ตอนที่ 575 ฉีฉีหายตัวไป

แม่ปากร้ายยุค​ 80

ตอนที่ 575 ฉีฉีหายตัวไป

ลมหนาวพัดโชยตลอดทั้งคืน หิมะก็ร่วงโปรยปรายลงมาตลอดทั้งคืนเช่นเดียวกัน

ในวันที่สอง ทั้งท้องฟ้าและผืนดินก็ปกคลุมไปด้วยสีขาวโพลน

โต้วโต้วมีความสุขมาก หลังจากกินเนื้อแกะนึ่งและเกี๊ยวต้นหอมซึ่งเป็นเมนูพิเศษฝีมือหลินม่ายแล้ว หล่อนก็พาอาหวงออกไปข้างนอกพร้อมกับคุณปู่ฟางและคุณย่าฟางด้วยความตื่นเต้น ออกไปเล่นกับฉีฉีและครอบครัวเถา

วันนี้เป็นวันอาทิตย์ แต่ฟางจั๋วหรานยังต้องทำงานล่วงเวลา ฟางจั๋วเยวี่ยกับหนิวลี่ลี่ออกไปเดตกันตามปกติ

ที่บ้านจึงเหลือเพียงหลินม่ายกับเคอจื่อฉิง

หลินม่ายกับฟางจั๋วหรานได้นัดหมายกันเรียบร้อยแล้ว หลังจากเคอจื่อฉิงกลับไปกว่างโจว พวกเขาจะไปเที่ยวพักผ่อนที่มองโกเลียด้วยกัน

โชคดีที่ฟางจั๋วหรานมีเครือข่ายเส้นสายที่กว้างขวาง แต่ถึงแม้เขาจะได้รับความไว้วางใจจากคนเหล่านั้น ก็ยังต้องใช้เวลาเจ็ดถึงแปดวันในการรอออกหนังสือเดินทางสำหรับทั้งสองคน ไม่อย่างนั้นพวกเขาคงจะไม่สามารถเดินทางไปมองโกเลียภายในวันหยุดฤดูหนาวนี้ได้แน่

เนื่องจากต้องเดินทางไกล เมื่อมีเวลาว่าง หลินม่ายจึงทุ่มเทเวลาให้กับการอ่านหนังสือเรียน

เคอจื่อฉิงโทรเรียกเฉินเฟิงให้ออกมาหา จากนั้นก็ไปเดินเล่นท่ามกลางหิมะด้วยกันสักพัก

หลังจากเล่นสนุกจนพอใจแล้ว เฉินเฟิงก็ขอตัวจากไป

เคอจื่อฉิงกลับมานอนอยู่บนโซฟา กินของว่างไปพลาง ๆ และอ่านนิตยสารฆ่าเวลา

จนถึงเวลาประมาณสิบเอ็ดโมง หลินม่ายก็ปิดหนังสือ เตรียมตัวลงไปข้างล่างเพื่อเข้าครัวทำอาหารกลางวัน

วันนี้น้าหวงหยุดงาน เธอจึงต้องทำอาหารกลางวันด้วยตัวเอง

ทันใดนั้น โทรศัพท์บนโต๊ะข้างเตียงก็ดังขึ้นขัดจังหวะ

สายเรียกเข้านั้นโทรมาจากเถาจืออวิ๋น หล่อนร้องไห้สะอึกสะอื้นมาตามสาย บอกว่าฉีฉีหายตัวไป

หลินม่ายรีบถาม “พี่แจ้งตำรวจหรือยัง?”

“แจ้งความแล้ว แต่ตอนนี้ตำรวจยังไม่มา”

หลินม่ายปลอบโยนหล่อนว่าไม่ต้องกังวล เธอจะรีบไปหาเดี๋ยวนี้

หลังวางสายก็หันไปคว้าเสื้อคลุมด้านนอกมาสวม แล้วรีบลงไปข้างล่าง

เคอจื่อฉิงกำลังยัดบิสกิตชิ้นเล็ก ๆ เข้าปาก เมื่อเห็นแบบนั้นก็รีบถาม “หิมะตกหนักอยู่เลย เธอจะออกไปไหน?”

