War sovereign Soaring The Heavens – ตอนที่ 1904
ตอนที่ 1,904 : พรสวรรค์รากวิญญาณ!

นอกจากนั้นสภาพแวดล้อมในการบ่มเพาะพลังของชั้น 4 เจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติ ก็สมควรดีกว่าชั้นที่ 3 ของเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติมาก!

เช่นนั้นแล้วเกรงว่าไม่เพียงแต่ความเร็วในการบ่มเพาะพลังบนชั้น 4 ของเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติ จะไม่ได้เพิ่มขึ้นแค่เท่าตัว กระทั่งอาจจะเป็น 2 หรือ 3 เท่าตัวก็ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้!

“นับว่าได้อย่างเสียอย่างจริงๆ”

ต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะระบายลมหายใจออกมาอย่างทอดถอน ในลำคอรู้สึกขมปร่านัก…

สิ่งที่เขาคาดหวังมากที่สุดก็คือความเสถียรของห้วงมิติในเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติ เพราะสุดท้ายแล้วเรื่องนี้มันเกี่ยวพันถึงทางลัดในการช่วยเหลือเค่อเอ๋อแม่ลูกจากหอคุมกฏของลัทธิบูชาไฟ!

ถึงแม้ว่าทางลัดที่ว่าอาจไม่ได้ทำสำเร็จง่ายๆ แต่อย่างน้อยๆมันก็มอบความหวังให้เขานัก

อนิจจาตอนนี้ความหวังดังกล่าวได้แตกสลายกลายเป็นละอองเสียสิ้นแล้ว เช่นนั้นก็ไร้ซึ่งทางลัดอันใดสืบไป มีเพียงแต่ต้องเคี่ยวกรำบ่มเพาะพลังฝีมือให้สูงขึ้นเพื่อช่วยเค่อเอ๋อกับลูกสาวตรงๆ…

ดวงอาทิตย์ค่อยๆแง้มโผล่ขึ้นจากขอบฟ้าทิศตะวันออก แสงแรกของวันรุกคืบเข้ามาสาดส่องขับไล่ความมืดมิด ผู้คนรอบๆตัวต้วนหลิงเทียนเองก็ค่อยๆทยอยกันลืมตาตื่นขึ้นมาจากภวังค์บ่มเพาะคนแล้วคนเล่า

ครู่เดียวสภาพแวดล้อมก็กลายเป็นคึกคักมีชีวิตชีวาขึ้นมาทันที

“อีกไม่นานการทดสอบประเมินก็คงเริ่มแล้ว…”

ต้วนหลิงเทียนลอยร่างกลางหาว มองชมตะวันที่โผล่พ้นขอบฟ้าด้วยสายตาเลื่อนลอยพักหนึ่งค่อยกล่าวพึมพำกับตัวเบาๆ

ขณะเดียวกันนั้นเอง พลันมีเสียงกระซิบสนทนาหนึ่งดังเข้าหูเขาพอดี

“นี่ๆ พี่ชายท่านนี้ท่านรู้ใช่หรือไม่ว่าการทดสอบประเมินที่ว่า มันทดสอบอันใดบ้าง?”

“ข้าต้องรู้เป็นธรรมดา! เพราะเมื่อ 3 ปีที่แล้วข้าเองก็มาเข้าร่วมการทดสอบประเมินรับศิษย์ของแท่นบูชาจตุรลักษณ์ของลัทธิบูชาไฟด้วย…การประเมินพรสวรรค์ของข้านั้นผ่านเกณฑ์อย่างเฉียดฉิว หากแต่บททดสอบพลังฝีมือของข้ากลับมิผ่านเกณฑ์ พอรวมคะแนนออกมาข้าเลยขาดอีกแค่เล็กน้อยเท่านั้น…สุดท้ายจึงมิผ่านการประเมิน”

“แล้วที่ท่านมาครั้งนี้ ท่านมั่นใจว่าจะผ่านแล้วหรือ?”

“ย่อมผ่านแน่! พลังฝีมือของข้าวันนี้มิใช่อะไรที่ตัวข้าเมื่อ 3 ปีที่แล้วจะเทียบได้…ถึงแม้ว่าพรสวรรค์ของข้ายังคงเหมือนเดิม หากแต่ด้วยพลังฝึกปรือของข้าที่เพิ่มขึ้น คิดผ่านเกณฑ์การประเมินย่อมมิใช่เรื่องยาก!”

