EP 490
By loop
ในตอนเที่ยงจางอันหมินรู้สึกมีพลังหึดอีกครั้งหลังจากกินซาลาเปาและอาหารที่เหลือจากที่บ้านรวมทั้งดื่มนมที่ซื้อมาด้วยเงินติดกระเป๋าอันน้อยนิดของเขา
เขาดื่มกาแฟหนึ่งแก้วที่ชงด้วยตัวเอง เขาเติมนมสี่ถ้วยเทลงในกระติกน้ำร้อนและแอบใส่อินทผลัมสีแดงสองแก้ว ขณะที่เดินลงไปชั้นล่าง
จางอันหมินไม่ได้ต้องการให้ทุกคนจริงจังกับการทำงานขนาดนี้ แต่เพราะเขานอนดึกจึงทำให้เขาต้องดื่มกาแฟ อีกทั้งเขาไม่อยากเป็นหมอที่ถูกเยาะเย้ยจากผู้ป่วยว่าเขาอ้วน แต่ยังไงน้ำหนักของเขาก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆในช่วงปีหลังๆมา
เขายังมีภาระจำนองอีกยี่สิบเจ็ดปีเพื่อจ่ายค่าบ้านในบ้านเกิดดังนั้นเขาจึงต้องรักษาสุกขภาพไว้ตลอด
“ กาบ”.
“กาบ”
เสียงร้องของหงษ์ขาวตัวใหญ่เดินทางมาจากน้ำพุ
มุมปากของ จางอันหมินโค้งขึ้นและแสดงรอยยิ้ม ขณะที่เขาหมุนเท้าไปรอบ ๆ เขาก็เดินไปยังทิศทางของน้ำพุ
หงษ์ขาวตัวใหญ่เป็นที่กลายเป็นที่นิยมที่สุดโดยเฉพาะกับเด็ก ๆ ที่ไม่เคยไปเที่ยวแถวชนบท มันเลยทำให้ดูเหมือนหงษ์ขาวตัวใหญ่หายากพอ ๆ กับ ที-เร็กในยุคดึกดำบรรพ์เลยก็ว่าได้
หากไม่ใช่เพราะความก้าวร้าวของหงษ์ขาวตัวใหญ่ขนทั้งหมดที่ถูกถอนออกไปหมดด้วยฝีมือของเด็กนานแล้ว
“ คุณสามารถสัมผัสมันได้ แต่คุณไม่สามารถถอนขนของมันได้” โจวซินเยียนอยู่ถัดจากน้ำพุ เขาต้องการพื้นที่สงบๆในการพักผ่อนหย่อนใจ แต่สิ่งที่เขาพูดนั้นค่อนข้างแปลก
จางอันหมินรีบเดินผ่านฝูงชน จากนั้นเขาก็เห็นหงษ์อยู่ในลานน้ำหอม ซึ่งในขณะนั้นเขาตกใจมาก เมื่อเขาพบกับคนที่เขากลัวมากๆ ลองจาก ผู้อำนวยการฮวง ชายคนนั้นนั่งยองๆอยู่ที่ขอบสระน้ำพุ เขาคนนั้นคือหลิงรัน หลิงรันจับคอของหงษ์และแตะปีกของมัน
เมื่อหลิงรันสัมผัสมันเด็กหลายคนก็ขึ้นไปสัมผัสมันเช่นกัน ผู้ใหญ่หลายคนถ่ายภาพด้วยแปลกใจและบางคนก็อัปโหลดในเว่ยโปร
มีเพียงหยูหยวนเท่านั้นที่จ้องมองไปที่หงษ์ขาวตัวใหญ่ด้วยสายตากังวล เธอดูราวกับว่าเธอพร้อมที่จะเข้าไปศึกษาจ้าวน้ำหอมได้ทุกเมื่อ
“ กาบ”
หงษ์สีขาวตัวใหญ่ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยจากเด็กเหลือขอ มันร้องออกมาด้วยความเสียใจและเงยหน้าขึ้นมองหยูหยวน เธอทำได้เพียงแสดงความเข้าใจก่อนที่จะบังคับตัวเองให้มองไปที่อื่น
จางอันหมินมองไปที่หงษ์สีขาวตัวใหญ่อย่างแปลกประหลาดที่กำลังทำตัวแปลก ๆ เขาถามอย่างสงสัยว่า“ เกิดอะไรขึ้น”
“ เรากำลังตรวจสอบดูว่าหงษ์ตัวนี้สะอาดหรือไม่” พยาบาลสาวข้างๆเขามองไปที่หลิงรันและพูดว่า“ มันคือการปกป้องโรงพยาบาลจากการติดเชื้อ”
“อ้อเข้าใจแล้ว.” จางอันหมินพยักหน้าอย่างเข้าใจ
