บทที่ 518 ไม่พอใจ

บทที่ 518 ไม่พอใจ

ลูกศิษย์ส่วนตัวของพ่อเฒ่าอู๋มีพรสวรรค์มาก ตอนอายุได้สิบกว่าปีเจ้าตัวมีฝีมือการวาดภาพแบบประณีต*[1]ที่ยอดเยี่ยม แต่หลังจากนั้นก็รามือแล้วหันมาเรียนการวาดรูปแบบพู่กันจีน*[2]แทน เรียกได้ว่า 8 ความสามารถน่าทึ่งมาก

แต่หลังจากนั้นอีกฝ่ายกลับไม่ได้มีความตั้งใจจะสร้างผลงาน แต่หลงระเริงไปกับความรักของหนุ่มสาวแทน

โดยเฉพาะหลังจากแต่งงานออกเรือนไปยิ่งไม่ค่อยได้วาดรูป และตั้งหน้าตั้งตาดูแลสามีและเลี้ยงลูกแทน

เพราะแบบนั้นบิดาของผู้อาวุโสอู๋จึงหวังที่จะขับไล่ลูกศิษย์คนนี้ออกไป แต่สุดท้ายคนคนนี้ก็ยังมีสถานะความเป็นลูกศิษย์ของเขาอยู่ดี

แม้จะดุด่าอย่างรุนแรง แต่ก็ยังลังเลที่จะทิ้งหนุ่มสาวที่มีความสามารถนี้ไป

ช่วงแรก ๆ ผลงานของรุ่นน้องคนนี้เป็นที่ต้องการของผู้คนมาก แค่ช่วงหลายปีที่ผ่านมา จู่ ๆ ก็หายตัวไป ทิ้งไว้เพียงเศษเสี้ยวของตำนานไว้ในสังคม

และลายเส้นของรุ่นน้องคนนี้ก็เป็นเอกลักษณ์มาก

ซึ่งชายหนุ่มตรงหน้ามีลายเส้นแบบเดียวกับมัน แถมยังบอกว่าไม่มีครูอีก ผู้อาวุโสอู๋ไม่เชื่อหรอก เด็กคนนี้ต้องเกี่ยวข้องกับรุ่นน้องของเขาแน่นอน!

เขาเอ่ยถามอย่างกระตือรือร้น “พ่อหนุ่มเป็นลูกศิษย์ใครหรือเปล่า?”

ภาพวาดส่วนใหญ่ของซื่อเลี่ยงเล่าเรียนมาจากอวี่รุ่ยหยวน ช่วงแรกยังคลำหาทางอยู่ แต่หลังจากนั้นก็ได้คุณย่าอวี่สอนแบบจับมือ

ซื่อเลี่ยงได้ยินเช่นนั้นพลันนึกถึงความสัมพันธ์นี้ขึ้นมา

แต่คุณย่าไม่เคยพูดเรื่องการรับเขาเป็นลูกศิษย์เลย เลยไม่รู้จะตอบยังไงดี

ผู้อาวุโสอู๋ร้อนรนเมื่อไม่ได้ยินคำตอบ

“พ่อหนุ่ม เป็นอะไรไป? มีอะไรที่ตอบยากหรือ?” ความเงียบงันนั้นทำให้เขายิ่งรู้สึกโกรธเคือง

“ต้องทำให้เด็กมันลำบากใจด้วยหรือคะ? แต่รุ่นพี่เก่งขึ้นจริง ๆ!”

อวี่รุ่ยหยวนเดินออกไปพร้อมน้ำเสียงอ่อนโยนและรอยยิ้มอันสดใส ไม่เหมือนสหายเก่าที่ไม่ได้เจอกันมานับแรมปี แต่เหมือนเพิ่งบอกลากันเมื่อวานนี้เอง

คราวนี้ผู้อาวุโสตื่นเต้นเสียแล้ว

ชายอายุมากกว่าหลายสิบปีพรวดพราดเข้าไปหา แล้วมองสำรวจขึ้นลง

หญิงชรามองแล้วยิ้มอ่อนโยนพองาม

“ยัยเด็กคนนี้ กลับมาทั้งทีไม่คิดจะติดต่อมาหาบ้างเลย!”

ผู้อาวุโสอู๋เกือบร้องไห้

นั่นก็เพราะเขาตื่นเต้นเกินไปน่ะสิ!

“รุ่นพี่ย้ายบ้านไม่ใช่หรือคะ?” ยัยเด็กที่ว่ามองด้วยสายตาไม่พอใจ

ย้ายบ้านก็คือย้ายบ้านไม่ใช่หรือ?

