บทที่ 492 รู้เรื่องลูกเกิดอุบัติเหตุ

พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ

นัทธีไม่ได้พูดแก้ต่างว่าที่มันมีปัญหาไม่ใช่ที่ผลตรวจ แต่มันมีปัญหาตรงตัวอย่างของดีเอ็นเอ เขาพยักหน้าให้ “ใช่ ไปจัดการมา ขอแบบด่วนนะ หากภาพในกล้องไม่มีแล้ว รายงานฉันด่วน ฉันจะให้อารัณลองแก้ไขมันดู ”

“ครับ”มารุตรับคำ แล้วรีบไปดำเนินการจัดการทันที

เรื่องนี้มันมีอะไรที่ลึกลับและซับซ้อนอยู่มาก

เขาต้องตรวจหาสาเหตุให้เจอ ดูว่าใครหน้าไหนที่ช่างไร้ยางอาย ไม่ต้องการให้ท่านประธานกับลูกได้พบเจอกัน

หลังจากที่มารุตจากไปแล้ว นัทธีก็นั่งลงตรงข้างเตียงคนป่วย เฝ้ามองดูไอริณ จนเวลาพลบค่ำ

ต่างประเทศในเวลานี้เป็นเวลาเช้าแล้ว

วารุณีลงไปยังชั้นล่างด้วยอาการมึนเบลอ คนที่อยู่ชั้นล่างเห็น ต่างก็พากันตกใจ“วารุณี เมื่อคืนไม่ได้นอนเหรอ ? ดูรอยคล้ำที่ใต้ตานั้นสิ ”

วารุณีนั่งลงที่โต๊ะอาหาร แล้วพยักหน้า “นอนไม่หลับเลย เมื่อคืนก็ฝันร้ายด้วย”

พอตื่นจากฝันร้าย เธอก็โทรไปหานัทธี และขอฟังเสียงของเด็กๆ

เมื่อรู้ว่าเด็กทั้งสองคนไม่ได้เป็นอะไร เธอก็ยังนอนไม่หลับ รู้สึกไม่สบายใจอยู่ตลอดเวลา

เมื่อคืนเธอก็นั่งวาดรูปอยู่บนเตียงทั้งคืน จนถึงเช้า

“ฝันร้ายอะไรจะรุนแรงขนาดนี้ ?”เชอรีนพูดหยอก

วารุณีถลึงตาใส่เธอ “พอเลย รีบกินเร็วเข้า กินเสร็จก็ต้องไปแข่งกันแล้ว ”

“ทราบแล้วค่ะทราบแล้ว”เชอรีนพยักหน้า

หลังอาหารมื้อเช้าเสร็จ ทั้งสองคนก็เดินทางออกไปจากคฤหาสน์ มุ่งหน้าไปยังสนามแข่ง

บนรถ เดินทีวารุณีอยากจะโทรไปหานัทธีอีกครั้ง แต่พอคิดได้ว่าที่นั่นคงเป็นเวลากลางคืนแล้ว ก็จึงหักห้ามใจไม่โทรไปหา

รอจบการแข่งขันในช่วงบ่ายโทรไปก็ยังไม่สาย

และการแข่งขันในวันนี้ วารุณีก็ทำมันได้ไม่ค่อยดี เกือบจะร่วงลงไปอยู่ในกลุ่มB

หลังจบเกมการแข่งขัน เชอรีนก็เดินมาหาวารุณี“ วารุณี วันนี้เธอเป็นอะไร ทำไมถึงได้ทำตัวแปลกๆ ใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเลย”

วารุณีนวดคลึงไปที่หว่างคิ้ว“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน รู้แค่ว่าจิตใจมันร้อนรุ่มกระสับกระส่าย ตอนที่วาดรูป ก็เลยไม่มีแรงบันดาลอะไรเลย”

“ไม่สบายหรือเปล่า ?” เชอรีนถามด้วยความเป็นห่วง

วารุณีส่ายหัว “ไม่ใช่”

“เพราะกำลังท้อง เลยรู้สึกไม่สบายหรือเปล่า ? ”เชอรีนมองไปที่หน้าท้องของเธอ

วารุณียิ้มให้ “ไม่ใช่หรอก ”

จะว่าไป ลูกน้อยในท้องของเธอ อายุครรภ์ก็สองเดือนแล้ว แต่ก็แทบไม่มีอาการแพ้ท้องอะไรเลย ไม่เหมือนตอนที่ท้องอารัณกับไอริณ คลื่นไส้อาเจียนวิงเวียนทุกวัน

เด็กคนนี้ เป็นเด็กที่ว่าง่ายจริงๆ

“งั้นก็แปลกล่ะ ”เชอรีนยักไหล่ ไม่รู้สาเหตุแล้ว

วารุณีส่ายหัว “พอแล้ว อย่าคิดมากเลย อาจจะเป็นเพราะเมื่อคืนไม่ได้นอนดีๆ รอพรุ่งนี้ก็คงไม่มีอะไรแล้ว”