โรงพยาบาลตระหนักถึงการติดเชื้อมากขึ้น แน่นอนว่าศัตรูหลักของกรมควบคุมการติดเชื้อคือแบคทีเรียระดับสูงที่เกิดขึ้นในโรงพยาบาลเช่น เชื้อสไปโรคอคัด ที่ดื้อต่อยาเมสทีซิริน ซึ่งมันเปรียบเสมือนฮัคยักษ์เขียวในหนังเรื่องดังในสายพันธุ์แบคทีเรีย สามารถค้นพบได้หลังจากที่ยาปฏิชีวนะกรองแบคทีเรียอื่น ๆ ออกหมดแล้ว เมื่อเกิดการติดเชื้อในระดับดังกล่าวยาปฏิชีวนะปกติจะไม่ทำอะไรกับพวกมันได้เลย
เมื่อเทียบกับซุปเปอร์บักที่โรงพยาบาลเพาะเลี้ยงแบคทีเรียในคลินิกเล็ก ๆ ธรรมดาหรือแบคทีเรียบนหงษ์ขาวก็เหมือนเข็มทิ่มแทง มีเพียงแพทย์อย่างหลิงหรันเท่านั้นที่จะตรวจสอบพวกเขาทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นเรื่องใหญ่หรือเรื่องเล็กก็ตาม
หลิงรันเล่นกับห่านสีขาวตัวใหญ่ซ้ำแล้วซ้ำเล่าก่อนที่เขาจะให้หยูหยวนส่งตัวอย่างไปที่แผนกห้องปฏิบัติการทางการแพทย์ ตอนนั้นเองที่เขาโยนหงษ์กลับลงไปในน้ำพุ
หงษ์สีขาวตัวใหญ่บินไปอีกด้านหนึ่งของสระว่ายน้ำและซ่อนตัว จากนั้นมองไปที่หลิงรันด้วยความขุ่นเคือง ศักดิ์ศรีและการปกครองที่สร้างขึ้นในช่วงสองสามวันที่ผ่านมาถูกทำลายลงอย่างสิ้นเชิงในเวลาเพียงหนึ่งวัน มันอดไม่ได้ที่จะแสดงความเกรี่ยวกราดออกมา
จางอันหมินเดินไปข้างหน้าและต้องการทักทายหลิงรัน
ในตอนนี้ หลิงรันได้เห็นจางอันหมิน ก่อนแล้ว
“ หมอจาง” หลิงรันเงยหน้าขึ้นด้วยท่าทางที่สังคมยอมรับได้
หลิงรันยังคงแสดงกริยาที่สุภาพออกมา บ่อยๆเช่นการทักทาย ก่อนหน้านี้ตอนที่เขาอยู่โรงเรียนหรือในคลินิกของตระกูลของเขขา เขาต้องพบปะผู้คนมากมายทุกวัน นอกจากนี้เขายังจะได้พบกับคนที่ไม่คาดคิดบ่อยครั้งเช่นเพื่อนนักเรียนประถมของเขาที่เคยไปเรียนหนังสือที่ลอนดอนหลังจากไม่ได้พบกันเป็นเวลาสิบปี จากนั้นด้วยเหตุผลที่อธิบายไม่ได้พวกเขาบินกลับไปที่หยุนหวั โดยเจตนาเพื่อดื่มชานมกับ หลิงรันหลิงหรันเคยเผชิญกับสถานการณ์เช่นนี้มาแล้วหลายสิบครั้ง ท้ายที่สุดเขาก็เรียนรู้ทักษะด้านสื่อสารมากมายจากเขา
จางอันหมินรู้สึกยินดีมาก ในความประทับใจของเขาหลิงรัน เพราะเขาคาดว่าหลิงรันไม่น่าจะเป็นคนเข้าสังคมเก่ง
“ ทำไมตอนนี้คุณไม่อยู่ในห้องผ่าตัดล่ะ?” หลิงรันเดินไปหาจางอันหมิน
“กาบ”
หงษ์ขาวตัวใหญ่ปราศจากพันธนาการ มันกระพือปีกเล็กน้อยใช้ดวงตาเล็ก ๆ ของมันเพื่อมองดูผู้คนรอบ ๆ ตัวมันราวกับว่ามันต้องการเลือกเหยื่อที่จะโจมตีด้วยจงอยปากของมัน
เด็กกลุ่มหนึ่งหนีไปราวกับสัตว์ร้ายตัวน้อยที่กำลังข่มขู่
จางอันหมิน มองไปที่หงษ์ขาวตัวใหญ่หัวเราะและพูดว่า“ ผมมีเวลาว่าง ดังนั้นผมจึงตัดสินใจที่จะหยุดพักในตอนเที่ยงและผมก็ออกมาดูหงษ์ด้สนนะ”
“ โอ้” หลิงรันตอบ เขากล่าวว่า“ งั้นไปที่ห้องผ่าตัดด้วยกันเถอะ ฉันจะจัดให้มีการผ่าตัดเร็วขึ้นเล็กน้อย”
“ หืม? เป็นการผ่าตัดตับหรือไม่” ไม่ได้คาดหวังว่าความสุขจะมาเร็วขนาดนี้ พวกเขาไม่จำเป็นต้องทำตามขั้นตอนก่อนหน้านี้หรือ? ไม่มีข้อกำหนดในการอ่านรายงานสองสามฉบับในตอนกลางคืนหรือซื้ออุปกรณ์หรือบางอย่างอย่างงั้นหรอ?
