บทที่ 556 พวกคุณเป็นพวกเดียวกันหรือเปล่า

Lucky baby คุณพ่อ ต้องพยายามจีบแม่

ลี่จุนซินได้ยินเสียงเคาะประตู จากที่ค่อย ๆ ผ่อนคลายลงเล็กน้อยแล้วก็เริ่มตื่นตระหนกขึ้นมาอีกครั้ง

ชายหนุ่มคนนั้นเห็นท่าทางตื่นกลัวของลี่จุนซินและเกร็งไปทั้งตัว ก็ขมวดคิ้ว แล้วพูดปลอบเธออย่างอ่อนโยน แม้แต่ตัวเขาเองก็ไม่รู้ว่าน้ำเสียงของตัวเองอ่อนโยนมากแค่ไหน

“คุณอย่าตื่นตระหนกไปเลยครับ มีผมอยู่ตรงนี้”

ลี่จุนซินนั่งอยู่บนโซฟาอย่างตื่นตระหนก สายตาจ้องมองไปที่ประตูเป็นระยะ ๆ เสียงเคาะประตูด้านนอกยังคงดังอยู่ต่อเนื่อง นอกจากเสียงเคาะประตูแล้วยังมีเสียงด่ากราดของวาเทอร์อีกด้วย

ลี่จุนซินไม่ได้แสดงท่าทีใด ๆ ตอบกลับชายหนุ่มคนนั้น ชายหนุ่มคนนั้นเห็นลี่จุนซินตื่นตระหนกจนเหมือนถูกตอกติดกับโซฟา ก็ถอนหายใจออกมา แล้วค่อย ๆ พยุงลี่จุนซินขึ้น แล้วดันตัวเธอไปอยู่ด้านในสุดของห้อง เอ่ยพูดกับลี่จุนซินด้วยเสียงอ่อนโยนว่า :

“คุณหลบอยู่ในนี้ก่อน มีผมอยู่ตรงนี้ คุณไม่ต้องกลัว”

สีหน้าของลี่จุนซินเต็มไปด้วยความหวาดกลัว เธอมองเขาแล้วพยักหน้าให้กับเขา

ชายคนนั้นเดินไปที่ประตู แล้วหันไปมองจุดที่ลี่จุนซินอยู่แวบหนึ่ง เมื่อมั่นใจว่าตำแหน่งนี้จะมองไม่เห็นเธอ จึงได้เปิดประตูออก

ตอนที่วาเทอร์รีบขึ้นมาจากชั้นล่าง ก็เห็นคนของตัวเองป้วนเปี้ยนอยู่บริเวณห้องนี้ตลอด ผู้ช่วยบอกเขาว่า เห็นลี่จุนซินเข้าไปในห้องนี้

วาเทอร์มองหมายเลขห้องนี้ ก็รู้สึกว่าคนที่อยู่ด้านในต้องเป็นคนที่มีอำนาจหรือตำแหน่งใหญ่โต แต่เขาไม่สนอะไรมากมายอีกแล้ว เขาต้องจับตัวยัยลี่จุนซินบ้านั่นมาสั่งสอนให้ได้

วาเทอร์ออกแรงเคาะประตูอย่างหนัก ปากก็ด่าลี่จุนซินไม่หยุด

ขณะที่ประตูถูกเปิดออก วาเทอร์ก็ตกใจ เขาที่กำลังจะอ้าปากด่าคน เมื่อเงยหน้าขึ้นมามอง ก็อึ้งอยู่กับที่ มือที่ตั้งท่าเคาะประตูอยู่ก็ค้างไว้อย่างนั้น คำพูดหยาบคายที่กำลังจะพ่นออกมาก็ได้กลืนมันกลับลงไปหมด

“คุณเวียร์ ทำไมคุณถึงมาอยู่ที่นี่?”

วาเทอร์ร้องเรียกด้วยความตกใจ

“เคาะอีกสิ ทำไมไม่เคาะแล้วล่ะ?”

ชายหนุ่มพิงแขนไว้ที่ขอบประตู แล้วก้มมองวาเทอร์ เขายิ้มแล้วพูดกับวาเทอร์

“ขอโทษด้วยครับ คุณเวียร์ ผมไม่รู้ว่าห้องนี้เป็นห้องของคุณ”

วาเทอร์ก้มหน้า แล้วพูดกับเวียร์อย่างอ่อนน้อมถ่อมตน

ลี่จุนซินที่หลบอยู่ด้านในคอยฟังเสียงอยู่ตลอด สีหน้าก็เคร่งขรึมขึ้น คิดในใจว่าสองคนนี้รู้จักกันงั้นเหรอ แล้วเธอจะหนีออกไปยังไงดีล่ะ

