ตอนที่ 545 อสรพิษหน้ามนุษย์ (1)

ทะลุมิติไปเป็นพระชายาโหดแห่งวังหลวง

ตอนที่545 อสรพิษหน้ามนุษย์ (1)

ตอนที่545 อสรพิษหน้ามนุษย์ (1)

ชั่วพริบตานั้น ทุกคนต่างตะลึงงัน

จางจูพิโรธเดือดดาลในทันใด

พญาหงส์ขาวตนนี้เป็นสัตว์วิญญาณตัวโปรดที่สุดของเขา แต่มีหรือจะคาดคิด ภายใต้การโจมตีผสานของสองสุดยอดอสูรอย่างพญาหงส์ขาวและสุนัขสวรรค์ ผลลัพธ์กลับล้มเหลวโดยสิ้นเชิง! และสิ่งที่น่าผิดหวังที่สุดคือ เขาคาดการณ์ทุกอย่างผิดไปหมด เสี่ยวฮั่วที่เป็นถึงสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ชั้นสูงอย่างกิเลน ซึ่งมีสายเลือดอันสูงส่งอยู่เหนือสัตวอสูรทุกสายพันธุ์ในผืนพิภพ แท้จริงแล้วจะเป็นเพียงตัวขี้ขลาด ที่มีดีแต่ซ่อนตัวอยู่ในห้วงความคิดของเซียถง เพื่อหาจังหวะลอบตลบหลังอย่างไร้เกียรติ!

ได้ยินเสียงร้องคร่ำครวญแผดดังจากพญาหงส์ขาว สุนัขสวรรค์พลันตื่นตระหนก รีบวิ่งสี่ขามาสูดดมกลิ่นจากขนนกชิ้นนั้น และกวาดตามองรอบข้างด้วยสีหน้าตื่นตูมเหลือเชื่อ

เมื่อเห็นจางจูเริ่มกระทืบเท้าลงพื้นด้วยโทสะอารมณ์ เซียถงก็ชักจะมีความสุขขึ้นทันควัน! นางกล่าวเย้ยเยาะขึ้นว่า

“ประเคนอาหารถึงที่เชียว มีอีกหรือไม่? ข้าต้องการอีกเยอะๆ!!”

แผนการของนางในตอนนี้คือ จงใจยั่วโมโมจางจูเพื่อให้เปิดช่องโหว่จุดอ่อน เวลาคนเราอยู่ในอารมณ์ที่ไม่เสถียร มันจะเผยข้อบกพร่องอะไรบางอย่างออกมาเสมอ

จางจูแผดเสียงคำรามลือลั่นเกรี้ยวโกธา ทันใดนั้นเอง วงแสงลวดลายสีดำที่พันเกี่ยวรอบแขนพลันเปล่งประกายวาบหนึ่ง ก่อนจะปรากฏเป็นอสรพิษขนาดใหญ่เผยตัวออกมา

อสรพิษตนนี้นิสัยเกรี้ยวกราดดุร้ายผิดวิสัย และสิ่งที่ดูแปลกตาที่สุดคงหนีไม่พ้น ศีรษะของมันที่ค่อนข้างแบนคล้ายงูเห่าแต่ใหญ่กว่า ลวดลายบนหัวมีรูปร่างคล้ายกับใบหน้ามนุษย์

มันส่งเสียงขู่ฟ่อก่นยาวดั่งสาสน์สู่ความตาย

ทันทีที่อสรพิษตนนี้ปรากฏกายออกมา เหล่าทหารนับไม่ถ้วนรอบข้าง ต่างชักเท้าร่นถอยออกห่างแทบไม่ทันตามสัญชาตญาณ

“อสรพิษหน้ามนุษย์ ฆ่ามัน!!”

เสียงบัญชาเกรี้ยวกราดจากปากจางจูแผดดัง อสรพิษหน้ามนุษย์โฉบร่างพุ่งเข้าฉกฉับพลัน มันฉีกปากกว้างขวางชุ่มชโลมโลหิตคาวสดพร้อมแยกคมเขี้ยวฉาบพิษอันตราย ขนาดกว้างดั่งบ่อเลือดเท่านี้ก็เพียงพอแล้วที่จะเขมือบกลืนคนทั้งคนเข้าไป

เซียถงตีระยะปรี่ถอยหลังโดยพลัน แต่ขณะที่กำลังย่างเท้าร่นถอย พลันได้ยินเสียงขู่ฟ่อดังขึ้นจากหลังหู พริบตากะทันหันที่เหลียวขวับกลับมอง ก็แลเห็นอสรพิษหน้ามนุษย์คลานเลื่อยดักหลังไว้อยู่แล้ว

