ตอนที่ 553 ค่ำคืนแห่งการสนทนา

My Disciples Are All Villains

“เจ้านั่นไม่ต้องการจะขึ้นมาอย่างงั้นเหรอ”ลู่โจวขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนที่จะพูดออกมาอย่างเย้ยหยัน “ข้ารอเจ้านั่นมากว่า 6 เดือนแล้ว แทนที่จะเอาเวลาไปดูแลสำนักอเวจี แต่เจ้านั่นกลับมาที่นี่ก็เพื่อที่จะหัวเราะเยาะข้า?”
  “ท่านอาจารย์ท่านเข้าใจผิดแล้ว ศิษย์พี่ใหญ่มาที่นี่ก็เพราะข้าได้ส่งจดหมายไปขอความช่วยเหลือ ท่านในตอนนั้นกำลังเก็บตัวฝึกฝนอยู่ ข้าไม่มีทางเลือกอื่นจึงได้ขอความช่วยเหลือทั้งศิษย์พี่ใหญ่และหวางซื่อเจีย” หมิงซี่หยินตอบตามตรง
  ลู่โจวไม่ได้ตอบอะไรกลับมาอันที่จริงตัวเขาเองก็รู้สึกเกินคาดเช่นกัน การทำสมาธิกับคัมภีร์โลกามันกินเวลานานกว่าที่ลู่โจวได้คาดคิดไว้
  ผู้อาวุโสทั้งสี่ต่างก็ตัดดอกบัวและกำลังฝึกฝนตัวเองใหม่แม้ว่าเวลาจะผ่านไปกว่า 5 เดือนแล้ว แต่การที่ผู้อาวุโสทั้งหมดจะฝึกฝนจนแข็งแกร่งในเวลาแค่นี้ได้คงจะยากจนเกินไป ยิ่งไปกว่านั้นยังไม่มีใครรู้ว่าผู้มีพลังอวตารไร้ดอกบัวแปดกลีบจะต่อสู้กับผู้ที่มีพลังอวตารดอกบัวแปดกลีบได้เสมอไป
  แม้ว่าลูกศิษย์ของตัวเขาจะสามารถฝึกฝนได้อย่างรวดเร็วก็ตามแต่ถึงแบบนั้นมันก็ยังเทียบชั้นไม่ได้กับผู้มีพลังอวตารดอกบัวแปดกลีบได้อยู่ดี มันเป็นความจริงที่ลู่โจวไม่อาจจะตำหนิหมิงซี่หยินได้
  แต่อย่างไรก็ตามความจริงที่ว่ายู่เฉิงไห่ไม่รู้จักเคารพผู้เป็นอาจารย์ในท้ายที่สุดแล้วลู่โจวก็ได้พูดออกมาอย่างไร้อารมณ์ “บอกให้เจ้านั่นรีบไปซะ”
  “ท่านอาจารย์แต่ศิษย์พี่ใหญ่อุตส่าห์เดินทางไกลมาถึงที่นี่ ข้าคิดว่าคงจะไม่เหมาะเท่าไหร่ถ้าหากบอกให้เขารีบไปในตอนนี้ ท่านอาจารย์…” หมิงซี่หยินพยายามแก้ต่าง
  ลู่โจวรีบพูดแทรก“ถ้าหากเจ้าเห็นใจเจ้านั่น เจ้าก็ไปอยู่ที่เชิงเขากับเจ้านั่นซะ”
  “ข้า…ข้าไม่ได้หมายความว่าแบบนั้น…ข้าก็แค่รู้สึกว่า…เอ่อศิษย์พี่ใหญ่อาจจะหลงทางได้” หลังจากพูดเสร็จหมิงซี่หยินก็โค้งคำนับให้ก่อนที่จะเดินลงไปจากภูเขาในทันที
  เป็นอย่างที่คาดไว้ยู่เฉิงไห่ยังคงยืนอยู่ที่เดิม มือทั้งสองข้างของเขาไขว้ไว้ที่หลัง ยู่เฉิงไห่ดูไม่ได้กังวลหรือไม่แม้แต่จะหวาดกลัวอะไร ตัวเขาดูเหมือนกับครุ่นคิดอะไรบางอย่างในขณะที่เหลือบมองมายังศาลาปีศาจลอยฟ้า เมื่อเห็นหมิงซี่หยินกลับมา ตัวเขาก็ได้ยิ้มแย้มให้ก่อนที่จะพูดขึ้น “ข้ารู้ตลอดว่าเจ้าเป็นคนมีน้ำใจ…ศิษย์น้องสี่ พวกเรามาคุยกันหน่อยเถอะ”
  หมิงซี่หยินที่ได้ฟังแบบนั้นกังวล
  “เจ้าแปลกใจอะไรอย่างงั้นเหรอ”
  “ไม่มีอะไรทั้งนั้น…ศิษย์พี่ใหญ่ศิษย์พี่ยังยืนอยู่ตรงนั้นเพื่ออะไรกัน”
