Jun Jiu Ling หวนชะตารัก – ภาค 3 บทที่ 161 มองรอบด้านมึนงง
“สหายร่วมบ้านเกิดทั้งหลาย พวกเรามาขอบคุณพวกเจ้า”
“ขอบคุณพวกเจ้า กวาดล้างโจรมีคุณงามความชอบ”
“ขอบคุณพวกเจ้าช่วยคุณหนูจวิน”
บุรุษข้างกายคุณหนูจวินตะโกนเสียงดัง เขาตะโกนประโยคหนึ่งออกมา เหล่าทหารด้านหลังก็เอ่ยซ้ำรอบหนึ่งอย่างพร้อมเพรียง
เสียงตะโกนดังก้องก้องกังวานทั่วฟ้าดิน
แม้เสียงดังกังวาน แต่สีหน้าทหารทุกคนล้วนมึนงงอยู่บ้าง
ส่วนแม่ทัพใหญ่เผิงที่เดินอยู่ในขบวนนอกจากสีหน้ามึนงง ยังมีความอับอายหงุดหงิดอยู่ด้วย
“เจ้ารู้ไหมตอนนี้ข้ารู้สึกอย่างไร?” เขาเอ่ย “ตอนนี้ข้ารู้สึกว่าตนเองเหมือนไก่ไม่มีขนตัวหนึ่ง”
รองแม่ทัพข้างตัวอดไม่ได้ส่งเสียงหัวเราะพรืดออกมาแล้วรีบทำหน้าบึ้งอีกครั้ง
ที่จริงสีหน้าของเขาก็ไม่ได้ดีไปไหน เทียบกับความอับอายหงุดหงิดของแม่ทัพใหญ่เผิง เขามีความวิตกมากกว่า
“ใต้เท้าพูดถูก ไม่สู้ก็ช่างเถิด ทำไมยังเข้ามาอีก” เขาเอ่ยเสียงเบา มองซ้ายขวา สีหน้าเต็มไปด้วยความระแวง
“บอกว่าชาวเขา คนซื่ออะไร” แม่ทัพใหญ่เผิงแค่นเสียงเหอะเอ่ย “ชาวเขาคนซื่อที่ไหนมีเชือกรัดม้าที่ร้ายกาจเช่นนั้น ยังมีศรหนัก พวกเราตอนนี้อาวุธสักนิดก็ไม่ได้พกมา เข้าไปเช่นนี้ ไม่ใช่ให้คนเชือดตามใจรึ?”
รองแม่ทัพมองไปทางเด็กสาวที่เดินอยู่ด้านหน้าสุดอีกครั้ง คนของนางที่ห้อมล้อมนางอยู่ก็ล้วนปลดอาวุธแล้ว
“พวกเขาก็ไม่กล่อมคุณหนูจวินดูบ้าง” เขาเอ่ยเสียงเบา “เด็กสาวใจอ่อนง่าย ถูกคนหลอกสองประโยคก็คิดว่าบนโลกล้วนเป็นคนดีแล้ว”
ในความเห็นของพวกเขาโจรภูเขาเหล่านี้เห็นทหารมาย่อมกลัว ดังนั้นจึงหลอกคุณหนูจวินคนนี้ให้เปลี่ยนเรื่องใหญ่เป็นเรื่องเล็ก เรื่องเล็กเป็นไม่มีแล้ว
“บอกว่าตนเองถูกโจรภูเขาลักพาตัวไปจริงๆ แต่ได้ชาวเขาจางชิงซานแห่งนี้ช่วยไว้ ทุกคนเข้าใจผิดแล้วอะไร คำพูดพรรค์นี้หลอกเด็กเด็กยังไม่เชื่อ” รองแม่ทัพเอ่ยเสียงเบา พูดถึงตรงนี้ก็ขมวดคิ้วอีกครั้ง “แต่นี่ควรพูดว่านางโง่หรือโจรภูเขาโง่?”