แทบจะในทันใด เซียถงย่อตัวลงต่ำเก็บแขนขาและกลิ้งหนีไปทางซ้าย แต่ยากที่จะหลบเลี่ยงได้พ้นระยะความยาวของลำตัวมัน อสรพิษหน้ามนุษย์ฉีกปากกว้างพวยพุ่ง หวังฉกกัดลำตัวของนางให้ฉีกขาดเป็นเสี่ยง แต่ยังดีนักที่ยกมือขึ้นง้างมิให้โดนกลืนได้ทัน

เมื่อเห็นว่าสถานการณ์ไม่สู้ดี ยามนี้กำลังจะโดนเขมือบกลืนลงไปในท้องของอสรพิษ เซียถงจึงรีดเร้นพละกำลังทั้งหมดไปยังมือสองข้างที่ใช้ค่ำยัน ฉีกปากของมันผลักออกและคว้าหอกลมปราณอีกด้ามเสียบปากใช้ค่ำแทนทันที อึดใจเดียวกัน นางก็กระโดดหนีจากปากอสรพิษ เตรียมเสาะหาทางหนีทีไล่ต่อไป

จู่ๆเสี่ยวฮั่วโพล่งอุทานขึ้นลั่น

“อย่าไปทางนั่น!”

เมื่อเซียถงกวาดสายตามองตาม ก็พบว่ามีอสรพิษหน้ามนุษย์กว่าอีกหลายตนกำลังเลื่อยเข้าประชิดร่างตนเอง เสมือนทุ่งบุปผาสีเลือด ที่อสรพิษเหล่านั้นฉีกปากเผยบ่อเลือดเตรียมเขมือบนางเข้าไปจากทั่วสารทิศทาง

อสรพิษฉีกปากกว้างดุจบ่อโลหิตนับไม่ถ้วนพุ่งฉกเซียถงโดยพร้อมเพรียง หวังจะกลืนกินมิให้เหลือกระทั่งกลิ่นกาย!!

เมื่อไป๋หลี่เย่พบเห็นภาพฉากดังกล่าว สิ่งหนึ่งที่รู้สึกได้ก็คือ ความขุ่นแค้นอาฆาตที่สลักลึกในใจของเขาเริ่มได้รับการบรรเทาอย่างช้าๆแล้ว

ถูกฝูงอสรพิษหน้ามนุษย์เข้าปิดล้อม เซียถงระดมกระแสลมปราณตลบใหญ่เข้าฉาบเคลือบกายา กลับมาสวมใส่เกราะแสงวิญญาณอีกครั้งหนึ่ง พวกมันเหล่านั้นรุมโจมตีพร้อมกัน ประเคนคมเขี้ยวยาวเข้ากัดแทะผิวเกราะแสงวิญญาณ ก่อเกิดประกายไฟนับไม่ถ้วนสาดกระเซ็น

หากไม่ใช่เพราะพลังป้องกันขั้นสูงสุดของเกราะแสงวิญญาณนี้ เกรงว่าเซียถงคงถูกฉีกกระชากกัดเป็นชิ้นๆไปแล้ว

เซียถงร่ายเพลงหอกลมปราณเข้ากระหน่ำซัดใส่ไปหลายสิบเพลิง เพื่อกำราบอสรพิษให้สิ้นท่า แต่ทันใดนั้น พวกมันทั้งหมดจู่ๆก็กลับกลายเป็นเงาสีดำ ก่อนจะแปรสภาพอีกครั้งควบแน่นก่อตัวกลายเป็นร่างมนุษย์อย่างน่าเหลือเชื่อ พลังต่อสู้เพิ่มพูนขึ้นอย่างก้าวกระโดด พวกเขาโหมโรมเปิดศึกสู้รบกับนางชนิดไร้ปรานี

ด้วยความตกใจ นางร้องอุทานขึ้นว่า

“เสี่ยวฮั่ว พวกมันเหล่านี้คือบ้าอันใดกัน?”

เสี่ยวฮั่วเร่งกล่าวอธิบายออกไปทันที

“อสรพิษหน้ามนุษย์เหล่านี้เกิดจากพลังวิญญาณ พวกมันสามารถจำแลงกายเป็นเงามนุษย์ได้เป็นระยะเวลาอันสั้น รวมไปถึงพลังต่อสู้ที่เพิ่มขึ้นก้าวกระโดด อย่างไร ท่านไม่มีทางฆ่าพวกมันได้ แต่พวกมันสามารถฆ่าท่านได้! นี่แหละคือความน่ากลัวของอสรพิษสายพันธุ์นี้!”

“แล้วข้าควรทำเยี่ยงไร?”

