ตอนที่ 587 แผนของหัวหน้าหลู

แม่ปากร้ายยุค​ 80

ตอนที่ 587 แผนของหัวหน้าหลู

หลังจบงานเลี้ยงอาหารขึ้นบ้านใหม่ ทุกคนก็จับกลุ่มพูดคุยกันในห้องนั่งเล่น

เถาจืออวิ๋นแยกไปนั่งอยู่ตรงมุมห้องพลางกระซิบกระซาบกัน

หล่อนถามหลินม่ายว่าควรไปเยี่ยมหัวหน้าหลูสักหน่อยไหม

ใจจริงหล่อนไม่อยากเฉียดกรายเข้าไปใกล้เขาด้วยซ้ำ

ไม่ต้องพูดถึงว่าเขาเป็นอัมพาต ต่อให้เขาล้มตายต่อหน้าต่อตา หล่อนก็ไม่รู้สึกเศร้าเสียใจเลยแม้แต่น้อย

แต่คำถามหนึ่งกลับผุดขึ้นในใจว่าถ้าหล่อนไม่ไปเยี่ยมเขา เพื่อนบ้านในเขตชุมชนโรงงานชุนเหล่ยจะรวมหัวกันติฉินนินทาว่าหล่อนใจจืดใจดำหรือเปล่า?

จากที่แม่หลูพูดก่อนหน้านี้ ดูเหมือนหัวหน้าหลูจะตกบันไดอย่างรุนแรงจนได้รับบาดเจ็บกลายเป็นอัมพาต

ต่อให้เขาสมัครใจยกกล่องไม้นั้นเอง แต่ต้นเหตุที่ทำให้เขาบาดเจ็บก็เป็นเพราะหล่อนจริง ๆ

ถ้าหล่อนไม่แสดงน้ำใจต่อเขาสักหน่อย ไม่รู้ว่าจะมีกี่คนที่กล่าวหาว่าหล่อนเลือดเย็น

ชีวิตคนก็อย่างนี้ ไม่ว่ายังไงก็ไม่สามารถเพิกเฉยต่อชื่อเสียงของตัวเองได้

แต่ในความคิดของหลินม่าย ในเมื่อพวกเธอย้ายบ้านออกมาจากเขตชุมชนโรงงานชุนเหล่ยแล้ว ไม่ว่าเพื่อนบ้านเหล่านั้นจะพูดถึงเรื่องนี้อย่างไรบ้าง หล่อนก็ไม่ได้ยินอยู่ดี

หัวหน้าหลูไม่ควรค่าแก่น้ำใจเล็ก ๆ น้อย ๆ จากหล่อนแม้แต่นิด

หลินม่ายสังหรณ์ใจว่าการพลาดตกบันไดของหัวหน้าหลูไม่ได้เกิดขึ้นโดยบังเอิญ แต่เป็นการจงใจมากกว่า

ตอนแรกเธอยังไม่ค่อยแน่ใจเท่าไหร่ แต่หลังจากหัวหน้าหลูได้รับบาดเจ็บ เขาก็ยืนกรานว่าจะให้เถาจืออวิ๋นรับผิดชอบอยู่ท่าเดียว

นี่ยังไม่รวมการที่แม่ของเขามาสร้างปัญหาถึงหน้าประตู และพยายามบีบบังคับให้เถาจืออวิ๋นแต่งงานกับลูกชายตัวเองต่อหน้าเจ้าหน้าที่ตำรวจ

ทั้งหมดนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า สองแม่ลูกคู่นี้รวมหัวกันจับเถาจืออวิ๋น

แค่สมัครใจช่วยเถาจืออวิ๋นยกกล่องไม้มะฮอกกานี ไม่สามารถทำให้เขาบรรลุเป้าหมายได้

ดังนั้นถ้าเขาทำตัวเองให้บาดเจ็บเพื่อเรียกร้องความรู้สึกผิดจากเถาจืออวิ๋น ไม่ว่าคนส่วนใหญ่ในชุมชนจะมีอคติต่อเขาอย่างไรก็ตาม หากถ้าเขาสามารถกดดันเถาจืออวิ๋นได้ ก็มีความเป็นไปได้สูงที่เถาจืออวิ๋นจะยอมคล้อยตาม

