บทที่ 539 ข้าไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจุดสิ้นสุดของจักรวาลอยู่ที่ใด แล้วเจ้าทราบได้อย่างไร

ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี

บทที่ 539 ข้าไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจุดสิ้นสุดของจักรวาลอยู่ที่ใด แล้วเจ้าทราบได้อย่างไร?

บทที่ 539 ข้าไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจุดสิ้นสุดของจักรวาลอยู่ที่ใด แล้วเจ้าทราบได้อย่างไร?

หลังจากนั้นการท่องเที่ยวของครอบครัวนี้ก็ไม่ได้พบเจอเรื่องประหลาดอีก

อย่างไรก็ตาม เพราะคำเตือนของชายผมหงอก ไป๋ชิวหรานจึงได้พบบางสิ่งระหว่างทาง ดังนั้นเขาจึงหยุดสักครู่และแอบเข้าไปตรวจสอบ

ตามที่ชายผมหงอกกล่าวไว้ ในบรรดาโลกวัตถุเหล่านี้ บางโลกวัตถุมีร่องรอยอารยธรรมชัดเจน แต่อารยธรรมเหล่านี้เหลือเพียงเล็กน้อย ไม่มีสิ่งอื่นใดอีก ดูเหมือนว่ามันถูกบางสิ่งที่เลวร้ายกลืนกิน

ดังนั้นหลังจากการเดินทางของครอบครัวสิ้นสุดลง ไป๋ชิวหรานก็ส่งบุตรทั้งสองให้กับเทพีซีเหอและตรงสู่พระราชวังเซียนกลาง เพื่อบอกกล่าวกับเล่อเจิ้นเทียนเกี่ยวกับเรื่องที่ได้ทราบ

“ข้าจัดการกับหกคนที่ท่านส่งมาเรียบร้อยแล้ว ท่านอาจารย์ไม่ต้องกังวลใด อย่างไรแล้ว เผ่าพันธุ์ของพวกเขาก็แปลกประหลาดจริง ๆ”

เล่อเจิ้นเทียนโบกมือ

“แต่สิ่งที่ไม่รู้ว่าคืออะไรกำลังกลืนกินอารยธรรมในตอนล่างของสายธารแห่งความว่างเปล่า… ท่านอาจารย์คิดว่านี่คือเหตุผล …ว่าทำไมอารยธรรมในเขตแดนจิตสำนึกจึงสร้างกำแพงขึ้นมาหรือไม่?”

“ข้าไม่ทราบด้วยซ้ำว่าจุดสิ้นสุดของความว่างเปล่านี้อยู่ที่ใด แล้วข้าจะทราบเรื่องนี้ได้อย่างไร?”

ไป๋ชิวหรานกางมือพร้อมกล่าวว่า

“เรื่องเช่นนี้ไม่อาจสรุปได้จนกว่าเราจะค้นพบมัน อย่างไรก็ตาม มันอันตรายยิ่ง และไม่เป็นมิตรต่อเหล่าอารยธรรมแม้แต่น้อย เราจึงต้องคอยสังเกตการณ์อย่างใกล้ชิด”

“ทราบแล้ว”

ขณะที่เล่อเจิ้นเทียนกำลังจะกล่าวบางอย่าง อัญมณีบนบัลลังก์ของเขาส่งเสียงแผ่วเบาพร้อมทั้งสั่นสะเทือนเล็กน้อย ก่อนจะมีลำแสงเปล่งประกายออกมา

“มหาเทพหุ่นกล เกิดอะไรขึ้น?”

เวลานี้ไป๋ชิวหรานอยู่ใกล้เคียง เล่อเจิ้นเทียนไม่คิดปิดบังอะไร เขาเชื่อมต่อและพูดคุยกับมหาเทพหุ่นกลโดยตรง

“องค์จักรพรรดิเซียน”

เสียงของมหาเทพหุ่นกลดังขึ้น มันเป็นเสียงกลไกอันเย็นชา ซึ่งสิ่งนี้ไม่ต่างอะไรจากหุ่นกลพูดคุยกับเล่อเจิ้นเทียน

“ตอนข้าคัดแยกวัสดุของจักรกลรุ่นก่อน ข้าพบบางสิ่งที่น่าสนใจ ท่านอยากรับชมหรือไม่?”

“หืม?”

เดิมทีเล่อเจิ้นเทียนต้องการเพียงพูดคุย แต่หลังจากผ่านไปหลายปี เขาได้พบเห็นสิ่งใหม่ที่น่าอัศจรรย์มากมายนับไม่ถ้วน สิ่งเหล่านี้ล้วนมากด้วยคุณสมบัติพิเศษ ดังนั้นหลังจากครุ่นคิดสักครู่เขาจึงกล่าวถาม

“มันสำคัญมากหรือ?”