……

นี่เป็นดั่งบทสนทนาระหว่าง รุ่นใหม่กับรุ่นหลังที่อาบน้ำร้อนมาก่อนจริงๆ…

ไม่นานต้วนหลิงเทียนก็ถูกบทสนทนาของทั้งคู่ดึงดูด

“พี่ชาย ข้าได้ยินมาว่าผู้ที่มีพรสวรรค์รากวิญญาณสีเขียวหรือสูงกว่านั้น ไม่จำเป็นต้องทดสอบพลังฝีมือก็ผ่านการคัดเลือกของแท่นบูชาจตุรลักษณ์เลยเช่นนั้นหรือ?”

ชายคนที่อายุน้อยกว่าสอบถามชายวัยกลางคนที่อาบน้ำร้อนมาก่อนด้วยความสงสัยเพิ่มเติม

“ด้วยพรสวรรค์รากวิญญาณของข้าที่เต็มที่ก็มีแค่สีเหลือง…ข้าหวังเพียงว่าอาศัยความแข็งแกร่งของข้าตอนนี้จะสามารถผ่านการประเมินได้…เจ้าว่าข้ามีหวังหรือไม่?”

ชายชราคนหนึ่งที่ได้ยินก็กล่าวถามขึ้นมาเช่นกัน

“ไม่ผิดน้องชาย หากมีรากวิญญาณสีเขียวจะผ่านการทดสอบทันที ส่วนพี่ชายท่านนี้อาศัยรากวิญญาณสีเหลืองของท่าน ถือว่าพรสวรรค์ของท่านมิค่อยจะสู้ดีสักเท่าไหร่…หากท่านคิดเข้าร่วมลัทธิบูชาไฟด้วยพรสวรรค์ระดับนี้ เห็นทีจะยากมิใช่น้อย…”

ชายวัยกลางคนที่เป็นดั่งกูรูผู้อาบน้ำร้อนมาก่อนกล่าวตอบทั้งคู่

“เฮ่อ…ข้าเองก็รับทราบดี แต่อย่างไรเสียข้าก็ทะลวงมาถึงขอบเขตเซียนปฐพีแล้ว…ได้แต่หวังว่าข้าจะทำคะแนนได้มากพอในบททดสอบพลังฝีมือ…”

ชายชราพยักหน้า

“รากวิญญาณ? พรสวรรค์รากวิญญาณ?”

ต้วนหลิงเทียนขมวดคิ้ว เมื่อได้ยินบทสนทนาของคน 3 คนกลุ่มนี้ สีหน้าของเขากลายเป็นเหรอหรากระพริบตาปริบๆ ด้วยไม่รู้ว่าคนกลุ่มนี้สนทนาเรื่องอะไรกัน…

รากวิญญาณคืออะไร? แล้วพรสวรรค์รากวิญญาณคือสิ่งใดกัน?

เขาไม่รู้เรื่องเลย!!

“ผู้เฒ่าหั่ว…ท่านรู้เรื่องเหล่านี้หรือไม่?”

สุดท้ายต้วนหลิงเทียนก็ค้องใช้ตัวช่วย รีบกล่าวถามผู้เฒ่าหั่วทันที

“ข้าเองก็ไม่เคยได้ยิน…สมควรเป็นคำเรียกหาเฉพาะของระนาบโลกียะแห่งนี้”

ผู้เฒ่าหั่วเองก็ไม่รู้เช่นกัน

ต้วนหลิงเทียนพอได้ฟังก็ยิ้มเจื่อนๆทันที แต่เขาก็ไม่คิดอะไรมาก ในเมื่อเขาไม่รู้และผู้เฒ่าหั่วไม่รู้ เช่นนั้นก็ไปถามคนรู้เสียก็หมดเรื่อง! เขาลอยร่างเข้าไปหากูรูที่กำลังกล่าวอย่างออกรส พร้อมถามออกไปทันที “พี่ชายท่านนี้…มิทราบว่ารากวิญญาณที่ท่านพูดถึงคืออะไรหรือ?”

