ตอนที่ 591 ห้าวหาญและสง่างาม

Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน

“ดั่ง​ที่​เก่า​เวียน​มาพบพาน​

ยิ่ง​อ้างว้าง​ยาม​มอง​จันทร์​

แม้เปลว​เทียน​ส่อง​ชัชวาล​ ยัง​ตัดพ้อต่อว่า​ฉัน​

…”

เสียงเพลง​ไหล​เอื่อย​

ท่วงทำนอง​ยัง​คงอยู่​

ขณะที่​ฟังเพลง​อย่าง​ระมัดระวัง​ จู่ๆ หัวใจ​ของ​ห​ลี่​ยาง​ก็​เต้น​ไม่เป็น​ส่ำอย่าง​ไร้เหตุผล​ รู้สึก​เพียง​ว่า​มีบางอย่าง​กำลัง​ละ​ลายอย่าง​เงียบเชียบ​

เขา​มอง​ไป​รอบ​ๆ โดยไม่รู้ตัว​

ไม่ว่า​จะมอง​ไป​ทาง​ไหน​ สีหน้า​ของ​ทุกคน​ก็​เริ่ม​เปลี่ยนไป​

คน​ดนตรี​ระดับ​หัวกะทิ​ซึ่งมารวมตัวกัน​จาก​ทั้งเมือง​ ล้วน​เป็น​นักประพันธ์​เพ​ลงมือ​ทอง​ โสตประสาท​อัน​ยอดเยี่ยม​ย่อม​ทำให้​พวกเขา​ฟังออก​ถึงความ​ไม่ธรรมดา​ใน​บทเพลง​นี้​

เสียงเพลง​ยังคง​ดัง​ต่อไป​

“หนึ่ง​ไห​ลอย​ล่อง​

ออก​ท่อง​หล้า​ยาก​กล้ำกลืน​

ยาม​เธอ​จากลา​

กรุ่น​กลิ่น​สุรา​หวน​ร่ำ​รส​วันวาน​

ริน​ไหล​ตาม​ธาร​

ไม่อาจ​เหนี่ยวรั้ง​กาล​

เพียง​ครั้ง​เดียว​ที่​บุปผา​บาน​

ฉัน​กลับ​พลั้งพลาด​ไป​”

หาก​กล่าวว่า​เพลง​บลู​สตาร์​ของ​หยาง​จงหมิง​ฮึกเหิม​ห้าวหาญ​​ อยู่​ใน​สภาวะ​ที่​ที่​เรียก​ว่า​ ‘ดนตรี​ที่​ยิ่งใหญ่​มัก​เรียบง่าย​’…

เช่นนั้น​เพลง​นี้​ของ​เซี่ยนอวี๋​นั้น​ประณีต​และ​สง่างาม ประหนึ่ง​การสลัก​มังกร​วาด​หงส์​ต่อหน้า​อย่าง​แท้จริง​

ห้าวหาญ​

สง่างาม

ความเศร้า​และ​ความ​จนใจ​ใน​เพลง​ลม​บูรพา​ร้าวราน​ คือ​ความรู้สึก​ของ​รักแรก​ครั้น​เยาว์วัย​

สไตล์​ดนตรี​ย้อนยุค​ผสมผสาน​กับ​จิต​วิ​ญญาน​ของ​เพลง​เปียโน​สมัยใหม่​ แต่กลับ​ปราศจาก​ความ​ย้อน​แย้ง​ใน​ตัวเอง​

ทุกสิ่ง​ดู​กลม​กลืนกัน​เหลือเกิน​

ใน​ความเสียใจ​

ภาพ​ฝัน​ยังคง​ลอย​ล่อง​

ประหนึ่ง​กำลัง​ท่อง​อยู่​กลาง​ทะเลสาบ​

ภาพ​ที่​เห็น​จาก​เรือ​ คือ​ทิวเขา​เขียวชอุ่ม​ ผิวน้ำ​เหนือ​ทะเลสาบ​กำลัง​กระเพื่อม​อย่าง​แผ่วเบา​ และ​กาลเวลา​ผัน​ผ่าน​

ฉาก​นี้​เปี่ยม​ไป​ด้วย​มนตร์​เสน่ห์​ของ​ความ​เก่าแก่​​ ประหนึ่ง​สรรพสิ่ง​นั้น​กำเนิด​ขึ้น​โดยธรรมชาติ​

