“ข้า…อยากจะกลับศาลาปีศาจลอยฟ้าอีกครั้ง…ข้าไม่มีที่ให้ไปอีกแล้ว…ได้โปรดท่านอาจารย์ช่วยตอบรับคำขอที่เห็นแก่ตัวของข้าด้วย!” ยี่เทียนซินพยายามที่จะลุกขึ้นมาอย่างยากลำบาก นางพยายามคุกเข่าด้วยความมุ่งมั่น แม้ว่าอาการบาดเจ็บสาหัสที่นางมีจะทำให้ยี่เทียนซินจะต้องทรมาน แต่มันก็ไม่อาจขัดขวางความมุ่งมั่นที่นางมีได้
ผู้คนทั้งหลายมักจะคุกเข่าขอร้องอ้อนวอนให้กับสวรรค์โลก และผู้มีพระคุณ เป็นอาจารย์หนึ่งวันเท่ากันเป็นอาจารย์ตลอดไป การคุกเข่าให้กับอาจารย์ของยี่เทียนซินไม่ได้ต่างอะไรจากการคุกเข่าให้กับผู้เป็นพ่อ ผู้ที่คอยโอบอุ้มนางมานั่งแต่เด็ก
ลู่โจวมีสิทธิ์ถูกต้องทุกอย่างที่จะยอมรับคำขอร้องนี้
ทุกคนในศาลาปีศาจลอยฟ้าต่างก็เฝ้าดูเหตุการณ์นี้อย่างใจจดใจจ่อพวกเขากำลังเฝ้ามองลู่โจวอย่างคาดหวัง ใครกันที่จะนิ่งเฉยเมื่อได้เห็นภาพตรงหน้านี้ได้ มีแต่ผู้ที่ไร้หัวใจเท่านั้นที่จะเมินเฉยกับคำขอของยี่เทียนซินได้
ผู้เป็นศิษย์อาจารย์หญิงสาวและชายชรา คนหนึ่งคุกเข่าอีกคนหนึ่งกำลังจ้องมอง
หลังจากที่ผ่านไปกว่าหลายชั่วครู่ในที่สุดลู่โจวก็ได้ตอบกลับมา“ย่อมได้” แม้ว่าจะเป็นคำตอบที่แสนสั้นแต่มันก็ชัดเจนทุกอย่างแล้ว
ยี่เทียนซินยิ้มก่อนที่จะหลับตาลง
ลู่โจวได้สะบัดแขนของตัวเองพลังฝ่ามือได้พานางเข้าไปในม่านพลัง
ผู้อาวุโสทั้งสี่ได้โคจรพลังลมปราณในขณะที่พยุงตัวของยี่เทียนซินขึ้นมา
ในที่สุดยี่เทียนซินก็ได้กลับมา
ลู่โจวละสายตาจากยี่เทียนซินก่อนที่จะหันไปมองหลิวเก้อและชู่เฉิงจากในระยะไกล
ชู่เฉิงได้รับบาดเจ็บสาหัสแต่ถึงแบบนั้นตัวเขาก็ยังสามารถต่อสู้ได้ ในดวงตาของชู่เฉิงมันเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
ในทางกลับกันหลิวเก้อดูจะไม่ได้เป็นอะไรนอกจากผมที่ดูกระเซิงเล็กน้อย ตัวเขาดูเหมือนไม่ได้รับบาดเจ็บเท่าไหร่
ลู่โจวค่อยๆลอยขึ้นไปบนฟ้า สีหน้าของเขาเย็นชากว่าเดิมมาก ตัวเขาจับจ้องไปที่ทั้งคู่โดยที่ไม่เคลื่อนไหวอะไร ทั้งหลิวเก้อและชู่เฉิงเองก็ยังไม่หนีไปไหน ดูเหมือนว่าทั้งสองคนจะตั้งใจที่จะต่อสู้กับตัวเขาต่อ ไม่ว่าจะยังไงก็ตามลู่โจวก็ไม่ได้สนใจเหตุผลอะไรของพวกเขาอีก ตัวเขามองไปที่ดาบในมือของหลิวเก้อ มองไปที่ดาบแห่งความเงียบก่อนที่จะจ้องไปที่หลิวเก้อแทน
หลิวเก้อสบตากับลู่โจวตัวเขารู้ได้ทันทีว่าเรื่องในครั้งนี้ไม่มีวันจะจบลงอย่างสันติได้อีก
ในตอนที่หลิวเก้อกำลังจะพูดในตอนนั้นเองลู่โจวก็ได้ชิงพูดออกมาซะก่อน “ข้าเคยให้โอกาสเจ้าแล้วแท้ๆ …” แม้ว่าเสียงของลู่โจวจะฟังดูเยือกเย็น แต่ถึงแบบนั้นมันก็เต็มไปด้วยความโกรธแค้น
