต้องหรือไม่ฝ่าบาท”
  หลิวเก้อยิ้มอย่างมีความหมาย“ข้าจะรอเวลาสองเดือน…ไม่ว่าเขาจะเป็นผู้มีพลังตัวจริงหรือไม่ก็ตาม ข้าจะทำให้คนทั้งโลกต้องกระจ่างเอง”
  “ฝ่าบาทท่านจะต่อสู้กับผู้มีพลังอวตารดอกบัวเก้ากลีบอย่างงั้นเหรอ”
  หลิวเก้อโบกมือเหล่าผู้คุ้มกันเดินไปด้านหน้า พวกเขาที่มาที่นี่ไม่ได้เปิดกล่องที่พกติดตัวมาด้วย
  ชู่เฉิงคาดการณ์ออกมาดังๆ“เป็นไปได้ไหมว่าสมบัติที่อยู่ในนั้นจะสามารถตรวจจับและทำลายผู้ที่มีพลังอวตารดอกบัวเก้ากลีบได้” สีหน้าอันตื่นตกใจได้ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของชู่เฉิง “ถ้าหากเป็นแบบนั้นจริงทำไมฝ่าบาทถึงไม่ทำอะไรตั้งแต่ตอนนั้นเลยล่ะ? เหตุใดถึงได้เห็นด้วยกับเวลาสองเดือนของจีเทียนเด๋ากันด้วย?”
  “ชู่เฉิง”หลิวเก้อหยุดเดินกะทันหัน
  “พ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท”
  “เจ้าจะพูดมากเกินไปแล้วนะ”เสียงของหลิวเก้อฟังดูลึกล้ำ
  “โปรดประทานอภัยให้ข้าด้วยฝ่าบาท!” ในขณะที่ชู่เฉิงโค้งคำนับ ตัวเขาก็ไม่กล้าที่จะพูดอีกต่อไป
  ในขณะเดียวกันกู่ยี่หรานได้เดินตามหลังก่อนที่ทุกคนจะเดินจากไปอย่างเงียบๆ
  …
  หนึ่งเดือนผ่านไปในชั่วพริบตา
  ที่ก้นบึ้งของหุบเหวไร้นามณ ป่าที่เต็มไปด้วยแสงจันทร์ ใครคนหนึ่งได้ทำลายพื้นผิวของทะเลสาบก่อนที่จะบินไปบนอากาศ..
  เมื่อคนคนนั้นอยู่บนท้องฟ้าพลังงานก็พลุ่งพล่านไปทั่วร่างกาย พลังนั้นได้ทำให้ตัวและเส้นผมของนางแห้งสนิท
  ยี่เทียนซินกำลังลอยอยู่บนอากาศก่อนที่จะเหลือบมองไปที่เฉิงกวางที่นอนอยู่ไกลๆนางได้เรียกเฉิงกวางด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า “เจ้าเฉิง”
  เฉิงกวางไม่ได้สนใจอะไรนาง
  “เจ้าบ้าไปแล้วอย่างงั้นเหรอมาเถอะเจ้าเฉิงกวาง…ปกป้องข้า”
  เฉิงกวางเงยหน้าขึ้นดวงตาอันใหญ่ยักษ์ของมันจับจ้องไปที่ยี่เทียนซินที่กำลังลอยอยู่ มันสะบัดหางก่อนที่จะสร้างลมกระโชกแรงขึ้น
  ยี่เทียนซินที่โดนแรงลมต้องบินสูงขึ้นไปอีก“เจ้านี่ใจแคบซะจริง”
  ซู่วว!
  นางได้เรียกพลังอวตารของตัวเองออกมาเมื่อได้มองกลีบดอกบัวที่ส่องแสงทั้งเจ็ด นางก็เกือบคิดว่าเรื่องนี้เป็นเพียงความฝัน ในอดีตนางไม่เคยคิดมาก่อนว่าตัวเองจะฝึกฝนจนมีพลังอวตารดอกบัวเจ็ดกลีบเช่นนี้ได้ ในตอนนี้นางได้ฝึกฝนจนตัวเองมีพลังอวตารดอกบัวเจ็ดกลีบมาได้ครึ่งทางแล้ว เหลืออีกแค่ขั้นเดียวเท่านั้นนางก็จะมีพลังอวตารดอกบัวแปดกลีบ
  ยี่เทียนซินมองลงไปในทะเลสาบที่ลึกลับแม้ว่านางจะไม่รู้ว่าทำไม แต่นางก็มั่นใจเลยว่าน้ำในทะเลสาบจะต้องมีความพิเศษบางอย่างอยู่
  มันมีพลังวิเศษบางอย่างที่ช่วยทำให้พลังวรยุทธที่นางมีพัฒนาขึ้นมาอย่างก้าวกระโดดยี่เทียนซินได้ฝึกฝนอยู่ในทะเลสาบโดยที่ไม่เคยโผล่พ้นน้ำออกมาแม้แต่ก้าวเดียว
  เฉิงกวางเป็นผู้เฝ้ามองและไม่เคยทอดทิ้งนาง
  เมื่อเวลาผ่านไปยี่เทียนซินก็คุ้นชินกับสถานที่แห่งนี้คุ้นชินกับเฉิงกวาง
  เฉินกวางมองดูนางเค้นพลังลมปราณไปที่ร่างอวตารของตัวเองอีกครั้ง
  ยี่เทียนซินได้พูดออกมาพร้อมรอยยิ้ม“อย่าได้กะพริบตาซะล่ะ!”
  ซู่วว!ซู่วว! ซู่วว!
