ตอนที่ 285 แปลกจริง ๆ
ตอนที่ 285 แปลกจริง ๆ
คนผู้นั้น…
อวี้ชิงลั่วค่อย ๆ ขมวดคิ้ว คนผู้นั้น…น่าจะเป็นคนที่นางได้ช่วยชีวิตเอาไว้ที่ร้านยาซิงเซิ่ง ครั้งเมื่อตอนมาถึงเมืองหลวงใหม่ ๆ
แต่ดูเหมือนว่า เมื่อพิจารณาจากมุมนี้แล้ว นางก็ไม่ค่อยมั่นใจมากเท่าใดนัก
“เหวินเทียน คนผู้นั้นคือใคร?”
อวี้ชิงลั่วชี้ไปยังบุรุษที่เดินเคียงข้างกับองค์รัชทายาท แล้วหันกลับมาถาม
เหวินเทียนตกตะลึง ชายหนุ่มเดินไปที่หน้าต่างและมองไปยังทิศทางที่หญิงสาวชี้ จากนั้นจึงเอ่ยตอบเบา ๆ “บุรุษผู้นั้นคือองค์รัชทายาทของอาณาจักรหลิวอวิ๋นขอรับ”
องค์รัชทายาทแห่งอาณาจักรหลิวอวิ๋น? อวี้ชิงลั่วขมวดคิ้ว ในตอนแรกนั้นนางได้ช่วยชีวิตคนสองคนเอาไว้ คนหนึ่งตัวใหญ่และอีกคนตัวเล็ก ซึ่งน่าจะเป็นเชื้อพระวงศ์ด้วย เมื่อเอ่ยเช่นนี้แล้ว อำนาจของบุรุษผู้นั้นมีไม่ธรรมดาจริง ๆ
หญิงสาวนึกถึงหลักฐานที่ขอจากพวกเขาในตอนแรก นางค่อย ๆ หัวเราะออกมา และหันหน้าไปอีกครั้ง เนื่องจากคนผู้นี้เป็นองค์รัชทายาท เช่นนั้นแล้วเด็กคนนั้น ก็น่าจะเป็นองค์ชายน่ะสิ เพียงแค่ไม่รู้ว่า…เขานั้นมาอาณาจักรเฟิงชางหรือไม่?
กลุ่มผู้เข้าการประลองของอาณาจักรหลิวอวิ๋นที่เข้ามาเป็นกลุ่มแรกนั้น ทั้งหมดใช้เวลาเดินอยู่ครึ่งชั่วยามกว่าจะเห็นปลายแถว เมื่อดูท่าทางขององค์รัชทายาท เขาเองก็ดูมีการวางแผนการประลองครั้งนี้มาอย่างดีแล้ว
อวี้ชิงลั่วมองดูสักครู่จึงได้นั่งลงไปใหม่ ก่อนที่จะดื่มชาอย่างเงียบ ๆ ในท้ายที่สุดแล้วอาณาจักรเฟิงชางนั้นจะแพ้หรือชนะ อวี้ชิงลั่งนั้นไม่ได้ใส่ใจ เพียงแค่หนานหนานชนะ นางก็พอใจแล้ว
อวี้เป่าเอ๋อร์และเย่หลานเฉิงมีโอกาสน้อยมากที่จะได้ออกจากบ้าน ทั้งสองจึงมีความอยากรู้อยากเห็นเป็นอย่างมาก ตั้งแต่ออกจากประตูมาเด็กทั้งสองก็ยังไม่ได้หยุดส่งเสียงเลยแม้แต่น้อย
อวี้ชิงลั่วคิดว่าโชคดีแล้วที่หนานหนานนั้นไม่ได้อยู่ที่นี่ ไม่เช่นนั้นแล้วคงทำให้หลังคาร้านอาหารพังทั้งหมดแน่