  “ทิวทัศน์ที่นี่ได้ทำให้ข้านึกถึงความทรงจำที่ผ่านมาได้ข้าอดไม่ได้ที่จะรู้สึกคิดถึง…” ยู่เฉิงไห่ที่พูดเสร็จถอนหายใจออกมา
  หมิงซี่หยินพูดไม่ออกตัวเขากำลังสงสัยว่ามันเกี่ยวกับสิ่งที่ตัวเขาถามยังไง
  ยู่เฉิงไห่พูดต่อ“ในตอนแรกที่ข้าเข้ามาที่ศาลาปีศาจลอยฟ้า ข้าน่ะซุกซนมากกว่าพวกเจ้าทุกคนซะอีก ข้าได้สำรวจไปทั่วทั้งภูเขาทอง ข้าชอบภูเขาลูกนี้มาก ข้าสามารถจ้องมองดูต้นไม้ของที่นี่ตลอดไปได้ทั้งวัน”
  “…”
  ‘ทำไมเสียงของเขาฟังดูเคอะเขินกัน’หมิงซี่หยินคิดสงสัย ตัวเขาไม่กล้าที่จะพูดสิ่งที่คิดในใจแน่นอน หมิงซี่หยินได้ถามเรื่องอื่นแทน “ศิษย์พี่ใหญ่ แล้วทำไมท่านถึงไม่ขึ้นไปบนภูเขาเพื่อพบท่านอาจารย์กันล่ะ?”
  “ไม่”ยู่เฉิงไห่พูดในขณะที่เอามือไขว้หลัง “ท่านอาจารย์น่ะแก่แล้ว ข้าเองก็ไม่มีอะไรจะพูดเหมือนกัน”
  “ท่านรู้ได้ไงในเมื่อท่านยังไม่ได้คุยกับเขา”หมิงซี่หยินถามออกมา
  ยู่เฉิงไห่หัวเราะ“เจ้าอยู่ที่ศาลาปีศาจลอยฟ้ามานานแค่ไหนแล้วล่ะ”
  “60ปี”
  “ข้าอยู่ในศาลาปีศาจลอยฟ้ามากว่า300 ปี…” ยู่เฉิงไห่ได้พูดออกมาด้วยทีท่าของผู้ที่อาวุโสกว่า “ไม่มีใครในโลกรู้จักเขาดีไปกว่าข้า”
  หมิงซี่หยินได้พิจารณาถึงคำพูดของยู่เฉิงไห่ไม่นานหมิงซี่หยินก็ตอบกลับไป “ถ้าหากท่านรู้จักเขาดีพอ ท่านก็ควรจะคุยกับเขาให้มากกว่านี้”
  “ศิษย์น้องสี่เจ้าไม่ได้ถูกท่านอาจารย์ส่งมาอย่างงั้นสินะ” ยู่เฉิงไห่หันไปมองหมิงซี่หยิน
  หมิงซี่หยินเปลี่ยนท่าทีมาจริงจังก่อนจะคารวะให้“ศิษย์พี่ใหญ่ ท่านอาจารย์บอกให้ข้านำทางท่าน…นำทางท่านไปให้เร็วที่สุด”
  “นี่คือสิ่งที่ท่านอาจารย์พูดอย่างงั้นเหรอหรือมันมีมากกว่านั้นกัน?” ยู่เฉิงไห่เหลือบมอง
  “ท่านคิดว่าข้าจะหลอกท่านเหรอไงกัน…”หมิงซี่หยินที่พูดเสร็จหัวเราะเบาๆ
  “บอกข้ามาข้าจะไม่โทษเจ้า”
  “เขาบอกเอาไว้ว่าในบรรดาสาวกทั้งหมดท่านน่ะมันแย่ที่สุดแล้ว…เขายังบอกอีกว่าท่านจะไม่โจมตีข้า ศิษย์พี่ใหญ่ หยุด หยุด หยุด หยุด! ข้ายังพูดไม่เสร็จ…” หมิงซี่หยินรีบจัดเรียงเสื้อผ้าก่อนที่จะพูดต่อ “เขายังบอกอีกว่าท่านไร้ประโยชน์และยังขี้ขลาดไม่ได้ต่างอะไรไปจากหนูตาขาว”
  ยู่เฉิงไห่กำหมัดของตัวเองตัวเขาได้ใช้หมัดอันหนักแน่นนั้นเคาะไปที่ลำตัว “ศิษย์น้องสี่ ถือกระบี่ข้าไว้…ข้าจะขึ้นไป” ยู่เฉิงไห่พลิกฝ่ามือของเขา ในตอนนั้นกระบี่นิลโลหิตก็ได้ลอยออกจากฝัก มันตกลงใส่มือของหมิงซี่หยิน
  หมิงซี่หยินสั่นไปทั้งตัวเมื่อมองแผ่นหลังของยู่เฉิงไห่‘มีเรื่องน่าตื่นเต้นแล้วสินะ…’
  …
  ในที่สุดพระอาทิตย์ก็ตกลงอย่างสมบูรณ์แบบ..
