“น้องชาย?”ใบหน้าพิชญาเหยเก“เขาไม่ใช่น้องชายฉัน เขาเป็นแค่ไอ้ชาติหมาตัวหนึ่ง!”

วารุณีขมวดคิ้ว

ถึงแม้ไม่ชอบถวิต แต่ไม่ว่าอย่างไรก็เป็นเด็กคนหนึ่ง ถูกพูดแบบนี้ใส่ ไม่น่าฟังเท่าไหร่นัก

แต่ว่าวารุณีก็ไม่พูดอะไรมาก สายตานั้นมองไปที่เธอนิ่งๆ“ที่จริงเธอน่าจะดีใจ ดีใจที่สุภัทรรักเธอมายี่สิบกว่าปี”

พิชญาละสายตาลง

ใช่ สุภัทรรักเธอมายี่สิบกว่าปีจริงๆ

แต่ถ้ารู้ว่าเธอไม่ใช่ลูกแท้ๆแล้ว เขายังจะรักไหม?

ไม่ ไม่มีทาง!

คิดไป พิชญาก็ยิ้มอย่างร้ายกาจ“วารุณี เธอบอกฉันมา เธอกำลังอิจฉาฉันใช่ไหม?”

วารุณีหรี่ตา“ฉันอิจฉาเธอ?”

“ใช่ อิจฉาที่ฉันไม่ใช่ลูกแท้ๆ แต่ได้รับความรักจากสุภัทรมาตั้งหลายปี ส่วนเธอที่เป็นลูกแท้ๆกลับไม่ได้”พิชญามองเธออย่างสะใจ

วารุณีหัวเราะ“ก็จริง เมื่อก่อนฉันเคยอิจฉาเธอ แต่ต่อมาฉันก็ไม่อิจฉาแล้ว ที่ฉันบอกเธอพวกนี้ เพราะอยากให้เธอรู้ว่าเธอพิชญาลำบากมาตั้งนาน แย่งของของฉันไปตั้งเยอะ พอสุดท้ายกลับไม่ได้อะไรกลับไปเลย”

“เธอ……”พิชญารักษาความเย่อหยิ่งบนใบหน้าไม่ได้อีกต่อไป ใบหน้ากลายเป็นร้ายกาจขึ้นมาทันที

วารุณีมองเธอนิ่งๆ“โอเค ที่ควรพูด ฉันพูดไปหมดแล้ว เธอจัดการตัวเองให้เรียบร้อยเถอะ ฉันยังยืนยันคำเดิม อย่าบ้าขึ้นมาอีกล่ะ นวิยายังอยู่ข้างนอก”

พูดจบ เธอก็หันกลับ ออกไปจากห้อง

บอดี้การ์ดทั้งสองคนตาอยู่หลังติดๆ

พอทั้งสามคนออกไป พิชญาก็ตะโกนเหมือนคนบ้าอีกครั้ง ตะโกนไป ออกแรงฉีกผลดีเอ็นเอที่เตียงไปด้วย เหมือนว่าผลดีเอ็นเอนั้นเป็นพวกขยานี ทำให้เธอแทบอยากจะฉีกเป็นชิ้นๆ

หลังออกไปจากโรงพยาบาลจิตเวช วารุณีก็ขับรถไปสนามบิน

ระหว่างทาง เธอโทรหาเบอร์ของนัทธี

ตอนนี้ในประเทศประมาณหกโมงเช้าแล้ว นัทธีตื่นมาพอดี เห็นเบอร์ของเธอ ก็กดรับทันที“ฮัลโหล?”

เสียงแหบหลังตื่นนอนของชายหนุ่มดังเข้ามา ทำให้คนฟังแล้วรู้สึกเสียวๆหู

วารุณีหดคอ“สามี ฉันเพิ่งไปเยี่ยมพิชญามา”

“อือ คุยกับเธอแล้ว?”นัทธีถือโทรศัพท์ไว้ สวมชุดนอนเดินไปที่ห้องน้ำ

วารุณีพยักหน้า“บอกแล้ว เด็กในท้องของเธอ น่าจะถูกคนรังแกจนท้องมา ดังนั้นเธอเลือกจะไม่เก็บไว้”

“โอเค ผมจะส่งหมอไปผ่าตัดให้เธอ”นัทธีพยักหน้า

ไม่เอาเด็กคนนั้นก็ดี

ชีวิตนี้ของพิชญา ลิขิตไม่ได้แล้ว ถ้าเด็กคนนั้นคลอดออกมา ก็ต้องส่งไปสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้า สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ามีคนหลากหลายแต่ละที่ต่างกัน และไม่ใช่ว่าเด็กๆในสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าทุกที่จะใช้ชีวิตอย่างดี และขยานีกับปวิชที่วางยาสุภัทร ก็ต้องถูกเข้าคุก