ทุกๆคนต่างก็อุทานออกมาด้วยความตกใจ ทุกสายตากำลังจับจ้องไปที่ผู้เป็นปรมาจารย์แห่งศาลาปีศาจลอยฟ้า ทุกคนต่างก็รอคอยปรมาจารย์คนนี้แสดงปาฏิหาริย์ออกมา
“ข้าไว้ชีวิตพวกเจ้าแต่พวกเจ้ากลับยืนกรานที่จะทิ้งชีวิตของตัวเอง…ดูเหมือนว่าพวกเจ้าจะไม่อยากมีชีวิตแล้วสินะ!” ลู่โจวยกกำปั้นของตัวเองขึ้นมา ก่อนที่ตัวเขาจะพุ่งหาหลิวเก้อและชู่เฉิง
ใบหน้าของชู่เฉิงแดงระเรื่อจิตวิญญาณของการเป็นนักรบปลุกให้เขาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ชู่เฉิงได้ใช้เวลาหลายปีต่อสู้อยู่ในสนามรบ แม่ทัพอย่างเขาไม่เคยกลัวตาย ชู่เฉิงตัดสินใจทุกหน้าอกของตัวเองก่อนที่จะปลดปล่อยพลังลมปราณอันมหาศาลออกจากตัว “ฝ่าบาท ข้าจะเป็นผู้ที่สู้กับเขาเอง!” ชู่เฉิงที่พูดเสร็จได้พุ่งไปหาลู่โจวด้วยความเร็วสูงสุด
หมัดต่อหมัด!..
หมัดขวาของลู่โจวถูกห่อหุ้มไปด้วยพลังงานมันเป็นพลังงานที่มีแสงสีฟ้าอ่อนๆ
ตู๊ม!
เมื่อพลังหมัดแสงสีทองและพลังหมัดแสงสีฟ้าเข้าชนกันในตอนนั้นเองก็เกิดระเบิดพลังขึ้น
ผลลัพธ์เป็นไปตามคาดของทุกคน…
ฉั๊วะ!
เสียงของอะไรบางอย่างที่หลุดขาดดังขึ้นแขนขวาของชู่เฉิงถูกตัดขาดในขณะที่กระเด็นกลับไป ชู่เฉิงไม่มีเวลาแม้แต่จะตอบโต้ได้เลย
ตู๊ม!
ชู่เฉิงลอยผ่านหลิวเก้อไปก่อนที่จะกระแทกลงกับพื้นอย่างรุนแรง
หลิวเก้อไม่ได้คิดที่จะช่วยชู่เฉิงเลยแม้แต่น้อยตัวเขากำลังตกใจกับพลังหมัดของลู่โจว คนที่จะใช้เพลงหมัดได้จะต้องเป็นผู้ฝึกยุทธที่ฝึกฝนร่างกายตัวเองอย่างหนัก และฝึกฝนร่างกายของตัวเองจนแข็งแกร่งถึงขีดสุด จีเทียนเด๋าที่หลิวเก้อรู้จักไม่ใช่ผู้ใช้เพลงหมัดซะด้วยซ้ำ แล้วหมัดที่โจมตีชู่เฉิงจะมีพลังอันมหาศาลแบบนั้นได้ยังไงกัน
เมื่อฝุ่นควันจางลงทุกคนก็เริ่มสังเกตเห็นชู่เฉิงอีกครั้ง แม่ทัพใหญ่คนนี้นอนอยู่ในหลุม ตัวเขาได้กระอักเลือดอย่างรุนแรงจนเปลี่ยนให้หลุมกลายเป็นสีแดง ชู่เฉิงพยายามอย่างหนักเพื่อที่จะคลานออกมาจากหลุม
“พวกเจ้าสนุกกับการรังแกศิษย์ของข้ามากสินะ”
“…”ชู่เฉิงรู้สึกเจ็บไปทั้งตัว พลังชีวิตกำลังไหลออกมาจากตัวของชู่เฉิงอย่างไม่หยุดพัก
“ช่างอ่อนแอ”
ชู่เฉิงเหลือบมองขึ้นไปบนฟ้าตัวเขาในตอนนี้ได้แต่พยายามหายใจเท่านั้น ชู่เฉิงไม่สามารถเคลื่อนไหวได้อีก
‘ยังมีชีวิตอยู่อีกสินะช่างเป็นกระสอบทรายชั้นดีจริงๆ’ หลิวเก้อขมวดคิ้วหนักกว่าเก่า ตัวเขาจับดาบแห่งความเงียบไว้แน่นก่อนที่จะยกมันขึ้น “พี่…จี…”
“เจ้าไม่คู่ควรจะเรียกข้าว่าพี่!”ลู่โจวรีบลอยไปหาหลิวเก้ออย่างรวดเร็วก่อนที่จะขยับฝ่ามือ ที่ฝ่ามือของเขามีอาวุธนิรนามปรากฏขึ้น
เมื่ออาวุธนิรนามปรากฏขึ้นพลังงานอันมหาศาลก็ไหลเวียนไปทางมัน
สีหน้าของหลิวเก้อเปลี่ยนไปตัวเขารีบยกดาบแห่งความเงียบขึ้นเพื่อที่จะปัดป้องการโจมตีจากลู่โจว
แคล๊ง!
