บทที่ 516 ผมวาดเองหมดเลยครับ

เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ

บทที่ 516 ผมวาดเองหมดเลยครับ

บทที่ 516 ผมวาดเองหมดเลยครับ

ซื่อเลี่ยงมองคณะกรรมการที่ร้อนใจอย่างใจเย็น จนแทบจะยิ้มเยาะออกมา

คิดจะอวดภูมิต่อให้ท่านผู้นำ? แล้วการที่ไม่ถามเขาก่อน แต่โพล่งออกมาแบบนี้มันจะดีจริง ๆ หรือ?

แต่กลายเป็นเสี่ยวเถียนที่ทนไม่ไหวเตรียมจะพุ่งออกไป แต่แล้วตอนนั้นก็ได้ยินเสียงพี่รองเอ่ยขึ้น น้ำเสียงสงบนิ่งของชายหนุ่มดังชัดเจน

“อาจารย์อยากให้ผมพูดอีกสักประโยค เพื่อที่จะได้ตัดสินใจได้ใช่ไหมครับ?”

เหล่ากรรมการตัดสินไม่ค่อยยินดีเพราะเรื่องอัปยศแบบนี้นี่แหละ เลยได้แต่หวังว่าซื่อเลี่ยงจะไม่มีตัวตนอยู่

พวกเขาอยากจะฟังซื่อเลี่ยงพูดเสียที่ไหนกัน

แต่ที่ต้องประหลาดใจคือ รัฐมนตรีกู่กลับพยักหน้า

“คุณพูดมาเถอะ!”

ชายหนุ่มพยักหน้าขอบคุณ

“ถึงงานฝึกวาดพวกนี้จะเซ็นชื่อเจียงเยว่ซานลงไป แต่มันก็ไม่ได้พิสูจน์ว่าเธอวาดเองหรือเปล่าครับ?”

กรรมการคนนั้นที่เอ่ยความรู้สึกว่า เด็กตรงหน้ากำลังโต้แย้งอย่างไม่สมเหตุสมผล

“พ่อหนุ่ม อย่าทำลายชีวิตตัวเองเพราะความพลาดพลั้งชั่วขณะของตัวเอง พวกเราขอร้องอย่างจริงใจก็เพื่อผลประโยชน์ของเธอเองทั้งนั้น!” ชายชราที่มีเคราและผมสีขาวกล่าว

“ผู้อาวุโสอู๋ สิ่งที่ผมพูดเป็นความจริงครับ ภาพอาทิตย์อัสดงและงานฝึกพวกนั้นผมวาดมันเองทั้งหมดครับ” น้ำเสียงดังก้องกังวานไปทั่วห้องประชุม

โทนน้ำเสียงอยู่ในระดับพอดี ทั้งเย็นและแจ่มชัด

การบอกข้อเท็จจริง เราไม่จำเป็นต้องใช้อารมณ์รุนแรง

เฉาเกาซวนต่อว่าทันควัน “ซูซื่อเลี่ยง เยว่ซานเป็นเด็กดี ฉันไม่ยอมก้มหัวให้ความไม่ถูกต้องหรอกนะ!”

“อาจารย์อย่าโมโหไปเลยค่ะ ซื่อเลี่ยงแค่สับสนน่ะ!” เจียงเยว่ซานก้าวออกไปเพื่อแสดงว่าตนเป็นคนดี

ยิ่งได้ยินบทสนทนาของคนทั้งคู่ คนอื่น ๆ ยิ่งมองซูซื่อเลี่ยงด้วยสายตารังเกียจกว่าเดิม

“นี่ไม่ใช่เรื่องไร้สาระที่จะพูดจาขอไปทีหรอกนะไอ้หนุ่ม ทุก ๆ รูปมันมีลายเซ็นอยู่บนนั้น!”

กรรมการหนุ่มคนหนึ่งชี้ไปยังกองวาดภาพ นิ้วมือสั่นเทาไปด้วยความโกรธ

ถ้านี่เป็นลูกศิษย์ของเขา เขาจะตบให้ตายเลย!

“แต่ลายเซ็นกับภาพวาดมันก็ไม่ได้เหมือนกันไม่ใช่หรือครับ?”

ซูซื่อเลี่ยงยังคงมีน้ำเสียงที่สงบ

“ผมอยากถามสหายเจียงเยว่ซานมากกว่าว่า นอกจากงานฝึกวาดแล้วยังมีอะไรที่พิสูจน์คุณได้บ้างว่า สองภาพที่เป็นงานของผมคืองานของคุณไหมครับ?”