ดังนั้นลูกของพิชญาคลอดออกมา นอกจากส่งไปสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าแล้ว ก็ไม่มีใครดูแล งั้นก็ไม่ต้องคลอดแต่แรกดีกว่า ถึงแม้เด็กคนนั้นจะบริสุทธิ์ก็ตาม

ใครให้เด็กคนนั้นปรากฏขึ้นมาในท้องของพิชญากันล่ะ

อือ งั้นคุณจัดการละกัน”วารุณีพูดยิ้มๆ

นัทธีแปรงฟัน“ตอนนี้เด็กทั้งสองเป็นไงบ้าง?”

“ยังอยู่ดี ฉันไม่ให้ไอริณพักที่โรงพยาบาล พักผ่อนอยู่ที่คฤหาสน์เอา หมออยู่ตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง ก้นของอารัณก็ดีขึ้นเยอะแล้ว นั่งได้แล้ว เขาดีใจมาก”วารุณีพูด

นัทธีน่าจะจินตนาการสภาพดีใจของอารัณได้ แววตามีรอยยิ้มแฝงไว้“งั้นก็ดี”

“โอเคสามี ไม่พูดกับคุณแล้ว ถึงสนามบินแล้ว ฉันเข้าไปรับศรัณย์ก่อน ไว้เดี๋ยวคุยตอนดึก”วารุณีมองสนามบินตรงหน้าแล้วบอกลา

นัทธีตอบอือ ตกลงไป

โทรศัพท์เสร็จ วารุณีก็วางโทรศัพท์ลง หาที่จอดรถ จอดรถเสร็จ ก็สะพายกระเป๋าเข้าไปในสนามบิน

รอในสนามบินประมาณสิบกว่านาที วารุณีก็เห็นศรัณย์แบกกระดานวาดรูปใหญ่ๆ กับกลุ่มคนที่แบกกระดานวาดรูปเช่นกัน คนที่ผิวสีต่างกันออกมาจากทางออก

“ศรัณย์!”วารุณีโบกมือ เรียกด้วยภาษาจีน

ศรัณย์มองไปตามเสียง ใบหน้าที่สดใสมีรอยยิ้มประหลาดใจออกมาทันที“พี่ครับ!”

เขาโบกมือตอบเช่นกัน

เพื่อนร่วมงานที่อยู่ข้างๆเขาเห็น จึงถามว่า“ศรัณย์ นั่นพี่นายเหรอ?”

“ใช่”ศรัณย์พยักหน้า

เพื่อนร่วมงานถามอีกครั้ง“สวยจริงๆเลย ศรัณย์นายก็รู้ ผมแยกความสวยงามของสาวตะวันออกไม่ได้มาตลอด แต่ว่าพี่สาวนาย แค่แวบเดียวผมก็มองความสวยงามเธอออก ศรัณย์ ผมอยากเป็นพี่เขยนายจัง!”

เพื่อนร่วมงานมองศรัณย์ด้วยใบหน้าจริงจัง

ศรัณย์มองบนใส่ในใจ แต่ใบหน้าตอบกลับไปด้วยรอยยิ้ม:“โจ๊ก นายอย่าคิดเลย พี่สาวผมแต่งงานแล้ว”

เพื่อนร่วมงานที่ถูกเรียกว่าโจ๊กเอามือกุมหัวใจด้วยสภาพเสียใจทันที“โอ๊ยพระเจ้า ทำไมทำแบบนี้กับผม ไม่ง่ายเลยที่ผมจะได้เจอความรัก แล้วก็หายไปแบบนี้”

ศรัณย์ขี้เกียจสนใจความฮาของเขา หลังจากลาอาจารย์ ก็วิ่งไปที่วารุณี

“พี่”ศรัณย์กอดวารุณีไว้

วารุณีตบหลังของเขา“สูงแล้ว และก็ผอมด้วย”

“ช่วงเจริญเติบโตสูงสุดนี่”ศรัณย์พูดยิ้มๆอย่างดีใจ

ปีนี้เขาแค่ยี่สิบสาม ช่วงเจริญเติบโตสูงสุดก็ปกติดีมาก

วารุณีผลักเขาออกเบาๆ หยิบกระเป๋าเดินทางใบเล็กของเขา“ไปเถอะ รถอยู่ด้านนอก”