“ข้าคิดว่ามันน่าจะสำคัญมาก”

มหาเทพหุ่นกลกล่าวตอบ

“เนื่องจากรุ่นก่อนหน้านี้เก็บรักษาความลับของข้อมูลไว้แน่นหนา ข้าจึงต้องใช้เวลานานสำหรับทะลวงผ่านการป้องกัน แต่ตอนนี้ข้าเห็นข้อมูลที่ถูกเก็บซ่อนไว้ภายในแล้ว”

“อ่า ข้าจะไปหาเจ้าทันที แล้วตัวอย่างที่ว่าอยู่ที่ใด?”

“ในสถานทดลองที่เจ็ด”

มหาเทพหุ่นกลตอบกลับ

“อืม ข้าจะไปทันที”

หลังเล่อเจิ้นเทียนตัดการสื่อสาร เขาหันมองไป๋ชิวหรานทันที

“ท่านอาจารย์จะไปรับชมพร้อมข้าหรือไม่?”

ไป๋ชิวหรานคิดอยู่ครู่หนึ่ง เด็กสองคนก็ถูกส่งไปอยู่กับเทพีซีเหอแล้ว ด้วยระเบียบวินัยของเทพีซีเหอ เขาจึงไม่ต้องกังวลเรื่องนี้ และเมื่อทั้งสองกลับบ้าน ชายหนุ่มก็ต้องใช้เวลาทั้งหมดเพื่ออยู่กับพวกเขา หลังจากไตร่ตรองดูให้ดีแล้วจึงตอบว่า

“ข้าจะไปกับเจ้า อย่างไรแล้วเรื่องของมหาเทพหุ่นกลองค์เก่าก็น่าสนใจ!”

ดังนั้นทั้งสองจึงออกไปด้วยยานพาหนะของจักรพรรดิเซียน ทั้งสองออกจากพระราชวังเซียนกลางและเข้าสู่สถานทดลองที่เจ็ด นี่คือสถานที่อยู่ปัจจุบันของมหาเทพหุ่นกล

มันแตกต่างจากการออกแบบของโลกวัตถุแห่งเซียน ทั้งมหาเทพหุ่นกลเก่าและใหม่นั้นเต็มไปด้วยกลิ่นอายอันแข็งแกร่ง สถานที่ทดลองหมายเลขเจ็ดถูกปิดกั้นเอาไว้ ซึ่งภายในว่างเปล่า มีสิ่งที่คล้ายกับกลไกสีทองกำลังหมุนอยู่ด้านบน มีวงแหวนดาราขนาดใหญ่หลายดวงที่สร้างขึ้นจากโลหะ และมากด้วยพลังแห่งยันต์โคจรอยู่โดยรอบตลอดเวลา

เรือเหาะของเล่อเจิ้นเทียนค่อย ๆ ร่อนลงบนลานจอดด้านบน จากนั้นมีหุ่นกลหลายตัวออกมาต้อนรับเมื่อทั้งสองลงมา

ในห้องทดลองเต็มไปด้วยแผ่นแสงแสดงผลมากมาย ซึ่งบนนั้นฉายข้อมูลต่าง ๆ อยู่และยังส่งสิ่งต่าง ๆ ไปให้มหาเทพหุ่นกลองค์ใหม่ทราบตลอดเวลา

ณ ใจกลางของห้องมีหุ่นกลรูปทรงเรียบง่ายยืนอยู่

เมื่อเห็นไป๋ชิวหรานและเล่อเจิ้นเทียนมาถึง มหาเทพหุ่นกลจึงออกมาด้านนอก

“ยินดีต้อนรับฝ่าบาท บรรพชนกระบี่ก็อยู่ที่นี่ด้วย นับว่าดียิ่ง”

“ต้องการให้พวกเราดูอะไร?”

เล่อเจิ้นเทียนพยักหน้าพร้อมกล่าวเข้าประเด็น

“สิ่งนี้…”

มหาเทพหุ่นกลหันกลับมาที่ร่างนั้น ในขณะหันกลับมา ภาพบนจอใกล้เคียงนับไม่ถ้วนเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นภาพต่าง ๆ ใจกลางสถานทดลองมี ‘อำพัน’ สีเหลืองอ่อนวางเอาไว้ และในใจกลางของอำพันนี้มีสัตว์มหัศจรรย์นอนแข็งอยู่ภายใน

“อ่านี่คือ… แมลง?”