“อะไรกันน้องชาย? นี่เจ้ามิรู้จักรากวิญญาณรึ!?”

ได้ยินคำถามของต้วนหลิงเทียน ชายวัยกลางคนถึงกับชักหน้าเหวอ สายตาที่มองต้วนหลิงเทียนยังทำราวกับมองตัวประหลาด

“เอ่อ…ข้าไม่รู้แล้วมันผิดมากหรือ?”

ต้วนหลิงเทียนที่อยากรู้ พอโดนแขวะก็อดไม่ได้ที่จะทำหน้าบึ้ง ก่อนจะถามไถ่ออกอีกรอบ

เมื่อเห็นต้วนหลิงเทียนขมวดคิ้วและชักสีหน้าไม่ค่อยจะพอใจเท่าไหร่ ชายวัยกลางคนถึงกับลอบหลั่งเหงื่อเย็นจนหลังเปียก เพราะตอนแรกมันไม่ทันสนใจ แต่พอดูผู้ถามให้ดีๆก็พบว่าเป็นต้วนหลิงเทียนที่ฆ่าหยางหวู่เมื่อวาน! มันสัมผัสได้ถึงความฉิบหายประการหนึ่งขึ้นมาทันที เร่งรีบแก้ตัว พร้อมกล่าวอธิบายออกไปอย่างไม่กล้ารอช้า

“น้องชายท่านนี้ใจเย็นก่อน ข้าเพียงแปลกใจมากเท่านั้นที่อัจฉริยะเช่นน้องชายมิรู้เรื่องพื้นฐาน…รากวิญญาณนั้นเป็นสิ่งที่ทุกคนมีมาแต่กำเนิด เป็นสิ่งที่ฟ้ากำหนดให้เรามา…อย่างไรก็ตามบรรพบุรุษของพวกเราก็พึ่งจะค้นพบรากวิญญาณที่ว่า หลังจากมาถึงภูมิภาคเบื้องบนได้พักหนึ่งเท่านั้น”

ชายวัยกลางคนกล่าวถึงตอนนี้ ก็หยุดเล็กน้อย ค่อยมองถามต้วนหลิงเทียนออกมาด้วยน้ำเสียงสุภาพ “น้องชายท่านนี้สมควรรู้แล้วใช่หรือไม่…ว่าดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าของเราถูกแบ่งออกเป็นภูมิภาคเบื้องบนกับเบื้องล่าง?”

“ข้ารู้ เพราะข้ามาจากภูมิภาคเบื้องล่าง”

ต้วนหลิงเทียนกล่าวตอบเสียงเรียบ

“อะไร? ที่แท้น้องชายมาจากภูมิภาคเบื้องล่าง?”

ชายวัยกลางคนที่ได้ยินคำของต้วนหลิงเทียนก็เผยความประหลาดใจไม่น้อย ค่อยพยักหน้าด้วยแววตาคล้ายเข้าใจอะไรบางอย่าง กล่าวต่อออกมาว่า “ที่แท้เป็นเช่นนี้นี่เอง อย่างนั้นก็มิแปลกที่น้องชายจะไม่รู้จักรากวิญญาณ…รากวิญญาณนั้น เป็นดั่งรากฐานพรสวรรค์ของทุกสรรพชีวิต และรากวิญญาณยังเป็นดั่งสิ่งที่จะกำหนดขีดจำกัดศักยภาพและพรสวรรค์ของแต่ละบุคคลอีกด้วย”

“รากวิญญาณนั้นถูกแบ่งออกเป็น 7 สีหลักๆตามสีรุ้ง…อันได้แก่ รากวิญญาณสีม่วง รากวิญญาณสีคราม รากวิญญาณสีน้ำเงิน รากวิญญาณสีเขียว รากวิญญาณสีเหลือง รากวิญญาณสีแสด รากวิญญาณสีแดง!”