หลินม่ายอธิบายให้หล่อนฟังในไม่กี่คำ

เคอจื่อฉิงตื่นตัวทันที อาสาอยากตามเธอไปด้วย

หลินม่ายยอมให้หล่อนตามไปโดยดี

ทันทีที่ทั้งสองขับรถเมอร์เซเดส-เบนซ์ออกจากลานบ้าน ฟางจั๋วเยวี่ยและหนิวลี่ลี่ก็กลับมาถึงที่วิลล่าพอดี ทั้งสองพูดคุยหัวเราะต่อกระซิกกัน ตั้งใจว่าจะขอให้หลินม่ายทำอาหารกลางวันมื้อใหญ่

ฟางจั๋วเยวี่ยถามอย่างเป็นกันเอง “พี่สะใภ้ นี่เที่ยงแล้วนะ คุณยังจะออกไปไหนอีก”

หลินม่ายเล่าเรื่องที่ฉีฉีหายตัวไปให้เขาฟัง

สีหน้าท่าทางของฟางจั๋วเยวี่ยกลายเป็นจริงจัง

เขายัดวัตถุดิบมากมายที่หิ้วมาเต็มมือไปให้หนิวลี่ลี่ถือแทน พูดว่า “ผมจะไปตามหาฉีฉีกับพี่สะใภ้”

พูดจบ เขาก็เปิดประตูรถ รีบก้าวขึ้นรถอย่างรวดเร็ว แล้วหันไปเร่งให้หลินม่ายออกรถ

หลินม่ายกลับไม่ยอมสตาร์ทรถ เธอมองไปทางหนิวลี่ลี่ที่ยืนทำหน้าตางุนงงอยู่นอกกระจกรถ แล้วหันไปบอกให้ฟางจั๋วเยวี่ยลงจากรถซะ

“เราสองคนไปตามหาฉีฉีก็เหลือเฟือแล้ว ไม่ต้องตามไปหรอก นายอยู่กับลี่ลี่เถอะ”

ฟางจั๋วเยวี่ยไม่ยอม “ยิ่งไปกันหลายคนยิ่งมีกำลังมากขึ้น เรื่องเร่งด่วนแบบนี้ ต่อให้ผมไม่ได้อยู่กับลี่ลี่ หล่อนก็ไม่โกรธหรอก หล่อนเป็นคนใจกว้างจะตายไป”

หลินม่ายพูดอย่างจริงจัง “หล่อนเป็นคนใจกว้างก็จริง แต่นั่นไม่ใช่เหตุผลที่นายจะละเลยเขายังไงก็ได้ ลงจากรถเถอะ อย่าทำให้พวกเราช้าไปกว่านี้”

เคอจื่อฉิงเห็นว่าฟางจั๋วเยวี่ยไม่ยอมเคลื่อนไหว จึงถือวิสาสะลากเขาออกจากรถ

หลังจากนั้นหลินม่ายก็สตาร์ทรถ พาเคอจื่อฉิงไปยังที่สถานที่เกิดเหตุ ซึ่งเป็นสวนสาธารณะขนาดย่อมใจกลางถนนเป่ยหู

เนื่องจากสวนสาธารณะขนาดย่อมแห่งนี้เปิดให้เข้าฟรี ผู้คนในบริเวณใกล้เคียงจึงชอบมาพักผ่อนหย่อนใจที่นี่

เมื่อหลินม่ายและเคอจื่อฉิงมาถึง พบว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจมาถึงก่อนแล้ว และกำลังสอบถามโต้วโต้ว

ฉีฉีหายตัวไปตอนที่เขากำลังเล่นกับโต้วโต้ว ดังนั้นหล่อนจึงเป็นคนแรกที่รู้ตัวว่าฉีฉีหายไป ทั้งยังเป็นคนสุดท้ายที่อยู่กับฉีฉี

เถาจืออวิ๋น พ่อแม่ของหล่อน คุณปู่ฟางและคุณย่าฟาง รวมถึงผู้คนจำนวนมากมายืนรวมตัวกันโดยล้อมเป็นรูปครึ่งวงกลมรอบโต้วโต้ว