หลิงรันเพียง แต่พยักหน้าและกล่าวว่า“ การผ่าตัดตับเล็ก แค่รักษาโรคตับบางอย่าง”
หลังจากทำการผ่าตัดมะเร็งตับหลายเคสหลิงรันได้พักการผ่าตัดดังกล่าวมาช่วงหนึ่งแล้ว
เท่าที่เทคโนโลยีการผ่าตัดสมัยใหม่เป็นที่เกี่ยวข้องโรคมะเร็งเป็นประเภทของความเจ็บป่วยที่ปัจจุบันมีอยู่ที่พรมแดนของสิ่งที่การผ่าตัดสามารถรักษาได้ในขณะนี้ มีบางคนที่ประสบความสำเร็จในการรักษาและบางคนที่ล้มเหลว แต่ในเคสส่วนใหญ่แพทย์ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพวกเขาประสบความสำเร็จหรือล้มเหลว
หลิงรันไม่ชอบความไม่แน่นอนแบบนี้ เขาจึงหยุดพักการรักษานี้ไป
จางอันหมินเองจะไม่คิดมากในเรื่องนี้
เขารู้สึกตื่นเต้นอยู่แล้วเมื่อได้ยินว่าสามารถผ่าตัดตับได้
หลังจากดื่มกาแฟครึ่งหนึ่งในมือจางอันหมินรู้สึกกระปรี้กระเปร่ามากกว่าดื่มกระทิงแดงสี่ขวดเสียอีก เขาพยักหน้าและพูดว่า“ ผมคุ้นเคยกับโรคตับเช่นกัน ก่อนหน้านี้ผมเคยผ่าไปแล้ว…”
“อย่างั้นช่วยเล่าให้ฟังหน่อยขณะที่เราเดินไปที่ห้องผ่าตัด” หลิงรันดูเหมือนรีบ เขาสั่งหยูหยวนว่า“ โทรไปที่ห้องผ่าตัด”
“ เอาล่ะพวกคุณไปก่อนเลย ฉันจะตามไปทีหลัง” หยูหยวน พูดขณะที่เธอเดินไปหาหงษ์สีขาวตัวใหญ่
จางอันหมินก็มองไปที่หยูหยวน ที่สูงสี่ฟุตเก้านิ้วที่กำลังเดินไปที่หงษ์สีขาวตัวใหญ่ที่มีคอยาวสิบห้านิ้ว เขาอดไม่ได้ที่จะยิ้มและคิดว่า ‘มันค่อนข้างง่ายที่จะพูดคุยกับคนในทีมของหลิงหรันและพวกเขาก็แน่ใจว่าจะทำสิ่งต่างๆอย่างราบรื่นและสะอาด … ‘
“ ฮึก!”
