บทที่ 572 ความทุกข์

คนของเว่ยฉิงได้รับบาดเจ็บแทบทุกคน เขาไม่รู้ว่าฝ่ายตรงข้ามมีกี่คน หากมีมากกว่าเขาไม่สามารถจะต่อสู้ได้อย่างแน่นอน เว่ยฉิงจึงไม่กล้าที่จะหยุดม้า เขาควบม้าต่อไป ชักดาบออกมา โบกฟันปัดไปที่ลูกธนูที่พุ่งมากลางอากาศ

องครักษ์เงาที่ซ่อนตัวอยู่รีบออกมาล้อมเว่ยฉิงไว้อย่างรวดเร็ว

แต่กระนั้นแล้วห่าธนูที่ยิงมาก็มีมากเกินไป องครักษ์เงาถูกธนูยิงตกจากหลังม้าทีละคน เว่ยฉิงเองก็ได้รับบาดเจ็บที่หัวไหล่ แต่ถึงแม้จะเจ็บปวดเพียงไหนเขาก็ต้องอดทน ความคิดเดียวที่มีอยู่ตอนนี้ก็คือต้องหนีเอาตัวรอดให้ได้!

คนของเป่ยเหยียนเข้ามาต่อสู้กับนักธนูพวกนั้น ทว่ายังมีอีกหลายคนที่กำลังขี่ม้าไล่ล่าเว่ยฉิง กลิ่นคาวเลือดรุนแรงไปทั่ว

เว่ยฉิงควบม้าไปข้างหน้าโดยมีม้านับสิบตัวไล่ล่าตามเขาไป เว่ยฉิงจับสายบังเหียนไว้ด้วยมือข้างหนึ่งจนมือที่หยาบกร้านของเขาถูกสายบังเหียนบาด

ใบหน้าของเว่ยฉิงเต็มไปด้วยเหงื่อ ดวงตาของเขาสงบไร้ความตื่นกลัว เขาจะต้องปลอดภัย ภรรยาของเขากำลังรอเขาอยู่ที่บ้าน

เว่ยฉิงคำราม ลูกธนูดอกหนึ่งพุ่งมาปักเข้าที่หลังของเขา เขาเม้มริมฝีปากแน่น สะบัดสายบังเหียน เพิ่มความเร็วของม้า เขาวิ่งต่อไปเรื่อยๆ ทันใดนั้นเองลูกธนูก็พุ่งทะยานแหวกอากาศทะลุผ่านหัวใจของเขาไป

….

เมืองหลวง จวนอู่โหว

ถังหลี่เปิดตาขึ้นมา นางหอบหายใจด้วยความหวาดกลัว นางเพิ่งฝันว่ามีลูกธนูพุ่งผ่านหัวใจสามีของนาง จนเขาตกไปที่หน้าผา นางพยายามรีบวิ่งตามไปหวังจะคว้ามือเขาไว้แต่ก็ไม่ทัน

ถังหลี่ลืมตาขึ้น ใช้เวลาครู่หนึ่งจึงรู้ว่าเป็นแค่ความฝัน แต่กระนั้นก็ยังทำให้นางหัวใจสั่นรัวหวาดกลัวไม่หาย

ความฝันช่างเหมือนจริงมาก

ไม่…ไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับสามีของนางได้!

ถังหลี่ลุกขึ้นนั่งบนเตียง วางมือลงบนหน้าท้องกลมของตน อาจจะเป็นผลพวงจากความฝันทำให้ทารกเคลื่อนไหวเช่นกัน

“พ่อของเจ้าจะปลอดภัย..”

ถังหลี่ปลอบโยนลูกๆ

ฝันบอกเหตุเช่นนี้แปลว่ามันยังไม่เกิดขึ้นต้องหาทางป้องกัน นางไม่ได้เพิ่งกอบกู้เหตุการณ์เลวร้ายจากความฝันของนางเป็นครั้งแรก

ฝันร้ายจะต้องได้รับการแก้ไข ข้างนอกยังมืดอยู่

ถังหลี่รีบลุกขึ้นสวมเสื้อผ้าออกจากห้องนอน ลมหนาวพัดกรูผ่านเข้ามาทำให้รู้สึกหนาวเย็น ทว่าถังหลี่ร้อนใจ

“ฉื่อซื่อ”