“งั้นคืนนี้ก็เข้านอนเร็วหน่อยละกัน”เชอรีนกล่าว

วารุณีตอบอืมกลับมาคำหนึ่ง แล้วพยักหน้าให้“เอาละ เรากลับ……”

ยังไม่ทันที่เธอจะได้พูดจบ โทรศัพท์ก็สั่นขึ้นมา

วารุณีจึงต้องกลืนคำพูดนั้นลงคอ แล้วหยิบโทรศัพท์ออกมา

เป็นข้อความจากใครไม่รู้ และเป็นหมายเลขของในประเทศ

วารุณีกดดูด้วยความสงสัย ในนั้นเขียนว่า:วารุณี ฉันออกมาแล้ว ฉันจะเริ่มการแก้แค้นแล้ว ลูกสาวเธอคือเหยื่อรายแรก!

ด้านหลังของประโยคนี้ ยังมีไอคอนตัวหนึ่ง เป็นรูปมีดที่มีเลือดหยด เห็นแล้วก็ทำเอาขนหัวลุก

“นี่คงไม่ใช่เรื่องหยอกล้อกันเล่นอะไรหรอกนะ?”เชอรีนพูดด้วยร่างที่สั่นเทิ้ม

วารุณีสีหน้าแย่ขึ้นมาทันที “ไม่ นี่ไม่ใช่เรื่องล้อกันเล่น ”

นี่เป็นข้อความจากนวิยา

คำพูดนี้ ‘ฉันออกมาแล้ว’ก็ชี้ชัดได้ว่า คนคนนั้นคือนวิยา

นวิยาบอกว่า ไอริณคือเหยื่อรายแรก

หรือว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับไอริณ ?

เมื่อคิดได้ดังนั้น วารุณีก็กำโทรศัพท์แน่น จากนั้นก็กดโทรไปหานัทธี

นัทธีกำลังงีบหลับอยู่ข้างเตียงของไอริณ เมื่อได้ยินเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ก็ขมวดคิ้วมุ่น หยิบโทรศัพท์ขึ้นมา

เมื่อเห็นว่าวารุณีเป็นคนโทรมา ดวงตาของเขาก็มีความสงสัยเล็กน้อย จากนั้นก็กดรับสาย“ฮัลโหล?”

“นัทธี ไอริณล่ะ?”วารุณีเอ่ยถามทันที

เมื่อนัทธีได้ยินคำนี้ หัวใจก็หล่นวูบ

เธอไปรู้อะไรมางั้นเหรอ ?

“คุณถามเรื่องนี้ทำไม?”นัทธีหลุบตาลง พยายามให้เสียงของตัวเองเป็นปรกติที่สุด

วารุณีสูดหายใจเข้าลึกแล้วตอบว่า “เมื่อกี้ฉันได้รับข้อความ นวิยาเป็นคนส่งมาให้ เธอบอกว่าเธอออกมาแล้ว และจะแก้แค้นฉัน ไอริณจะเป็นเหยื่อรายแรกที่เธอจะลงมือ นัทธี ไอริณอยู่ที่ไหน ลูกเป็นอะไรหรือเปล่า ?”

“……”ริมฝีปากบางของนัทธีมีไอเย็นแผ่ซ่านเล็กน้อย และไม่ได้พูดอะไรตอบกลับไป

เขากับอารัณตัดสินใจที่จะปิดบังเรื่องนี้กับวารุณีไปก่อน รอให้วารุณีเสร็จจากการแข่งขันแล้วค่อยบอกเธอ ถึงตอนนั้น ไอริณก็คงจะค่อยยังชั่วขึ้นแล้ว และสภาพจิตใจของเธอในตอนนั้นก็คงจะรับมันได้ดีกว่าในตอนนี้

แต่ไม่คิดว่า เขาจะพลาดลืมไปเรื่องหนึ่ง ลืมว่านวิยาอาจจะส่งข่าวบอกเรื่องของไอริณให้วารุณีได้รู้

เมื่อไม่ได้ยินคำตอบจากชายหนุ่มสักที หัวใจของวารุณีก็ดิ่งลึกเหมือนหล่นลงไปอยู่ก้นหลุม ริมฝีปากกระตุก แทบหาเสียงตัวเองไม่เจอ“นัทธี……เกิดเรื่องขึ้นกับไอริณใช่ไหม?”

“ไอริณ ถูกนวิยาจับเหวี่ยงทุ่มลงกับพื้น สี่ชั่วโมงก่อนหน้า เพิ่งออกมาจากห้องผ่าตัด ”นัทธีถอนหายใจแล้วพูดออกมา

เดิมทีก็ไม่คิดที่จะพูดออกไป แต่ตอนนี้เธอรู้แล้วว่าเกิดเรื่องขึ้นกับไอริณ

เขารู้ ว่าคงปิดบังต่อไปไม่ได้อีกแล้ว

เมื่อวารุณีได้ยิน หัวสมองก็ขาวโพลน รู้เพียงวิงเวียนและโลกหมุนไปหมด

เป็นเรื่องจริง ความฝันของเธอเมื่อคืนก็ได้ยืนยันกับเธอแล้ว เกิดเรื่องขึ้นกับลูกของเธอจริงๆ

เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ วารุณีก็ทนรับกับความสะเทือนใจนี้ไม่ได้ เปลือกตาขยับ เป็นลมล้มพับลงไปทันที

ทันทีที่เชอรีนเห็น ก็ตกใจเป็นอันดับแรก จากนั้นก็เข้าไปประคองร่างเธอเอาไว้ “วารุณี?วารุณี?”