ระลอกคลื่น​ค่อยๆ​ ก่อตัว​ขึ้น​ ชวน​ให้​ประหลาดใจ​

ท่ามกลาง​ท่วงทำนอง​โบราณ​ซึ่งกระโดด​ไปมา​อย่าง​เป็นธรรมชาติ​

ผี​ผา​ประดุจ​ลูกแก้ว​หยก​กลม​กลิ้ง​

ซอ​เอ้อร์​หู​เต้น​เริงระบำ​ไป​ตาม​กาลเวลา​

บางครั้ง​เสียง​ของ​ฮาร์ป​บรรเลง​อย่าง​ไพเราะ​

ครั้น​ทำนอง​ท่อน​คอ​รัส​ดัง​ขึ้น​ บรรยากาศ​ใน​ห้อง​คล้าย​กลับ​เปลี่ยนไป​อย่าง​ไม่อาจ​อธิบาย​ได้​ หัวใจ​ของ​ทุกคน​สั่นระรัว​ขึ้น​มาในทันที​

“ใคร​หนอ​กรีด​ผี​ผา​บรรเลง​ลม​บูรพา​ร้าวราน​

คืน​วัน​จารึก​บน​ผนัง​ฉัน​เห็น​มาเนิ่นนาน​

ยัง​จด​จำปี​นั้น​ของ​เรา​สอง​ใน​วันวาน​

มิอาจ​เปรียบ​เพลง​ฉิน​ดัง​ขับขาน​

ฉัน​เฝ้ารอ​ แต่​เธอ​ไม่ได้ยิน​ไป​ตลอดกาล​…”

ริมฝีปาก​ของ​ห​ลี่​ยาง​ค่อยๆ​ เผยอ​ออก​

ทางซ้าย​ของ​ห​ลี่​ยาง​

นักประพันธ์​เพ​ลงมือ​ทอง​ซึ่งก่อนหน้านี้​กล่าว​ยกย่อง​ความประณีต​ของ​เพลง​บลู​สตาร์​ ขณะนี้​เขา​ตาโต​จน​เป็น​ลูก​ปิงปอง​

ทางขวา​ของ​ห​ลี่​ยาง​

นักประพันธ์​เพ​ลงมือ​ทอง​ซึ่งพูดว่า​ ‘หยาง​จงหมิง​ชนะ​แน่​’ สีหน้า​ของ​เขา​แลดู​ราวกับ​ท้องผูก​ประหนึ่ง​เมน​เทอร์​สัก​ท่าน​หนึ่ง​ใน​รายการ​ Sing! Ch**a! ขณะ​ได้​ฟังการแสดง​สด​

เทพ​แห่ง​การแสดง​สีหน้า​กลับมา​สถิต​แล้ว​

ที่จริง​แล้ว​การขับ​ร้องเพลง​นี้​ไม่ได้​รุนแรง​

การขับ​น้อง​ท่อน​คอ​รัส​นั้น​เบาบาง​ราวกับ​สุรา​ดีกรี​ต่ำ​ที่​ได้​ลิ้มรส​ก่อน​มื้อ​อาหาร​ สัมผัส​ได้​เพียง​ความ​มึนเมา​เพียง​เล็กน้อย​

แต่ว่า​…

ขณะที่​ทุกคน​ไม่ทัน​ตั้งตัว​ ความ​มึนเมา​ก็​ทะลวง​เข้าสู่​หัวใจ​ใน​ชั่วพริบตา​ หนักหน่วง​เสีย​ยิ่งกว่า​ฤทธิ์​สุรา​ดีกรี​แรง​

ทุกคน​ล้วน​เมามาย​

เมามาย​อยู่​กลาง​ลานบ้าน​ซึ่งรายล้อม​ไป​ด้วย​รั้ว​

ในเวลานี้​ตะเกียง​อัน​เดียวดาย​มอดไหม้​ ท่า​มการ​อันธ​กาล​ยามค่ำคืน​ หลังจาก​ร่ำสุรา​รส​กล่อม​กล่อม​จาก​การบ่ม​ นักเดินทาง​ซึ่งท่อง​ไป​สุดหล้าฟ้าเขียว​ค่อยๆ​ ฮัมเพลง​จาก​ความทรงจำ​ใน​วัยเด็ก​ของ​เขา​

