ตอนที่ 412 โซ่ว... โซ่วเอ๋อร์ (1)

ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว

ตอนที่ 412 โซ่ว… โซ่วเอ๋อร์ (1)

นักพรตเต๋า นักพรตเต๋าคนใดกัน?

ที่หน้าประตูสำนัก ปีศาจสาวในชุดกระโปรงยาวสีเขียวยืนนิ่งเงียบ เส้นผมยาวสีดำแผ่สยายลงมาราวน้ำตกในขณะที่นางแผ่กลิ่นอายลมปราณที่ให้ความรู้สึกอ่อนโยนจากภายในสู่ภายนอก

แต่เมื่อนางกล่าวเช่นนั้น ไม่เพียงแต่บรรดาเซียนในสำนักตู้เซียน จะสับสนท่านั้น แต่ ‘เหล่าปีศาจที่มีภูมิหลังซับซ้อน’ ซึ่งอยู่เบื้องหลังนาง ต่างก็หูผึ่ง ฟังอย่างระมัดระวังเช่นกัน

เกิดอันใดขึ้น?

มีบางอย่างผิดปกติ!

ในฐานะที่เป็นผู้เกี่ยวข้องคนหนึ่ง ในเวลานี้ ความคิดของหลี่ฉางโซ่วโลดแล่นขึ้นมาในใจอย่างรวดเร็ว ทันใดนั้น เขาสงสัยขึ้นมาทันทีว่า ในขณะนี้ ปีศาจสาวผู้นี้กำลังถูกใครบางคนควบคุมจิตใจอยู่หรือไม่

หลี่ฉางโซ่วย่อมจำเจ้าปีศาจจิ้งจอกตัวนี้ได้อย่างแน่นอน

ย้อนกลับไปในเวลานั้น นักพรตเต๋าไขว่ซือ ได้วางแผนทำร้ายและจงใจล่อให้อาจารย์ของเขาไปที่เมืองใหญ่แห่งหนึ่งในโลกมนุษย์ และเมื่อหลี่ฉางโซ่วไปพบในนามของอาจารย์ของเขา เขาก็ได้จับปีศาจตัวนี้ในเมืองใหญ่นั้น

หลังจากเรื่องนี้ เขาตระหนักได้ว่า ปีศาจจิ้งจอกได้จับฆาตกร ซึ่งเป็นปีศาจตะขาบที่นักพรตเต๋าไขว่ซือได้ติดสินบนเอาไว้ นั่นก็ถือได้ว่าเป็นโชคโดยบังเอิญ

เนื่องจากปีศาจจิ้งจอกตัวนี้มีบุญอยู่ด้วย สำนักตู้เซียนจึงไม่ได้สังหารนาง แต่กักขังนางเอาไว้ใต้ภูเขารกร้างนอกสำนักแทน

หลี่ฉางโซ่วทำมุทราหยั่งรู้ดูอย่างระมัดระวัง

เมื่อเขาแสร้งปลอมตัวเป็นอาจารย์และร่วมมือกับอาจารย์ลุงจิ่วอู จับปีศาจสาวผู้นี้ เวลานั้น นางเป็นเจ้าของสำนักโคมเขียวที่ถือก้านบุหรี่หยก มีเรือนร่างสูงและมีส่วนโค้งเว้าเย้ายวนน่าหลงใหล เห็นได้ชัดว่านางเป็นผู้ดูแลสำนักโคมเขียวที่ทรงพลังอำนาจอย่างยิ่ง

หลังจากนั้น หลี่ฉางโซ่วก็ได้ติดต่อกับปีศาจสาวผู้นี้อีกสองสามครั้ง และนางก็ยังได้เปิดเผยธรรมชาติของปีศาจที่ฉลาดแกมโกงและน่ากลัวในฐานะปีศาจของนางออกมา

เมื่อนางถูกจับครั้งแรก นางก็ยังฉวยโอกาสใช้เสน่ห์อาคมเพื่อวางแผนทำร้ายอาจารย์ลุงจิ่วอู่ หลี่ฉางโซ่วจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องอุทิศ ‘ภาพจักรพรรดินีชราไป่เหมย’ รุ่นเก่าให้สำนัก แล้วไฉน…วันนี้ถึงเป็นเช่นนี้? เป็นการเสแสร้งหรือไม่?

ต้องการให้เรื่องบานปลายใหญ่โตหรือไม่?