เวียร์ที่ยืนอยู่หน้าประตูคิดไม่ถึงว่าตัวเองถูกลี่จุนซินมองว่าเป็นพวกเดียวกับคนชั่วไปแล้ว เขาถามวาเทอร์ต่ออีกว่า

“วาเทอร์ ทำไมนายมาอยู่ที่นี่? มาทำอะไรที่นี่? แถมยังเคาะประตูอย่างหยาบคายแบบนี้อีก”

วาเทอร์หัวเราะแห้ง ๆ

“ไม่มีอะไรครับ คุณเวียร์ ผมแค่มาตามหาคน แฮะ ๆ”

เวียร์พยักหน้า

“เดิมทีฉันตั้งใจว่าดึกหน่อยค่อยติดต่อนายไป ตอนนี้ดูท่าคงไม่ต้องติดต่อไปแล้ว พรุ่งนี้แปดโมงเช้า มาหาฉันเพื่อรายงานเรื่องงานให้ตรงเวลาด้วย”

วาเทอร์พยักหน้า ทำความเคารพแล้วจากไป

ที่แท้ ผู้ชายคนนี้ก็คือเวียร์·แชนด์เลอร์ เป็นหัวหน้าคณะสำรวจงานที่แท้จริงในครั้งนี้

ตอนนี้ลี่จุนซินรู้สึกโมโหมาก เธอไม่ได้คิดเลยสักนิดว่าคนคนนั้นที่ลี่จุนถิงพูดถึงเมื่อสองสามวันก่อน ก็คือเวียร์ที่เพิ่งช่วยตัวเอง

เวียร์ปิดประตู แล้วเดินเข้ามา ตั้งใจจะบอกลี่จุนซินว่าปลอดภัยแล้ว แต่ก็เห็นลี่จุนซินจ้องมองตัวเองด้วยความโกรธ

“พวกคุณสองคนรู้จักกันเหรอ? พวกคุณเป็นพวกเดียวกันหรือเปล่า?”

เวียร์ได้ยินประโยคนี้ ก็ยิ้มหวานออกมา

“ร่วมกันทำผิดถึงจะเรียกว่าพวกเดียวกัน แต่ผมไม่ใช่ ผมกับเขาก็แค่เพื่อนร่วมงานธรรมดาเท่านั้น ที่คุณบอกว่าเขาลวนลามคุกคามคุณ คุณเล่ารายละเอียดให้ผมฟังได้ไหมว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น?”

ลี่จุนซินยังคงระแวดระวัง แล้วเอ่ยพูด :

“วาเทอร์นั่นไม่ใช่คนดีอะไรเลย นายก็คงเหมือนกัน”

เวียร์ยิ้มแล้วส่ายหน้า เขาเอ่ยว่า :

“คุณอคติเกินไปหน่อยหรือเปล่าครับ ผมเพิ่งช่วยคุณเมื่อกี้นะ เอาคุณซ่อนไว้ ไม่ได้ส่งตัวคุณออกไป และไม่ได้แตะตัวหรือทำอะไรคุณเลย ทำไมผมถึงกลายเป็นคนเลวไปได้ล่ะ?”

ลี่จุนซินคิดอยู่ครู่หนึ่ง ในใจก็ผ่อนคลายลงนิดหน่อย รู้สึกว่าที่เวียร์ก็เป็นเรื่องจริง เขาไม่ได้มีเจตนาร้ายเลย

ลี่จุนซินนึกถึงพฤติกรรมของวาเทอร์ ก็ยังคงรู้สึกขยะแขยง แต่เธอก็อดทนอดกลั้นเอาไว้ แล้วเล่าความเลวของวาเทอร์ให้เวียร์ฟัง

“พวกเรามาหาวาเทอร์เพื่อเจรจาเรื่องความร่วมมือในโครงการด้วยความจริงใจ แต่เขาเอาแต่บ่ายเบี่ยงออกนอกเรื่องเสมอ อีกทั้งยังมอมเหล้าฉันแล้วเอนตัวมาพิงฉัน แตะต้องเนื้อตัวฉัน ลวนลามฉัน พูดจากับฉันอย่างไร้มารยาทมาก ๆ”

“ก่อนหน้านี้ พวกเราไปพบเขาที่โรงแรม เขาไม่เพียงแต่ไม่ให้พวกเราเข้าพบ หลังจากที่พวกเรารอเขาอยู่ที่ล็อบบี้เป็นเวลาสองชั่วโมงกว่า เขายังเยาะเย้ยและเหน็บแนมพวกเรา ไม่ให้เกียรติกันเลยสักนิด คุณดูสิคุณเป็นคนดีขนาดนี้ ทำไมถึงได้มีเพื่อนร่วมงานขยะ ๆ แบบนี้ล่ะ”