  พลังจำนวนมากได้ไหลลงมาที่ด้านบนดอกบัวทองคำเมื่อการโคจรพลังผ่านไปได้สองชั่วโมง กลีบดอกบัวกลีบใหม่ก็ยังไม่มีวี่แววที่จะปรากฏขึ้น แต่อย่างไรก็ตามยี่เทียนซินก็ยังคงโคจรพลังลมปราณต่อ บางทีอาจเป็นเพราะนางต้องติดอยู่ในก้นบึ้งมาขอบเหวนานจึงทำให้นางไม่ได้โหยหาอะไรโลกภายนอก ยี่เทียนซินจึงไม่ได้รีบร้อนอะไรที่จะสร้างกลีบดอกบัวกลีบที่แปดออกมา
  พลังจำนวนมากยังคงโคจรมาอย่างไม่หยุดยั้ง
  อาจเป็นเพราะจิตใจที่สงบนิ่งของนางจึงทำให้การผลิกลีบดอกบัวกลีบใหม่เป็นไปได้อย่างราบรื่น
  พลังอวตารดอกบัวแปดกลีบถือเป็นจุดสูงสุดของโลกยุทธภพ
  หลังจากที่ผ่านไปสี่ชั่วโมงในที่สุดนางก็สัมผัสอะไรบางอย่างได้
  กลีบดอกบัวกลีบที่แปดกำลังผลิบานอยู่บนดอกบัวทองคำของนางพลังอวตารของยี่เทียนซินที่มีขยายขนาดใหญ่ขึ้นจนสูง 100 ฟุต ดอกทองคำแปดกลีบของนางกำลังส่องประกายด้วยแสงสีทอง
  ยี่เทียนซินเบิกตากว้างก่อนที่จะกระโดดโลดเต้นด้วยความปีติยินดี“เจ้าเฉิง ตอนนี้ข้าเป็นผู้มีพลังอวตารดอกบัวแปดกลีบแล้ว!”
  เฉิงกวางเห่าหอนตอบกลับมามันเป็นการเห่าหอนที่ราวกับมันกำลังแสดงความยินดีให้กับความสำเร็จของนาง
  ยี่เทียนซินมองดูกลีบดอกบัวทั้งแปดบนดอกบัวทองคำของตัวเอง…ทุกอย่างที่นางเห็นดูราวกับฝันไป
  นางกะพริบตาดวงโตก่อนที่จะมองดูกลีบดอกบัวทั้งหมดในเวลาเดียวกันตัวนางก็คิดถึงวิธีกลับสู่โลกภายนอกอีกครั้ง ในตอนนี้นางแข็งแกร่งเพียงพอแล้วมันจึงเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่นางจะคิดถึงดินแดนหยานที่จากมา
  ยี่เทียนซินบินไปตามทางพร้อมกับพลังอวตารของนางเพียงแค่ชั่วพริบตาเท่านั้นนางก็ลอยไปไกลถึง 100 เมตรแล้ว เมื่อมองไปรอบตัวยี่เทียนซินก็ยังคงไม่เห็นจุดสิ้นสุด เมื่อสัมผัสถึงพลังใหม่ที่เพิ่มมากขึ้นทำให้ยี่เทียนซินอดไม่ได้ที่จะดีใจ เพื่อที่จะขับไล่เหล่าสัตว์ร้ายยี่เทียนซินจึงตะโกนขึ้น
  คลื่นเสียงของนางได้แผ่ออกไปทั่วตัวมันได้ทำให้สัตว์ร้ายที่บินอยู่บนอากาศไม่กล้าเข้าใกล้
  มีเพียงสัตว์ร้ายบางชนิดเท่านั้นที่ไม่กลัวพลังของยี่เทียนซินอันที่จริงพลังอวตารที่สูงกว่า 100 ฟุตของนางก็เพียงพอแล้วที่จะขับไล่สัตว์ร้ายจำนวนมากไม่ให้เข้าใกล้
  ยี่เทียนซินบินไปทางกำแพงของหน้าผานางกำลังมองไปบนหน้าผาที่ไม่อาจเห็นขอบเขตได้
  ในตอนนี้เฉิงกวางได้ลุกก่อนจะวิ่งตามนางแล้วเมื่อมันวิ่งมาถึงด้านหน้ายี่เทียนซินมันก็นั่งลง แม้ว่าจะนั่งแต่เฉิงกวางก็มีขนาดสูงเท่ากับนาง
  ยี่เทียนซินพูดกับเฉิงกวาง“เจ้าเฉิง ข้าจะออกจากหุบเหวนี้!”
  เฉิงกวางเหลือบมองไปที่ทะเลสาบมันไม่ได้พยักหน้าหรือส่ายหัวแม้แต่น้อย
  ยี่เทียนซินที่เห็นแบบนั้นก็ได้แต่สงสัย“เจ้าต้องการให้ข้าลองฝึกให้ถึงพลังอวตารดอกบัวเก้ากลีบอย่างงั้นเหรอ”
  เฉิงกวางไม่ได้ขยับไปไหน
  “เจ้าจะบ้ารึเปล่าการที่จะไปถึงขั้นนั้นได้ไม่ใช่เรื่องง่าย ในตอนนี้ข้ามีความสุขกับพลังอวตารดอกบัวแปดกลีบแล้ว”
  เฉิงกวางคำราม
  น่าเสียดายที่ยี่เทียนซินไม่อาจเข้าใจความหมายของมันได้
  “ไปกันเถอะ…พวกเราขึ้นไปกัน”ยี่เทียนซินบินไปที่หลังของเฉิงกวาง
  เฉิงกวางได้ผลักอุ้งเท้าของสี่ของมันก่อนจะพุ่งตัวสูงขึ้นมันได้พุ่งตัวราวกับลูกศรที่พุ่งผ่านทะเลหมอกอย่างรวดเร็ว