  หมิงซี่หยินและยู่เฉิงไห่ได้เร่งความเร็วไปยังศาลาปีศาจลอยฟ้าพวกเขาทั้งสองเคลื่อนที่ด้วยความเร็วจนไม่มีใครได้ทันสังเกต
  “ศะ…ศิษย์พี่ใหญ่รอข้าด้วย…”
  ยู่เฉิงไห่ตอนนี้อยู่ที่ด้านนอกของศาลาตะวันออกแล้วตัวเขายืนอยู่ต่อหน้าศาลาตะวันออก แม้ว่าจะไม่ได้คาดหวังอะไร แต่ยู่เฉิงไห่ก็ไม่ได้รู้สึกเศร้า ด้วยเหตุผลอะไรบางอย่างตัวเขารู้สึกประหม่าเล็กน้อย
  ‘ข้าน่ะเหรอจะต้องรอช่างเสียเวลาซะจริง’ ยู่เฉิงไห่หันกลับมาก่อนที่เตรียมจะจากไป แต่เมื่อตัวเขานึกถึงคำพูดของหมิงซี่หยิน ยู่เฉิงไห่ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกกระวนกระวายใจ ‘ศิษย์น้องสี่หมายความว่ายังไงกันที่ข้าขี้ขลาดเหมือนหนู?’ ยู่เฉิงไห่หันกลับมา
  ในที่สุดหมิงซี่หยินก็ตามทัน“ศิษย์พี่ใหญ่ ทำไมท่านถึงไม่เข้าไปกันล่ะ”
  ยู่เฉิงไห่ได้ไอปกปิดความประหม่าก่อนที่จะสละทุกอย่างในใจไป “ศิษย์น้อง…ตอนนี้มันก็ดึกมาแล้ว ไว้ข้าจะกลับมาวันอื่น”
  หมิงซี่หยินเงยหน้ามองฟ้า‘พระอาทิตย์เพิ่งจะตกลงแท้ๆ แล้วมันจะดึกได้ยังไงกัน’
  “ศิษย์พี่ใหญ่ถ้าหากท่านพูดแบบนั้นท่านอาจารย์จะไม่โกรธท่านอย่างงั้นเหรอ”
  “เป็นเรื่องปกติที่ผู้เป็นอาจารย์จะตำหนิติเตียนลูกศิษย์พวกเราในฐานะสาวกจะกล้าต่อต้านท่านอาจารย์ได้ยังไง” ยู่เฉิงไห่ตบไหล่หมิงซี่หยิน “เจ้ายังหนุ่มและยังเต็มไปด้วยพลัง เจ้าน่ะควรจะปล่อยวางให้ได้เหมือนข้าซะล่ะ”
  “เอ่อ…”
  “เอาไว้เจอกันคราวหน้าก็แล้วกัน”
  ยู่เฉิงไห่ที่กำลังจะหันจากไปมีเสียงอันแหบห้าวดังขึ้นมาซะก่อน “ในเมื่อมาถึงแล้วทำไมไม่เข้ามาล่ะ”
  “…”
  หัวใจของยู่เฉิงไห่เต้นไม่เป็นจังหวะ
  แม้แต่หมิงซี่หยินเองก็ยังตกใจ‘พลังการรับรู้ของท่านอาจารย์เฉียบคมขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน’
  ตู๊ม!
  ประตูของศาลาตะวันออกถูกลมแรงโหมกระหน่ำใส่
  ลู่โจวลอยออกมาจากศาลามือข้างหนึ่งไขว้ที่หลัง ส่วนมืออีกข้างอยู่ที่ด้านหน้าตัวเอง ลู่โจวสวมเสื้อคลุมยาว ที่รอบตัวของเขามันเต็มไปด้วยบรรยากาศที่ต่างออกไป ลู่โจวได้ใช้สุดยอดเคล็ดวิชาเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว
  ซู่วว!