ไม่ว่าพุดอย่างไร คุณหนูจวินก็ถูกปล่อยออกมาแล้ว คำพูดนี้หลอกคุณหนูจวินได้ แต่ไม่มีทางหลอกทหารทั้งหลายได้เด็ดขาด พวกเขาทำไมมั่นใจปานนี้ว่าพวกทหารจะไม่มีทางโจมตีพวกเขา? อย่างไรคุณหนูจวินก็ปลอดภัยแล้ว
จะเจรจาก็ต้องมีตัวประกันอยู่ในมือไหม ไม่มีตัวประกันใครยังพะว้าพะวงอีก ตีให้ตายแล้วค่อยว่ากัน
แม่ทัพใหญ่เผิงแค่นเสียงเหอะ
“นางไม่โง่ โจรภูเขาก็ไม่โง่ พวกเราโง่” เขาเอ่ย
ก็ถูก สภาพเช่นนี้โง่เอาการ
รองแม่ทัพฟังรอบด้านยังคงตะโกนต่อไป มองสภาพแวดล้อมรอบด้านอย่างระมัดระวังอีกครั้ง
ตอนนี้พวกเขาเหมือนเช่นแกะฝูงหนึ่ง รอบด้านเสือสุนัขป่าล้อมจ้อง
ทำไมถึงฟังเด็กสาวคนนี้ ปลดอาวุธเดินเข้ามาจริงๆ นะ?
นี่หากเกิดเรื่องขึ้น พวกเขากองทหารหย่งหนิงคงกลายเป็นเรื่องตลกเล่าสืบต่อกันไปพันปี
“ไม่เชื่อฟังได้หรือ?” แม่ทัพใหญ่เผิงเอ่ย มองคนม้าขบวนหนึ่งด้านหน้า แม้ดาบปักวสันต์ปลดลงไปแล้ว แต่ชุดปลาบินทั้งร่างนั่นก็ยังคงทำให้คนใจพรั่นพรึง
เชื่อฟังก็กลายมาเป็นแกะโง่ๆ รอเชือดอาจจบชีวิต ไม่เชื่อฟังล่วงเกินคนกลุ่มนี้ก็ต้องจบชีวิตเหมือนกัน
เทียบกับองครักษ์เสื้อแพร เขายังรู้สึกสนิทชิดเชื้อกับโจรภูเขากว่า
ระหว่างที่อกสั่นขวัญแขวนก็เดินมาถึงหน้าหมู่บ้านภูเขาอย่างรวดเร็วยิ่ง ระหว่างทางหาได้ถูกซุ่มโจมตี และมองดูหมู่บ้านภูเขาด้านหน้าก็เงียบสงบไปหมด ข้างทางถึงขั้นยังมีวัวกำลังแกว่งหางกินหญ้าอยู่
แต่แม่ทัพใหญ่เผิงยังคงสีหน้าเคร่งเครียด
หมู่บ้านภูเขานี่มีกี่คน? แล้วบนภูเขาด้านนั้นซ่อนคนได้เท่าไร?
“เอาล่ะ” คุณหนูจวินกระโดดลงจากม้าเดินมา “แม่ทัพใหญ่เผิง ท่านวางใจได้แล้ว ไม่เป็นไรจริงๆแล้ว”
แม่ทัพใหญ่เผิงร้องอ้อ เป็นหรือไม่เป็น ที่จริงในใจทุกคนล้วนกระจ่างชัด หากดันทุรังจะแสร้งโง่ เขาก็ไม่รู้จะพูดอะไรจริงๆ
“พวกท่านกลับไปเถอะ ครั้งนี้รบกวนพวกท่านแล้ว เป็นข้าส่งข่าวให้ทุกคนไม่ทันเวลา ทำให้ทุกคนเป็นห่วง” คุณหนูจวินเอ่ยต่อ “คนของเต๋อเซิ่งชางจะอธิบายกับเจ้าเมืองและชาวบ้านทั้งหลายเอง”
กลับไป?