อาวุธนิรนามและดาบแห่งความเงียบปะทะกัน!
หลังจากที่อาวุธของทั้งสองฝ่ายเข้าปะทะกันทั้งสองคนก็เผชิญหน้ากัน
“ดาบเล่มนี้ก็คือดาบแห่งความเงียบอาวุธระดับสรวงสวรรค์ขั้นสุดยอด…บนดาบมีเขตแดนพลังอวตารดอกบัวเก้ากลีบอยู่ มันเป็นอาวุธที่มีไว้เพื่อต่อกรกับผู้มีพลังอวตารดอกบัวเก้ากลีบยังไงล่ะ…ท่านน่ะแพ้แล้ว” ทันทีที่หลิวเก้อพูดจบ…
แคล๊ง!
ดาบแห่งความเงียบก็เกิดรอยร้าวขึ้นมันได้แตกเป็นสองเสี่ยงอย่างรวดเร็ว
“หืม”
เสียงของดาบที่แตกสลายทำให้หลิวเก้อใจสั่นตัวเขาหันไปมองอาวุธของตัวเองด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง นี่มันเกิดอะไรขึ้น หัวใจของหลิวเก้อจมสู่ความสิ้นหวังในทันที ตัวเขารีบชักแขนกลับมาก่อนที่จะจ้องมองอาวุธของตัวเอง ใบดาบส่วนบนได้ตกลงไปแล้ว ในตอนนี้ดาบแห่งความเงียบเหลือเพียงครึ่งแรกเท่านั้น
หลิวเก้อมองกลับไปที่ลู่โจว…
ลู่โจวยังคงถืออาวุธนิรนามเอาไว้เช่นเคยตัวเขายังคงเคลื่อนที่เข้าหาหลิวเก้ออย่างไม่หยุดพัก อาวุธนิรนามที่ดูบอบบางกำลังเปล่งประกายอักษรสีดำออกมา
“นั่นมันอาวุธอะไรกัน”หลิวเก้ออุทานออกมาด้วยความตกใจ
ลู่โจวไม่ได้ตอบกลับอะไรตัวเขาเลือกที่จะใช้ฝ่ามืออีกข้างส่งพลังไปที่พื้นแทน
อาวุธนิรนามถูกปกคลุมไปด้วยแสงสีฟ้ามันส่องประกายราวกับเปลวไฟที่อยู่ในค่ำคืนอันมืดมิด ความเร็วของมันเพิ่มมากขึ้น!
ลู่โจวยกฝ่ามือขึ้นมาก่อนที่จะใช้พลังฝ่ามืออีกครั้ง
ตู๊ม!
หลิวเก้อกระเด็นลอยไป
อาวุธนิรนามได้ส่องแสงสีฟ้าไปทั่วฟ้าพลังของมันได้แผ่ขยายออกมาก่อนที่จะเสียบแทงไปที่ชู่เฉิง!
ฉั๊วะ!
เดิมทีชู่เฉิงบาดเจ็บสาหัสตั้งแต่แรกแล้วไม่มีทางเลยที่เขาจะหลบหนีการโจมตีนี้ได้
อาวุธนิรนามที่เสียบแทงได้ตรึงชู่เฉิงไว้บนพื้นราวกับตะปูที่ถูกตอก
“ตายซะ!”
“ติ้ง!สังหารเป้าหมายสำเร็จ ได้รับรางวัลแต้มบุญ: 1,500”
หลิวเก้อรู้ได้ทันทีว่าตัวเองประเมินความแข็งแกร่งของลู่โจวน้อยจนเกินไปดวงตาของเขาไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่เห็น ในขณะที่กระเด็นกลับไปหลิวเก้อยังคงกำดาบแห่งความเงียบเอาไว้แน่น ตัวเขาได้แต่จ้องชู่เฉิงที่ถูกอาวุธนิรนามตรึงไว้ที่พื้น “ทำไมกัน ข้าได้ทำทุกอย่างก็เพื่อประชาชน เพื่อดินแดน…ทำไมท่านต้องฝึกฝนจนมีพลังอวตารดอกบัวเก้ากลีบด้วย?” หลิวเก้อได้ถามคำถามออกมา เห็นได้ชัดว่าความรู้สึกของเขามันดูสับสนและวุ่นวาย
ลู่โจวมองไปที่หลิวเก้ออย่างไม่แยแส“หยุดพล่ามเรื่องไร้สาระได้แล้ว ข้าจะจบชีวิตเจ้าเช่นกัน!”