  ลู่โจวปรากฏตัวอยู่ที่ด้านนอกศาลาตะวันออก
  ดวงตาของยู่เฉิงไห่เบิกกว้างตัวเขาสั่นไปทั้งตัวด้วยความกลัว
  “ติ้ง!สั่งสอนยู่เฉิงไห่สำเร็จ ได้รับรางวัลแต้มบุญ: 200”
  หมิงซี่หยินรีบโค้งคำนับให้“ท่านอาจารย์ ข้าขอตัวก่อน” หมิงซี่หยินคิดว่าดีที่สุดแล้วที่จะจากไป
  ลู่โจวไม่ได้สนใจหมิงซี่หยินดวงตาของเขาจับจ้องไปที่ยู่เฉิงไห่ แต่อย่างไรก็ตามตัวเขาเหลือบมองยู่เฉิงไห่แค่เพียงชั่วครู่เท่านั้น ลู่โจวเลือกที่จะเดินไปยังด้านหลังภูเขาแทน
  ยู่เฉิงไห่เข้าใจความหมายของลู่โจวดีแม้ว่าเขาจะรู้สึกประหม่าแต่ถึงแบบนั้นตัวเขาก็ไม่มีทางเลือกอื่น ตัวเขาตัดสินใจเดินตามหลังผู้เป็นอาจารย์ไป
  ฝีเท้าของทั้งคู่ไม่ได้รีบร้อนหรือเชื่องช้าจนเกินไป
  ในตอนนั้นเองฝานซงและโจวจี้เฟิงกำลังฝึกฝนกันอย่างขยันขันแข็งแม้ว่าจะพลบค่ำแล้วแต่ทั้งคู่ก็ยังมองเห็นรอบตัวได้ดี
  “น้องโจวเร็วเข้า…มีแขกคนใหม่” ฝานซงชี้ไปที่ลู่โจวและยู่เฉิงไห่ที่กำลังเดินผ่านมา
  “ถ้าหากเข้าใจไม่ผิดนี่คงจะเป็นสหายของท่านปรมาจารย์…”
  “ช่างหัวแขกอะไรเถอะพวกเราออกไปจากที่นี่กันก่อน” ฝานซงรีบบินหนีไปอย่างรวดเร็ว
  โจวจี้เฟิงหยักหน้า“ท่านพูดมีเหตุผล” หลังจากนั้นตัวเขาก็จากไปอย่างรวดเร็วเช่นกัน
  ยู่เฉิงไห่เดินตามลู่โจวไปจนถึงจุดที่สูงที่สุดของด้านหลังหุบเขาที่นั่นเป็นสถานที่ที่เงียบที่สุดของศาลาปีศาจลอยฟ้านั่นเอง
  ลู่โจวหันกลับมาตัวเขาได้ลูบเคราก่อนที่จะเอ่ยปากพูดอย่างไร้อารมณ์ “เจ้าฆ่ากู่ยี่หรานอย่างงั้นเหรอ”
  ยู่เฉิงไห่เดินไปที่ด้านข้างตัวเขาเหลือบมองภูเขา แม่น้ำ ก่อนที่จะตอบกลับมา “ใช่”
  “ในยามที่ศาลาปีศาจลอยฟ้าถูกสำนักใหญ่ทั้งสิบล้อม…ในตอนนั้นเจ้าไปอยู่ที่ไหนกัน”
  มีบางอย่างผุดขึ้นในใจของยู่เฉิงไห่เป็นอย่างที่ตัวเขาคาดไว้ อาจารย์ของเขาได้คำนึงถึงเรื่องในอดีต “ข้าได้ส่งหนึ่งในสามผู้คลั่งไคล้ดาบเฉินเหวินเจียไปเป็นกำลังเสริมแล้ว…แต่ถึงแบบนั้นเขากลับกลายเป็นนกสองหัว”
  ลู่โจวส่ายหัวคนอย่างเฉินเหวินเจียจะไปทำอะไรได้ การส่งเฉินเหวินเจีย ผู้ใช้ดาบที่มีพลังอวตารดอกบัวเจ็ดกลีบมาสู้กับสิบสำนักใหญ่มันไม่ต่างอะไรจากการสั่งให้เฉินเหวินเจียต้องฆ่าตัวตาย
  “ก่อนที่สำนักใหญ่ทั้งสิบจะโจมตีข้าในตอนนั้นพวกมันรู้การเคลื่อนไหวของข้าได้ยังไงกัน”