เห็นมือของ หยูหยวนลอยขึ้นไปในอากาศ จากนั้นเธอก็สอดเทอร์โมมิเตอร์ในมือเข้าไปในหงษ์สีขาวตัวใหญ่
จางอันหมินถึงกับทำอะไรไม่ถก เขาได้แจ่บีบแก้มของเขาเข้าหากัน
“ นิ่งไว้เรากำลังวัดอุณหภูมิร่างกายของแก”หยูหยวนถือโอกาสสัมผัสหงษ์ เธอยิ้มอย่างสวยงามและเอื้อมมือไปจี้ใบหน้าของหงษ์ตัวนั้น“ ยิ้มให้ฉันหน่อยสิแกนะ”
จ้าวน้ำหอมแสดงสีหน้าของผู้พ่ายแพ้ออกมาอย่างชัดเจน
“ ลิฟต์มาแล้ว” หลิงหรันเตือนเขา
“โอ้ใช่.” จางอันหมินวิ่งเข้ามาเขาหันกลับมาอย่างอ่อนโยนและยืนอยู่ที่หน้าลิฟต์
“ นายบอกว่านายคุ้นเคยกับโรคตับมากใช่ไหม” หลิงรันถามจางอันหมินขณะที่เขายืนอยู่ข้างหลังเขา ใบหน้าของเขาสะท้อนอยู่ในประตูลิฟต์มันวาวและทำให้ดูเหมือนว่าเขากำลังเปล่งประกาย
“ ใช่ใช่…ผมเคยเป็นผู้ช่วยคนแรกมาก่อนและเป็นผู้ช่วยคนที่สองด้วย นอกจากนี้…” จางอันหมินท่องประวัติย่อของเขาอย่างกระตือรือร้น
“ดีแล้ว. ไปหาข้อมูลของคนไข้ คัดกรองทั้งหมดเพื่อดูว่าเราพลาดเงื่อนไขบางอย่างที่เราไม่ได้พิจารณาหรือไม่ นายยังสามารถใช้เพื่อทำความคุ้นเคยกับสถานการณ์ก่อนการผ่าตัด” หลิงรันมอบหมายงานของเขาอย่างราบรื่นด้วยท่าทางสบาย ๆ
จางอันหมินรับงานอย่างรวดเร็ว
“นายรู้วิธีอ่านซีทีแสกน หรือป่าวล่ะ? แล้วการอ่านเอ็มอาร์ไอแสกนล่ะ” หลิงรันถาม
“ผมรู้นิดหน่อย.” จางอันหมินไม่กล้าพูดอะไรมากมายออกไป เขารู้ว่าหลิงรันมีความสามารถในการอ่านผลสแกนในระดับที่ยอดเยี่ยมมากๆ แต่เขาไม่รู้ว่าเขามีความสามารถของเขามีเพียงใด
“ อย่างงั้นช่วยอ่านผลการซีทีสแกน และเอ็มอาร์ไออีกครั้ง หลังจากนั้นช่วยบรรยายสรุปให้หมอลู่และหยูหยวนด้วย” หลิงรันยังคงมอบหมายงานต่อไป มีเพียงแพทย์ประจำบ้านเท่านั้นที่ได้รับมอบหมายให้ดูแลเขา เห็นได้ชัดว่าพวกเขาไม่มีประโยชน์เท่ากับจางอันหมินซึ่งเป็นแพทย์รุ่นเยาว์
จางอันหมินยังคงพยักหน้า
“ ลองดูผู้ป่วยด้วย จากนั้นพยายามทำความรู้จักกับสมาชิกในครอบครัวของพวกเขา ตรวจสอบอาการแผลยาก่อนเริ่มการผ่าตัด…” หลิงรันสั่งหลายคำในคราวเดียวจางอันหมินรู้สึกเวียนหัวเล็กน้อยจากการคำสั่งทั้งหมด
“ ถ้าอย่างนั้นผมจะไปตรวจสอบตอนนี้ ถึงเวลาทำการเมื่อไร”
“ หลังจากนั้นสี่สิบห้านาที”
“ สี่สิบห้านาที…ในเคสนี้เราจะไปไม่ทันเวลา”
“ นายต้องการนานแค่ไหน?” หลิงหรันถาม
จางอันหมินลังเลและกระซิบ“ สี่ชั่วโมง?”
“ เราจะทำการผ่าตัดครั้งที่สามหลังจากสี่ชั่วโมง นายต้องทำให้เร็วที่สุดและดีที่สุด” ขณะที่เขาพูดประตูลิฟต์ก็เปิดออกและหลิงรันก็เดินจากไปทันที
“ หมอหลิง”
“ หมอหลิง!”
ทุกคนทักทายหลิงรันอย่างสุภาพที่โถงทางเดิน
จางอันหมินเดินตามไปอย่างใกล้ชิด เขารู้สึกว่าออกซิเจนในอากาศดูเหมือนจะถูกดูดออกไป เขาดูอึดอัดมากในตอนนี้