มันก็ไม่น่ายากที่จะตามหานี่?

เขาว่าเขาค่อนข้างมีชื่อเสียงในเมืองนะ ถ้าจะถามข่าวคราวก็น่าจะง่าย

ผู้อาวุโสอู๋รู้สึกมีบางอย่างแปลก ๆ

แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาใส่ใจเรื่องเล็กน้อยพวกนั้น

การได้เจอน้องสาวคือเรื่องที่ดีที่สุด

“ก่อนที่พ่อฉันจะจากไป เขาบอกฉันว่าให้ดูแลเธอให้ดี…” ผู้อาวุโสสะอื้น

“อาจารย์ เขา…” เธอไม่รู้จะพูดอะไรดีเลย

อาจารย์ดูแลเธอไม่ต่างไปจากคนเป็นพ่อนัก ตั้งใจสอนตั้งแต่เด็ก ดูแลเอาใจใส่เป็นอย่างดี ถึงจะแต่งงานแต่ก็ยังให้คำปรึกษาทุกอย่าง ทว่าอวี่รุ่ยหยวนมาไม่ทันได้เห็นหน้าเขาเป็นครั้งสุดท้าย พอคิดเรื่องท่านขึ้นมาก็รู้สึกผิดเหมือนกัน

“รุ่นพี่ ไว้ฉันจะไปไหว้ท่านนะ!”

ทุกคนมองคนทั้งสองที่รำลึกถึงวันเก่า ๆ

แต่เพราะบรรยากาศไม่เหมาะเท่าไร เวลาแบบนี้เราควรคุยเรื่องสำคัญไม่ใช่หรือ? ทำไมกลายเป็นสองพี่น้องหวนคิดถึงกันเสียล่ะ? แล้วเมื่อกี้ได้ยินว่าอะไรนะ?

เหมือนจะเป็นเรื่องน่าตื่นตะลึงนะ!

คนตรงหน้าคือรุ่นน้องของผู้อาวุโสอู๋หรือ ผู้หญิงที่มีความสามารถคนนั้น? แถมสหายซูซื่อเลี่ยงที่ได้รับสองรางวัลตั้งแต่อายุยังน้อยคนนี้ ก็เหมือนจะเป็นลูกศิษย์ผู้หญิงคนนั้นด้วย!

รัฐมนตรีกู่กระแอมไอ

ตอนนั้นเองที่คนทั้งคู่เพิ่งตระหนักได้ว่ากำลังเสียมาดอยู่ จึงรีบตกลงกันว่าไว้ค่อยคุยกันหลังจากพิธีมอบรางวัลสิ้นสุดลง

“ศิษย์น้อง? เด็กคนนั้นเป็นลูกศิษย์เธอหรือ?” ผู้อาวุโสอู๋ชี้ไปยังซื่อเลี่ยง และน้ำเสียงก็เต็มไปด้วยความหนักแน่นมาก!

“ช่วงที่ผ่านมาฉันไม่สนใจการเป็นอาจารย์หรือรับลูกศิษย์ค่ะ และเราเองก็ไม่ได้มีพิธีคารวะเป็นอาจารย์อย่างเป็นทางการด้วย แค่เคยสอนเขาอยู่หลายปีเลยค่ะ!”

นี่เป็นการยอมรับทางอ้อม

ที่เราไม่มีพิธีคารวะไม่ใช่เพราะไม่ชอบซื่อเลี่ยง แต่เป็นเพราะปัญหาจากสภาพสังคมรอบข้าง

“ดีแล้ว ๆ! ตอนเห็นภาพเขาฉันก็คิดว่ามันมีความเป็นเธออยู่ด้วย พอมองเขาจับพู่กันก็มั่นใจทันที” ผู้อาวุโสอู๋พูดด้วยแรงอารมณ์ “ไม่ใช่แค่คนที่เอาจริงเอาจัง แต่ยังเก่งตั้งแต่เด็ก!”

โดนรุ่นพี่คอยชมกดดัน อวี่รุ่ยหยวนก็ไม่รู้จะพูดอะไรเลย

ใบหน้าเจียงเยว่ซานซีดเผือด

ไม่คิดว่าไอ้เด็กบ้านนอกที่ไม่มีใครรู้จักจะมีภูมิหลังแบบนี้

แถมอาจารย์ของเขายังเหมือนไม่ใช่คนธรรมดาด้วย

ทำยังไงดี?