ฉื่อซื่อกระโดดลงมาจากหลังคาร่อนลงมาที่เบื้องหน้าของนาง

“ในกลุ่มองค์รักษ์เงาของเจ้ามีติดต่อข้อมูลกับองครักษ์ที่อยู่กับสามีข้าหรือไม่?” ถังหลี่ถาม

ฉื่อซื่อส่ายศีรษะ ตอนนี้นางอยากรู้จริงๆ

องครักษ์เงาจะมีการติดต่อกันเองสองสามคนเวลาไปสืบข้อมูลในสถานการณ์ที่ตึงเครียดและยากลำบาก

หญิงสาวถอนหายใจ

นางไม่รู้ว่าเว่ยฉิงอยู่ที่ไหน? สถานการณ์ตอนนี้เป็นอย่างไร? และไม่รู้เลยว่าความฝันจะเกิดขึ้นในเมื่อไหร่

“ฉื่อซื่อ พาคนของเจ้าไปหาเขา” ถังหลี่พูดอย่างเด็ดขาด

“นายหญิงขอรับ ภารกิจของข้าคือการปกป้องท่าน” ฉื่อซื่อกล่าว

“ไม่ว่าภารกิจของเจ้าจะคืออะไรแต่ตอนนี้ข้าสั่งให้เจ้าพาคนไปหาเว่ยฉิง” ถังหลี่พูดอย่างจริงจัง

หากนางไม่ท้องโตเช่นนี้ นางก็อยากจะไปพาสามีของนางกลับมาบ้านด้วยตัวเอง อย่างไรก็ตามตอนนี้ลูกในท้องของนางอายุได้เกือบแปดเดือนแล้ว นางไม่สามารถวิ่งไปมาได้ ถ้าหากนางไปจะกลายเป็นภาระแทน ถังหลี่ได้แต่สงบสติอารมณ์ที่วุ่นวายร้อนรุ่มให้เย็นลง

ตอนที่สามีของนางออกเดินทาง เขาไม่ได้พาคนไปด้วยมากนัก เพราะจะได้ไม่เป็นจุดสนใจขององค์หญิงใหญ่

ภาพเหตุการณ์ในฝันทำให้ถังหลี่รู้ว่าองค์หญิงใหญ่น่าจะรู้พระองค์แล้ว ถึงได้ให้คนมาสังหารเขา

“อย่ารอช้า เจ้านำองครักษ์เงาไปให้หมด ไม่ต้องห่วงข้า ข้าจะไม่ออกจากจวนสองสามวัน ที่นี่มีตู้เย่อยู่ด้วย” ถังหลี่กล่าว

“ขอรับนายหญิง” ฉื่อซื่อตอบ

“ถ้ามีข่าวอะไรแจ้งข้ามาด้วย”

ฉื่อซื่อขานรับ เขาจากไปท่ามกลางความมืดของค่ำคืนนั้น ตอนที่เขาออกไปแล้วมือของถังหลี่สั่นอย่างควบคุมไม่ได้

นางข่มตานอนไม่หลับจึงลืมตาอยู่แบบนั้นจนรุ่งสาง

เช้าวันรุ่งขึ้น

ถังหลี่กระสับกระส่าย

หลังจากมื้อเช้าผ่านไป ซานเป่าวิ่งมาจับมือของนางแล้วเงยหน้ามอง

“ท่านแม่”

หญิงสาวลูบศีรษะของนางแล้วยิ้ม

ถังหลี่นั่งลงบนเก้าอี้จับมือของบุตรสาวไว้อย่างเหม่อลอย มือของซานเป่าเอื้อมมาแตะที่หน้าผากของนาง ทำให้ถังหลี่ได้สติอีกครั้ง

“ท่านแม่มีรอยย่นที่คิ้ว ข้าจะทำให้มันหายไป” ซานเป่าพูดด้วยความจริงจัง ลูบที่หน้าผากของนางซ้ำแล้วซ้ำเล่า

ถังหลี่จับมือเล็กๆ ของบุตรสาวเอาไว้บีบเบาๆ

“น่ารักมาก”

มือเล็กๆ ของซานเป่าเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อ ฝ่ามือด้านเป็นไตแข็ง เพราะการจับดาบมาเป็นเวลานาน