หลี่ฉางโซ่วซ่อนตัวอยู่ในฝูงชนและจ้องมองปีศาจจิ้งจอกอย่างระมัดระวัง ไม่นาน เขาก็รู้ว่าอีกฝ่ายแสดงเก่งจริงๆ หรือเป็นเพราะเหตุผลบางอย่าง…

บางที นางอาจตกหลุมรักแรกพบกับอาจารย์ลุงจิ่วอู หรือท่านอาจารย์ที่ข้าได้ปลอมตัวไป!

เป็นไปได้อย่างไรกัน?

ในช่วงเวลานั้น ทั้งสำนักล้วนเงียบงันไปพักหนึ่ง และผู้คนทั้งในและภายนอกสำนัก ต่างก็รู้สึกอึดอัด มีเพียงปีศาจจิ้งจอกเท่านั้นที่ดูเหมือนจะกระตือรือร้นและไม่คิดว่านางพูดอะไรผิดปกติไป

“เกิดอันใดขึ้น?”

ในอีกด้านหนึ่งของสำนัก จิ่วซือ ซึ่งเป็นจิ่วเซียนในอันดับที่สี่ ก็ส่งเสียงกล่าวขึ้นมาอย่างกะทันหัน

ทันใดนั้น ก็มีสายตามากมายพุ่งไปรวมตัวกันที่ร่างของจิ่วซือที่ดูสูงส่ง สง่าและงดงามก่อนจะเลื่อนสายตาไปจ้องมองที่นักพรตเต๋าร่างเตี้ย สูงห้าฉื่อครึ่งอยู่ข้างๆ นาง…

บรรดาเซียนจากสำนักตู้เซียน ก็เผยสีหน้ารู้แจ้งออกมาทันที

นั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้น…

มีเจตนาสังหารปะทุขึ้น! ทันใดนั้น จิ่วอูก็ตัวสั่นสะท้านโดยไม่รู้ตัวแล้วตบต้นขาของเขาอย่างกังวล

จากนั้น จิ่วอูก็รีบกล่าวอย่างรวดเร็วว่า “ไม่ใช่เช่นนั้นนะ! ไม่ใช่นะ! ข้าไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับปีศาจสาวผู้นี้ ในเวลานั้น ข้าและศิษย์น้องฉีหยวนเป็นผู้จับตัวนาง เพราะนางยุยงให้เหล่าปีศาจในดินแดนเทวะทักษิณกระทำชั่ว ทว่าหลังจากที่จับตัวนางกลับมาแล้ว ข้าก็กักขังนางไว้ใต้ดิน ข้าไปเยี่ยมเพื่อตรวจดูสภาพของนางเพียงแค่ครั้งสองครั้งเท่านั้นโดยไม่พูดอะไรเลยแม้สักคำเดียว! มีเหล่าผู้อาวุโสและผู้อาวุโสจากหอลงทัณฑ์คนอื่นๆ ล้วนเป็นพยานรับรองให้ข้าได้!”

เมื่อได้ยินเสียงร้องตะโกนของจิ่วอู ผู้อาวุโสผมขาวสองสามคนที่อยู่ด้านข้าง ต่างก็พากันมองขึ้นไปบนท้องฟ้าพร้อมกับไพล่มือไว้ที่ด้านหลัง และคงความนิ่งสงบดุจเห็นเมฆบางลมโชย

จิ่วซือกัดฟัน ทว่าด้วยมีผู้คนมากมายอยู่รอบๆ นางจึงยังใส่ใจใบหน้าของคู่บำเพ็ญเต๋าของนางและระงับความโกรธของนางเอาไว้

ในขณะนั้น ปีศาจจิ้งจอกก็พึมพำออกมาอีกครั้ง “ฉีหยวน … ข้าขอพบนักพรตเต๋าฉีหยวนอีกครั้งได้หรือไม่? ข้ามีอะไรบางอย่างจะพูดกับเขา”

จิ่วอูถอนหายใจอย่างโล่งอก และแทบจะก้มกราบขอบคุณปีศาจจิ้งจอกที่ไม่ฆ่าเขาในทันที

ในขณะนี้ บรรดาเซียนจากสำนักตู้เซียนที่อยากชมละครกันอย่างกระตือรือร้น ต่างก็มองหน้ากันอย่างฉงน

หากปีศาจจิ้งจอกชอบผู้บริหารของสำนัก จิ่วอูก็คงจะดี เพราะนั่นย่อมเพียงพอที่จะอธิบายเรื่องนี้ได้ในระดับหนึ่ง