ใคร​หนอ​กรีด​ผี​ผา​บรรเลง​ลม​บูรพา​ร้าวราน​

ใบ​เฟิงย้อมสี​เรื่องราว​จน​ฉัน​เห็น​ฉาก​อวสาน​

บน​เส้นทาง​เก่า​นอก​รั้ว​ฉัน​จูงมือ​เธอ​ข้าม​ผ่าน​

ทิ้ง​ร้าง​กัน​ไป​แสน​นาน​

แม้แต่​ลาจาก​ยังคง​เงียบงัน​

…”

ความเมามาย​จางหาย​ไป​

ชั่ว​ขณะนั้น​ ทั้งที่​ตัว​อยู่​ใน​ห้องโถง​อัน​ทันสมัย​ ทุกคน​กลับ​รู้สึก​ว่า​มองเห็น​ช่วงเวลา​ใน​สมัยโบราณ​ค่อยๆ​ ปรากฏ​เป็น​เค้าโครง​ขึ้น​มาอย่าง​พร่า​เลือน​

ไม่มีเสียง​รัว​กระหน่ำ​ของ​กลอง​

ไม่มีท่วงทำนอง​ระเบิด​เวที​

ไม่จำเป็นต้อง​มีเสียง​อัน​ไพเราะ​

นี่​คือ​เรื่องราว​กัน​ยอดเยี่ยม​

เมื่อ​ท่อน​คอ​รัส​ที่สอง​จบ​ลง​ โน้ต​ที่​เหลือ​เป็น​เพียง​เสียงดนตรี​ แต่​ดูเหมือนว่า​ไม่จำเป็นต้อง​อธิบาย​หรือ​บรรยาย​ให้​ละเอียด​ ทุกคน​ยังคง​เข้าใจ​สิ่งที่​สื่อ​ผ่าน​บทเพลง​

ราวกับ​ถึงเวลา​ที่​ทุกคน​ต้อง​ตื่นขึ้น​เมื่อ​เพลง​จบ​ลง​

จู่ๆ ก็​เกิด​ความรู้สึก​เสียดาย​…

ทุกคน​คล้าย​กับ​กำลัง​จมอยู่​ใน​ความ​เงียบงัน​ รู้สึก​ผิดหวัง​และ​ท้อใจ​

ความ​จนใจ​ของ​วัน​เวลา​นั้น​ ไม่รุนแรง​ ไม่เบาบาง​ ไม่ยาก​จดจำ​ แต่กลับ​ลืม​ไม่ลง​

ความงดงาม​ล้วน​ถูก​กลืน​หาย​ไป​ท่ามกลาง​ความ​เก่าแก่​

ความ​โศกเศร้า​ทั้งหลาย​หลงเหลือ​เพียง​คำถาม​ชวน​ฉงนใจ​เพียง​ข้อ​เดียว​

ใคร​หนอ​กรีด​ผี​ผา​บรรเลง​ลม​บูรพา​ร้าวราน​

ดังนั้น​ผู้คน​ซึ่งอยู่​ท่ามกลาง​ความ​เงียบงัน​ จึงเงียบงัน​อีกครั้ง​ และ​เมื่อ​ถึงจุด​หนึ่ง​ มีคน​ถอนหายใจ​ออกมา​

ในที่สุด​ความ​เงียบ​ก็​ถูก​ทำลาย​

ห​ลี่​ยาง​เอ่ย​อย่าง​ยากลำบาก​ “ตั้งแต่​เด​บิวต์​มาไม่เคย​รู้สึก​สิ้นหวัง​เท่านี้​มาก่อน​ จู่ๆ ก็​รู้สึก​ว่า​ชีวิต​นี้​คง​เป็น​พ่อ​เพลง​ไม่ไหว​แล้ว​…”

คนอื่นๆ​ ต่าง​ยิ้ม​ขมขื่น​

ความ​สะท้อนใจ​ของ​ห​ลี่​ยาง​ มีหรือ​จะไม่ใช่ความรู้สึก​ของ​คนอื่นๆ​

ใน​ค่ำ​คืนนี้​ หยาง​จงหมิง​และ​เซี่ยนอวี๋​ยิง​ศร​ซ้าย​ขวา​ ทำลาย​หัวใจ​ของ​นักประพันธ์​เพลง​หลาย​คน​ ทำให้​ความภาคภูมิใจ​อันน้อย​นิด​ซึ่งเก็บ​ซ่อน​ไว้​ใน​ใจของ​พวกเขา​กลายเป็น​ไร้ค่า​ขึ้น​มา