“ในบรรดาเฉดสีทั้งหมดที่ข้ากล่าวออกมา รากวิญญาณสีแดงนั้นก็คือรากวิญญาณที่อ่อนด้อยที่สุด ส่วนรากวิญญาณสีม่วงก็คือรากวิญญาณที่มีพรสวรรค์และสักยภาพสูงที่สุด! การประเมินคัดเลือกของแท่นบูชาจตุรลักษณ์ลัทธิบูชาไฟนั้น ผู้ฝึกตนคนใดก็ตามที่มีรากวิญญาณสีน้ำเงินขึ้นไปสามารถข้ามการทดสอบ และเป็นศิษย์ของลัทธิบูชาไฟได้ทันที”

“ส่วนผู้ที่มีรากวิญญาณสีเขียวนั้น โดยปกติแล้วจำต้องมีพลังฝึกปรืออยู่เหนือขอบเขตเซียนมนุษย์เสียก่อน ถึงจะมีโอกาสผ่านการประเมินคัดเลือกเป็นศิษย์ของลัทธิบูชาไฟ”

“ส่วนผู้ที่มีพรสวรรค์รากวิญญาณสีเหลืองนั้น จำต้องมีพลังฝึกปรือถึงขอบเขตเซียนปฐพีเสียก่อน จึงจะมีโอกาสผ่านการทดสอบ…”

“ตามทฤษฎีและข้อกำหนดแล้ว เช่นนั้นผู้ที่มีรากวิญญาณสีแสดจำต้องบรรลุพลังฝึกปรือเหนือขอบเขตเซียนนภาเสียก่อนจึงจะมีโอกาสเป็นศิษย์ของลัทธิบูชาไฟ…อนิจจารากวิญญาณสีแสดนั้นถือว่าอ่อนด้อยนัก เว้นเสียจะพบพานวาสนาปาฏิหาริย์อันใดมา หาไม่แล้วคนที่มีรากวิญญาณสีแสด ต่อให้ใช้เวลาชั่วชีวิต ก็เกรงว่าคงมิอาจทะลวงถึงขอบเขตเซียนนภาได้!”

ชายวัยกลางคนที่หวาดกลัวพลังฝีมือของต้วนหลิงเทียน ย่อมไม่กล้าสร้างความขุ่นเคืองอะไรให้ต้วนหลิงเทียนอีก มันถึงกับรีบพ่นทุกสิ่งที่มันรู้ออกมารวดเดียวจบ!

หลังจากที่มันร่ายยาวจบคำ มันก็อดไม่ได้ที่จะสูดลมหายใจเข้าเฮือกใหญ่ สองตามองต้วนหลิงเทียนอย่างกล้าๆกลัวๆ

ด้านต้วนหลิงเทียนนั้น ในที่สุดก็เข้าใจเรื่องรากวิญญาณและรู้แล้วว่าพรสวรรค์รากวิญญาณมันคืออะไร

“ว่าแต่ แล้วเราจะตรวจสอบได้อย่างไรว่าเรามีพรสวรรค์รากวิญญาณสีอะไร?”

ลูกตาต้วนหลิงเทียนทอประกายสว่างจ้า กล่าวถามชายวัยกลางคนออกมาอีกครั้ง

“เรื่องนี้กล่าวไปก็มิยากนักน้องชาย แต่มีเพียงผู้ฝึกตนขอบเขตเซียนสวรรค์ขึ้นไปเท่านั้น ถึงจักมีความสามารถตรวจสอบรากวิญญาณของตัวเอง และหากคิดจะตรวจสอบรากวิญญาณของผู้อื่นก็จำต้องได้รับความยินยอมเสียก่อน ตราบใดที่อีกฝ่ายไม่ต่อต้านก็สามารถตรวจสอบได้ทันที…นอกจากนั้นยังมีสิ่งประดิษฐ์และเครื่องมือบางอย่างที่ใช้ตรวจสอบพรสวรรค์รากวิญญาณได้”

ชายวัยกลางคนกล่าวสืบต่อ “เช่นเดียวกับการประเมินในวันนี้ ทางแท่นบูชาเต่าทมิฬจักนำ ลูกแก้ววิญญาณที่จารึกอาคมเซียนอันซับซ้อนมาทดสอบ…เมื่อพวกเราวางมือไว้บนลูกแก้วราวๆ 10 ลมหายใจ ลูกแก้วจะเปล่งแสงสว่างออกมาตามสีของรากวิญญาณที่เรามี”

ต้วนหลิงเทียนพยักหน้ารับด้วยความเข้าใจ ในที่สุดเขาก็ได้รับทราบเรื่องที่อยากรู้แล้ว

