บทที่ 496 การตำหนิตัวเองของนัทธี

พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ

“ทำเหมือนกัน”นัทธีพูดเสียงเรียบ “พิชิตไม่ได้ทำการสับเปลี่ยนตัวอย่าง งั้นนวิยาก็ต้องให้หมอหรือพยาบาลคนอื่นเป็นคนจัดการ เช็กเจ้าหน้าที่ในแผนกตรวจสอบทุกคนที่เข้าเวรในตอนนั้น ”

“ทราบแล้วครับ”มารุตพยักหน้า

“ไปเถอะ”นัทธีโบกมือให้

มารุตก็เดินออกไป

ทันใดนั้น ร่างของเด็กน้อยที่อยู่บนเตียงก็ส่งเสียงฟืดฟาดดังขึ้นมา

ม่านตาของวารุณีหดเกร็ง ลุกขึ้นยืนทันที แล้วตรงไปที่ข้างเตียง จดจ้องมองไปยังร่างของเด็กน้อยที่นอนอยู่บนเตียงอย่างคาดหวัง

นัทธีเองก็เช่นกัน ยืนอยู่ข้างๆเธอ และคาดหวังให้เด็กน้อยฟื้นขึ้นมาเหมือนเธอ

และไอริณเองก็ไม่ทำให้ทุกคนต้องผิดหวัง ภายใต้การเฝ้ามองของคนทั้งสอง เธอก็ลืมตาขึ้น “หม่ามี๊?”

นัทธีรู้สึกน้อยใจ พูดเสียงเบาว่า “ยังมีพ่ออีกคนนะ”

วารุณีฟังเสียงที่น้อยใจของเขาออก เหลือบมองไปที่เขาแวบหนึ่ง ไม่รู้จะทำหน้ายังไง

“คุณพ่อ”ไอริณกะพริบตาปริบๆ และเอ่ยเรียกอย่างว่าง่าย

เสียงเรียกของเด็กน้อยดูอ่อนเพลียมาก แทบไม่มีเรี่ยวแรง น้ำเสียงแหบแห้ง ทำให้คนที่ได้ยินอดไม่ได้ที่จะต้องปวดใจตาม

วารุณีคัดจมูกขึ้นมาทันที แต่ก็ยังคงรอยยิ้มบนใบหน้าเอาไว้ จับมือของเด็กน้อยมากุมไว้ในมือ “ลูกรัก ยังเจ็บอยู่หรือเปล่า?”

ปากเล็กๆของไอริณเบะออก น้ำตาคลอเบ้า พูดอย่างเศร้าเสียใจว่า “ เจ็บ หม่ามี๊ ไอริณเจ็บ คุณน้านวิยาใจร้ายมาก เธอเหวี่ยงไอริณลงกับพื้น ยังเตะพี่อารัณด้วย แล้วพี่อารัณอยู่ไหนคะ ?”

“พี่อารัณไปฉีดยาจ้ะ”วารุณีเช็ดน้ำตาของเด็กน้อยออกแล้วตอบกลับ

ก่อนที่จะนั่งดูกล้องวงจรปิดกัน ป้าส้มก็พาอารัณไปฉีดยาลดอาการบวมแล้ว

“พี่อารัณไม่ได้เป็นอะไรใช่ไหมคะ?”ไอริณถามด้วยความเป็นห่วง

“ไม่ได้เป็นอะไร”นัทธีตอบ

ไอริณยกยิ้ม “เยี่ยมไปเลยค่ะ”

“เก่งมากลูกรัก”วารุณีลูบไปยังใบหน้าที่ขาวซีดของเด็กน้อย

เด็กน้อยช่างรู้ความ ตัวเองเป็นขนาดนี้แล้ว ยังคิดถึงและเป็นห่วงใยพี่ชายอีก ช่างเป็นเด็กที่น่ารักจริงๆ

นวิยานังบ้า ทำลงไปได้ยังไงกัน ?