แท้ที่จริงแล้ว…หนานหนานอยากมาด้วยมาก ๆ แต่หลังจากที่ลองอยู่หลายครั้งก็ถูกเย่ซิวตู๋จับตัวกลับไปตลอด จึงทำได้แค่ไปอยู่ที่เรือนอื่นอย่างเชื่อฟัง และทำความคุ้นเคยกับวรยุทธ์ที่ท่านพ่อสอนไปในให้เวลาเช้าให้ได้ เช่นนี้แล้วในวันรุ่งขึ้นหนานหนานจึงจะมีโอกาสออกมา
ไม่กี่วันมานี้เย่ซิวตู๋พึงพอในกับผลงานของหนานหนานเป็นอย่างมาก เขาคิดว่าหากคู่ต่อสู้ของหนานหนานไม่ใช้วิธีสกปรก ฝีมือเช่นนี้ของหนานหนานก็ทำให้เขาได้ชัยชนะมาไม่ยาก
เมื่อดูเจ้าเด็กน้อยฝึกวิชาหมัดมวยจนเสร็จ เย่ซิวตู๋จึงให้คนนำอาหารเย็นเข้ามาให้เด็กชายที่หิวโหยได้รับประทาน
เมื่อมองดูท้องฟ้าที่มืดลงก็พบว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะเดินเข้าถนนใหญ่เพื่อดูกลุ่มผู้เข้าประลองการแข่งขั้นจากแค้วนหลิวอวิ๋นที่กำลังเดินทางเข้าเมือง แม้แต่หนานหนานที่เชื่อมาเสมอว่าการกินนั้นคือความสุข เวลานี้เด็กชายก็ไม่ได้อยากอาหารอีกต่อไป หลังจากที่ตะบี้ตะบันรับประทานอาหารจนเสร็จ… มีน่องไก่สองชิ้น ขนมกุ้ยฮวาสามชิ้น ข้าวหนึ่งถ้วย น้ำแกงครึ่งถ้วย และใช้สองมือคว้าถั่วลิสงก่อนที่จะวิ่งกลับห้องนอนไปอีกด้วย…
เด็กชายต้องการที่จะบำรุงและสะสมพละกำลัง เพราะหลังจากนั้นไม่กี่วัน หนานหนานไม่จำเป็นต้องฝึกวรยุทธ์ และสามารถพักผ่อนได้
อื้ม เขาชอบความคิดนี้มาก
เย่ซิวตู๋มองดูเงาที่ค่อย ๆ ห่างออกไปด้วยใบหน้าเหนื่อยล้า ชายหนุ่มหันหน้าไปมองเสิ่นอิง “ในตอนที่กลุ่มผู้ประลองจากแคว้นหลิวอวิ๋นเข้ามาในเมืองนั้น มีสิ่งใดผิดปกติหรือไม่?”
“ไม่มีขอรับ ทั้งหมดนับว่าเป็นปกติดี มีคนมากมายคอยจับตามองอยู่อย่างลับ ๆ แต่น่าเสียดายที่เขาไม่ได้รับอะไรกลับมาเลย”
“อืม” เย่ซิวตู๋พยักหน้า เพื่อให้คนมาเก็บอาหารบนโต๊ะ ก่อนที่จะลุกขึ้นและเข้าห้องตำราไป “แล้วองค์รัชทายาทล่ะ?”
