บทที่ 521 มูลเหตุที่มา

บทที่ 521 มูลเหตุที่มา

“เช่นนี้ก็ดี วันนี้ตอนที่ข้าออกจากบ้านก็สะเพร่าจนหลงทางไปเล็กน้อย” ฮูหยินไป๋ยิ้มเฝื่อน นางในฐานะฮูหยินของตระกูล ไฉนเลยจะไม่รู้ว่าตนนั้นหุนหันพลันแล่นไปหน่อย

ถ้าตนมีทางเลือกอื่นก็คงไม่ออกจากบ้านมาเอ่ยเรื่องสู่ขอรวดเร็วเช่นนี้ หากผู้อื่นได้ยินเข้าก็คงจะบอกว่าเรื่องนี้น่าขบขันยิ่งนัก

เหยาซูออกท่องเที่ยวมาหลายปี ถึงแม้นางจะไม่ได้รับข่าวสารรวดเร็วเท่ากับอยู่เมืองหลวง แต่เรื่องราวใหญ่ ๆ ของเมืองหลวงนางเองก็รู้เรื่องเช่นกัน และยิ่งไปกว่านั้นนางเองก็อยู่เมืองหลวงมาได้หลายเดือนแล้ว

ตระกูลไป๋ถือคติของตระกูล คงความสุจริตเที่ยงธรรมมาตลอดหลายปี ถึงแม้ว่าจะไม่ทรงอำนาจเท่าตระกูลหลินที่เป็นขุนนาง แต่ก็ไม่ได้ด้อยไปกว่ากันเท่าไรนัก อีกทั้งท่านพ่อของไป๋หรูปิงก็เป็นอาจารย์ของหลินจื้อ เป็นผู้ไม่มีข้อบกพร่อง แน่นอนว่าเขาไม่ใช่ผู้ที่จะทำเรื่องไร้สาระอันใด

เวลานั้นภายในใจของเหยาซูเปลี่ยนไปมาอยู่หลายครั้ง ทว่าใบหน้ากลับไม่ได้แสดงสิ่งใดออกมา หญิงสาวถอยออกไป และรินชาให้กับฮูหยินหนึ่งจอก “ท่านพี่ ท่านพักหายใจก่อน เรื่องการแต่งงานเป็นเรื่องใหญ่ ไม่อาจรีบร้อนได้”

ต่อให้ฮูหยินไป๋จะยินยอมให้ไป๋หรูปิงแต่งงานออกไป แต่พอกลับมาคุยเรื่องนี้กันอีกครั้ง จิตใจของนางพลันสั่นไหวขึ้นมา

เมื่อเห็นว่าเหยาซูจ้องมองด้วยสายตาที่ห่วงใยมาโดยตลอด จึงเอื้อมไปจับมือของเหยาซูและเริ่มร้องไห้ออกมา

“เจ้าคนสมควรโดนพันดาบสับร่าง!” ฮูหยินไป๋กัดฟันพูดด้วยความเกลียดชัง “เขาเองก็มีชื่อเสียงแล้ว หรูปิงผู้น่าสงสารเป็นเพียงก้อนเนื้อที่ออกมาจากตัวข้า!”

เดิมทีตระกูลไป๋มีพี่น้องสองคน คนโตเป็นบิดาของไป๋หรูปิง ตอนนี้เป็นผู้ดูแลสำนักบัณฑิตฮั่นหลิน ส่วนบุตรชายคนรองเป็นคนเลวระยำไม่สนใจสิ่งใด วัน ๆ ไม่ทำสิ่งใด แต่กลับเป็นที่โปรดปรานของท่านพ่อท่านแม่

เดิมทีก็ไม่ได้มีอะไร ในท้ายที่สุดตระกูลไป๋ก็แยกบ้านกันเมื่อผู้เฒ่าแห่งตระกูลไป๋จากไป ฮูหยินเฒ่าแห่งตระกูลไป๋ก็อาศัยอยู่กับบุตรคนสุดท้องอย่างทุกข์ใจ และเป็นเพราะการแยกทางกันตั้งแต่เนิ่น ๆ ของตระกูล จึงทำให้สองพี่น้องของตระกูลไป๋อยู่อย่างสงบสุขไม่มีเรื่องราวอะไร