“อือ”ศรัณย์พยักหน้า

สองพี่น้องออกไปจากสนามบิน แป๊บเดียวก็ขึ้นรถมา

บนรถ ศรัณย์พูดเรื่องน่าสนใจกับชีวิตในอีกประเทศของเขาอีกมากมายให้วารุณี วารุณีฟังอยู่เงียบๆ

จนศรัณย์พูดชีวิตของตัวเอง ไปได้พอประมาณแล้ว วารุณีจึงเริ่มพูดเรื่องที่เกิดขึ้นกับทางนี้ของตัวเองบ้าง

แต่เพื่อไม้ให้เขาเป็นห่วง ก็มีข้ามบ้างแล้วพูดแต่เรื่องสบายๆ

แต่ความสัมพันธ์ระหว่างพิชญากับสุภัทร เธอก็พูดออกมา

ยังไงเรื่องนี้ ศรัณย์ก็มีสิทธิ์ที่จะรู้

ศรัณย์รู้ว่าพิชญาไม่ใช่ลูกแท้ๆของสุภัทร เบ้าตาก็แดงทันที รู้สึกดีใจ

แน่นอนว่า เขาไม่ได้ดีใจแทนสุภัทร แต่ดีใจให้ตัวเอง

เพราะว่าพิชญาไม่ใช่ลูกแท้ๆของสุภัทร กรรมตามสนองสุภัทร ดังนั้นเขาจะไม่ดีใจได้อย่างไร

“ตอนนี้สุภัทรถูกขยานีกับปวิชร่วมมือกันวางยา ร่างกายแย่ลงเรื่อยๆ น่าจะล้มลงอีกไม่นานแน่ เขาอาจจะอยู่อีกไม่นาน รอเขาใกล้จะตาย นายค่อยกลับไปเยี่ยมเขาละกัน”วารุณีเงียบลงเล็กน้อยแล้วพูด

ไม่ว่าจะพูดอย่างไร สุดท้ายสุภัทรก็เป็นพ่อพวกเขา

ถึงจะไม่ดีต่อพวกเขา แต่ก็เลี้ยงพวกเขาจนโต และให้ชีวิตแก่พวกเขาจริงๆ

สุภัทรให้พวกเขามาที่โลกใบนี้ พวกเราก็มีหน้าที่ส่งสุภัทรจากไป

“ผมรู้แล้ว”ศรัณย์พยักหน้า

วารุณีไม่พูดอีก

เธอรู้ ตอนนี้อารมณ์ของศรัณย์นั้นซับซ้อน ทั้งดีใจที่กรรมตามสนองสุภัทร แต่ขณะเดียวกัน ก็เสียใจเล็กน้อย ที่ไม่ช้าสุภัทรก็จะตาย

นี่ล่ะนะสัมพันธ์ทางสายเลือด

ตลอดทาง สองคนพี่น้องต่างเงียบกันมาก

จนถึงคฤหาสน์ ร่างหนึ่งก็มาตรงหน้ารถ ความเงียบนี้ถูกทำลายลง

“วารุณี น้องชายเธอล่ะ”เชอรีนมาที่ด้านนอกหน้าต่างรถตรงที่นั่งคนขับ แล้วรีบถาม

วารุณีรู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออก

ทางด้านความรู้สึกยัยนี่ยังไม่หยุดความรู้สึกสนใจต่อศรัณย์

วารุณีหันหน้าไป“เพื่อนพี่เป็นคนครึกครื้นมากเดี๋ยวนายอย่าตกใจล่ะ”

ศรัณย์พยักหน้าอย่างงงๆ“ครับ”

“ลงรถเถอะ”วารุณีพูดไป ก็ปลดเข็มขัดนิรภัยออก

ศรัณย์ที่นั่งด้านหลังก็เปิดประตูรถ

เชอรีนเห็นแบบนี้ ก็รีบประคองร่างกายขึ้น หันหน้ามองไป

เห็นศรัณย์ลงจากรถ เชอรีนตกใจทันที มือสองข้างประสานกัน แววตาเต็มไปด้วยประกาย“แม่ ฉันเจอเทวดาแล้ว!”

ได้ยินคำนี้ วารุณีจึงกุมศีรษะอย่างทำอะไรไม่ได้“โอเค อย่าเคลิ้มนักเลย นี่ น้องชายฉัน ศรัณย์”

เธอตบไหล่ของเชอรีนแล้วแนะนำตัวไป

เชอรีนกลืนน้ำลาย เดินไปที่ศรัณย์“เทวดา……อ้อไม่ ศรัณย์ใช่ไหม สวัสดีๆ ฉันชื่อเชอรีน”