เจียงเยว่ซานไม่คิดเลยว่าซูซื่อเลี่ยงจะยังยืนกรานในความคิดตัวเอง ทั้งยังปฏิเสธง่าย ๆ ด้วย

แววตาหญิงสาวประกายความดุร้าย

ในเมื่อคุณไม่กินขนมปังปิ้ง งั้นก็กินลูกโทษสิ!

“ซื่อเลี่ยง ภาพพวกนี้ก็มากพอที่จะเป็นหลักฐานแล้ว อาจารย์ทุกคนเห็นกันชัดทั้งนั้น”

“ซื่อเลี่ยง แค่ยอมรับความผิดเอง ฉันสัญญาว่าจะไม่เอาความ! ต่อให้นายไม่อยากคืนถ้วยรางวัลก็ไม่เป็นไร!”

ท่าทางเจียงเยว่ซานเหมือนกล้ำกลืนมาก ดวงตามีน้ำตาคลอ

เสี่ยวเถียนตะลึงงันเมื่อได้ยินเช่นนั้น นี่ยังหน้าด้านต่อได้อีกหรือ?

“ขออนุญาตถามนะครับ ผลงานที่ได้รับรางวัลในวันนี้มีจุดเด่นอะไรบ้างหรือครับ?” จู่ ๆ ชายหนุ่มก็ถาม

แววตาหญิงสาวมีตื่นตระหนก เธอจะไปรู้ภาพที่ซื่อเลี่ยงวาดได้ยังไง?

เพราะเธอไม่เคยเห็นเลย

ตอนนั้นก็แค่มองผ่าน ๆ ไม่ได้ตั้งใจดูอะไร

เจียงเยว่ซานที่นึกได้ รู้สึกว่าซูซื่อเลี่ยงร้ายกาจเกินไป เห็นชัด ๆ ว่าสองภาพนี้เขาไม่ได้วาดที่มหาวิทยาลัย

เธอกระวนกระวายใจ ไม่รู้จะตอบอะไรดี

เฉาเกาซวนแทรกเข้ามา “ไม่ต้องแก้ตัวแล้ว เธอทำให้ฉันผิดหวังจริง ๆ รุ่นพี่เขาไม่สนใจเรื่องนี้แล้วด้วยซ้ำ ขนาดรางวัลยังไม่เอาเลย เขาอดทนมามากพอแล้วแหละ!”

ฝั่งคนฟังได้ยินก็รู้แปลก ๆ แต่บอกไม่ได้ว่ามันแปลกตรงไหน!

อาจารย์เฉาแน่ใจแล้วใช่ไหมครับว่าจำยอมต่อผม ไม่ใช่มาทำลายชื่อเสียงกันน่ะ?” ซื่อเลี่ยงถามเสียงเย็น

“ถ้าผมมีชื่อเสียงติดไป ไม่ว่าจะวาดภาพได้ดีแค่ไหนก็ต้องถูกวิพากษ์วิจารณ์จากสังคมโลกไปตลอดชีวิตอย่างแน่นอนครับ!”

สองคนนี้คิดว่าซื่อเลี่ยงโง่จริง ๆ หรือ?

เรื่องในวันนี้ต้องแก้ไขให้ตรงจุด เราจะรอช้าไม่ได้ไม่งั้นมันคงได้ถูกทำลายลงจริง ๆ แน่

ในเมื่อเขาตัดสินใจเลือกเส้นทางนี้แล้ว จะให้ชื่อเสียงมีจุดด่างพร้อยไม่ได้

“พวกคุณบอกจุดเด่นของทั้งสองภาพนี้ไม่ได้ แต่ผมบอกจุดเด่นภาพอาทิตย์อัสดงของเจียงเยว่ซานได้นะ!”

สถานการณ์ที่เคยโกลาหลเงียบลงถนัดตา

“ตอนที่เยว่ซานวาดรูปเธอก็อยู่ข้าง ๆ พี่เขาไม่ใช่หรือ มันก็เป็นเรื่องปกติไม่ใช่หรือไงที่จะบอกได้น่ะ!”