พอลองวิเคราะห์แผนของหัวหน้าหลูดูแล้ว หลินม่ายก็อดรู้สึกกลัวไม่ได้

ผู้ชายสารเลวคนนี้ร้ายกาจไม่น้อยไปกว่าอู่เสี่ยวเจี๋ยนในชาติที่แล้วเลย ไม่ได้ดีเด่ไปกว่าหม่าเทาสามีเก่าของเถาจืออวิ๋นด้วย เพราะแผนการของเขาชั่วร้ายยิ่งกว่า!

หลังจากฟังคำถามของเถาจืออวิ๋นแล้ว หลินม่ายก็นิ่งเงียบไปนา ก่อนจะพูดว่า “ฉันคิดว่าพี่ไม่ควรไปเยี่ยมเขาด้วยตัวเอง ถ้าคนแซ่หลูเห็นหน้าคุณ เขาต้องบีบน้ำตาทำเป็นหมดอาลัยตายอยากแน่ ต่อให้พี่จะไม่รู้สึกสะเทือนใจกับรูปลักษณ์อันเสแสร้งของเขา แต่บุคลากรทางการแพทย์ ผู้ป่วย รวมถึงสมาชิกในครอบครัวของผู้ป่วยในวอร์ดเดียวกันต้องรู้สึกสงสารเขาแน่ อย่าลืมว่าคนเราชอบสงสารเห็นใจคนที่อ่อนแอกว่า ถึงคนคนนั้นจะมีเจตนาร้ายก็ตาม ยิ่งไปกว่านั้น คนแซ่หลูต้องมาตกอยู่ในสภาพนี้ ก็เพราะเขาอยากตามจีบพี่ไม่ใช่เหรอ ไม่งั้นเขาจะมาอาสาช่วยพี่ขนของโดยไม่ได้รับเชิญทำไม เขาจงใจทำให้ตัวเองเจ็บชัด ๆ คนส่วนมากอาจมองว่านี่คือความรักอันยิ่งใหญ่ พวกเขาต้องเอนเอียงไปทางหัวหน้าหลูอยู่แล้ว ถ้าพี่ยังไปเยี่ยมเขาอีก พี่นั่นแหละจะตกเป็นขี้ปากของคนอื่น”

เถาจืออวิ๋นพูดด้วยความลังเล “แต่ถ้าฉันไม่ทำอะไรเลย ฉันก็ไม่พ้นตกเป็นขี้ปากของคนอื่นเหมือนกัน”

“เพราะแบบนี้ ฉันก็เลยแนะนำให้พี่หาซื้ออาหารเสริมแล้วส่งมอบผ่านหัวหน้าโรงงานของเขา ขอให้พวกเขาช่วยส่งต่อไปให้คนแซ่หลู จะได้ดูไม่ไร้มนุษยธรรมจนเกินไป”

เมื่อพูดมาถึงตรงนี้ หลินม่ายก็แค่นเสียงเยาะเย้ย “หัวหน้าหลูจงใจตกบันไดเพื่อให้ตัวเองเจ็บตัว จะได้จับพี่อย่างอยู่หมัด เขาคงไม่คิดไม่ฝันว่าอาการบาดเจ็บจะรุนแรงกว่าที่คาดการณ์ไว้ ในที่สุดเขาก็กลายเป็นอัมพาต ป่านนี้เขาคงกัดลิ้นตัวเองตายแล้วมั้ง”

ในขณะเดียวกัน หัวหน้าหลูอยู่ในห้วงอารมณ์เศร้าเหมือนที่หลินม่ายคาดเดาจริง ๆ เขาเสียใจมากจนอยากย้อนเวลากลับไปก่อนที่ตัวเองจะอาสาช่วยเถาจืออวิ๋นขนของ