“ลูกรัก หม่ามี๊มีข่าวดีจะบอกหนูด้วยนะ”จู่ๆวารุณีก็ยกยิ้มขึ้นมา

นัทธีเลิกคิ้ว เห็นชัดว่าพอจะเดาได้ว่าข่าวดีที่เธอว่านั้น มันคืออะไร ริมฝีปากบางก็ยกหยักขึ้น

ไอริณกะพริบตาด้วยความสงสัย“หม่ามี๊ ข่าวดีอะไรคะ”

วารุณีกับนัทธีสลับตำแหน่งกัน ให้นัทธีเข้าใกล้กับเด็กน้อยมากยิ่งขึ้น จากนั้นก็ตอบว่า“ นี่คือคุณพ่อของหนู ”

“หนูรู้ค่ะ”ไอริณพยักหน้า

วารุณีกับนัทธีมองสบตากัน จากนั้นก็หัวเราะออกมา“ตอนนี้ไม่เหมือนเดิมแล้ว พ่อคือพ่อแท้ๆของอารัณกับไอริณ เป็นพ่อแท้ๆเลยนะ”

ไอริณไม่ได้ฉลาดเหมือนอารัณ ที่จะรู้ว่าเด็กคนหนึ่งเกิดมาได้ยังไง

แต่เธอก็รู้ หากไม่มีพ่อ หม่ามี๊ก็มีลูกไม่ได้

และหม่ามี๊กับพ่อแท้ๆเท่านั้น ที่จะเกิดไอริณกับพี่อารัณได้ หากหม่ามี๊อยู่กับคุณอาคนอื่น เด็กที่เกิดออกมาก็จะไม่ใช่ไอริณกับพี่อารัณ แต่เป็นเด็กคนอื่นแทน

เพราะฉะนั้นเธอกับพี่อารัณมีพ่อแท้ๆของตัวเอง คุณพ่อนัทธีแค่อยู่กับหม่ามี๊เท่านั้น พวกเขาก็เลยเรียกว่าพ่อ แต่ไม่ใช่พ่อแท้ๆที่ให้กำเนิดเธอกับพี่อารัณ

แต่ตอนนี้หม่ามี๊บอกเธอว่า พ่อนัทธีเป็นพ่อแท้ๆของเธอกับพี่อารัณ เป็นพ่อที่ให้กำเนิดเธอกับพี่ชาย แล้วแบบนี้จะไม่ให้ไอริณแปลกใจได้ยังไง

“คุณพ่อ เป็นพ่อแท้ๆ?”ไอริณจ้องไปยังนัทธี แล้วถามออกไปอย่างซื่อๆ

นัทธีลูบไปที่ศีรษะของเธอ“ใช่แล้ว พ่อเป็นพ่อแท้ๆของไอริณ ”

ไอริณไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับการตรวจดีเอ็นเอที่ผ่านมา หรือต่อให้รู้ก็ไม่ได้เก็บเอามาใส่ใจ เพราะเธอเองไม่รู้เรื่องอะไรพวกนี้

เธอรู้เพียงแค่ว่า พี่อารัณบอกเธอว่าพ่อไม่ใช่พ่อแท้ๆของเธอ นั่นก็คือไม่ใช่

แต่ตอนนี้พ่อบอกว่าพ่อคือพ่อแท้ๆ นั้นก็แปลว่าต้องใช่

ดังนั้นปากเล็กๆของไอริณก็เบะออก แล้วร้องไห้เสียงดังออกมา

และมันก็ทำเอานัทธีตกใจมาก รีบหันมองไปยังวารุณี ไม่รู้ว่าควรทำยังไงดี

วารุณีก็ตกตะลึงไปด้วยเช่นกัน

ตัวเองบอกลูกสาวว่า นัทธีคือพ่อแท้ๆ แล้วทำไมเด็กน้อยถึงร้องไห้ออกมาได้ ?