เพราะ​นักประพันธ์​เพลง​ในที่นี้​ล้วน​เข้า​ใจดี​

ไม่ว่า​จะ ‘บลู​สตาร์​’

หรือ​ ‘ลม​บูรพา​ร้าวราน​’

ล้วน​เป็น​เพลง​ที่​พวกเขา​ไม่สามารถ​เขียน​ออกมา​ได้​

เป็น​เพลง​ที่​ทั้ง​ชีวิต​ก็​เขียน​ออกมา​ไม่ได้​

เพลง​ลม​บูรพา​ร้าวราน​นี้​เป็น​เพลง​สไตล์​โบราณ​​ ทว่า​เมื่อ​มอง​จาก​ภาพรวม​…

จะยัง​นับว่า​เป็น​เพลง​สไตล์​โบราณ​ได้​หรือ​?

“ถ้าเพลง​นี้​ยัง​ถือว่า​เป็น​เพลง​สไตล์​โบราณ​ งั้น​ทันทีที่​ลม​บูรพา​ร้าวราน​ออกมา​ เพลง​สไตล์​โบราณ​เพลง​อื่น​ดูเหมือน​จะไม่มีอะไร​ไป​มากกว่า​นั้น​”

“เปียโน​ ผี​ผา​ ซอ​เอ้อร์​หู​ กู่เจิง​ เหมือนว่า​จะมีฮาร์ป​หรือ​ขิม​อีก​?”

“ฮาร์ป”​

“ถึงแม้ในแง่​ของ​เนื้อเพลง​จะมีความทันสมัย​กว่า​เพลง​ขอ​เรา​คงอยู่​ชั่วนิรันดร์​​ แต่กลับ​ไม่ได้​ด้อย​กว่า​”

“เนื้อเพลง​ไม่ได้​จงใจพูดถึง​ความ​โหยหา​และ​ความ​โศกเศร้า​ แต่​พอ​ดนตรี​ดัง​ขึ้น​ คุณ​จะเกิด​ความรู้สึก​แบบ​นั้น​ ต่อให้​คุณ​ไม่ได้​อ่าน​เนื้อเพลง​ ไม่ได้​ฟังเสียงร้อง​ ใช้คำ​พูดว่า​โศกเศร้า​แต่​ไม่เจ็บปวด​มาอธิบาย​ได้​ใกล้เคียง​มาก​”

“กวีนิพนธ์​โบราณ​ วัฒนธรรม​โบราณ​ ทำนอง​โบราณ​ วิธี​การร้อง​ใหม่​ การ​เรียบเรียง​ใหม่​ และ​แนวคิด​ใหม่​”

“ไม่ว่า​จะเป็น​แนวคิด​เชิงศิลปะ​ ทำนอง​ หรือ​โน้ต​ล้วน​เลือกสรร​มาได้​อย่าง​ยอดเยี่ยม​ เป็นผล​งานชิ้นเอก​ที่​ได้รับ​การ​รังสรรค์​อย่าง​พิถีพิถัน​ และ​แทบจะ​ผสมผสาน​ดนตรี​โบราณ​และ​สมัยใหม่​ได้​อย่าง​ลงตัว​”

“นี่​คือ​…”

“สไตล์​ใหม่​…”

“ถ้าจะเรียก​ว่า​ผล​งานชิ้นเอก​ของ​ดนตรี​สไตล์​โบราณ​ก็​อาจ​ไม่เกิน​จริง​ เพลง​ของ​เขา​ได้​ยกระดับ​ดนตรี​สไตล์​โบราณ​ขึ้นไป​ถึงจุด​ที่​พ่อ​เพลง​หลาย​คน​ไม่อาจ​แตะ​ถึง”

“…”

ทุกคน​กำลัง​พูดคุย​กัน​

ไม่มีการตะโกน​โวยวาย​ ไม่มีน้ำลาย​กระเด็น​

ทว่า​ท่ามกลาง​น้ำเสียง​ซึ่งแลดู​สงบ​นี้​ ที่จริง​กลับ​แฝงไป​ด้วย​ความ​ตกตะลึง​ที่​ลึกซึ้ง​ลง​ไป​อีก​ชั้นหนึ่ง​!