เขาโลภอยากได้ภรรยาที่ทั้งสวยทั้งมีความสามารถในหาทำเงินอย่างเถาจืออวิ๋นมาก ถึงขั้นพยายามทำทุกทางเพื่อจับหล่อน

แต่ผลสุดท้าย เขากลับได้รับผลกรรมจากความโลภนั้น ตกอยู่ในภาวะอัมพาตส่วนล่าง…

ตอนนี้เขาได้แต่นอนนิ่งไม่ไหวติงอยู่บนเตียง ต่อให้เขาจะเอามีดไปจ่อคอของเถาจืออวิ๋น ก็เป็นไปไม่ได้ที่หล่อนจะยอมแต่งงานกับเขา

ถึงหัวหน้าหลูจะรู้ดีว่าความปรารถนาของตัวเองคงไร้ประโยชน์แน่แล้ว ถึงอย่างนั้นก็ยังมีความหวังริบหรี่ หวังว่าผู้เป็นแม่จะไปกดดันเถาจืออวิ๋นสำเร็จ และบังคับให้หล่อนแต่งงานกับเขา

เขารู้ดีว่าถ้าคนอย่างแม่ของเขาต้องการจะแบล็กเมล์ใครก็ตาม นางมักจะแบล็กเมล์อีกฝ่ายสำเร็จแทบทุกครั้ง

ทว่าเขาก็ยังเป็นกังวลเล็กน้อย เพราะพี่ชาย พี่สะใภ้ รวมถึงเพื่อนสนิทของเถาจืออวิ๋นล้วนไม่ใช่คนโง่เขลา

เขาไม่รู้เลยว่าแม่ตัวเองมีโอกาสชนะแบบหนึ่งต่อสามหรือเปล่า

เวลาผ่านไปจนถึงบ่ายสามโมงโดยไม่รู้ตัว หัวหน้าหลูเริ่มกระวนกระวายเมื่อเห็นว่าแม่ตัวเองจากไปหลายชั่วโมงแล้ว แต่จนถึงตอนนี้ยังไม่ยอมกลับมา

สิ่งนี้บ่งชี้ถึงลางสังหรณ์ที่ไม่ดีหรือเปล่า?

เขาทำท่าทางลุกลี้ลุกลน เหลือบมองไปทางประตูวอร์ดหลายครั้ง

เวลาผ่านไปนานกว่าครึ่งชั่วโมง ในที่สุดแม่ของเขาก็กลับมาด้วยใบหน้าที่มืดมน

นางพยาบาลที่เพิ่งถ่ายปัสสาวะจากหัวหน้าหลูเสร็จหมาด ๆ แสดงสีหน้าไม่พอใจ หันไปตำหนิแม่หลูว่า “คุณหายไปไหนมา? ลูกชายคุณป่วยเป็นโรคอัมพาตส่วนล่างนะคะ เขาต้องการคนดูแลอย่างใกล้ชิด รออยู่หลายชั่วโมงกลับไม่มีใครมาดูแลเขา พยาบาลอย่างเราเลยต้องช่วยกันประคองเขาให้ปัสสาวะกันเอง”

แม่หลูไปโวยวายอยู่หน้าประตูเพื่อบังคับให้เถาจืออวิ๋นยอมแต่งงานกับลูกชายตัวเอง แต่กลับทำไม่สำเร็จ แถมยังโดนตำรวจคุมตัวไปที่สถานีตำรวจ จนถูกอบรมข้อกฎหมายเป็นเวลาหลายชั่วโมง ทำให้นางรู้สึกโกรธมาก

เมื่อได้ยินนางพยาบาลบ่นไม่หยุดแบบนั้น นางก็ระเบิดอารมณ์ทันที เงื้อฝ่ามือขึ้นตบนางพยาบาลไม่ยั้ง

ระหว่างนั้นก็ดุด่านางพยาบาลไปด้วย บอกว่าหน้าที่ของหล่อนคือการดูแลสวัสดิภาพของผู้ป่วย ถ้าหล่อนไม่เต็มใจทำงั้นก็ลาออกไปซะ!