“แท่นบูชาเต่าทมิฬก็จักประเมินพวกเราโดยการดูสีของรากวิญญาณพวกเรา…รากวิญญาณของผู้ใดแข็งแกร่งยอดเยี่ยมก็จักได้รับการปฏิบัติดูแลจากลัทธิดีกว่าผู้อื่น! ยกตัวอย่างเช่นผู้ที่มีรากวิญญาณสีน้ำเงิน ล้วนสามารถเข้าร่วมลัทธิบูชาไฟได้โดยไม่ต้องทดสอบพลังฝีมือ…กลายเป็นศิษย์ลัทธิบูชาไฟได้ทันที!”

“ส่วนผู้ที่มีรากวิญญาณอ่อนด้อยกว่ารากวิญญาณสีน้ำเงิน จักต้องทำการประเมินทดสอบพลังฝีมือเสียก่อน…ยิ่งมีรากวิญญาณต้อยต่ำเท่าใด ก็จำต้องมีพลังฝึกปรือที่สูงขึ้นและต้องแข็งแกร่งมากเป็นพิเศษถึงจะผ่านการทดสอบ!”

เรื่องนี้พอได้ฟังต้วนหลิงเทียนก็เข้าใจได้ไม่ยาก ว่าไฉนถึงต้องมีกฏเกณฑ์อะไรแบบนี้

หากไร้พรสวรรค์แล้วยังมีพลังฝีมืออ่อนด้อยอีก ไหนเลยจะกลายเป็นศิษย์ของลัทธิบูชาไฟได้?

หากไม่ว่าผู้ใดก็เป็นศิษย์ลัทธิบูชาไฟได้ เช่นนั้นแล้วลัทธิบูชาไฟจะแตกต่างจากขุมพลังทั่วๆไปได้อย่างไร?

ลัทธิบูชาไฟเป็น 1 ใน 3 ลัทธิ ยังเป็นมหาอำนาจที่ร้ายกาจและทรงพลังที่สุดในภูมิภาคเบื้องบนของดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า!

‘ไม่รู้ว่าพรสวรรค์รากวิญญาณของข้าจะเป็นอย่างไร…แต่ที่แน่ๆมันไม่น่าจะเป็นรากวิญญาณระดับสูงแน่นอน’

ต้วนหลิงเทียนยังตระหนักรู้ถึงขีดจำกัดของตัวเองดี

พรสวรรค์ของเขาในทวีปเมฆาล่อง อาจกล่าวได้ว่าอยู่ในจุดสูงสุดแล้วก็ว่าได้…

อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่ที่เขามาถึงดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า เขาพบว่าศักยภาพและพรสวรรค์ของผู้คนเป็นอะไรที่สูงมาก!

โดยเฉพาะอย่างยิ่งศักยภาพ พรสวรรค์ของเหล่าศิษย์อัจฉริยะทั้งหลายที่เขาเคยพบพานในตำหนักฟ้าลี้ลับ

ต้วนหลิงเทียนรู้ตัวเองดี

หากเขาไร้ซึ่งความช่วยเหลือจากเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติล่ะก็ เกรงว่าเขาคงไม่มีวันไล่ตามกระทั่งก้าวข้ามเหล่าอัจฉริยะเหล่านั้นได้เลย กระทั่งโอกาสที่จะประสบความสำเร็จได้อย่างวันนี้เกรงว่าคงเป็นอะไรที่น้อยเสียยิ่งกว่าคำริบหรี่…

“มากันแล้ว!”

ทันใดนั้นเองไม่ทราบใครเป็นผู้ตะโกนออกมา แต่นับว่าปลุกสติของใครหลายคนทันที

พริบตานั้นแทบทุกคนไม่เว้นต้วนหลิงเทียน ก็หันเหความสนใจไปยังคนกลุ่มหนึ่งที่กำลังเหินร่างเข้ามาทันที

ภายใต้สายตาของทุกคน ในที่สุดเถิงชานและหลี่อัน อาวุโสระดับเพลิงเงินของแท่นบูชาเต่าทมิฬก็ปรากฏตัวขึ้นมาอีกครั้ง