เพราะหากเป็นเฉกเช่นนี้ต่อไป เกรงว่าพลังลมปราณในกายนางจะถูกใช้จ่ายไปจนแห้งเหือดเสียก่อน และบทสรุปสุดท้ายคงได้ไปนอนในท้องอสรพิษ

“อสรพิษพวกนี้ล้วนเป็นตัวปลอมทั้งสิ้น มีเพียงตัวจริงที่เป็นร่างต้นอยู่ตนเดียวเท่านั้นในบรรดาพวกมัน หาให้เจอและสับมันเป็นเจ็ดชิ้น!”

เซียถงชายตามองรอบ แลเห็นอสรพิษหน้ามนุษย์ไม่รู้กี่สิบร้อยตนในขณะนี้ พวกมันล้วนมีใบหน้าเหมือนกันหมด กระทั่งการเคลื่อนไหวเองก็เช่นกันไม่มีตัวไหนดูผิดแผกแตกต่าง แล้วไหนล่ะคือตัวจริง? นอกจากนี้ด้วยขนาดตัวที่ใหญ่ของมัน หากตัวจริงไปแอบอยู่ท้ายหลัง นางเองก็อาดเอื้อมโจมตีไม่ถึงเช่นกัน!

สถานการณ์ฉุกเฉินเช่นนี้ เซียถงจำต้องเรียกหลิวซูมาช่วยอีกแรงแล้ว

“หลิวซู เจ้าอยู่ไหน?”

ทั้งที่ฮูหยินหลี่อยู่ต่อหน้าต่อตาแล้วแท้ๆ แต่เซียถงกลับไม่สามารถสัมผัสได้ถึง ลมหายใจของหลิวซูได้สักนิด ซึ่งสิ่งนี้ทำให้นางอดสงสัยตั้งแต่ทีแรกมิได้แล้ว แต่ในเวลาต่อมา กลับไม่มีเวลาว่างให้สงสัยอันใดอีกต่อไป เมื่อจางจู นักอัญเชิญอสูรระดับเทพอสูร ผู้ครอบครองตราผนึกจักรพรรดิเทวะโดยกำเนิดปรากฏตัวขึ้น!

หลังจากนั้นไม่นาน เซียถงก็สัมผัสได้ถึงเสียงหอบเหนื่อยของหลัวซีดังกึกก้องขึ้นในใจ

“หลิวซู เจ้าอยู่ไหน!”

“อยู่ในพระราชวัง!”

ฟังจากน้ำเสียงของหลิวซูที่สั่นเครือไม่เสถียรปนหอบหายใจหนึ่งส่วน ดูเหมือนว่าตัวมันในตอนนี้กำลังเคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลา มิได้นิ่งเฉยอยู่กับที่

เซียถงได้ยินเช่นนั้นพลันตกใจยิ่ง

“แล้วเจ้าไปทำอะไรในนั้น?”

หลิวซูใช้มือที่จำแลงแปรงเป็นคมกระบี่บินตัดศีรษะหมาป่าตนหนึ่งทิ้งดังฉับ ธารเลือดแดงฉานสาดกระเซ็นไปทั่ว ทั้งยังมีส่วนหนึ่งเปื้อนกระเด็นโดนตัวมัน ผมยาวสลวยสีเงินประกาย ยามนี้ถูกย้อมกลายเป็นสีแดง ทั้งยังมีหยาดเหลวโลหิตหยดลงมาจากปลายผม

“ที่แห่งนี้มีฝูงอสูรหมาป่าอยู่เต็มไปหมด! ไม่รู้ชาตินี้จะหมดจะสิ้นหรือไม่! ข้าเหนื่อยแทบขาดใจอยู่แล้ว! เหอะ! จะว่าไปสามีของเจ้าก็อยู่ที่นี่ด้วย!”

“ไป๋หลี่หานอยู่ที่นี่?”

หลิวซูโดนอสูรหมาป่าตนหนึ่งกระโจนเข้าขย้ำ พร้อมกับอีกหลายตัวที่พุ่งเข้าสมทบรุมใส่ หลิวซูแปลงกายเฉพาะส่วนเป็นคมกระบี่ เข้าบาดปากอสูรหมาป่าเหล่านั้น ขณะเดียวกันมีตนหนึ่งพวยพุ่งประจันใส่หน้า โชคยังดีที่มันยกมือขึ้นตั้งรับได้ถนัดทัน อย่างไรกลิ่นปากอันเหม็นเน่าภายในปากของมันก็ทำเอาเกือบคลื่นไส้อาเจียน หลิวซูทนกลิ่นปากไม่ไหว ถึงกับเบี่ยงหน้าหลบไปด้านหนึ่ง สูดอากาศหายใจเข้าแช่มลึกประคองสติเอาไว้ และในเวลาเดียวกัน ยังต้องติดต่อสื่อสารกับเซียถง