ลู่โจวเคลื่อนไหวฝ่ามืออีกครั้ง
พรึ๊บ!
อาวุธนิรนามที่ฝังอยู่บนหน้าอกของชู่เฉิงลอยกลับไปหามือของลู่โจวไม่นานนักพลังงานก็ยืดออกจากดาบก่อนที่จะพุ่งเข้าหาหลิวเก้อ
ดาบของหลิวเก้อสั่นไหว
หลิวเก้อได้เอามือแตะไปที่จุดพลังลมปราณที่ตัวเองมีในตอนนั้นเองพลังลมปราณก็หลั่งไหลจากที่นั่น บนดาบแห่งความเงียบเองก็เช่นกัน ลวดลายสีแดงบนนั้นได้ส่องสว่างยิ่งกว่าเดิม “ข้าเองก็ไม่ได้อยากทำแบบนี้หรอกนะพี่จี แต่ข้าจะต้องต่อสู้กับท่านจนกว่าจะตายกันไปข้าง” หลิวเก้อที่พูดจบก็ได้เหวี่ยงดาบแห่งความเงียบ
ช่วงเวลาที่อาวุธทั้งสองชิ้นจะเข้าปะทะกันเกิดขึ้นอีกครั้ง
ในตอนนั้นเองพลังสีฟ้าก็เริ่มก่อตัวกันจนกลายเป็นรูปร่างฝ่ามือมุทรามันเป็นฝ่ามือที่ปรากฏตัวบนตัวของลู่โจว
จิตใดที่ใสสะอาดจิตใจนั้นย่อมที่จะเป็นอิสระ จิตใจใดอิสระย่อมจิตใจนั้นก็ย่อมที่จะแข็งแกร่งดั่งหินผา ไม่หวั่นไหวต่อสิ่งใดเหมือนกับภูเขา
ตู๊ม!
ดาบแห่งความเงียบได้เข้ามาใกล้ตัวของลู่โจว
แต่สุดท้ายอาวุธนิรนามได้ป้องกันการโจมตีของหลิวเก้อได้อีกครั้ง
อีกรอบที่แรงจากการปะทะของทั้งสองคนกระเพื่อมออกมา
หลิวเก้อก้มศีรษะลงดาบที่ทุ่มพลังทั้งหมดไปกับการโจมตีเจาะทะลุพลังการป้องกันของลู่โจวได้ แต่ถึงแบบนั้นมันก็สร้างได้แต่รอยขีดข่วนได้เท่านั้น พลังมุทราที่อยู่รอบตัวของลู่โจวได้รักษาตัวเองอย่างรวดเร็ว หลิวเก้อตกตะลึง ตัวเขาพ่ายแพ้อีกครั้ง นิ้วของเขากำลังสั่น หลิวเก้อประมาทจนเกินไป
เสียงของลู่โจวได้ดังขึ้นมาอีกครั้ง“เจ้ากล้าที่จะสู้กับข้าด้วยพลังเพียงแค่นี้เองสินะ”
“เปิดกล่องเร็วเข้า”หลิวเก้อรีบออกคำสั่ง เสียงของเขาดังก้องไปทั่วภูเขาทอง
“ครับฝ่าบาท!”
ผู้คุ้มกันที่มากับหลิวเก้อได้เปิดกล่องใบที่สอง
“หืม”
เมื่อเปิดกล่องอีกใบเครื่องรางจำนวนหนึ่งก็ได้พุ่งเข้าหาหลิวเก้อ พวกมันเคลื่อนที่เร็วกว่าสุดยอดเคล็ดวิชาแห่งการเคลื่อนไหวซะอีก
หลิวเก้อถูกปกคลุมไปด้วยเครื่องรางในชั่วพริบตาเครื่องรางเหล่านั้นพันรอบตัวของหลิวเก้อแน่น เครื่องทั้งหลายดูราวกับจะสูบเลือดสูบเนื้อของหลิวเก้อไป ลวดลายสีแดงบนดาบแห่งความเงียบที่แตกหักเริ่มเปล่งแสง ดาบที่ถูกทำลายไปแล้วได้บินกลับมาหาหลิวเก้อ ในตอนนี้หลิวเก้อดูคล้ายกับมัมมี่ไม่มีผิด
แสงสีแดงได้ส่องมาจากตัวของอดีตจักรพรรดิ
ลู่โตวเหลือบมองไปที่เครื่องรางสีแดงทั้งหลายก่อนที่จะพูดออกมาอย่างเฉยเมย“ในที่สุดเจ้าก็ยอมใช้มันสินะ”