“ไอริณ อย่าร้องไห้เลยนะ”วารุณีรีบเข้าไปเกลี้ยกล่อม

ไอริณร้องไห้หนักกว่าเดิม

นัทธีก็รีบเข้าไปปลอบพร้อมวารุณี

ปลอบอยู่สักพัก เด็กน้อยก็ถึงได้เงียบลง

ไอริณสูดจมูกน้อยๆ น้ำตาคลอเบ้ามองไปที่นัทธี “ ทำไมพ่อถึงเพิ่งมาบอกไอริณตอนนี้ ว่าพ่อเป็นพ่อแท้ๆของไอริณกับพี่อารัณ?”

นัทธีอ้าปากค้าง ไม่รู้จะตอบกลับไปยังไง

ไอริณก็พูดขึ้นอีกว่า“หากคุณพ่อปรากฏตัวเร็วกว่านี้ ไอริณกับพี่อารัณ ก็คงจะไม่ต้องถูกเพื่อนคนอื่นๆล้อ ว่าไอริณกับพี่อารัณเป็นเด็กไม่มีพ่อ หม่ามี๊ก็จะไม่ถูกคุณอาขี้เมาพวกนั้นมาเคาะที่ประตูห้อง ”

เมื่อได้ยินคำพูดพวกนี้ วารุณีก็ถึงกับเศร้าเสียใจจนต้องเบือนหน้าหนีไปอีกทางหนึ่ง

ภายในใจของนัทธีก็รู้สึกราวกับมีเข็มทิ่มแทง เขาลุกขึ้น แล้วกอดไปที่ร่างของเด็กน้อย น้ำเสียงเต็มไปด้วยความรู้สึกผิดและพูดว่า“ลูกรักพ่อขอโทษ เมื่อก่อนพ่อไม่เคยรู้ว่ามีพวกลูกๆอยู่ หากพ่อรู้ พ่อไม่มีทางทิ้งหนูกับพี่และหม่ามี๊แน่ๆ และพ่อก็ไม่ปล่อยให้ใครต้องมารังแกพวกเราแบบนี้ด้วย ”

“จริงเหรอคะ?”ไอริณมองไปที่เขา

นัทธีจูบไปที่หน้าผากของเด็กน้อย “จริง พ่อรักลูกมากนะ ”

ไอริณยิ้มทั้งน้ำตา “หนูก็รักพ่อค่ะ เมื่อก่อนก็รัก แต่ตอนนี้รักมากที่สุดเลยค่ะ”

“โอ้?ทำไมตอนนี้ถึงรักมากที่สุดล่ะ?”นัทธีถาม

ไอริณยิ้มร่าและพูดว่า “เมื่อก่อนไม่รู้ว่าพ่อคือพ่อแท้ๆ เพราะฉะนั้นเลยมีความรักให้แค่นี้ ”

เธอทำมือเป็นสัญลักษณ์ให้ดูว่ามีนิดเดียว

“ตอนนี้รู้แล้วว่าพ่อเป็นพ่อแท้ๆ ก็เลยรักมากๆเลยค่ะ มากกว่าเงินในกระปุกออมสินของไอริณอีกนะคะ”ไอริณคิดอยู่ครู่หนึ่งถึงได้พูดออกมา

เธอไม่มีความรู้เรื่องเงินเท่าไร รู้แค่ว่าตัวเลขยิ่งมาก ก็จะยิ่งซื้อขนมได้มากขึ้นเท่านั้น

และเงินในกระปุกออมสินของเธอ ก็มีแต่จำนวนตัวเลขเยอะๆทั้งนั้น และมีอยู่หลายใบ ดังนั้นหากเอาเรื่องนี้มาเปรียบกับความรักที่มีให้พ่อ ย่อมจะไม่ผิดแน่

เมื่อนัทธีกับวารุณีได้ยินคำพูดที่ไร้เดียงสาของเด็กน้อย ก็อดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้

“อืม พ่อก็เหมือนกัน” นัทธีตอบกลับเสียงเบา

ไอริณก็หัวเราะคิกคักออกมา

ไม่นาน คุณหมอก็เข้ามาตรวจดูอาการของไอริณ

นัทธีกับวารุณียืนมองหมอที่กำลังสอบถามอาการต่างๆกับไอริณอยู่ไม่ไกลนัก เช่นว่าเจ็บตรงไหนไหม รู้สึกไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า

“ขอโทษนะ”จู่ๆนัทธีก็พูดขอโทษออกมา

วารุณีหันมองไปที่เขาด้วยความสงสัย“ จู่ๆก็พูดขอโทษทำไมคะ ?”