ถึงแม้ทั้งสองจะมาถึงพร้อมๆกัน แต่ทว่าทั้งคู่ก็มาจากคนละทิศละทาง ไม่ได้มาด้วยกัน

ทั้งคู่ที่มาถึง ต่างก็มีชายวัยกลางคน 2 คนติดสอยห้อยตามมาด้วย

ชายวัยกลางคนทั้ง 4 นั้นสวมชุดคลุมสีขาวและมีลวดลายเหมือนกันกับเถิงชานและหลี่อันไม่ผิดผิดเพี้ยน มันเป็นลายปักเต่าทมิฬ! ความแตกต่างเพียงอย่างเดียวระหว่างพวกมันกับเถิงชานและหลี่อันก็คือ…ลายปักเต่าทมิฬของพวกมันเป็นสีทองแดง!

อาวุโสเพลิงทองแดง!

ทุกคนไม่เว้นต้วนหลิงเทียนที่ได้เห็น ก็สามารถบอกฐานะของชายวัยกลางคนทั้ง 4 ได้ทันที

“ขอให้ทุกคนจงเตรียมตัวให้พร้อม”

เถิงชานกล่าวออกด้วยน้ำเสียงเรียบสงบ เมื่อพูดจบคำมันก็เหินร่างขึ้นไปบนฟ้าสูงและว่ายตามองทุกคน

ในขณะที่เถิงชานเหินร่างขึ้นไปบนฟ้า อาวุโสเพลิงทองแดงทั้ง 2 ลอยร่างอยู่ด้านหลังของมันก่อนหน้า ก็ยกมือขึ้นก่อนจะปรากฏลูกแก้วโปร่งใสขึ้นมาลอยล่องอยู่กลางอากาศเบื้องหน้า

มองจากไกลๆ ก็พอบอกได้ว่าลูกแก้วโปร่งใสดังกล่าวมีขนาดพอๆกับกำปั้นของผู้ใหญ่

วูบ!

หลี่อันไม่ได้กล่าวอะไรออกมาแม้แต่คำเดียว มันเหินร่างลอยขึ้นไปบนฟ้าเหมือนเถิงชานทันที

และอาวุโสเพลิงทองแดงทั้ง 2 คนที่ติดตามมันมาแต่แรก ก็ยกมือขึ้นเรียกลูกแก้วโปร่งแสงออกมาคนละลูกเหมือนกัน

‘นั่นน่ะเหรอลูกแก้ววิญญาณที่สามารถตรวจสอบและระบุพรสวรรค์รากวิญญาณได้’

ต้วนหลิงเทียนย่อมเดาได้ทันทีว่าลูกแก้วโปร่งใส 4 ลูกที่ลอยล่องอยู่เบื้องหน้าอาวุโสเพลิงทองแดงทั้ง 4 สมควรเป็นลูกแก้ววิญญาณที่ชายวัยกลางคนผู้รู้มากก่อนหน้ากล่าวบอก

“การประเมินในวันนี้จักแบ่งออกเป็น 2 ส่วน…หนึ่งคือประเมินพรสวรรค์รากวิญญาณ! พวกเราจะทำการตรวจสอบพรสวรรค์รากวิญญาณของพวกเจ้าตามลำดับจนครบทุกคน!!”

ตอนนี้เองเถิงชานก็กล่าวออกมาเสียงดังฟังชัด คล้ายกำลังจะเริ่มต้นการประเมินทดสอบของวันนี้แล้ว

หลังจากนั้นเถิงชานก็พูดถึงเรื่องที่ต้วนหลิงเทียนรู้จากชายวัยกลางคนออกมา

“เอาล่ะ ตอนนี้พวกข้าจะเริ่มทำการตรวจสอบพรสวรรค์รากวิญญาณของพวกเจ้า!”

เถิงชานประกาศออกมาอีกครั้ง เป้นการเริ่มต้นการประเมินทดสอบพรสวรรค์รากวิญญาณอย่างเป็นทางการ

‘ไม่รู้ว่าพรสวรรค์รากวิญญาณของข้าจะมีสีอะไรกันแน่…เป็นสีส้มหรือว่าสีเหลืองกันนะ?’

ต้วนหลิงเทียนไม่กล้าฝันสูง…