หลินม่ายกับเคอจื่อฉิงเดินเข้าไปใกล้ เห็นว่าโต้วโต้วที่มีสีหน้าตื่นตระหนกตกใจ กำลังเล่าเหตุการณ์ให้พวกเขาฟังด้วยเสียงไร้เดียงสา

“คุณปู่คุณย่าของหนูรำไทเก๊กอยู่กับคุณปู่คุณย่าของฉีฉี หนูกับฉีฉีทำแบบนั้นอยู่แปบเดียวก็รู้สึกเบื่อ พวกเราเลยไปเล่นปาหิมะกัน ปั้นหิมะโยนใส่กันไปมา วิ่งจากตรงนี้ ไปตรงโน้น”

ว่าแล้วหล่อนก็ชี้นิ้วน้อย ๆ ไปทางศาลาที่อยู่ใกล้ ๆ แล้วชี้ไปทางกอไผ่ที่อยู่ห่างออกไปประมาณหนึ่งร้อยเมตร แล้วพูดต่อว่า

“แล้วหนูก็ย่อตัวลง ปั้นหิมะเป็นก้อนแล้วลุกขึ้นยืน กำลังจะปามันใส่ฉีฉี หนูถึงเห็นว่าเขาหายตัวไปแล้ว หนูพยายามเรียกชื่อเขาอยู่นาน หาเท่าไหร่ก็แต่ไม่เจอ หนูตามหาเขาอยู่นาน จากนั้นก็ไปเรียกคุณปู่คุณย่าค่ะ”

ตำรวจถาม “ตอนที่หนูสองคนวิ่งไปทางกอไผ่ หนูเห็นหรือเปล่าว่าหลังกอไผ่มีใครอยู่ตรงนั้นไหม?”

โต้วโต้วส่ายหน้า “ไม่มีใครเลยค่ะ มีแค่เราสองคน”

ตำรวจขมวดคิ้ว เดินอ้อมไปทางด้านหลังของกอไผ่โดยไม่พูดอะไรสักคำ

ทุกคนเดินตามเขาไป

เมื่อพวกเขาไปถึงด้านหลังป่าไผ่ ตำรวจก็ขอความร่วมมือให้ทุกคนยืนอยู่กับที่ เพื่อไม่ให้สถานที่เกิดเหตุเสียหาย

หลินม่ายเหลือบมองไปทางพื้นที่โล่งด้านหลังป่าไผ่ เห็นว่าบริเวณนั้นเต็มไปด้วยรอยรองเท้าของผู้ใหญ่ หมายความว่าหลักฐานสำคัญถูกทำลายไปแล้ว

คาดว่าทันทีที่โต้วโต้วรู้ว่าฉีฉีหายตัวไป และหล่อนก็ตามหาเขาไม่เจอ จึงไปเรียกผู้ใหญ่หลายคนให้มาช่วยกันหา ทำให้บริเวณที่เกิดเหตุถูกกลบไปด้วยรอยเท้าจำนวนมาก

ตำรวจขมวดคิ้วจนย่นเป็นร่องลึกกว่าเดิม ถามโต้วโต้วว่าหล่อนได้ยินอะไรอีกบ้างหลังจากฉีฉีหายตัวไป

โต่วโต้วเอียงคอคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างจริงจัง จากนั้นก็ส่ายหน้าและตอบว่า “ไม่เลยค่ะ”

ตำรวจเดินเข้าไปหาเถาจืออวิ๋นและคนอื่น ๆ เพื่อสอบถามว่าพวกเขามีศัตรูที่ไหนบ้าง

ฉีฉีหายตัวไปแบบนี้ มีความเป็นไปได้อยู่แค่สองอย่าง

อาจเป็นพวกค้ามนุษย์ที่ผ่านมาเห็นว่าเด็กทั้งสองวิ่งเล่นกันตามลำพัง จึงลักพาตัวฉีฉีไป

