บทที่ 560 ทำตัวราวกับเด็ก
บทที่ 560 ทำตัวราวกับเด็ก
หลังจากที่ซูอันสลัดพวกที่ไล่ติดตามเขาไปได้หมดแล้ว ชายหนุ่มก็รีบกลับไปตามทางที่เขามา เพราะกังวลในความปลอดภัยของฉินหว่านหรู
ระหว่างทาง เขาได้รับคะแนนความโกรธแค้นอีกระลอกหนึ่ง เห็นได้ชัดว่าในที่สุดคนเหล่านั้นก็ตามเกวียนทันและตระหนักว่าหีบทั้งหมดได้หายไปแล้ว
“เฮ้อ ข้าสงสัยจริง ๆ ว่าพวกเขาจะเริ่มสู้กันเองอีกครั้งหรือเปล่าหนอ?” ซูอันพึมพำกับตัวเอง ราวกับว่าเขาต้องการให้โลกทั้งใบตกอยู่ในความวุ่นวายตลอดเวลา
ชายหนุ่มกลับมายังสถานที่ที่ซึ่งเขาทิ้งฉินหว่านหรูไว้ก่อนหน้านี้ และพบว่ามีคนจากกองทหารลาดตระเวนลำน้ำยังคงเหลือเล็กน้อยอยู่ ถ้าซ่างเชียนไม่ได้จัดการศัตรูเกือบครึ่งหนึ่งด้วยตัวเขาเอง กองทหารที่เหลืออยู่เล็กน้อยนี้คงถูกกำจัดไปนานแล้ว
ในขณะเดียวกันฉินหว่านหรูและชิวฮัวเล่ยยังคงต่อสู้กัน
แม้ว่าระดับการบ่มเพาะของฉินหว่านหรูจะสูง แต่นางก็ใช้ชีวิตเหมือนเจ้าหญิงมาหลายปีแล้วจึงไม่มีประสบการณ์การต่อสู้มากนัก
ในทางกลับกัน ชิวฮัวเล่ยดูมีประสบการณ์การต่อสู้มากกว่าอย่างเห็นได้ชัด นางใช้โคมแปลก ๆ ของนางทำให้ฉินหว่านหรูเชื่องช้าลง
ฉินหว่านหรูรู้สึกหงุดหงิดที่ไม่สามารถจัดการกับคนที่มีระดับการบ่มเพาะต่ำกว่านางได้ นางกรีดร้อง และพายุน้ำแข็งก็เริ่มโหมกระหน่ำ แท่งน้ำแข็งแหลมคมจำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งออกมาจากด้านหลังนาง
นี่เป็นครั้งแรกที่ซูอันได้เห็นนางใช้พลังธาตุ! เขาไม่เคยคิดมาก่อนว่านางจะใช้ธาตุน้ำแข็งเหมือนฉู่ชูเหยียน
บุคลิกของนางดูไม่เข้ากับธาตุน้ำแข็งเลย!
เนื่องจากนางมีอารมณ์ที่รุนแรง ซูอันจึงเคยสันนิษฐานว่านางน่าจะเป็นผู้บ่มเพาะธาตุไฟ
“หืม?”