“ท่านแม่ ท่านไม่มีความสุขหรือ?” ซานเป่าเอียงศีรษะมองไปที่นาง ถังหลี่มองไปที่บุตรสาวไม่พูดอะไรสักคำ

“แม่แค่คิดถึงพ่อเจ้า” ดวงตาของถังหลี่เป็นประกาย

“ท่านแม่ไม่ต้องกังวล ท่านพ่อจะกลับมาเร็วๆ นี้” ซานเป่าปลอบใจ

อาจจะเป็นเพราะคำพูดปลอบโยนจากก้นบึ้งหัวใจของซานเป่า ถังหลี่คิดว่าเป็นสัญญาณที่ดี ทำให้นางสงบสติอารมณ์ลงได้

….

ในเวลาเดียวกัน มีม้าควบไปตามเส้นทางจากวั่งเซี่ยนไปยังเมืองหลวง ชายบนหลังม้าตัวนั้นร่างกายอาบไปด้วยเลือดทั้งตัว เขามีธนูปักอยู่สองดอกบนร่างกาย เขาอดทนเพื่อที่จะกลับไปแจ้งข่าวขอความช่วยเหลือ

ตอนนี้เขายังล้มไม่ได้!

ชายผู้นั้นกัดฟัน ควบม้าต่อ แต่ภาพตรงหน้าเขาพร่าเลือนมากยิ่งขึ้นเรื่อยๆ โลกของเขาหมุนพลิกกลับ มือที่กุมบังเหียนเริ่มไร้เรี่ยวแรง เขาตกลงจากหลังม้า ม้าที่เสียการควบคุมจึงได้วิ่งเตลิดหายไป

เขานอนนิ่งอยู่อย่างนั้นสักพักจากนั้นจึงพยายามที่จะลุกขึ้น แต่ก็ลุกไม่ไหว ได้แต่คลานไปตามพื้นเท่านั้น ในตอนนั้นเองเขาก็ได้ยินเสียงเกือกม้าควบกับพื้นถนนมาแต่ไกล

เขาได้แต่นอนนิ่งรออยู่เช่นนั้น เสียงฝีเท้าของม้าค่อยๆ ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ม้าหลายสิบตัวหยุดที่ตรงหน้าเขา จากนั้นก็มีคนกระโดดลงมาจากหลังม้ามาประคองเขาเอาไว้

“ฉื่อซาน!”

เมื่อได้ยินเสียงที่คุ้นเคยทำให้ฉื่อซานรู้สึกยินดีที่ได้เจอผู้มาใหม่ เขาคว้าคนผู้นั้นไว้แน่น

“ฉื่อซื่อรีบไปหานายท่าน นายท่านตกจากหน้าผา ตรง…” ฉื่อซานหมดสติทันทีหลังจากที่อธิบายสถานที่จบลง

ใบหน้าของฉื่อซื่อไม่สู้ดี หากนายท่านของเขาตกจากหน้าผาจริง เขาย่อมอยู่ระหว่างความเป็นความตาย!

เมื่อคืนก่อนนายหญิงเรียกเขาด้วยความร้อนใจให้รีบมาหานายท่าน เขาทำตามคำสั่งโดยไม่คิดมากแต่เมื่อได้ยินที่ฉื่อซานพูดเขาก็อดไม่ได้ที่จะคิดถึงเรื่องนั้น

นายหญิงเหมือนจะรู้ว่ามีบางอย่างเกิดขึ้นกับนายท่าน…

หากนายหญิงไม่ได้ให้เขามาที่นี่ เขาคงไม่ได้พบกับฉื่อซานและไม่รู้ว่านายท่านของเขาตกจากหน้าผา นายของเขาจะมีอันตรายมากยิ่งขึ้น!

ฉื่อซื่อตัดสินใจอย่างเด็ดขาดก่อนจะให้คนผู้หนึ่งพาตัวฉื่อซานกลับ ส่วนตัวเขาพาองครักษ์ที่เหลือไปตามหานายท่านเว่ยฉิง

ในขณะที่ม้ากำลังพุ่งทะยานไปข้างหน้า ฉื่อซื่ออดไม่ได้ที่จะสงสัยว่านายหญิงของเขารู้ได้อย่างไร ระหว่างครุ่นคิดด้วยสีหน้าตึงเครียดเขาสะบัดบังเหียนรีบควบม้าเร่งความเร็วไปทันที