ถึงยังไงฉีฉีก็ยังเด็ก แถมยังเป็นเด็กผู้ชาย แน่นอนว่าเขาต้องทำเงินได้มาก

หรืออย่างที่สอง ก็คือผู้ก่อเหตุเป็นศัตรูตัวฉกาจของพวกเขา

คนที่สามารถลักพาตัวฉีฉีไปเพื่อแก้แค้นมีอยู่คนเดียวเท่านั้น

ทุกคนนึกถึงหม่าเทาโดยพร้อมเพรียงกัน

เถาจืออวิ๋นพูดด้วยแรงอารมณ์ “ต้องเป็นสัตว์ร้ายหม่าเทาแน่ ๆ! ครั้งล่าสุดเขาเคยขู่ฉันว่าจะขอรับฉีฉีไปเลี้ยงดู เพื่อที่เขาจะได้ใช้ฉีฉีเป็นเบี้ยต่อรองในการรีดไถเงินจากฉัน!”

หลินม่ายประหลาดใจมากเมื่อเหลือบไปเห็นว่าฟางจั๋วเยวี่ยมาถึงที่นี่อย่างรวดเร็ว แถมเขายังเดินมายืนอยู่เคียงข้างเถาจืออวิ๋น

ความคิดหนึ่งผุดขึ้นมาอย่างน่าตกใจ หรือว่าฟางจั๋วเยวี่ยจะสนใจเถาจืออวิ๋น?

เธอเฝ้าสังเกตทั้งสองอย่างลับ ๆ

ถ้าตัดเรื่องที่เถาจืออวิ๋นเคยผ่านการแต่งงานมาแล้วออกไป ทั้งสองต่างสมบูรณ์แบบในด้านความสามารถ ความสวยหล่อเหมาะสมกันอย่างลงตัว

นอกจากนี้ เถาจืออวิ๋นยังอายุมากกว่าฟางจั๋วเยวี่ยแค่สี่ปี คบหาสาวรุ่นพี่อายุยืนยาว อายุของทั้งสองยังอยู่ในระดับที่ไล่เลี่ยกัน

ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ถ้าฟางจั๋วเยวี่ยชอบเถาจืออวิ๋นจริง ๆ แล้วทำไมเขาถึงมาขอให้เธอช่วยหาแฟนสาวให้เขากันล่ะ?

คิดมาถึงตรงนี้แล้วหลินม่ายก็อดงงงวยไม่ได้

ในขณะที่เธอกำลังคิดอยู่นั้น ตำรวจก็กำลังสอบถามเรื่องความคับข้องใจระหว่างเถาจืออวิ๋นกับหม่าเทา “คุณพอรู้ที่อยู่ปัจจุบันของหม่าเทาหรือเปล่า?”

ถ้าหล่อนรู้ พวกเขาจะได้รีบรุดไปสอบสวนหม่าเทาทันที

เถาจืออวิ๋นส่ายหน้า “ไม่รู้ค่ะ…”

คิ้วของนายตำรวจย่นลงมาชนกัน

ยุคสมัยนี้เทคโนโลยีการติดตามคนร้ายของทางตำรวจค่อนข้างล้าหลังมาก ไม่ว่าคดีอะไรก็ตามต้องพึ่งพากำลังคนเป็นหลัก

แตกต่างจากอีกไม่กี่ทศวรรษข้างหน้า อาศัยเทคโนโลยีขั้นสูงและฐานข้อมูลขนาดใหญ่ การล็อกตัวผู้ต้องสงสัยจะไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป

กลับมาที่ช่วงเวลานี้ ในเมื่อไม่มีเบาะแสใด ๆ เลย จึงไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะตามหาตัวหม่าเทา

นายตำรวจนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง แล้วพูดกับเถาจืออวิ๋นว่า “งั้นถ้าคุณพอมีรูปถ่ายของหม่าเทา ช่วยส่งไปที่สถานีตำรวจในภายหลังด้วย ถ้าสหายของเรามีรูปถ่ายอยู่ในมือ พวกเราจะลองไปสอบถามตามหมู่บ้านต่าง ๆ ในเมืองใกล้เคียงดูว่าจะเจอเขาไหม”