นางพยาบาลร้องไห้ด้วยความเสียใจ กลับไปบ่นกับหัวหน้าพยาบาล

หัวหน้าพยาบาลจึงเดินเข้ามาในวอร์ดพร้อมกระบองไฟฟ้าและเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยอีกสองคน แล้วสั่งให้พวกเขาจับตัวนางส่งสถานีตำรวจโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง

หัวหน้าหลูยังไม่ทันถามความคืบหน้าเกี่ยวกับเถาจืออวิ๋นจากผู้เป็นแม่ด้วยซ้ำ เขาก็ต้องเฝ้ามองนางถูกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยสองคนหิ้วปีกออกไป

เขาไม่มีนิสัยเหมือนแม่ แต่เป็นคนร้ายลึก ชอบวางแผนเล่นกลโกงลับหลังมากกว่าทำอะไรบุ่มบ่าม

นอกจากเขาจะไม่พยายามแก้ตัวให้แม่ของตัวเองแล้ว เขายังคงขอโทษหัวหน้าพยาบาลและนางพยาบาลคนที่โดนแม่ของเขาตบด้วยความรู้สึกผิด

ตอนแรกหัวหน้าพยาบาลและนางพยาบาลต่างก็ไม่ชอบหน้าแม่ของเขา จนพาลเกลียดเขาไปด้วย

แต่เมื่อเห็นว่าเขาขอโทษด้วยความจริงใจ ความคับแค้นใจเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่มีต่อเขาจึงหายไปอย่างรวดเร็ว ทั้งยังแสดงความเห็นอกเห็นใจเขา บอกว่าเขาโชคร้ายที่ได้มาเกิดเป็นลูกของแม่ไม่ได้เรื่องแบบนั้น

เจ้าหน้าที่ตำรวจในโรงพักคาดไม่ถึงมาก่อนว่าแม่หลูซึ่งเพิ่งได้รับการอบรมข้อกฎหมายจากพวกเขาและจากไปได้ไม่นาน จะถูกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของโรงพยาบาลผู่จี้หิ้วปีกกลับมาอีกครั้ง

หญิงชราคนนี้คงคิดว่าสถานีตำรวจมีข้าวมีที่พักให้ฟรี ๆ สินะ ถึงกระทำความผิดครั้งแล้วครั้งเล่าเพราะหวังสวัสดิการจากพวกเขา?

งั้นก็สนองความต้องการของนางเถอะ

นายตำรวจที่ดูแลคดีของแม่หลูจัดสรรแพ็คเกจขังเจ็ดวันให้นางทันที เพื่อที่นางจะได้กินดื่มอยู่ในศูนย์กักกันจนพอใจ

เมื่อแม่หลูได้ยินว่าตัวเองจะถูกคุมขังเป็นเวลาเจ็ดวัน นางก็รู้สึกหวาดกลัวจนน้ำตาไหล

รีบอ้างว่าตัวเองต้องกลับไปดูแลลูกชายที่นอนป่วยเป็นอัมพาตส่วนล่าง ไม่สามารถอยู่ในห้องขังได้จริง ๆ

เมื่อเห็นว่านางร้องไห้ฟูมฟายอย่างน่าสมเพช อีกทั้งสิ่งที่พูดมาก็เป็นความจริง นายตำรวจที่ดูแลคดีนี้จึงต้องรายงานสถานการณ์ของนางต่อผู้บังคับบัญชา

ผู้บังคับบัญชาจึงใช้มาตรการพิเศษ จับแม่หลูมานั่งอบรมข้อกฎหมายอีกครั้ง ก่อนจะปล่อยให้นางกลับไปดูแลลูกชายที่ป่วยเป็นอัมพาตส่วนล่าง