เมื่อเห็นสิ่งมีชีวิตตรงหน้า …ไป๋ชิวหรานจึงกล่าวถาม

มหาเทพหุ่นกลขยายภาพให้กว้างขึ้น ก่อนจะเปิดแสงไฟในห้องทดลองเพื่อให้เล่อเจิ้นเทียนและไป๋ชิวหรานสามารถมองเห็นสิ่งมีชีวิตที่ถูกผนึกไว้ในอำพันนี้ได้ชัดเจน

มันคือแมลงขนาดใหญ่ แต่ไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาเคยรู้จักมาก่อน แมลงนี้มีร่างกายใหญ่โต กรงเล็บใหญ่พร้อมเขี้ยวแหลมคม ด้านหลังมีกระดองสีดำปกคลุม ขาหลังของมันก็ดูทรงพลังยิ่ง

มันถูกฝังด้วยผนึกอำพัน และท่าทางของมันนับว่าน่าเกลียดมาก กรงเล็บคมปลาบ ยกขาหน้าสูง และขาหลังยืนตระหง่านราวตั๊กแตนตำข้าวเฝ้ารอโจมตีเหยื่อ อย่างไรก็ตาม ในระหว่างนั้นก็เกิดเหตุร้ายกับมันเข้าแล้ว และมันก็ถูกอำพันนี้จับกุมไว้แน่นหนาจนกลายเป็นอำพัน ก่อนจะถูกเก็บรักษาไว้อย่างดีภายในร่างกายของมหาเทพหุ่นกล

“ตามข้อมูลที่ข้าได้รับจากคลังความจำที่มหาเทพหุ่นกลรุ่นก่อนทิ้งเอาไว้ สิ่งนี้ถูกพบในชายแดนของอาณาเขตมหาเทพหุ่นกลในห้วงแห่งความว่างเปล่า ในเวลานั้น พายุพลังงานอ่อนแรงและพวกมันถูกค้นพบโดยที่ยังไม่ถูกทำลาย เช่นนั้นจึงตั้งชื่อสิ่งนี้ว่า ‘แมลงห้วงแห่งความว่างเปล่า’ และสกัดเศษเสี้ยวของมันเพื่อวิเคราะห์ องค์ประกอบของแมลงตัวนี้ซับซ้อนมาก และจากการวิเคราะห์เบื้องต้นแล้ว มันคือสิ่งมีชีวิตที่สามารถอาศัยอยู่ในห้วงแห่งความว่างเปล่าได้ด้วยตนเอง”

“ฉลาดถึงเพียงนั้น?”

ไป๋ชิวหรานกล่าวถาม

“แล้วแมลงตัวนี้เป็นสิ่งมีชีวิตชาญฉลาดจากอารยธรรมบางอย่าง หรือเป็นกลุ่มนักล่าที่สามารถพัฒนาความสามารถทางกายภาพอันทรงพลังได้?”

“ไม่ใช่ทั้งสองอย่าง”

มหาเทพหุ่นกลตอบกลับ

“จากการวิเคราะห์ของมหาเทพหุ่นกลรุ่นก่อน แมลงนี้ไม่มีสมอง ไม่มีอวัยวะใด ๆ ที่สามารถจะมีสติสัมปชัญญะ ไม่มีวิญญาณ หรือจิตวิญญาณ แต่มันสามารถเคลื่อนที่ได้ด้วยตนเองและมีสัญชาตญานชัดเจน ดังนั้นจากสิ่งที่รุ่นก่อนคิดค้นเอาไว้ หากนิยามว่าเป็น ‘อาวุธ’ หรือ ‘เครื่องมือ’ คงจะเหมาะสมกว่า”

“ช่างบังเอิญเสียจริง ข้าเพิ่งได้รับข่าวจากพันธมิตรใหม่เมื่อไม่นานมานี้ว่าโลกวัตถุหลายแห่งในสายธารแห่งความว่างเปล่าตอนล่างถูกกลืนกินโดยสิ่งที่ไม่ทราบชื่อ และวันนี้เจ้ามาบอกว่ามีสิ่งนี้ปรากฏขึ้นในเขตของมหาเทพหุ่นกล ไม่รู้ว่าสองอย่างนี้จะเชื่อมโยงกันหรือไม่”

ไป๋ชิวหรานประหลาดใจ

“ข้าก็รู้สึกสงสัยเช่นกัน”

หลังจากคิดอยู่ชั่วขณะ มหาเทพหุ่นกลจึงกล่าวต่ออีกว่า

“จากการสืบทราบ แมลงที่ถูกผนึกไว้ในอำพันดูเหมือนจะมีชีวิตอยู่ หากเราตัดชั้นของวัสดุที่ผนึกมันออก มันอาจจะเคลื่อนไหวได้… ฝ่าบาท ท่านบรรพชนกระบี่ เราจะลองดูหรือไม่? โปรดออกคำสั่ง”