ชิวฮัวเล่ยดูเหมือนจะตระหนักได้ถึงบางสิ่งบางอย่างเช่นกัน นางกวาดนิ้วไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว และแสงสีเหลืองอ่อน ๆ ในโคมก็สาดแสงออกไปด้านหน้า แท่งน้ำแข็งชะลอตัวลงเมื่อสัมผัสกับแสงสีเหลือง
จากนั้นแท่งน้ำแข็งก็ตกลงไปที่พื้นทีละแท่ง แตกกระจายกลายเป็นเศษน้ำแข็ง
อย่างไรก็ตาม ฉินหว่านหรูดูเหมือนจะคาดการณ์ไว้แล้ว นางจึงเอามือแตะพื้นอย่างรวดเร็ว
ทันใดนั้นรัศมีสีน้ำเงินเข้มก็ปรากฏขึ้นใต้ฝ่าเท้าของชิวฮัวเล่ย ในชั่วพริบตาน้ำแข็งที่กระจัดกระจายดูเหมือนมีชีวิตขึ้นมาในทันใด
พวกมันไหลมารวมกันโอบรอบขาของชิวฮัวเล่ยและคร่ากุมไว้อย่างแน่นหนา จากนั้นฉินหว่านหรูก็พุ่งตัวไปข้างหน้าซัดฝ่ามือพุ่งเข้าหาหน้าอกของชิวฮัวเล่ย
ซูอันตื่นตระหนก “ได้โปรดยั้งมือ!” เขาโพล่งออกมา
ฉินหว่านหรูไม่รู้ว่าใครเป็นคู่ต่อสู้ของนาง แต่ซูอันรู้ว่านางคือชิวฮัวเล่ย
ชิวฮัวเล่ยดีต่อเขา ทั้งสองถือได้ว่าเป็นเพื่อนกัน เขาจึงไม่ปรารถนาจะเห็นนางตาย
อย่างไรก็ตามฉินหว่านหรูยังคงเป็นผู้บ่มเพาะระดับที่หก แม้ว่าเขาจะเปิดใช้งานจ้าววายุเพื่อตามไปช่วยปัดป้อง แต่เขาก็ยังช้าเกินไป
ฝ่ามือของฉินหว่านหรูได้ซัดเข้าใส่หน้าอกของชิวฮัวเล่ยแล้ว
ขาของชิวฮัวเล่ยแข็งอยู่กับที่ ดังนั้นนางจึงไม่สามารถเคลื่อนไหวได้เลย นางหันไปมองไปทางซูอันในวินาทีสุดท้าย ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความสับสน
ไม่ชัดเจนว่านางสับสนว่าทำไมศัตรูถึงเป็นห่วงนาง หรือเป็นเพราะนางจำเขาได้
ฝ่ามือของฉินหว่านหรูซัดเข้าเต็มกลางอกของเป้าหมาย ร่างกายของชิวฮัวเล่ยจึงแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ ในทันที
ถูกต้องแล้ว ร่างกายของนางแตกเป็นเสี่ยง ๆ เหมือนแก้ว!
ซูอันตกตะลึง
“ร่างเงามายา!”ฉินหว่านหรูร้องออกมาด้วยความตื่นตระหนก
พริบตาถัดมาร่างของชิวฮัวเล่ยก็ได้ปรากฏขึ้นข้างหลังของฉินหว่านหรูอย่างน่าอัศจรรย์ มือขาวเรียวของนางพุ่งเข้าหากลางหลังของฉินหว่านหรูราวกับหอก!
ฉินหว่านหรูนั้นช้ากว่าปกติมากเนื่องจากถูกผลกระทบของโคม ไม่มีทางที่นางจะสามารถหลบการโจมตีนี้ได้ทันเวลา
“ท่านแม่ยาย!”ซูอันยิ่งตื่นตระหนกมากกว่าเดิม ในตอนแรกเขาต้องการช่วยชิวฮัวเล่ย แต่ไม่คิดเลยว่ากระแสการต่อสู้จะเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วเช่นนี้ ตอนนี้คนที่ตกอยู่ในอันตรายคือฉินหว่านหรูแทน!
เขาจะสู้หน้าชูเหยียนและฮวนเจาได้อย่างไรถ้าปล่อยให้เกิดอะไรขึ้นกับฉินหว่านหรู?!
ชายหนุ่มใช้จ้าววายุคว้าตัวฉินหว่านหรูไว้ และพยายามหลบหนี
อย่างไรก็ตาม การเคลื่อนไหวของเขาก็ช้าลงทันทีเมื่อเขาสัมผัสกับแสงสีเหลืองจาง ๆ ของโคม ร่างกายของชายหนุ่มรู้สึกราวกับว่ามันหนักกว่าปกติสิบเท่า
หากมองจากภายนอก แสงสีเหลืองซีดของโคมนี้มันดูอบอุ่นและสบาย อย่างไรก็ตาม ในตอนนี้เขาตระหนักว่าสีนี้สามารถทำให้รู้สึกเยือกเย็นได้จริง ๆ
ชิวฮัวเล่ยแข็งค้างไปชั่วขณะเมื่อเขาปรากฏตัวต่อหน้านาง นางดูลังเลอย่างเห็นได้ชัด
ในช่วงเวลาแห่งความลังเลใจนี้ ซูอันเพิ่งเห็นบ่อน้ำอยู่ใกล้ ๆ เขาจึงเรียกใช้ทักษะนกเป็ดน้ำสีคราม แล้วน้ำในบ่อน้ำพลันพุ่งสูงขึ้นราวกับมังกรวารีพิโรธที่ต้องการจะกลืนกินโคมที่ลอยอยู่กลางอากาศ
ชิวฮัวเล่ยตกตะลึง นางดึงโคมกลับทันทีด้วยความตื่นตระหนก
ซูอันใช้โอกาสนี้ใช้จ้าววายุพาฉินหว่านหรูจากไปในชั่วพริบตา
ชิวฮัวเล่ยมองดูทิศทางที่ร่างทั้งสองจากไป ใบหน้าของนางดูหม่นหมอง
ซูอันและฉินหว่านหรูหยุดห่างออกไปหลายลี้
ชายหนุ่มหอบหายใจ เมื่อครู่นี้ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วเกินไป ชีวิตของพวกเขาเกือบจะจบลงแล้ว!