เถาจืออวิ๋นตัวแข็งทื่อทันที พูดจาตะกุกตะกัก “ตั้งแต่ฉันหย่ากับหม่าเทา ฉันก็เอารูปทั้งหมดของเขาทิ้งไปหมดแล้วค่ะ”

เมื่อตำรวจได้ยินแบบนั้น พวกเขาแสดงสีหน้าไม่ถูกด้วยความจนปัญญา

หลินม่ายพูดแทรกขึ้นมา “ฉันสเก็ตช์รูปเขาได้นะคะ อย่างน้อยก็ระบุลักษณะภายนอกของหม่าเทาได้”

ตำรวจตอบกลับ “ถ้าอย่างนั้นคุณช่วยตามพวกเรากลับไปที่สถานีตำรวจเพื่อวาดภาพเหมือนของผู้ต้องสงสัยด้วยครับ”

จากนั้นก็หันไปพูดกับเถาจืออวิ๋นอีกครั้ง “ไม่ว่าคนร้ายจะเป็นหม่าเทาหรือคนอื่นก็ตาม ตราบใดที่มีความคืบหน้าใด ๆ เกี่ยวกับฉีฉี คุณต้องแจ้งทางตำรวจโดยเร็วที่สุด”

ถึงแม้ทุกคนในที่นี้จะมุ่งเป้าความสงสัยไปที่หม่าเทา แต่ในฐานะตำรวจ พวกเขาไม่สามารถตัดประเด็นของแก๊งค้ามนุษย์ไปได้ นี่คือเหตุผลที่เขากำชับกับเถาจืออวิ๋นเป็นพิเศษ

เถาจืออวิ๋นพยักหน้ารับด้วยสีหน้าจริงจัง

หลินม่ายติดตามเจ้าหน้าที่ตำรวจกลับไปที่สถานี แล้วลงมือวาดภาพเหมือนของหม่าเทาจนเสร็จสมบูรณ์ภายในเวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมง

เธอพอใจกับภาพที่ตัวเองวาดมาก นอกจากมันจะสามารถระบุรูปพรรณสัณฐานของหม่าเทาได้อย่างแม่นยำแล้ว ยังถ่ายทอดสีหน้าเห็นแก่ตัวและด้านมืดในใจออกมาได้เป็นอย่างดี

หนึ่งวันผ่านไปอย่างรวดเร็ว ไม่มีความเคลื่อนไหวใด ๆ จากฝั่งตำรวจ ทางฝั่งของเถาจืออวิ๋นก็ยังไม่มีใครติดต่อมา

หลินม่ายคอยอยู่เคียงข้างเถาจืออวิ๋นเพื่อปลอบโยนหล่อนตลอดเวลา ทำอาหารให้ บังคับให้หล่อนกินสักคำสองคำทั้ง ๆ ที่อีกฝ่ายไม่มีอารมณ์เลยก็ตาม

ใครจะรู้ว่าตอนนี้เกิดอะไรขึ้นกับฉีฉี?

เขาถูกหม่าเทาลักพาตัวไป หรือถูกแก๊งค้ามนุษย์ลักพาตัวไปกันแน่ ไม่มีใครรู้

ถ้าเขาโดนแก๊งค้ามนุษย์ลักพาตัวไป ฉีฉีจะต้องเจอกับอะไรบ้าง?

เอาเขาไปขาย ทำให้ร่างกายพิการ หรือบังคับให้เขาไปนั่งขอทาน?

แล้วถ้าคนที่ลักพาตัวเขาไปคือหม่าเทา หม่าเทาจะทำอะไรกับลูกชายตัวเอง?

อย่างดีที่สุดคือเขาแค่จับฉีฉีไปเป็นตัวประกันในการรีดไถเงินอย่างเดียว

แต่ทุกคนอดกลัวไม่ได้ว่าหม่าเทาอาจไร้จิตสำนึกจนลงมือทำร้ายฉีฉี

ผู้ชายคนนี้ไม่ต่างจากหมาบ้าที่หมดสิ้นหนทาง เขาสามารถทำอะไรก็ได้ทั้งนั้น

…………………………………………………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

แง้ฉีฉีลูก ขอให้เจอตัวหนูเร็วๆ นะ

ไหหม่า(海馬)