ไม่ว่าเธอจะโง่แค่ไหน แต่เธอรู้แล้วว่าถึงวาระสุดท้ายของตัวเองแล้วแหละ

เจียงเยว่ซานไม่รู้ว่ารุ่นน้องผู้อาวุโสอู๋เป็นใคร แต่รู้ว่าตัวผู้อาวุโสอู๋ก็เป็นคนที่มีอิทธิพลในโลกงานวาดเขียนพู่กันมาก ๆ และต่อให้ใช้เส้นผมคิดก็รู้ว่ารุ่นน้องคนนั้นไม่ใช่คนตัวเล็กตัวน้อยแน่

มีคนสถานะแบบนั้นยืนอยู่ตรงหน้าลิ่วล้อแบบเธอ มันแย่ยิ่งกว่าเสียอีก

หญิงสาวมองซื่อเลี่ยงด้วยแววตาชั่วร้าย

มันเป็นความผิดของเขาทั้งนั้น ไม่บอกให้มันชัดเจนว่ามีอาจารย์เก่งขนาดนี้สอนอยู่ ตอนนี้เลยกลายเป็นเธอที่โดนหมายหัวแทน

ว่าไปหัวสมองเจียงเยว่ซานก็แปลก ไม่คิดไตร่ตรองว่าทำไมตัวเองถึงขโมยภาพคนอื่น แต่ตำหนิที่คนอื่นไม่ยอมเตือนล่วงหน้า

หน้าตาของเธอซีดเซียว รวมถึงปลายนิ้วด้วย

อันที่จริงไม่ใช่แค่หญิงสาวที่ตกใจ แต่ซื่อเลี่ยงเองก็เช่นกัน

ไม่คิดว่าคุณย่าที่มาอยู่ชนบทและสอนเขาวาดรูปจะมีสถานะเช่นนี้

ไม่แปลกใจที่ตอนแรกปู่ฉือจะสอนให้ แต่หลังจากที่ย่าอวี่มาก็ยกให้เธอทำหน้าที่นี้แทน

คิด ๆ ดู ปู่ฉือก็คงรู้เหมือนกันว่าคุณย่าอวี่เป็นคนมีความสามารถ

“ผู้อาวุโสอู๋ เราค่อยรำลึกอดีตกันทีหลังเถอะ ตอนนี้มาจัดการปัญหาลอกเลียนแบบผลงานก่อน!”

“รัฐมนตรีกู่พูดถูก ฉันดีใจจนลืมเรื่องนี้ไปเลย!” ชายชราเอ่ยอย่างสุภาพ

รัฐมนตรีเหลือบมองเจียงเยว่ซานที่สภาพเหมือนคนจะล้มเต็มที่ จากนั้นก็มองเฉาเกาซวนที่นั่งบนพื้นไม่คิดยืน แล้วเอ่ยปากจัดการ “ส่งพวกเขาไปให้ตำรวจที่สถานีซะ! คนแบบนี้ให้อภัยไม่ได้”

ผู้อาวุโสอู๋เห็นด้วยมาก นักเรียนแบบนี้เป็นขยะดี ๆ นี่เอง!

เจียงเยว่ซานสะอึกสะอื้น ร้องไห้คร่ำครวญก่อนมองรัฐมนตรีกู่อย่างใจจดใจจ่อ

“ผมสำนึกผิดแล้วครับ พวกคุณจะทำกับผมแบบนี้ไม่ได้นะ ถ้าส่งผมไปสถานีตำรวจจริง ๆ ชีวิตพังพินาศแน่!” เฉาเกาซวนร้องไห้อย่างขมขื่น

แต่ไม่มีใครเห็นอกเห็นใจ ทุกคนต่างก็เป็นปัญญาชนและมีนิสัยแบบปัญญาชน จึงไม่ชอบคนประเภทนี้!

ตอนนั้นที่เด็ก ๆ บ้านซูเดินเข้ามาหา

เรื่องที่เกิดขึ้นล้ำจินตนาการพวกเขาไปมาก!

คุณย่าอวี่เก่งกาจขนาดนี้เลยหรือ?

หญิงชราเห็นเด็ก ๆ ก็เลยแนะนำพวกเขาทีละคน โดยเฉพาะซูเสี่ยวเถียน

[1] 工笔画 – การวาดภาพแบบประณีต จะเป็นการวาดรูปที่มีรายละเอียดสูง มักวาดตามรูปร่างหรือหัวข้อเพื่อใช้ในการเล่าเรื่อง

[2] 写意画 – การวาดภาพพู่กันจีน จะเน้นการเคลื่อนไหวพู่กันอย่างอิสระ ไม่เน้นเหมือนจริงแต่เน้นไปในทางด้านอารมณ์