แต่เมื่อไม่นานมานี้กลับมีเรื่องเกิดขึ้น และที่มาของเรื่องนี้เกิดจากบุตรคนที่สอง

ว่ากันว่ามาจากความทุกข์ใจของฮูหยินเฒ่า บุตรคนรองก็ไม่ได้ศึกษาเล่าเรียนมากมายนัก แต่กลับสร้างเรื่องไปวัน ๆ พอทำไปทำมาก็ก่อเรื่องเข้า

ต่อให้บุตรคนรองของตระกูลไป๋จะมีปัญหา แต่ก็ไม่ได้มีปัญหาใหญ่โตอะไร

ก็นับว่าควรเป็นเช่นนี้ ในสายตาของฝ่ายตรวจการหลายคนก็มองว่าไป๋คนรองเป็นคนที่ประพฤติตัวไม่ถูกทำนองคลองธรรม เดิมทีมีคนกล่าวโทษผู้เฒ่าไป๋ในเรื่องนี้เช่นกัน แต่เมื่อเขาทำสิ่งที่ไร้สาระมากขึ้นเรื่อย ๆ กระทั่งองค์จักรพรรดิเองก็เริ่มจะเมินเฉย

ตราบใดที่บุตรคนรองของตระกูลไป๋ไม่ลงมือสังหารผู้คน ต่อให้เขาจะทำอะไรองค์จักรพรรดิก็จะไม่ถามไถ่แล้ว

และบุตรคนรองของตระกูลไป๋เองก็รู้ดีว่าองค์จักรพรรดิไม่อาจจะเห็นตน จึงไม่ทำเรื่องอะไรที่เกินกว่าเหตุ และเนื่องด้วยไม่ได้มีความต้องการที่จะเป็นขุนนาง การใช้ชีวิตเช่นนี้จึงแตกต่างไปอีกแบบ

สิ่งที่แย่กลับเป็นสุราที่เขาดื่ม วันนั้นชายหนุ่มดื่มสุราเข้าไปเป็นจำนวนมาก จึงถูกคนพาไปที่บ่อน

เดิมทีบุตรคนรองของตระกูลไป๋ทำเงินได้เพียงเล็กน้อยจากการชนะอยู่หลายครั้งในคราแรก แต่เงินจำนวนนี้ไม่ได้ถูกจัดสรรอย่างดี ไม่คาดคิดในภายหลังจะทำให้เขาต้องใช้เงินของทางบ้านไปมากมาย

บุตรคนรองของตระกูลไป๋ในอดีตไม่ได้มีเงินมากนัก เพราะเขาเองก็ไม่ได้ทำมาหากินอะไร หลังจากครั้งนั้น เขาก็นึกถึงพวกคนเลว ๆ ที่เคยเล่นการพนันมาก่อน เขาจึงนำบุตรสาวของตนไปค้ำไว้ในบ่อน

“ลูกสาวของเจ้า จะมีค่าเท่ากับคุณหนูตระกูลไป๋ได้เช่นไรกัน?” เมื่อเขาได้ยินคนรอบตัวเอ่ยเช่นนี้ ตอนนั้นชายหนุ่มจึงรู้สึกหงุดหงิด

เขาเอ่ยกับชายคนนั้นทันที “ถึงจะเอ่ยอย่างไรก็ไม่ใช่เด็กสาวธรรมดา จะได้เงินสักเท่าไร?”

“ถ้าไม่คุ้มเงินแล้วล่ะก็ ข้าจะจ่ายให้ห้าหมื่นตำลึงเพื่อซื้อคุณหนูไป๋!”

คนที่พูดเช่นนี้ก็คือบุตรชายตระกูลใหญ่โตเช่นกัน เขาคือลูกชายคนเล็กของตระกูลโหวที่อายุมากกว่าหลินจื้อหนึ่งปี และยังไม่ได้แต่งงาน

ในบรรดาคนที่อยู่กับบุตรคนรองของตระกูลไป๋จะมีคนดี ๆ สักกี่คน หลังจากที่ได้ยินชายหนุ่มเอ่ยเช่นนี้ ทุก ๆ คนต่างก็โห่ร้องขึ้น