ลูกชายนางออกจากโรงพยาบาลเมื่อใด นางต้องกลับมาที่สถานีตำรวจเพื่อรับโทษกักขังให้ครบเจ็ดวัน

แม่หลูแทบอยากร้องไห้ ตอนแรกนางคิดว่าตราบใดที่ตัวเองบีบน้ำตาหนัก ๆ และอ้อนวอนอย่างน่าสังเวช ก็สามารถหลีกเลี่ยงการคุมขังได้แล้ว ไม่คาดคิดว่าสถานีตำรวจแค่ตัดสินเลื่อนเวลาการคุมขังออกไปเท่านั้น

แม่หลูกลับมาที่โรงพยาบาลด้วยความโกรธอีกครั้ง หัวหน้าหลูรีบถามอย่างไม่สบอารมณ์ว่าได้อะไรจากการบุกไปหาเถาจืออวิ๋นถึงบ้านบ้าง

แม่หลูเล่าเรื่องทั้งหมดให้เขาฟังด้วยสีหน้าราบเรียบเหมือนคนตาย

หัวหน้าหลูรู้สึกท้อแท้มากเมื่อได้ยินแบบนั้น รู้ตัวว่าตัวเองกับเถาจืออวิ๋นคงไม่มีวันลงเอยกันได้แน่แล้ว

เขาได้แต่นอนอยู่บนเตียงอย่างเงียบ ๆ เริ่มคิดคำนวณว่าเขาจะเรียกร้องผลประโยชน์จากเถาจืออวิ๋นให้ได้มากที่สุดด้วยวิธีไหนดี

ในเมื่อไม่มีวันตบแต่งเป็นสามีภรรยากันได้แล้ว ถ้าอย่างนั้นขอแค่เงินค่าชดเชยก็ยังดี

อย่างน้อยผู้หญิงแซ่เถาก็ควรจ่ายค่ารักษาพยาบาลให้เขา ไม่งั้นชีวิตของเขาคงจบเห่กันคราวนี้

ขณะที่เขากำลังครุ่นคิดอยู่นั้น หัวหน้าโรงงานพร้อมด้วยลูกน้องหลายคนก็เดินเข้ามาในวอร์ดพร้อมกับชายคนหนึ่ง

เขาจำผู้ชายคนนั้นได้ เขาคนนี้อยู่ที่บ้านของเถาจืออวิ๋นเมื่อเช้า แถมยังพูดคุยและหัวเราะกับเถาจืออวิ๋นอย่างสนิทสนม

ชายคนนั้นไม่ใช่ใครอื่นนอกจากหลิวหย่งเจียง

ทันทีที่เขารู้ว่าเถาจืออวิ๋นคิดจะซื้ออาหารเสริม และขอให้หัวหน้าโรงงานตัดเสื้อชุนเหล่ยเอาของพวกนี้ไปมอบให้หัวหน้าหลูอีกทอดหนึ่งเพื่อแสดงความมีมนุษยธรรม เขาจึงอาสาไปกับพวกเขาในฐานะแฟนหนุ่ม

เขาออกตัวว่าเขาแค่แสร้งสวมบทบาทเป็นแฟนของหล่อนเท่านั้น หลังจากจบเรื่องก็จะไม่ทำอะไรแบบนี้อีก

พ่อ แม่ พี่ชาย และพี่สะใภ้ของเถาจืออวิ๋นต่างสนับสนุนให้เขาสวมบทบาทได้อย่างเต็มที่ เถาจืออวิ๋นจึงรู้สึกโล่งใจ ทำให้ตอนนี้เขาได้มาปรากฏตัวอยู่ในวอร์ดของหัวหน้าหลู พร้อมกับหัวหน้าโรงงานตัดเสื้อชุนเหล่ย

………………………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

โอ้ อะไรจะแม่นขนาดนี้ แปลตอนที่แล้วขอให้ยัยป้าโดนขังเจ็ดวัน แล้วก็ได้อย่างที่คิดจริงๆ

ไหหม่า(海馬)