ไม่มีใคร​สัมผัส​ได้​ถึงความ​ตกตะลึง​ประเภท​นี้​อีก​เลย​ หลังจาก​ฟังเพลง​อื่นๆ​ ต่อไป​

ดังนั้น​…

หลังจากที่​ได้​ดู​ชาร์ต​เพลง​ไป​รอบ​หนึ่ง​แล้ว​ มีคน​เอ่ย​ขึ้น​ว่า​ “พวกคุณ​ว่า​หยาง​จงหมิง​กับ​เซี่ยนอวี๋​ใคร​จะชนะ​”

ห​ลี่​ยาง​ชี้นิ้ว​มือขึ้น​ฟ้า “มีแต่​สวรรค์​รู้​”

มีคน​เสนอ​ “ลอง​โหวต​ดู​ไหม​?”

ทุกคน​พยักหน้า​

“คน​ที่​สนับสนุน​เซี่ยนอวี๋​ชูมือ​รูป​กรรไกร​ คน​ที่​สนับสนุน​หยาง​จงหมิง​ชูมือ​รูป​ค้อน​”

พรึบ​ๆๆ

ทุกคน​ต่าง​ชูมือขึ้น​

ห​ลี่​หยาง​มอง​อย่าง​รวดเร็ว​และ​พบ​ว่า​เขา​ไม่สามารถ​บอก​ความแตกต่าง​ระหว่าง​คะแนน​โหวต​ของ​สามสิบ​คน​ได้​ มีกรรไกร​และ​ค้อน​มากมาย​

นี่​ยัง​ไม่ใช่สิ่งที่​เกิน​จริง​ที่สุด​

สิ่งที่​เกิน​จริง​ที่สุด​คือ​ห​ลี่​ยาง​เห็น​สัก​เจ็ด​แปด​คน​ซึ่งเปลี่ยน​ไปมา​ระหว่าง​กรรไกร​และ​ค้อน​

สลับ​ไป​สลับ​มา

“อย่า​สลับ​แล้ว​ได้​ไหม​ครับ​” ห​ลี่​ยาง​เกา​ศีรษะ​

“ไม่ใช่ว่า​ผม​อยาก​สลับ​หรอก​”

นักประพันธ์​เพ​ลงมือ​ทอง​คน​นั้น​คล้าย​กับ​กำลัง​รู้สึก​หนักใจ​ “พอ​ใน​สมอง​ผม​มีเพลง​ของ​หยาง​จงหมิง​ดัง​ขึ้น​ สมอง​ของ​ผม​ก็​บอ​กว่า​หยาง​จงหมิง​ต้อง​ชนะ​ แต่​พอ​ใน​สมอง​มีเพลง​ลม​บูรพา​ร้าวราน​ดัง​ขึ้น​ สมอง​ของ​ผม​ก็​บอ​กว่า​ เซี่ยนอวี๋​เป็น​แชมป์​สามสมัย​แล้ว​”

“คุณ​…”

ห​ลี่​ยาง​นึก​อยาก​บ่น​ ทว่า​คำพูด​กลับ​หยุด​ลง​ที่​ริมฝีปาก​

เพราะ​ทุกคน​ล้วน​พยักหน้า​เห็นด้วย​

ทันใดนั้น​ห​ลี่​ยาง​ก็​นึกถึง​เจิ้งจิงซึ่งตน​ติดตาม​บน​ปู้ลั่ว​ เมื่อ​ไม่กี่​วันก่อน​เธอ​โพสต์​ภาพ​…

ห​ลี่​ยาง​เพิ่ง​เข้าใจ​ความนัย​ของ​ภาพ​นั้น​ก็​ตอนนี้​เอง​

เซี่ยนอวี๋​คือ​ซุน​หงอ​คง​

หยาง​จงหมิง​คือ​เทพ​เอ้อร์​หลา​ง

ฉาก​นี้​ ถ้าหาก​ไม่ได้​ต่อสู้​กัน​สามสิบ​วัน​เต็ม​ บางที​อาจ​ไม่มีทาง​รู้​ผล​แพ้ชนะ​เลย​ก็​เป็นได้​