เหตุจูงใจของชายหนุ่มเกิดขึ้นภายใต้อำนาจของฤทธิ์สุรา

เมื่อเขาตื่นขึ้นมาให้วันถัดไป ชายหนุ่มจึงนึกขึ้นได้ว่าเมื่อคืนนั้นเขากระทำสิ่งใดลงไป เวลานั้นร่างกายของเขาก็ชุ่มไปด้วยเหงื่อ และร้องไห้อย่างบ้าคลั่งใส่ฮูหยินเฒ่า

เมื่อฮูหยินเฒ่าแห่งตระกูลไป๋ได้ยินเรื่องนี้เข้าก็เดือดดาล แต่ก็ไม่มีหนทางใดแล้ว เวลานั้นจึงเชิญลูกชายคนโตมาเพื่อหารือเรื่องนี้

แต่ในครั้งนี้บุตรชายคนรองเข้าร่วมการพนันที่มีการเดิมพันสูง อีกทั้งคนในวงเหล่านั้นไม่ได้เกรงกลัวตระกูลไป๋แม้แต่น้อย

ถึงแม้นายท่านไป๋จะรู้สึกว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ไร้สาระ แต่เมื่อเห็นลายนิ้วมือของเขาก็รู้ได้ว่าเป็นเรื่องจริง ต่อให้ตนเองจะไม่ได้เป็นคนทำเรื่องนี้ แต่ลับหลังเขาก็สร้างเรื่องให้ฮูหยินไป๋เสียแล้ว

เดิมทีแล้วฮูหยินไป๋มีลูกชายหนึ่งคนและลูกสาวหนึ่งคน นายท่านไป๋เป็นคนดี เขาจึงมีอนุภรรยาไม่มาก เขาใช้ชีวิตอย่างมีความสุขและไม่ได้ทำเรื่องใด ๆ

แต่หลังจากที่ฮูหยินไป๋ได้ยินเรื่องนี้เข้านางก็ระเบิดทันที ลูกสาวที่ตนเองประคบประหงมจนเติบใหญ่ กำลังจะแต่งเข้าตระกูลลูกผู้ดี กลับต้องด่างพร้อยเพียงเพราะคำพูดพล่อย ๆ ตอนเมามายของท่านอาตนเอง ฮูหยินไป๋จะยอมรับได้เช่นไร?

จะมีผู้ใดรู้ใจลูกสาวได้เท่าแม่ ฮูหยินไป๋รู้ดีว่าลูกสาวของนางมีใจให้หลินจื้อ และทั้งสองก็ไปมาหาสู่กันมาระยะหนึ่งแล้ว ฮูหยินไป๋จึงสามารถพูดได้ว่าตนนั้นมีความสุขหากได้เห็นสิ่งนั้นเกิดขึ้น

เช้านี้ฮูหยินไป๋จึงบอกเรื่องนี้ให้นายท่านไป๋ทราบ แต่นางกลับต้องเดือดดาล ทว่าฮูหยินเป็นผู้สืบทอดตระกูลบัณฑิตและมีการศึกษา ดังนั้นจึงไม่ดุด่าตำหนิใคร

แต่เป็นเพราะนายท่านไป๋ได้หยุดเรื่องการแต่งงานของไป๋หรูปิงไว้ นางข่มความไม่พอใจไว้ภายใน และรีบมายังจวนของท่านแม่ทัพ

ถ้าไม่ใช่เพราะข่าวที่ว่าทางราชสำนักต้องการหาสหายร่วมเรียนในเช้าวันนี้ บางทีนายท่านไป๋อาจจะตัดสินใจไป๋หรูปิงให้แต่งงานกับลูกผู้ดีจอมขี้เกียจผู้นั้นไปแล้ว

เพราะไป๋คนรองบอกว่าลูกชายจำนวนมากของตนต้องการถูกคัดเลือกเป็นพระสหาย นายท่านไป๋จึงไปหาฮูหยินเฒ่าไป๋เพื่อหารือ

ฮูหยินไป๋จึงถือโอกาสช่วงนี้มาที่บ้านตระกูลหลิน เพื่อถามเหยาซู

………………………………………………………………………………………………..

สารจากผู้แปล

บ้านน้องไป๋นี่ก็วุ่นวายเหมือนกันนะคะ ปลาเน่าหนึ่งตัวเหม็นไปทั้งข้องเลย

ไหหม่า(海馬)