แม่ทัพใหญ่เผิงอึ้งไปชั่วครู่
“คุณหนูจวิน ท่านไม่กลับไปหรือ?” เขารีบเอ่ยถาม
คุณหนูจวินส่ายศีรษะ
“ข้ายังคงเหมือนที่บอกไว้ก่อนหน้านี้ ไม่ไปเมืองเจินติ้งชั่วคราว อยู่ที่นี่ตระเวณรอบๆ” นางเอ่ย
นี่เป็นคำอธิบายที่นางบอกกับแม่ทัพใหญ่เผิงและทหารทั้งหลายตอนแยกทางกันก่อนหน้านี้
แต่ในเวลานี้ โจรภูเขาเหล่านี้
“ไม่ พวกเขาเป็นเพียงชาวเขาเท่านั้น” คุณหนูจวินเอ่ยอีกครั้ง “ใต้เท้าเผิง ท่านไม่ต้องกังวลจริงๆ”
แม่ทัพใหญ่เผิงยังอยากพูดอะไรอีก จินสือปาก็กระแอมทีหนึ่ง
“ขอรับ” แม่ทัพใหญ่เผิงเอ่ยทันที “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ถ้าอย่างนั้นพวกเราก็ขอตัวก่อนแล้ว คุณหนูจวินท่านต้องการสิ่งใดโปรดสั่งได้เต็มที่”
คุณหนูจวินยิ้มตอบรับ คำนับขอบคุณอีกครั้ง
แม่ทัพใหญ่เผิงสีหน้ายุ่งยากพาคนจากไป ย่อมมีคนของเต๋อเซิ่งชางตามไปด้วย พวกเขาจะอธิบายเรื่องครั้งนี้แก่ขาวบ้านทั้งหลายตามคำกำชับของคุณหนูจวิน
……………………………………….
เดินออกจากทางภูเขามาจนถึงที่ราบ แม่ทัพใหญ่เผิงถึงผ่อนลมหายใจ ยกแขนเสื้อเช็ดเหงื่อบนศีรษะ
ขายหน้าจริงๆ เขาเป็นทหารมานานปานนี้ ขบวนทัพอันตรายใดไม่เคยเห็นบ้าง คิดไม่ถึงว่าจะอกสั่นขวัญแขวนเช่นนี้เพราะเดินบนทางภูเขาที่ไม่เห็นศัตรูสักคน
ที่สำคัญก็คือเรื่องนี้น่าเหลือเชื่อเกินไปแล้ว
เขาจางชิงซาน ชาวเขา แม่ทัพใหญ่เผิงหันกลับไปมองทีหนึ่ง ข้าจดจำไว้แล้ว
เขาโบกมือ ทหารทั้งหลายก็ติดอาวุธที่ปลดไว้พรึบพรับใหม่อีกครั้งจากไปไกล
จนกระทั่งถึงตอนนี้ พวกเซี่ยหย่งที่ลอบมองอยู่บนยอดเขาด้านข้างถึงผ่อนลมหายใจ
เฉกเช่นที่แม่ทัพใหญ่เผิงสงสัยระแวง พวกเขาก็ระแวงว่านี่เป็นกับดักอันหนึ่งเช่นกัน คุณหนูจวินอาจตั้งใจแสดงท่าทีเป็นมิตรให้พวกเขาคลายความระวัง รอนางพาทหารทั้งหลายเข้าหมู่บ้านแล้ว ตอนพวกเขาออกมาก็รวบพวกเขาให้หมดทีเดียว
แต่ตอนนี้เรื่องเช่นนี้ไม่ได้เกิดขึ้น ทหารหลายร้อยยังพึ่บพั่บจากไปแล้วด้วย
จากไปจริงๆ
เซี่ยหย่งมองทหารที่ค่อยๆ หายลับไปจากสายตา ขมวดคิ้ว
นี่ที่แท้เป็นเรื่องอะไรกัน?