เปลือกตาเฉาเกาซวนกระตุก แล้วรีบปฏิเสธทันที

“อ๋อ ถ้าแบบนั้นผมให้รุ่นพี่แนะนำภาพแทนดีไหมครับ?” เขายิ้ม

“ภาพนี้ฉันวาดขึ้นหลังจากอ่านบทกวีโบราณ ที่เกี่ยวกับพระอาทิตย์ตกที่แม่น้ำ”

เจียงเยว่ซานใช้สมองคิดแล้ว แต่พูดไม่ออก

อันที่จริงเธอก็มีส่วนผิดที่ไม่ได้ใส่ใจมันหลังจากได้ภาพมา แค่เซ็นชื่อแล้วก็ส่งเข้าแข่ง

เพราะดูมาแบบคร่าว ๆ เลยไม่ค่อยชัดเจนรายละเอียดเท่าไร

“ภาพนี้เป็นภาพบ้านเกิดของผม ลานบ้านที่อยู่มุมซ้ายล่างคือบ้านผมเองครับ”

“อย่ามาพูดจาไร้สาระ นี่มันบ้านเกิดฉันต่างหาก!” เจียงเยว่ซานหน้าแดงจัด แล้วโต้กลับทันที

“ถ้าผมจำไม่ผิดรุ่นพี่เป็นคนจากทางใต้นะ แถมลานบ้านแบบนี้ก็มีแต่ฝั่งตะวันตกเฉียงเหนือเท่านั้น ไม่รู้ว่ามีอาจารย์ท่านไหนคุ้นเคยกับสถาปัตยกรรมบ้าง”

ซื่อเลี่ยงขึ้นเสียง

ไม่คิดเลยว่าตอนนั้นจะมีคนลุกขึ้นมา แล้วบอกว่าตนเป็นอาจารย์ภาควิชาสถาปัตยกรรม และศึกษาพวกลักษณะบ้านจากพื้นที่ต่าง ๆ โดยเฉพาะด้วย

หลังจากมองภาพนั้นอยู่ครู่หนึ่งเขาก็สรุปได้

“ที่อยู่อาศัยแบบในภาพ เป็นแบบบ้านทั่วไปที่เห็นได้ในภาคตะวันตกเฉียงเหนือ ดูได้จากหน้าต่างบานนี้ครับ”

เพราะพื้นที่ตรงนั้นไม่มีทางออกทะเล เทียบกับชายฝั่งตะวันออกเฉียงใต้แล้ว ภูมิภาคนี้จะมีมหาสมุทรน้อยกว่า และด้วยตำแหน่งที่ตั้งที่อยู่ในละติจูดนี้จึงทำให้ภูมิอากาศเป็นแบบมรสุม

ฤดูหนาวได้รับผลกระทบจากความกดอากาศสูง จากทางมองโกเลียเหนือทำให้อากาศหนาวเย็นและแห้ง ส่วนช่วงฤดูร้อนเพราะเป็นภูมิภาคที่ไม่มีทางออกทะเลจึงทำให้ได้รับผลกระทบจากกระแสน้ำของอินเดีย เลยมีความกดอากาศต่ำและทำให้อุณหภูมิทั้งสูงทั้งแห้ง

ดังนั้นลักษณะเด่นที่สุดของที่อยู่อาศัยทางตะวันตกเฉียงเหนือคือ ผนังบ้านหน้าต่างมีน้อยและขนาดเล็ก จุดประสงค์เพื่อต้านทานความหนาวเย็นอันรุนแรง ส่วนหลังคาเป็นแบบเรียบเพราะฝนตกน้อย

นอกจากนี้ในภาพวาดยังมีต้นซาเจ่า หรือเรียกอีกอย่างว่าต้นกุ้ยเซียง[1] ส่วนใหญ่ปลูกกันทางตะวันตกเฉียงเหนือ และเป็นไปไม่ได้ที่จะมีในภาคใต้ครับ”

ยิ่งเขาพูดมากเท่าไร สีหน้าเฉาเกาซวนและเจียงเยว่ซานยิ่งน่าเกลียดมากขึ้นเท่านั้น

จู่ ๆ ก็โพล่งออกมาก่อกวน นี่มันอะไรกัน?

ซูซื่อเลี่ยงยิ้ม อาจารย์ท่านนี้อัจฉริยะชัด ๆ!

หลังจากได้ยินการวิเคราะห์ของเขา คนรอบข้างเริ่มสงสัยขึ้นมา แถมสายตาที่มองเฉาเกาซวนและเจียงเยว่ซานมีความหมายแตกต่างกันไป

“รุ่นพี่เยว่ซาน ช่วยบอกผมได้ไหมครับว่า ในบรรดาต้นไม้สามต้นนี้ต้นไหนคือต้นซาเจ่า?” ซื่อเลี่ยงยิ้ม แต่เป็นรอยยิ้มที่น่าโดนต่อยจริง ๆ

[1]ต้นไม้พื้นเมืองของซินเจียง มีกลิ่นหอมมาก ชาวซินเจียงนิยมนำมาสกัดเป็นน้ำหอมใส่สบู่หรือเครื่องหอมต่าง ๆ