ว่าแต่ เมื่อครู่นี้ชิวฮัวเล่ยแสดงความเมตตาต่อพวกเขางั้นเหรอ?
นางจำข้าได้ใช่ไหม?
แต่ก็ไม่น่าแปลกใจเท่าไหร่หรอก หน้ากากไม่เพียงพอที่จะซ่อนความสุดยอดของผู้ชายอย่างข้าอยู่แล้ว!
ในที่สุดฉินหว่านหรูก็ได้สติ “เราหนีมาทำไม!” นางตะโกนร้องขึ้นพร้อมกับ สะบัดมือของซูอันออก “เมื่อครู่นี้ข้าแค่เผลอเรอไปเท่านั้น! ข้าสามารถเอาชนะนางได้…”
ยิ่งนางแก้ตัวนางก็ยิ่งรู้สึกละอายมากขึ้นเรื่อย ๆ ถ้าซูอันไม่ได้พานางหนีมา นางอาจจะได้รับบาดเจ็บสาหัสไปแล้ว การที่ผู้บ่มเพาะระดับหกที่แพ้ให้กับผู้บ่มเพาะระดับที่ห้านั้นช่างน่าอับอายเกินกว่าจะรับไหว
อย่างไรก็ตามความแข็งแกร่งของผู้หญิงคนนั้นไม่เหมือนกับผู้บ่มเพาะระดับห้าเลย!
ซูอันหัวเราะอยู่ในใจ ตอนนี้ฉินหว่านหรูทำตัวไม่ต่างกับฉู่ฮวนเจาเลย
นางไม่เต็มใจจะยอมรับความพ่ายแพ้ แน่นอนว่าสิ่งนี้สอดคล้องกับอารมณ์ปกติของนาง “ท่านแม่ยาย ท่านลืมไปแล้วเหรอว่าเรามาที่นี่เพื่ออะไร? เราไม่ได้มาเพื่อต่อสู้!”
“ใบอนุญาตค้าเกลือ!”ฉินหว่านหรูดูเหมือนเพิ่งตื่นจากความสับสน “นี่…สุดท้ายเราก็สูญเสียใบอนุญาตค้าเกลือไปใช่ไหม?”
นางอดไม่ได้ที่จะผิดหวังเมื่อเห็นว่าซูอันกลับมามือเปล่า แน่นอนว่าเป็นที่คาดหมายได้ เนื่องจากศัตรูมีจำนวนมากเกินไป
อย่างไรก็ตาม เขาเพิ่งช่วยชีวิตนางไว้ ดังนั้นนางจึงไม่สามารถตำหนิติเตียนเขาได้
“ไม่ต้องห่วง ข้าได้พวกมันมาทั้งหมดแล้ว!”ซูอันกล่าวอย่างสบาย ๆ
“อะไรนะ!?”ฉินหว่านหรูรู้สึกตื่นเต้น แต่แล้วหลังจากที่นางมองไปรอบ ๆ นางก็เอ่ยถามกลับอย่างสับสน “แล้วพวกมันอยู่ที่ไหน?”
จากนั้นสีหน้าของนางก็แข็งค้างในทันที “ระวัง มีคนมา”
“ระดับการบ่มเพาะของเขาสูงมาก น่าจะอยู่ในระดับที่เจ็ด!
“น่าจะเป็นคนที่เป็นพันธมิตรกับกลุ่มคนชุดดำพวกนั้น!”
ฉินหว่านหรูวิเคราะห์สถานการณ์ในพริบตา ทั้งสองคนเริ่มประหม่าทันที