เวียร์ได้ฟังที่ลี่จุนซินเล่า ก็ขมวดคิ้วแน่นขึ้นมา

“คุณช่วยแจ้งให้เจ้านายของพวกคุณทราบหน่อยได้ไหมคะ ให้ไล่เขาออก มีคนแบบนี้อยู่ในบริษัทของพวกคุณ ก็มีแต่จะทำให้บริษัทพวกคุณเสียหาย”

ลี่จุนซินพูดจบ แต่ใบหน้ายังคงโกรธแค้นอยู่

“ขอโทษด้วยนะครับ คุณผู้หญิง ก่อนอื่นผมต้องขอโทษแทนวาเทอร์ด้วย ข้อเสนอของคุณผมจะแจ้งให้เจ้านายของพวกเราทราบครับ ได้ยินที่คุณพูดเมื่อกี้นี้ว่า พวกคุณมาหาวาเทอร์เพื่อเจรจาเรื่องความร่วมมือ ขอถามหน่อยได้ไหมครับว่ามาจากบริษัทไหน?”

“บริษัทของพวกเราคือ……”

ลี่จุนซินกำลังจะอ้าปากตอบคำถาม โทรศัพท์ก็ดังขึ้น

เป็นเจียงหยุนเอ๋อที่โทรเข้ามา เจียงหยุนเอ๋อและลี่จุนถิงเป็นห่วงความปลอดภัยของลี่จุนซินมาก

“พี่คะ เป็นยังไงบ้าง? ไม่เป็นไรใช่ไหม?”

“พี่ไม่เป็นไร ตอนนี้อยู่ที่ห้องหมายเลข 1208 พวกเธอมาที่นี่เถอะ ไว้เจอกันแล้วค่อยเล่ารายละเอียดให้พวกเธอฟัง”

หลังจากวางสาย ลี่จุนซินก็ขอบคุณเวียร์

“ขอบคุณนะคะที่คุณช่วยฉันไว้ ขอบคุณที่คุณยอมฟังฉันบ่นเมื่อกี้นี้ และต้องขอโทษด้วยจริง ๆ ที่เมื่อครู่นี้เข้าใจคุณผิดไป”

“ไม่เป็นไรหรอกครับ ไม่ต้องเกรงใจขนาดนี้ คุณไม่ต้องเรียกผมว่า คุณ หรอกครับ ผมคิดว่าพวกเราน่าจะอายุพอ ๆ กัน”

เวียร์ยิ้มแล้วโบกปัดมือไปมา จากนั้นก็ชี้นิ้วมาที่ตัวเองและชี้ไปที่ลี่จุนซิน

“ครอบครัวของฉันกำลังจะขึ้นมา ฉันต้องไปก่อนนะคะ ขอบคุณอีกครั้ง”

ลี่จุนซินมองเวียร์ด้วยความจริงใจ เธอยิ้มแล้วพูดกับเขา พลางยื่นมือไปหาเวียร์

“ยินดีที่ได้รู้จักคุณนะครับ คุณผู้หญิงคนสวยของผม”

เวียร์ยิ้มให้กับลี่จุนซินด้วยรอยยิ้มที่ชวนหลงใหล แล้วจับมือของลี่จุนซินเบา ๆ เวียร์มองดวงตาที่สวยงามคู่นั้นของลี่จุนซิน มองลึกเข้าไปจนลืมปล่อยมือของตัวเองออก

ลี่จุนซินขยับมือเล็กน้อย ทำให้เวียร์ได้สติขึ้นมา แล้วยิ้มให้ลี่จุนซินอย่างรู้สึกผิด

ทั้งสองคนเพิ่งปล่อยมือออก ก็ได้ยินเสียงคนเคาะประตู

ลี่จุนซินเปิดประตูออกมาก็เห็นชิงโม่ เลยเอ่ยถาม :

“จุนถิงกับหยุนเอ๋อล่ะ?”

“คุณนายยังผวาอยู่ครับ ประธานลี่เลยอยู่เป็นเพื่อนคุณนายรอคุณอยู่ด้านล่างครับ”

ลี่จุนซินพยักหน้า แล้วหันกลับไปพยักหน้าให้เวียร์ เพื่อบอกว่าจะไปแล้ว

หลังจากปิดประตูห้อง เวียร์ยังคงจ้องอยู่ที่ประตู ราวกับหวังว่าลี่จุนซินจะเปิดประตูเข้ามาอีกครั้ง

เมื่อเวียร์ตั้งสติได้ ก็เพิ่งนึกออกว่าลืมถามชื่อของเธอ และบริษัทของเธออีกด้วย

เวียร์ก้มหน้าแล้วยิ้มออกมา คิดว่าถ้าหากมีวาสนาต่อกันคงได้พบกันอีกแน่

หลังจากที่ลี่จุนซินเข้ามาในลิฟต์ก็นึกขึ้นได้ว่าลืมถามชื่อของเขา