อาจารย์ของจิ่วอู ซึ่งเป็นเซียนจิน เกือบจะแน่ใจว่า จิ่วอูย่อมจะกลายเป็นเซียนเทียน เขารู้วิธีจัดการเรื่องต่างๆ ได้ดีและเข้าสังคมเก่ง ยิ่งกว่านั้น หากไม่สนใจเรื่องวัยของเขา ก็นับว่าเขาเป็นชายหนุ่มรูปงาม ส่วนในด้านขนาด ก็ถือได้ว่าเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ทว่าฉีหยวน เป็นเซียนจั๋วเพียงคนเดียวในสำนักตู้เซียน…นี่ไม่ใช่สำนักบำเพ็ญเต๋าหยิน เห็นได้ชัดว่า ไม่ใช่สำนักบำเพ็ญเต๋าหยิน!

“ศิษย์น้องฉีหยวนมีเสน่ห์มากหรือ?”

“น่าทึ่ง น่าทึ่งจริงๆ”

“เรียกศิษย์หลานฉีหยวนมาดีหรือไม่?”

บรรดาเซียนทั้งหลายของสำนักตู้เซียน ต่างก็เอ่ยปากกล่าวขึ้นมาทีละคน พวกเขาส่วนใหญ่ล้วนอยากรู้อยากเห็น

แต่จิ่วอูรีบมองไปที่หลี่ฉางโซ่ว แล้วทั้งสองลุง หลาน ต่างก็สบตาและขยิบตาให้กันครู่หนึ่ง

ตี๊ดๆ “ฉางโซ่ว เจ้าทำอันใดลงไป!?!”

ตึ๊งๆ…“ท่านหมายถึงว่า ท่านอาจารย์ของข้าทำอันใด…’

ตี๊ด! ตี๊ด! ตี๊ด! ตี๊ด! ตี๊ด! ตี๊ด! “เจ้าคิดว่าข้าโง่เพียงนั้นเลยหรือ? ไม่ใช่เจ้าที่ปลอมตัวแสร้งเป็นอาจารย์ของเจ้าในวันนั้นหรอกหรือ? เจ้าต้องใส่ใจศิษย์น้องหญิงสิบของข้าอาศัยอยู่ที่ยอดเขาหยกน้อยของเจ้ามาตั้งแต่แรกที่นางเข้าสำนัก!

หลี่ฉางโซ่วรู้สึกปวดหัวขึ้นมากะทันหัน เขาทำได้เพียงมองจิ่วอูอย่างหมดหนทางเพื่อปล่อยให้จิ่วอูสงบลง

ตอนนี้เขาทำได้เพียงถ่วงเวลาเท่านั้น ไม่ว่าเป้าหมายของปีศาจสาวผู้นี้จะเป็นเช่นไร เขาก็ปล่อยให้เรื่องต่างๆ เหล่านี้ดำเนินต่อไปไม่ได้

“แค่กๆ!”

หลี่ฉางโซ่วกระแอมไอให้ลำคอโล่งก่อนจะบินสูงขึ้นไปเล็กน้อยท่ามกลางเหล่าฝูงชน และค่อยๆ คลี่ยิ้มช้าๆ ขณะออกนอกประตูสำนักแล้วกล่าว

“ผู้อาวุโส… อาจารย์ของข้าเข้าปิดด่านอยู่ เหตุใดท่านไม่กลับไปพร้อมกับพวกของท่านก่อนแล้ว ไว้รอให้อาจารย์ของข้าออกมาจากการปิดด่าน แล้วค่อยพูดคุยเรื่องนี้กันอีกครั้งหลังจากนั้นเล่าขอรับ?”

ปีศาจสาวกะพริบตาเบาๆ และจู่ๆ ก็เผยให้เห็นรอยยิ้มที่เปี่ยมไปด้วยความรักและเมตตาในทันที

“เจ้าเป็นศิษย์ของเขาหรือ?”

ผู้อาวุโสในสำนักกล่าวแนะนำทันที “นี่คือ หลี่ฉางโซ่ว ศิษย์ของสำนักตู้เซียน และเป็นศิษย์คนโตของศิษย์หลานฉีหยวน ”

ปีศาจสาวก้าวออกไปข้างหน้าครึ่งก้าว แล้วกล่าวอย่างเบิกบานใจว่า “เช่นนั้น ข้าขอเรียกเจ้าว่า โซ่วเอ๋อร์ได้หรือไม่? บรรดาศิษย์ที่อาจารย์ของเจ้ารับเอาไว้ ล้วนพิเศษยิ่งนัก”

หลี่ฉางโซ่วถึงกับพูดไม่ออก

ในขณะนั้น ใบหน้าของหลี่ฉางโซ่วก็ถูกเต็มไปด้วยเส้นเลือดปูดโปน ดูมืดทะมึนขึ้นมาทันที ในขณะที่เขาใช้มือขวาล้วงเข้าไปแขนเสื้อแล้วคว้ามีดแกะสลัก!