“องค์รัชทายาทนั้นทำได้ดี ไม่รู้ว่าได้รับคำแนะนำมาจากผู้ใด ตลอดทางได้สนทนายิ้มแย้มกับฉีหานเว่ย องค์รัชทายาทแห่งแคว้นหลิวอวิ๋น ไม่ได้ทำเรื่องอะไรไม่ดีเลยขอรับ”
เย่ซิวตู๋หัวเราะเบา ๆ ผู้ที่สามารถให้คำแนะนำองค์รัชทายาทเช่นนี้ได้ เกรงว่าจะมีแค่ไท่จื่อเฟย
ดูเหมือนว่าหลังจากที่จ้าวผิงเสียชีวิตลง ไท่จื่อเฟยก็ได้ดำเนินการในสิ่งที่นางต้องการ อาการป่วยของนางเกือบจะกลับมาปกติแล้ว จึงทำให้องค์รัชทายาทกลับมาฟังคำพูดของนางอีกครั้ง
ในส่วนของฉีหานเว่ยนั้น ดูเหมือนเสิ่นอิงจะรู้เรื่องเกี่ยวกับเขาไม่มากนัก เพียงรู้ว่าชายหนุ่มนั้นมีนิสัยที่อ่อนโยน แต่กลับชาญฉลาดและสงบเยือกเย็น เขามีอำนาจมากมายในแคว้นหลิวอวิ๋น และฮ่องเต้ของแคว้นหลิวอวิ๋นเองก็ให้ความสำคัญกับเขามากเช่นกัน สถานะองค์รัชทายาทของฉีหานเว่ยนั้นเป็นของจริง เช่นนั้นแล้วจึงมีอำนาจในหมู่ผู้คนนับแสนนับพัน ซึ่งต่างกับแคว้นเฟิงชางที่องค์รัชทายาทไม่มีอำนาจและไม่ได้รับความสนใจจากฮ่องเต้เลยแม้แต่น้อย
ครั้งนี้องค์รัชทายาทแคว้นหลิวอวิ๋นได้นำผู้เข้าร่วมประลองเดินทางมายังอาณาจักรเฟิงชาง ก็น่าจะเป็นฮ่องเต้ของแคว้นหลิวอวิ๋นที่ส่งชายหนุ่มมาเพื่อให้มีโอกาสได้ฝึกฝน
แต่เรื่องที่ทำให้เสิ่นอิงนั้นประหลาดใจก็คือองค์รัชทายาทผู้นี้เป็นชายหนุ่มที่ได้รับการช่วยเหลือจากอวี้ชิงลั่วเมื่อกาลก่อน ในตอนนั้นเสิ่นอิงรับผิดชอบเรื่องการติดตามชายหนุ่มออกจากเมืองอย่างลับ ๆ ถึงแม้จะไม่ได้เจอตัวกันซึ่ง ๆ หน้า แต่กลับมองเขาด้วยสายตาที่ตื่นตกใจ เสิ่นอิงจึงจดจำใบหน้าได้
“ท่านอ๋อง ต้องการให้ข้าน้อยลงไปสืบหรือไม่ขอรับว่าผู้เข้าแข่งกันการประลองคือผู้ใด?”
“ไม่จำเป็น” เย่ซิวตู๋โบกมือ และบอกให้ชายหนุ่มออกไป
ถึงแม้ว่าจะรู้ดีว่าเสิ่นอิงกังวลเรื่องหนานหนาน แต่กลุ่มคนของแคว้นหลิวอวิ๋นที่เพิ่งจะมาถึงโรงเตี๊ยมนั้นไม่ต้องพูดถึงความเข้มงวดของทหารยามแห่งแคว้นเฟิงชางเลย เพียงแค่พระปรีชาสามารถขององค์รัชทายาทแห่งแคว้นหลิวอวิ๋นนั้นต่างก็เป็นที่ประจักษ์ของประชาชนแล้ว ในเมื่อทราบเช่นนี้ ไหนเลยจะกล้าทำผิดกฎ?