นัทธีโอบไปที่เอวของเธอ “คำพูดของไอริณเมื่อกี้ ผมขอโทษนะ ทำให้คุณกับลูกๆต้องลำบากกันมาหลายปี ”

เขารู้ว่าไอริณกับอารัณถูกเพื่อนที่โรงเรียนล้อ แต่ไม่รู้ว่า วารุณีก็ถูกพวกขี้เมามาเคาะที่ประตูห้องด้วย

เมื่อคิดถึงวารุณีผู้หญิงตัวคนเดียว ต้องใช้ชีวิตอาศัยอยู่ต่างประเทศกับลูกๆอีกสองคนนัทธีก็รู้สึกเจ็บปวดจนแทบจะหายใจไม่ออก

“ที่แท้ก็เรื่องนี้เองหรอกเหรอ” วารุณียกยิ้ม “อันที่จริงแล้วฉันกับลูกๆก็ไม่ได้ลำบากอะไรขนาดนั้น ที่ไอริณพูดเมื่อกี้ มันเคยเกิดขึ้นมาก่อนก็จริง แต่ก็น้อยมาก และยังมีแม่ฉันอยู่ด้วยทั้งคน มีปาจรีย์กับพงศกรคอยดูแลอยู่ พวกเราก็มีชีวิตที่สุขสบายดี ”

“อย่าพูดถึงพงศกร”ใบหน้าของนัทธีก็แน่นิ่ง “ เรื่องที่เขาทำก่อนหน้านั้นยังไม่ต้องพูดถึงนะ เอาแค่เรื่องที่เขาสับเปลี่ยนผลตรวจของอารัณ”

เมื่อได้ยินคำนี้ วารุณีก็ถอนหายใจ “ฉันไม่คิดจริงๆ ว่าพงศกรจะเห็นแก่ตัวได้ขนาดนี้ ”

กลัวว่าเด็กทั้งสองคนจะยอมรับในตัวนัทธี เธอก็จะแต่งงานกับนัทธี ดังนั้นจึงได้เปลี่ยนผลตรวจของอารัณ นี่มันเป็นสิ่งที่คนเป็นหมอควรทำเหรอ?

ตอนนั้นเธอยังไม่ได้รักกับนัทธีเลย และไม่มีทางที่จะแต่งงานกับนัทธีด้วย หรือต่อให้แต่ง แล้วเขาจะขวางอะไรได้ ?

โง่จริงๆ !

“ก็ได้ค่ะ ไม่พูดถึงเขาแล้ว แต่เรื่องที่พงศกรเปลี่ยนผลตรวจ ก็ช่างมันเถอะนะคะ ตอนอยู่ที่ต่างประเทศ หากไม่มีเขา ฉันคงให้กำเนิดลูกทั้งสองคนไม่ได้แน่ ดังนั้น……”

“ผมรู้” นัทธีพูดขัดวารุณี “เพราะผมเคยได้ยินที่คุณพูด ว่าเขาดูแลพวกคุณเป็นอย่างดีตอนอยู่ที่ต่างประเทศ ดังนั้นจึงไม่ได้ให้มารุตไปตรวจเช็กอะไรของเขา”

เขาก็ตั้งใจจะปล่อยพงศกรไปสักครั้ง เพราะหลังจากที่พงศกรพักรักษาตัวหาย ก็ไม่เคยติดต่อมาหาวารุณีเลย