ใช่แล้ว! ตอนนี้แหละ!

เขาจะต้องแบกรับกรรมมากเพียงใดกัน หากเขาสังหารปีศาจพวกนั้นทันที!?!

ในขณะนั้น ปีศาจสตรีผู้หนึ่งในเหล่าปีศาจเซียนเทียนที่อยู่เบื้องหลังปีศาจสาว ในที่สุดก็ถามขึ้นว่า “เสี่ยวหลาน เกิดอันใดขึ้นกับเจ้า? คนพวกนี้ใช้คำสาปเยี่ยงใดกัน?”

“บังอาจ!”

ผู้อาวุโสของสำนักตู้เซียนที่ไม่พอใจพลันเบิกตากว้าง ถลึงตาและตวาดว่า “สำนักตู้เซียนเป็นฝ่ายของสำนักบำเพ็ญเต๋าหยิน เราสืบทอดเต๋านิรกรรมของไท่ชิง แล้วจะใช้เล่ห์เหลี่ยมเช่นนี้ได้อย่างไร?

หากไม่มีบุญคุ้มครองนางในตอนนั้น นางก็ย่อมเป็นหนี้บุญคุณของเผ่ามนุษย์แล้ว ไฉนเลยจะปล่อยให้นางสร้างปัญหาในโลกมนุษย์ได้เล่า!?!”

“น่าขันนัก” ปีศาจชายกล่าวอย่างเย็นชาว่า “เจ้าเห็นอยู่ชัดๆ ว่า น้องสาวของข้ามีบุญคุ้มกาย ดังนั้น การสังหารนาง ย่อมเป็นการเพิ่มกรรมร้าย! ยังมากล่าวด้วยท่าทางสูงส่งเช่นนี้! พวกเจ้า ผู้ฝึกบำเพ็ญเผ่ามนุษย์ กล้าทำทุกอย่างเพื่อใบหน้าจริงๆ!”

ตึ้ง!

ทันใดนั้น ผู้อาวุโสว่านหลินหยุนก็ค่อยๆ เดินออกไปข้างหน้าพร้อมด้วยไม้เท้าทองสัมฤทธิ์ของเขาในขณะที่ผู้อาวุโสสองคนที่อยู่ข้างหน้าเขารีบเปิดทางให้เขาทันที

ตูม!

จู่ๆ ชายชราที่ถือไม้เท้า ก็ก้าวออกมาจากอากาศสองก้าว เขาเดินออกมาจากประตูสำนัก ดวงตาไร้อารมณ์ของเขา กวาดมองไปที่คนสองสามคนเหล่านั้น และกล่าวอย่างเฉยเมยว่า “ให้ข้าจัดการเอง”

ในเสี้ยวอึดใจนั้น เหล่าปีศาจมีท่าทางราวกับว่า กำลังเผชิญหน้ากับศัตรูที่ทรงพลังน่าเกรงขาม พวกเขาซ่อนปีศาจสาวที่มีนามว่า ‘เสี่ยวหลาน’ เอาไว้ข้างหลังพวกเขา แล้วต่างมองไปที่ว่านหลินหยุนอย่างระมัดระวัง ส่วนสองปีศาจชายหญิงที่มีฐานพลังด้อยกว่านั้น ล้วนตัวสั่นเทาไม่หยุด!

เวลานั้น บนเรือไม้ที่อยู่ไกลออกไป ร่างนั้นทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า พลังสะกดข่มของปีศาจเซียนจินกวาดพัดไปทั่วฟากฟ้าแล้วกวาดไปทางสำนักตู้เซียน

แต่พลังสะกดข่มมีรอยด่างไม่สม่ำเสมอเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่า ขอบเขตเต๋านั้น ยังไม่บริสุทธิ์เพียงพอ ทันใดนั้น พลังสะกดข่มของปรมาจารย์เซียนจินสามคนในสำนักตู้เซียนก็ปะทุขึ้นมา แล้วพุ่งเข้าหาปีศาจเหล่านั้นทันที

ปีศาจชายร้องตะโกนขึ้นมา “ไปเชิญบรรพชนของเรามา!”

………………………………………………………………..