วารุณีไม่ตอบสนองใดๆ

เชอรีนไม่มีทางเลือก จึงประคองร่างของวารุณีไปพักยังโซฟาที่อยู่ข้างๆ จากนั้นก็กลับไปเก็บโทรศัพท์มือถือของเธอ “ประธานนัทธี”

เมื่อได้ยินเสียงปลายสายที่เปลี่ยนไป นัทธีก็รู้ทันทีว่าวารุณีเกิดเรื่องขึ้นแล้ว รีบถามทันทีว่า“วารุณีล่ะ?”

“วารุณีเป็นลมหมดสติไปแล้ว ประธานนัทธีคุณพูดอะไรกับวารุณี ทำไมวารุณีถึงได้มีอาการเหมือนคนตกใจสุดขีด คุณรู้ไหมว่าคนท้องอ่อนไหวมาก หมอก็เคยบอก คนท้องห้ามมีอะไรมากระทบกระเทือนจิตใจ เพราะจะทำให้เป็นลมหมดสติได้ง่ายๆ ”เชอรีนกล่าวโทษผ่านทางโทรศัพท์

นัทธีก็ไม่ได้ถือสากับการเสียมารยาทของเธอ เพราะเธอกำลังเป็นห่วงวารุณีอยู่

“ผมบอกเธอว่า เกิดเรื่องขึ้นกับไอริณ”นัทธีตอบเสียงเข้ม

เชอรีนตะลึงงัน“ อะไรนะ ? เกิดเรื่องกับไอริณ ? เรื่องอะไร เกิดอะไรขึ้นกับไอริณเหรอคะ ?”

“ตอนนี้ไม่เป็นอะไรแล้ว”นัทธีไม่ได้บอกเธอว่าเกิดอะไรขึ้นกับไอริณ พูดเพียงว่าไอริณไม่ได้เป็นอะไรแล้ว

เชอรีนถอนหายใจด้วยความโล่งอก“ดีแล้วค่ะดีแล้ว”

“หากวารุณีรู้สึกตัวแล้ว ให้รีบโทรกลับหาผมทันที”นัทธีพูดกำชับอีกครั้ง

เขาอยากจะไปหา แต่เด็กน้อยทั้งสองคน เขาปล่อยให้อยู่กันลำพังไม่ได้ จึงต้องไหว้วานกับเชอรีน

“ไม่ต้องห่วงค่ะ ฉันจะดูแลเธอให้เอง”เชอรีนตีไปที่หน้าอก

นัทธีกล่าวขอบคุณ จากนั้นก็วางสายไป ดวงตาเต็มไปด้วยความเย็นเยือก

นวิยา เธอนี่รนหาที่ตายไม่คิดที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไปแล้วจริงๆสินะ

ในต่างประเทศ เชอรีนวางโทรศัพท์ลงแล้วกลับไปหาวารุณี เตรียมที่จะพาวารุณีไปยังรถที่จอดอยู่ด้านนอกของสนามแข่งขัน แล้วส่งเธอกลับคฤหาสน์

แต่ทันทีที่พาวารุณีมาถึงที่รถได้ วารุณีก็ฟื้นขึ้นมา

“ไปสนามบิน!”วารุณีพูดด้วยร่างกายที่สั่นเทิ้ม

เชอรีนขมวดคิ้ว“วารุณี เธอจะกลับบ้านเหรอ ?”

“ใช่ ฉันจะกลับไปดูไอริณ ”วารุณีพูดด้วยดวงตาที่แดงก่ำ

ในตอนที่รับสาย เธอไม่ทันได้ถามอาการของไอริณในตอนนี้ ก็เป็นลมล้มพับไป

ดังนั้น เธอจึงต้องกลับไปดูเพื่อความสบายใจ

“แล้วการแข่งขันนี้ล่ะ?” เชอรีนถาม

วารุณีกำมือแน่น “สำหรับฉัน ไม่มีการแข่งขันไหน ที่จะสำคัญไปกว่าลูกของฉัน เชอรีน ฉันเป็นแม่คนนะ เธอเข้าใจไหม?”

เชอรีนจ้องมองเธออยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็ยิ้มและพยักหน้าให้ “ ฉันเข้าใจ ตกลง ฉันจะไปส่งเธอที่สนามบิน เพราะยังไงการแข่งขันในทุกครั้ง ก็จะมีวันว่างอยู่สามวัน อย่างมากเธอก็ใช้เวลาสามวันนี้กลับไปแล้วค่อยกลับมาก็ได้ นั่งดีๆล่ะ ฉันจะออกรถแล้วนะ ”