คุณหนูจวินคนนั้นเห็นชัดๆ ว่าหนีออกไปแล้ว กลับยังทำเช่นนี้ นางคิดจะทำอะไร?
ทิ้งพวกสายสืบเฝ้าระวังไว้นิดหน่อย เซี่ยหย่งก็กลับมาถึงหมู่บ้านภูเขา คนทั้งหมดยังคงซุ่มอยุ่ เพียงแต่เทียบกับความระแวงก่อนหน้านี้ สีหน้าล้วนมึนงงอยู่บ้าง
สายตาทั้งหมดมองไปทางปากทางเข้าหมู่บ้าน ด้านนั้นคนกลุ่มหนึ่งยืนอยู่
“เฮ้ หัวหน้าหมู่บ้านเซี่ย น้าเซี่ย พวกท่านรีบออกมาเถอะ ข้าอธิบายกับพวกเขาแล้ว” คุณหนูจวินเอ่ย “พวกเขาไปแล้ว”
นอกจากคำพูดของนางจะทำให้พวกเขาตกตะลึงแล้ว สิ่งที่ทำให้พวกเขาตกตะลึงยิ่งกว่าคือสายตาของนางที่มองมา
“เอาล่ะ ออกไปเถอะ ไม่ต้องหลบแล้ว” สตรีผู้ยืนอยู่หลังร่างหยางจิ่งเอ่ยขึ้น “คนเขารู้ว่าพวกเราซ่อนอยู่ที่นี่ หากจะสร้างความลำบากให้จริงก็เป็นเรื่องง่ายดายดุจยกฝ่ามือ”
พวกเซี่ยหย่งสบตากันทีหนึ่ง
ใช่สิ แค่จากที่นางหนีออกไปจากที่นี่ได้อย่างง่ายดาย จะจัดการพวกเขาจริงๆ ก็ง่ายดายเหลือเกินจริงๆ
ได้ยินเสียงนกร้องแหลมสูงหลายที จินสือปากับเหลยจงเหลียนก็มองเห็นทั่วทุกสารทิศกระทั่งบนต้นไม้ใหญ่หลังร่างตนมีคนกระโดดลงมา
หากจะพูดว่าตกตะลึงกับการซ่อนตัวที่มิดชิดของพวกเขา ไม่สู้พูดว่ามองเห็นสภาพของพวกเขายิ่งตกตะลึง
จินสือปาร้องเหอะทีหนึ่ง
“เป็นชาวเขาจริงๆ ด้วยแฮะ” เขาเอ่ย มองผู้เฒ่าเด็กน้อยบุรุษสตรีเสื้อผ้าขาดวิ่นเหล่านี้
เซี่ยหย่งก้าวเข้ามาข้างหน้าก้าวหนึ่ง
“คุณหนูจวิน ท่านต้องการอะไร?” เขาเอ่ยเสียงเข้ม
คุณหนูจวินก็ก้าวมาข้างหน้าก้าวหนึ่งด้วย
“ข้าต้องการให้พวกท่าน…” นางเอ่ยขึ้น ฉับพลันหมุนตัวชี้จินสือปา “จับองครักษ์เสื้อแพรพวกนี้ไว้ให้หมด”
คำพูดนี้ออกมา พวกจินสือปาพลันสีหน้าเปลี่ยน เหลยจงเหลียนตวาดเบาๆ ทีหนึ่ง โผร่างมาข้างหน้า
นี่เป็นเหตุการณ์ผลิกพันกะทันหันจริงๆ ชาวเขาผู้เดิมก็งุนงงอยู่แล้วเพิ่งเดินออกมายิ่งตะลึง
นี่ที่แท้ใครเป็นพวกเดียวกับใครกันแน่?