เกรงว่าชายหนุ่มได้เตรียมข่าวลือผิด ๆ ไว้แล้วตั้งแต่ต้น เพื่อที่จะดึงดูดให้ผู้คนนั้นเข้าใจผิด
เย่ซิวตู๋ไม่ได้วางแผนที่จะมีส่วนร่วมกับความสนุกครึกครื้นนี้ เมื่อถึงเวลานั้นข่าวสารจะบิดเบือน กลับจะมาทำร้ายหนานหนานเสียด้วยซ้ำ
แต่เย่ซิวตู๋นั้นกลับมีความมั่นใจในตัวเจ้าเด็กน้อยเป็นอย่างมาก
ข้อเท็จจริงได้เป็นไปตามที่เย่ซิวตู๋นั้นได้คาดการณ์เอาไว้ เช้าวันต่อมาเสิ่นอิงก็วิ่งเข้ามาจากนอกลานบ้านด้วยอาการที่เหนื่อยหอบ และเอ่ยขึ้นด้วยความปีติยินดี “ท่านอ๋อง โชคดีมากที่ท่านไม่ได้ให้ข้าน้อยไปสืบข่าว ข้าน้อยพึ่งจะได้ข่าวมาว่า มีคนมากมายที่ต้องการจะแทรกซึมเข้าไปในโรงเตี๊ยม ไม่เพียงแต่อาณาจักรเฟิงชางของพวกเราเท่านั้น ยังมีอาณาจักรเทียนอวี่ อาณาจักรจิงเหลย หรือแม้แต่ผู้พิทักษ์ทมิฬเองก็มาแอบสอบถามข้อมูลอยู่ไม่น้อย แต่ข้อมูลที่ได้รับนั้นล้วนต่างกันออกไป แม้แต่องค์รัชทายาท ข่าวที่พระองค์ถามออกไปยังเป็นข่าวผิดเลย องค์รัชทายาทแห่งแคว้นหลิวอวิ๋นผู้นี้หลอกไม่ง่ายเลยจริง ๆ”
เย่ซิวตู๋ยิ้มขึ้น และถอนหายใจออกมาเบา ๆ ชายหนุ่มเพียงแค่ก้าวเข้าไปในห้องของหนานหนานและอุ้มหนานหนานที่นอนก้นโด่งขึ้นมา
“วันนี้กลุ่มของอาณาจักรจิงเหลยจะเดินทางเข้าเมือง เจ้าจะไม่ตื่นไปดูหรือ?”
นิสัยที่ร่าเริงของเด็กน้อยไม่รู้ว่าได้รับมาจากผู้ใด เหตุใดจึงเอาแน่เอานอนเช่นนี้ไม่ได้
หนานหนานงัวเงีย ยังคงฟังไม่รู้เรื่องว่าท่านพ่อกล่าวอะไร เพียงแค่รู้สึกว่าถูกคนอุ้มขึ้นมา เสียงของคนผู้นี้ช่างคุ้นเคยเหลือเกิน เด็กน้อยลืมตาที่พร่ามัว ก่อนจะค่อย ๆ โอบคอของชายหนุ่มและกล่าวขึ้นเบา ๆ ว่า “ท่านพ่อ จะกินข้าวแล้วหรือ? ท่านช้าก่อนสิ ข้าขอนอนต่ออีกสักเค่อ เค่อเดียวจริง ๆ เค่อ…”
เย่ซิวตู๋อยากจะหัวเราะ เสิ่นอิงที่อยู่ข้าง ๆ เองก็อดไม่ได้ที่จะปิดปากเอาไว้เพื่อกลั้นหัวเราะ
หนานหนานทำปากแจ๊บ ๆ และเริ่มที่จะงัวเงียอีกครั้ง
เย่ซิวตู่หมดสิ้นหนทาง หลังจากนั้นจึงให้สาวใช้ไปเตรียมน้ำเพื่อแก้มยุ้ยสีแดงน้อย ๆ หลังจากนั้นจึงอุ้มเด็กน้อยไปที่ห้องโถง
โชคดีที่หนานหนานเกือบจะตื่นแล้ว เมื่อได้กลิ่นของอาหาร ก็ลืมตาและกระฉับกระเฉงขึ้นมาทันที เด็กน้อยเด้งตัวขึ้นและเริ่มลงมือรับประทานอาหาร
เย่ซิวตู๋ส่ายศีรษะอย่างช่วยไม่ได้ เมื่อรอให้เด็กน้อยกินเสร็จ จึงพาหนานหนานขึ้นรถม้า ออกไปยังจวนแห่งอื่น
ขณะที่รถม้าวิ่งออกไปที่ถนน ก็เกิดเสียงพูดคุยกันจากข้างทาง
“คนผู้นั้จากแคว้นจิงเหลยช่างแปลกประหลาดเสียจริง”
………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
หนานหนานก็ยังเอาแต่กินเสมอต้นเสมอปลาย ใครมีฝีมือมาจากไหนไม่รู้ล่ะ ขอข้ากินก่อนนะ
ไหหม่า(海馬)